นิยาย
บ่วงสวาททาสหัวใจ
ไตรทศไม่ชอบหน้าเขมิกาเด็กน้อยที่คนเป็นพ่อพาเข้ามาในบ้าน เพียงเพราะกลัวว่าเธอจะมาแย่งความรักจากคนเป็นพ่อไป เมื่อโตขึ้น เขาก็ยิ่งเกลียดเธฮมากขึ้นตามกาลเวลา เพราะรู้สึกว่าหญิงสาวกำลังอยากจะได้ตำแหน่งแม่เลี้ยงของเขาไปครอบครอง +++++++++ “เลิกมายุ่งกับผมได้ไหม” “ไม่ได้ค่ะ คุณลุงบอกเสมอว่า ถ้าเมื่อไหร่ท่านไม่อยู่ ขวัญต้องดูแลพี่ไตรดีๆ อย่างวันนี้ ถ้าขวัญไม่มา พี่จะกินข้าวหรือเปล่าก็รู้ สั่งมาก็วางทิ้งเอาไว้ไม่ยอมกิน ใช่ไหมล่ะคะ” “อย่ามาทำตัวเป็นแม่เลี้ยงผมหน่อยเลย เพราะพ่อก็ตายไปแล้ว บทบาทนั้นผมไม่ต้องการ” ไตรทศพูดเสียงลอดไรฟัน เรื่องความสัมพันธ์ของพ่อกับเขมิกา เขาเคยสงสัยมานาน จนตราบเท่าทุกวันนี้ความสงสัยนั้นก็ไม่ได้รับการคลี่คลาย เพราะเขมิกาชอบเข้าออกนอกในห้องของพ่อเขาตอนดึกๆ ดื่นๆ แทบทุกวัน แม้ท่านและหญิงสาวจะปฏิเสธมาตลอด แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขาเชื่อได้เลยสักครั้ง “งั้นฉันขอบทบาทอื่นได้ไหมล่ะคะ” ไม่พูดเปล่าเขมิกายังลุกขึ้นแล้วเดินไปนั่งลงบนตักของไตรทศ ใช้มือทั้งสองลูบแก้มแล้วไล้มาที่ริมฝีปาก ที่นับวันยิ่งด่าได้เจ็บและแสบสัน “อยากได้บทบาทนางบำเรอหรือไง” ชายหนุ่มถามพลางกดยิ้มหยัด เขมิกาชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะปรับสีหน้าแล้วฉีกยิ้มหวานยั่วยวน “อยากลองดูหน่อยไหมล่ะคะ” คำพูดท้าทายนั้น ทำให้ไตรทศถึงกับหมดความอดทน ยกร่างบอบบางนั้นขึ้นไปนั่งบนโต๊ะ แล้วบดจูบริมฝีปากอวบอิ่มที่มักจะคอยพูดจายั่วยวนหรือยั่วโมโหเขาบ่อยๆ
ขอบคุณที่ทิ้งกัน
เธอโดนแฟนของเขาแย่งคนรัก ทั้งคู่จึงหันมาคบ (กิน) กันเอง ถึงได้รู้ว่าเข้ากันได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ และเมื่อแฟนเก่าของชายหนุ่มอยากจะมาเอาคืน ก็ฝันไปเถอะ.... “เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย แล้วนี่คุณมาทำอะไรที่นี่ ลุกเร็ว” ชายหนุ่มที่ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันรอบเอวเอาไว้เดินเข้าไปพยุงร่างบางที่นอนอยู่บนพื้นห้อง “ไม่อ้าว...เย็นๆ ๆ ฉันชอบ จะนอนตรงนี้” “ไม่ได้ เดี๋ยวผมพาคุณกลับห้อง” ชายหนุ่มบอกแล้วลุกขึ้นจะผละออกไปใส่เสื้อผ้า แต่ในขณะนั้นเอง คนที่นอนอยู่บนพื้นก็ยื่นมือมาคว้าแล้วดึงชายผ้าเช็ดตัว เป็นผลให้มันหลุดติดมือของเธอไปอย่างไม่ตั้งใจ “เฮ้ย! ” ทีปต์พยายามตะครุบแต่ไม่ทันเสียแล้ว เขารีบนั่งลงตามสัญชาตญาณ “ขอผ้าเช็ดตัวคืนด้วยครับ” ชยานีมองหน้าคนขอแล้วยิ้มตาปรือ นอกจากไม่คืนแล้วเธอยังคลานเข้าไปผลักร่างสูงที่นั่งคุกเข่าอยู่ให้นั่งลงกับพื้น “คุณอายเหรอ” เธอถามพลางใช้มือลูบไล้แผงอกเปลือยเปล่า “พะ...พอเถอะคุณเมามากเกินไปแล้ว” ทีปย์ห้ามหญิงสาวเสียงสั่นพร้อมกับตะครุบมือของเธอเอาไว้ไม่ให้ซุกซนมากไปกว่านี้ “อยากให้พอจริงเหรอคะ ดูสิตรงนี้คุณมันสู้แล้วนะ” ชยานีที่ไม่มีสติสัมปชัญญะถามเสียงกลั้วหัวเราะเมื่อบางอย่างกลางลำตัวของเขามันกำลังชี้หน้าเธออยู่ “ก็คุณเล่นลูบซะขนาดนี้” ทีปย์รีบเอามือบังอย่างเขินๆ นอกจากแฟนแล้วเขาก็ยังไม่เคยแก้ผ้าต่อหน้าผู้หญิงอื่นเลย “ไหนๆ ตอนนี้พวกเราก็โสด เรามาเล่นอะไรๆ สนุกๆ กันไหม” ชยานีชักชวนพลางทำสีหน้ายั่วยวนอีกฝ่ายสุดฤทธิ์ “อย่าเลย” หากแต่ชายหนุ่มกลับปฏิเสธด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้หนักแน่นเลยสักนิด “ทำไมคะ พวกเขาทำได้ ทำไมพวกเราจะทำไม่ได้” ว่าแล้วชยานีก็ก้มลงใช้ปากครอบครองความแข็งแกร่งของทีปต์ที่เตรียมพร้อมใช้งานอย่างไม่ลังเล เหมือนกับบังคับทางอ้อม คือทนได้ก็ทนไป
โอนรักใส่บัญชีใจ
จู่ๆ ก็มีเงินห้าหมื่นมานอนอยู่ในบัญชีของ'กัญชรส'สาวห้าวบ้านิยายที่ตกงานแถมยังถังแตก แน่นอนเธอกดมันมาปลดหนี้ให้ตัวเองแต่ปัญหาก็ดันมาเกิดเมื่อหนุ่มหล่อเจ้าของเงินอย่าง'อิงครัต'มาทวงเงินที่โอนผิดนั้นคืน +++++ “แต่ว่า...ตอนนี้ฉันยังตกงานอยู่เลย เรื่องเงินสามหมื่นที่ว่าจะคืน...ฉันขอเวลาหน่อยได้ไหมคะ” ชายหนุ่มเริ่มชักสีหน้า แววจะไม่ได้เงินส่วนนี้คืนเห็นอยู่รำไร จะยกให้เลยก็ใช่ที่ เพราะเขาก็ไม่ได้ร่ำรวยมากจากไหน เงินสามหมื่นกว่าจะได้มามันก็ไม่ใช่ง่ายๆ “นานแค่ไหน” “ก็จนกว่าฉันจะได้งานน่ะค่ะ” และในชั่วขณะนั้นเอง หางตาของกัญชรสก็เหลือบไปเห็นป้ายประกาศรับสมัครงานติดอยู่ตรงหน้าอู่ ซึ่งมันก็ทำให้นัยน์ตาของหญิงสาวเป็นประกายขึ้นมาทันที “หรือไม่อย่างนั้นคุณก็รับฉันเข้าทำงานที่นี่เลยสิคะ อู่ของคุณเปิดรับอยู่ไม่ใช่เหรอนั่นฉันเห็น” นิ้วเรียวชี้ไปที่กระดาษปิดประกาศ ที่เพิ่งจะถูกนำมาติดเมื่อเช้านี้เอง ด้านอิงครัตรีบหันขวับไปมองตามแล้วก็ต้องร้องเสียงหลง “เฮ๊ย! ไม่ได้ คุณเดินเข้าไปอ่านตำแหน่งที่ผมเปิดรับชัดๆ หรือยัง อู่ผมไม่ได้เปิดรับพนักงานบัญชี พนักงานทำเอกสาร หรือว่าแม่บ้านนะ” “มันไม่ได้ไกลมาก ตัวหนังสือก็ใหญ่เบ้อเริ่มเทิ่มซะขนาดนั้น และที่สำคัญสายตาฉันดีพอ นั่งอยู่ตรงนี้ฉันก็อ่านออกว่าคุณรับสมัครผู้ช่วยช่าง” “นั่นไง คุณเข้าใจแล้วใช่ไหมว่า คุณเป็นผู้หญิงสมัครไม่ได้หรอก ไปหางานอย่างอื่นทำดีกว่า เรื่องเงินผมรอได้” อิงครัตแนะนำอย่างใจกว้าง ตอนนี้รู้สึกเห็นใจผู้หญิงตัวเล็กๆ ตรงหน้าไม่น้อย ที่คงจะอยากได้งานเพื่อเอาเงินมาคืนเขามาก จนต้องออกปากขอทำงานผู้ช่วยช่าง ที่เป็นงานของคนที่ต้องเรียนด้านนี้มาหรือไม่ก็ชื่นชอบอยากหาประสบการณ์ ซึ่งก็เป็นผู้ชาย ดังนั้นเพื่อลดความกดดัน เขาจึงไม่อยากเร่งรัดเรื่องเงินที่หญิงสาวเอาไปใช้ แต่ดูเหมือนความหวังดีของเขาจะถูกปฏิเสธ เมื่อได้ยินอีกฝ่ายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น อิงครัตแทบอยากจะเอาหัวโขกโต๊ะให้กับความดื้อดึงของหญิงสาวมาดทอมบอยคนนี้ ให้รู้แล้วรู้รอดไป “ไม่ค่ะ! ฉันยังยืนยันที่จะสมัครเป็นผู้ช่วยช่างที่อู่ของคุณ”
คุณพ่อหนูโสดโปรดจีบเถอะค่ะ
ณิชานันท์คือครูอนุบาลที่โสดและโสดมานาน นานจนเธอเองก็งงว่าทำไมถึงโสดมาจนทุกวันนี้ ทั้งที่ก็สวยและรวยมากอยู่นะ แต่จู่ๆ โชคชะตาก็เล่นตลก ส่งลูกศิษย์ตัวน้อยมาทาบทามว่า "ครูมาเป็นแฟนกับพ่อหนูไหมคะ" +++++++ "อะไร ตัวแค่นี้คิดจะเป็นแม่สื่อเหรอเรา" "แม่สื่อ?" เด็กน้อยเอียงหน้ามองพ่อ "คิวปิด" พอบอกแบบนี้เด็กน้อยก็ตาเป็นประกายพยักหน้าหงึกหงัก เพราะเคยเห็นในการ์ตูนและรู้ว่ามันถือลูกศรยิงให้คนรักกัน "อ้อ ก็หนูชอบครูณิชานี่คะ" "แล้วครูคนอื่นล่ะ" "ก็ชอบ แต่น้อยกว่าครูณิชาค่ะ" "ทำไมกันนะ" ตุลาชวนลูกสาวคุยไปเรื่อยอย่างที่ชอบทำเป็นปกติอยู่แล้ว จริงๆ เรื่องครูณิชาก็บ่นให้เขาฟังตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ไปแล้วหนึ่งรอบ "เพราะครูณิชาตลก สวย ใจดี เหมือนนางฟ้าเลยค่ะ" "ขนาดนั้นเลย" "ค่ะขนาดนั้นเลย หนูอยากได้" หนูน้อยกอดอกเอียงหน้ามองพ่อพร้อมกับทำแก้มป่องๆ "อยากได้อะไรครับ" "อยากได้คุณครูณิชามาเป็นแม่ค่ะ"
รับรักฉันเถอะ
มารีญา ต้องหาใครสักคนมาแต่งงานด้วยไม่อย่างนั้นเธอได้โดนพ่อจับคลุมถุงชนแน่ และผู้ชายโชคร้าย เอ๊ย! โชคดีคนนั้นก็จะใครล่ะ? ถ้าไม่ใช่เพื่อนพี่ชายสุดหล่อที่ถูกตาเตะใจให้กระเด็นกระดอนตั้งแต่แรกเห็น มาเถอะพี่มาเป็นสามีฉัน... ชลธี ต้องการเงินเพราะน้องชายยักยอกเงินบริษัทไปเกือบสิบล้าน แล้วเขาจะหามันจากที่ไหนล่ะ? ไปขอยืมเพื่อน แต่น้องสาวเพื่อนกลับยื่นข้อเสนอและเงื่อนไขแปลกๆ มาให้ อยากได้เงินก็ต้องแต่งงาน... .................... “แบม...” “ค่ะ...คะ” “อยากทำเหมือนคู่แต่งงานอื่นเขาทำจังเลย” “ทะ...ทำอะไรคะ” ชลธียื่นหน้ามาจูบที่ปากของหญิงสาวเบาๆ แล้วมองใบหน้าสวยนั้นด้วยสายตากรุ้มกริ่ม “คิดว่าคืนเข้าหอบ่าวสาวเขาทำอะไรกันล่ะ แต่เราแต่งแบบมีเงื่อนไข เลยไม่กล้า...” พูดยังไม่ทันจะจบประโยคดี ปากของเขาก็ถูกเจ้าสาวคนสวยครอบครอง “ถ้าพี่ไม่กล้า มาค่ะน้องจะเป็นคนเริ่มเอง” มารีญายิ้มใส่ดวงตาคมที่ดูหวั่นไหวแล้วก้มลงจูบริมฝีปากหนานั้นเบาๆ ชลธีเปิดปากรับแล้วจูบตอบด้วยความเร่าร้อน “พี่ไม่หยุดแล้วนะ” “แล้วใครบอกให้พี่หยุดล่ะคะ” ……………………. “พอเมาพี่ก็หื่น” “แบมไม่ชอบ...” “ชอบต่างหากล่ะ พี่ดูเป็นตัวของตัวเองดี มีอะไรก็ปลดปล่อยไม่เก็บเอาไว้คนเดียว” “อย่างนั้นเหรอ แล้วตอนนี้รู้ไหมว่าพี่อยากปลดปล่อยอะไร” “ปลดปล่อยอะไรคะ” “ปลดปล่อยอารมณ์ให้ทำตามที่ใจต้องการไง...” “ก็ทำสิคะ รออะไร” “รอเราอนุญาตไง” มารีญาพลิกตัวขึ้นคร่อมแล้วเป็นฝ่ายเริ่มจูบอย่างดูดดื่มก่อน เมื่อผละออกมาเธอก็ยิ้มยั่วใส่ตาเขาพร้อมกับค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าของตัวเองออก “ทำแบบนี้ดูออกไหมคะว่าอนุญาตหรือยัง” “ถ้ายั่วขนาดนี้ไม่อนุญาตพี่ก็จะทำ”
แค่รักก็เพียงพอ
ยลดา เด็กกำพร้าที่ถูกป้าเอามาเลี้ยงแบบส่งๆ รู้ตัวเองดีว่าเป็นที่รังเกียจจึงโดนใช้งานสารพัด แต่ก็ใช้มาเถอะ เธอทำได้หมดแหละ และใครจะรู้ว่าการถูกจิกหัวใช้ ตั้งแต่เล็กจนโตมันจะมีประโยชน์ เมื่อเธอถูกโยนให้ไปดูแล ชายหนุ่มที่ประสบอุบัติเหตุจนเดินไม่ได้อย่าง ธาวิน ที่หล่อโคตร รวยโคตร แต่อารมณ์ร้ายโคตร ด่ากราดทุกคน ไม่มีไว้หน้า แต่การทำแบบนั้นใช้ได้ผลกับแค่คนอื่น แต่กับเธอน่ะ ก็มาสิคะ ฉันนี่แหละที่รองรับอารมณ์ของคนทั้งโลก! ถ้าเอาไม่อยู่อย่าเรียกตรูว่า ‘ยลดา’ “ผมชอบคุณได้ไหม” “ชะ...ชอบฉัน...ชอบฉัน คุณชอบฉันเหรอคะ” ถามเสียงแผ่วยกมือทั้งสองปิดปากและแก้มที่มันร้อนผ่าวและคงแดงก่ำจนน่าอายของตัวเองอีกครั้ง “อื้อ” ธาวินพยักหน้ายอมรับเขินๆ “ใจคุณเต้นแรงมาก” เพราะตอนนี้เธออยู่ในอ้อมกอดของเขา สัมผัสได้เลยว่าไม่ใช่แค่เธอที่กำลังตื่นเต้นกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ เขาเองก็ไม่ต่างกัน “ผมไม่เคยสารภาพรักใคร” ยลดาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างเอ็นดูท่าทางของผู้ชายตัวโตตรงหน้า “คุณน่ารักจัง ต่างจากวันแรกที่เราเจอกันมากๆ เลยค่ะ” “น่ารักก็รับรักผมสิครับ”
มนตราวายสะ
เขาโดนทำร้ายจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด และได้เด็กน้อยวัยแค่สิบสองขวบช่วยชีวิตเอาไว้ ก่อนจากไปด้วยเกียรติของหัวหน้าเผ่าอีกาเขาทำการตีตราจองและสัญญาว่าจะกลับมารับเธอไปเป็นเจ้าสาวของเขาแน่นอน ใครก็ห้ามแย่ง “คุณเป็นของผม” วายสะที่จำใจถอนจูบออกมากระซิบเสียงพร่าชิดริมฝีปากอิ่มที่ดูบวมนิด ๆ จากฤทธิ์จูบ สกุณาที่หายใจหอบลืมตาขึ้นอย่างตกใจ ทั้งจากคำพูดของวายสะและตัวเองที่เผลอโอนอ่อนผ่อนตามเขาไป ก็ต้องหน้าร้อนผะผ่าวเมื่อสบเข้ากับนัยน์ตาสีรัตติกาล จะเบือนหน้าหนีก็ไม่ได้เมื่อใบหน้าของเธอตอนนี้นั้นถูกตรึงด้วยมือใหญ่ ดังนั้นสิ่งที่พอทำแก้เขินได้คือการหลุบตาหลบเท่านั้น “เราเพิ่งเจอกัน ฉันจะไปเป็นของคุณได้ยังไง” หญิงสาวแย้งเสียงแผ่ว “ผมจะกลับล่ะ” วายสะไม่ตอบแต่เลือกที่ปล่อยหญิงสาวและหยิบเสื้อสูทที่พาดไว้บนพนักโซฟา ก่อนเดินออกจากห้องเขาก็ไม่ลืมที่จะหันไปยิ้มให้หญิงสาวที่ยืนมองเขาตาละห้อย “อย่ามองผมด้วยสายตาอย่างนั้น ไม่งั้นคืนนี้ผมจะนอนเป็นเพื่อนคุณจริง ๆ ด้วย” “ฉันไม่ได้เสียดายซะหน่อย จะกลับก็กลับสิ” คนร้อนตัว ไม่รู้ตัวเลยว่าเผลอพูดความในใจออกไปเสียแล้ว นั่นทำให้วายสะถึงกับเปิดยิ้มกว้าง อดที่จะก้มลงไปจูบ คนปากกับใจไม่ตรงกันเบา ๆ ไปทีหนึ่ง “ฝันดี พรุ่งนี้ผมจะมารับ” ชายหนุ่มบอกหลังจากผละออกจากริมฝีปากอิ่มนั้นอย่างเสียดายนิด ๆ แต่ก็ต้องยอมตัดใจ เพราะมากกว่านี้เขานี่แหละจะอดใจไม่ไหว “เดี๋ยวสิคะ” เธอดึงชายเสื้อเขาเอาไว้ ขณะที่อีกมือหนึ่งก็เผลอลูบปากที่เพิ่งโดนจูบ “ไม่มีเจ้าอีกาแล้ว ฉันไปเองได้ค่ะ” “ผมไปส่งคุณ ไม่ได้ไปส่งเจ้าอีกา” “แต่ว่า...” หญิงสาวคิดจะแย้ง เพราะเกรงใจ แต่ก็รีบหุบปากฉับเมื่อได้ยินประโยคต่อมาของชายหนุ่ม “ขัดขึ้นอีกทีผมจะไม่กลับแล้วนะ” “ค่ะ” “ค่ะนี่คือ...” วายสะเลิกคิ้ว ใช้มือค้ำพนักโซฟายื่นหน้าเข้าจนเกือบชิดคนที่เขาถามยิ้ม ๆ “คุณกลับไปได้แล้วค่ะ” เพียงเท่านั้นวายสะก็กดจูบที่หน้าผากมนนั้นเบา ๆ เป็นการส่งท้าย แล้วเดินออกจากห้องไปอย่างว่าง่าย นั่นทำให้สกุณาที่ใจเต้นแรงแทบระเบิดถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “ฮู่ว์...” แล้วยกมือลูบหน้าลูบตาของตัวเอง ราวกับเรียกสติที่เหลืออยู่ให้กลับมาให้หมด พร้อมกับบ่นพึมพำ “บ้าไปแล้ว เจอแค่ไม่กี่วันโดนปล้นจูบไปละ ถ้านานกว่านี้สงสัยฉันจะโดนปล้นหมดตัวแน่” รวมไปถึงหัวใจด้วย...
วิวาห์เลี้ยงเดี่ยว
มัตสยาตกใจเขาแทบทรุด ที่จู่ ๆ ท่านประธานสุดหล่อผู้ไม่สนใจผู้หญิงก็มาขอเลขาแม่หม้ายลูกติดอย่างเธอแต่งงาน “เฮ้อ! คุณนี่นะ ดื้อจริง ๆ” วาทีถอนหายใจแล้วจับหญิงสาวให้หมุนตัวมาเผชิญหน้ากัน และด้วยความที่เพิ่งตื่นทำให้มัตสยายกมือขึ้นบังหน้าตัวเอง มองลอดผ่านระหว่างนิ้วก็เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังกลั้นขำอยู่ เลยอดไม่ได้ที่จะถามเสียงเขียว “อะ อะไรคะ” “ผมเพิ่งรู้นะว่านอนแล้วตื่นขึ้นมาเจอใครสักคนแบบนี้มันก็รู้สึกดีเหมือนกัน” ชายหนุ่มว่าพลางกอดกระชับร่างสมส่วนที่นอนตัวแข็งทื่อ “ไม่เชื่อหรอกค่ะว่าไม่เคยตื่นแล้วมาเจอผู้หญิงบนเตียงน่ะ” มัตสยาไม่รู้ตัวเลยว่าน้ำเสียงเง้างอดที่พูดออกไปนั้นมันทำเอาวาทีถึงกับหลุดยิ้มออกมา “หึงเหรอ” “ไม่ใช่ค่ะ” มัตสยาลดมือลงพร้อมกับปฏิเสธเสียงสูง วาทีเห็นความลนลานนั้นแล้วอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ “แต่มันคนละความรู้สึกนี่ อดีตแก้ไขไม่ได้ แต่ปัจจุบันกับอนาคตผมกำหนดมันได้นะ ว่าที่ตรงนี้จะให้ใครอยู่” ชายหนุ่มยกนิ้วขึ้นจิ้มหน้าผากคนที่อยู่ในอ้อมแขนของตัวเองเบา ๆ “เห็นตอนทำงานเนิ่ง ๆ เงียบ ๆ ปากหวานใช่เล่นนะคะ” “ชิมดูไหมล่ะ” “หื้อ” มัตสยาส่ายหน้าปฏิเสธอย่างไว ใจเต้นรัวราวกับจะทะลุออกมานอกอก และแทบกลั้นใจตายเมื่อชายหนุ่มคะยั้นคะยอ “น่าชิมหน่อยเถอะ” “ไม่เอาค่ะเกรงใจ” มัตสยาคิดว่าตัวเองปฏิเสธเสียงหนักแน่น ทว่าจริง ๆ แล้วมันทั้งสั่นและแผ่วเบา “คนกันเองเกรงใจทำไม อีกอย่างผมเต็มใจนะ” วาทีกระซิบที่ข้างใบหู ทำเอามัตสยาถึงกับขนลุกซู่ “ไม่เอาค่ะ มัทยังไม่ได้แปรงฟันเลย” “ผมไม่ถือ” วาทีดึงมือที่ปิดปากตัวเองของมัตสยาออกแล้วออกแรงเพียงเล็กน้อยดึงหญิงสาวเขามาชิดขึ้นกว่าเดิม แล้วใช้ปากประทับลงบนปากเม้มเอาไว้แน่น เพียงเท่านั้นมันก็คลายออกให้เธอได้พิสูจน์ความหวานจากปากของเขาว่าจริงเท็จแค่ไหน แม้จะไม่ใช่เด็กสาวไร้เดียงสาแค่เรื่องจูบมัตสยาผ่านมันมาแล้ว คิดเอาไว้ว่าถ้าโดนจริง คงพอรับมือได้ ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนั้น เธอไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เลย อ่อนระทวยกับสัมผัสและจุมพิตที่ชายหนุ่มมอบให้ จนเคลิบเคลิ้มตอบสนองกลับตามที่เขานำพา “อยากไปต่อไหม” มัตสยาพยักหน้า ก่อนจะเบิกตากว้างแล้วรีบส่ายหน้าพร้อมกับยกมือกุมแก้มที่ร้อนผ่าวของตัวเองอย่างเขินอายที่ร่างกายเผลอไปตอบรับเขาเสียอย่างนั้น “ซื่อสัตย์กับตัวเองหน่อยสิ” วาทีบอกเสียงกลั้วหัวเราะ ขยับตัวลุกขึ้นแล้วก้มลงจูบที่มุมปากของหญิงสาวเบา ๆ “แต่วันนี้ไม่ได้หรอก บอกแล้วไงผมไม่ทำเรื่องแบบนั้นต่อหน้าเด็ก และที่สำคัญไว้เราแต่งงานกันก่อนดีกว่า ฉะนั้นถ้าอยากกินผมก็แต่งงานกับผมซะ”
รักมะรุมมะตุ้มอ้ายหนุ่มบ้านไร่
กรรณิกาแอบหลงรักพี่ชายข้างบ้านอย่างธนาธิปมานาน ตอนเขาอกหักก็ได้แต่ปลอบ และด้วยความที่ชายหนุ่มค่อนข้างบ้างาน วัน ๆ หมกตัวอยู่แต่ในฟาร์ม ไม่ออกไปไหน ยังไง ๆ คนคนนี้ก็เสร็จเธอแน่นอน ทว่าในเวลาต่อมาคู่แข่งกลับปรากฏตัวมาถึงสองคน... คนแรกเป็นเด็กมหาลัยวัยขบเผาะ น่ารักสดใส มนุษยสัมพันธ์ดี คนสอง สวยหวาน เรียบร้อย งานบ้านงานเรือนเป็นเลิศ ที่สำคัญอยู่ชายคาเดียวกับชายหนุ่มอีกด้วย แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังมั่นใจว่า ถึงงานบ้านงานเรือนของเธอจะติดลบ แต่ความสวย ความถึกอึดทน และความสายเปย์ของเธอที่ไม่เป็นสองรองใคร จะทำให้เป็นผู้ชนะในแมตนี้แน่นอน... “พี่เซนต์...” ธนาธิปหันไปมองเล็กน้อยก่อนจะเร่งจดในสิ่งที่จำเป็นจนเสร็จจึงหันมาคุยกับคนที่ยืนเหนือยหอบ “อะไรวิ่งหน้าตาตื่นมาเชียว” “เมื่อกี้ป้าหลงมาที่บ้านเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้ฟัง จริงเหรอคะ” กรรณิกาถามด้วยหน้าตาตื่นเต้นระคนอยากรู้อยากเห็น “เรื่องอะไรล่ะ” ธนาธิปแกล้งย้อนถามแล้วเดินนำหญิงสาวไปที่รถของตัวเอง ก่อนจะตักน้ำเย็น ๆ ในกระติกให้หญิงสาวดื่มแก้กระหาย “ก็เรื่องที่จิ๊กมันมาบุกปล้ำพี่ถึงที่บ้านน่ะสิ” กรรณิกาพูดต่อหลังจากที่ดื่มน้ำจนอิ่มและยื่นแก้วเปล่าคืนให้กับชายหนุ่ม “เมาหนักน่ะเลยทำอะไรไม่คิด” ธนาธิปพูดสั้น ๆ เพราะคิดว่าหญิงสาวคงได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากคนเป็นแม่ไปแล้ว “นั่นสิถ้าคิดคงไม่แห้วแบบนี้” กรรณิกาส่ายหน้าให้กับการกระทำที่เหมือนจะอ่อนด้อยของดารินทร์ “ทำไมจะไม่แห้ว” ธนาธิปหรี่ตามอง คนที่ตอนนี้ที่กำลังกอดอกเชิดหน้าราวกับเป็นกูรูในเรื่องแบบนี้ “ถ้าเป็นดรีมนะ...” กรรณิกาพูดยังไม่ทันจบ ธนาธิปก็ถามแทรกขึ้น “จะทำยังไง” “จะล่อลวงพี่ไปที่บ้าน จากนั้นก็จะมอมเหล้าให้เมา แล้วลากขึ้นไปกินบนห้องเลย”
หัวใจตกคาน
"สวัสดีครับผมเป็นลูกชายของแม่นะครับ" ละอองดาวถึงกับตกใจ จู่ ๆ ก็มีเด็กผู้ชายแปลกหน้ามาบอกว่าเป็นลูกชายของเธอ มันจะเป็นไปได้ยังไง ในเมื่อเธอยังไม่มีแม้แต่แฟน เรื่องมีลูกมันเป็นไปไม่ได้ “อ้าว ทำไมไม่นอน อย่าบอกน่ะว่ารอผมน่ะ” วาโยเดินเข้าไปทักคนเป็นภรรยายิ้ม ๆ “ค่ะ” ละอองดาวมองท่อนบนที่เปล่าเปลือยของสามีตาปริบ ๆ แม้จะอายแต่รู้สึกว่ามันละสายตาไม่ได้ กล้ามเนื้อผู้ชายที่มีหยดน้ำเกาะพราวนี้มันเซ็กซี่ดีจริง ๆ หุ่นก็ดี หน้าตาก็หล่อ เขาเป็นสามีของเธอจริง ๆ เหรอเนี่ย คู่ควรกับการขึ้นคานรอมานานจริง ๆ ให้ตายสิถึงจะได้มาแบบฟลุ๊ค ๆ ก็เถอะ “อยากทำอย่างว่าเหรอ” วาโยยืนถามเสียงกลั้วหัวเราะกับการมองเขาตาปรอยของอีกฝ่าย “ค่ะ เอ๊ย! ไม่ใช่ ๆ ฉันแค่จะบอกว่าคุณนอนฝั่งนั้นฉันนอนฝั่งนี้ไม่ก้าวก่ายกันโอเคไหม แค่นี้แหละ” ละอองดาวพูดจบก็ทิ้งตัวลงนอนดึงผ้าห่มคลุมโปงตบปากตัวเองรัว ๆ ที่ดันไปหลุดอะไรแบบนั้นออกไป เขาได้คิดว่าเธออดยากกันพอดี ถึงมันจะเป็นเรื่องจริงก็เถอะ “เสียดายนึกว่าจะยอมเสียอีก” วาโยถอนหายใจยิ้ม ๆ แล้วเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าหากางเกงใส่ ส่วนเสื้อนั้นไม่คิดจะใส่อยู่แล้ว เพราะมันไม่ชิน “แม่” “เฮ้ย!” “เป็นอะไร” วาโยเดินเข้ามาถามอย่างเป็นห่วง เพราะจู่ ๆ คนที่นอนคลุมโปงอยู่บนเตียงก็ร้องพร้อมกับลุกขึ้นนั่งด้วยสีหน้าตื่นตกใจ “เปล่าค่ะ เหมือนลืมอะไรหรือเปล่า แต่คงไม่ลืมหรอกนอนแล้วค่ะ” ละอองดาวมองค้อนผีเด็กที่จู่ ๆ ก็โผล่มาเรียกแม่ ทำเอาหัวใจเธอแทบวาย “นี่คุณจะไม่ยอมจริงเหรอ” วาโยที่ตอนนี้มานั่งอยู่บนเตียงแล้วแกล้งพูดแหย่หญิงสาวเล่น และยังไม่ทันที่ละอองดาวจะปฏิเสธ ว่าที่ลูกชายของเธอก็คะยั้นคะยอ “ยอม ๆ เขาไปเถอะแม่ เผื่อผมจะได้ไปเกิด” เธอถึงกับกลอกตามองบนมองคนสลับกับผีแล้วตอบกลับด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ไม่ค่ะ ตราบใดที่คุณยังลืมแฟนเก่าไม่ได้ฉันจะไม่ยอมคุณเด็ดขาด นอนแล้วค่ะ”
ทาสรักกาฝาก
เอาตัวแลกหนี้ หน้าที่เธอก็คือเรื่องบนเตียง “ฉันรู้ว่าคืนนี้ฉันต้องเจออะไร แต่ก่อนอื่นฉันขออะไรคุณสักอย่างหน่อยได้ไหมคะ” พูดจบแล้วก็กลืนน้ำลายลงคอกลั้นหายใจรอคำตอบ “เธอมีสิทธิ์เหรอ” อีกฝ่ายย้อนถาม ไม่ได้ตอบรับแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ นั่นทำให้ไอริณกล้าที่จะพูดต่อ “ไม่รู้สิคะ ฉันไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ก็แค่อยากลองเสี่ยงดู” “ว่ามาสิ” คราวนี้ไอริณเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย แล้วก็ต้องขมวดคิ้ว เมื่อสายตาเริ่มชินกับความมืดทำให้มั่นใจว่าผู้ชายตรงหน้าไม่อ้วนลงพุงแน่นอน แต่เป็นผู้ชายรูปร่างดี สูงใหญ่กำยำต่างหาก “ว่ายังไงล่ะ” เมื่อโดนถามย้ำทำให้ไอริณสะดุ้งหลุดจากความคิดของตัวเอง แล้วละล่ำละลักบอกเรื่องที่ตนเองจะขอออกไป “คืนนี้ฉันจะยอมเป็นของคุณอย่างเต็มใจ หลังจากนี้ก็จะไม่คิดหนี ยอมทำทุกอย่างที่คุณต้องการ จะให้ฉันอยู่ในฐานะไหนก็ได้ จะเฉดหัวฉันทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้เช่นกัน แต่ตอนที่อยู่ที่นี่ขอเพียงอย่างเดียวอย่าทารุณกรรมฉันจะได้ไหมคะ” เธอรู้ว่าถ้าขอให้เขาไม่ทำอะไรเลย คงเป็นไปไม่ได้ แต่เมื่อจะโดนก็ขอแบบธรรมดาเถอะ ไม่อย่างนั้นคนที่ไม่ได้มีรสนิยมอะไรแบบนั้นอย่างเธอคงรับไม่ไหว
Let’s Love เรามารักกัน
“นี่เอาอย่างนี้ไหม วันไหนอายุเยอะแล้ว เราได้กลับมาเจอกันอีก ถ้าต่างคนต่างยังไม่มีใคร เรามาคบกันเองไหม” พิชาวีร์ปรายตามองคนพูดแล้วหัวเราะ “เอาสิ” ก่อนจะตอบรับอย่างไม่ได้คิดอะไร เพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายก็แค่พูดเล่นเท่านั้น ด้วยความที่สนิทกันเรื่องอ่ำกันเล่นแนว ๆ นี้ ระหว่างเธอกับภูผามีเยอะแยะเต็มไปหมด “อ้าว ๆ จำคำตัวเองพูดด้วยนะ” ภูผาทักท้วงพร้อมกับชี้หน้าหญิงสาวยิ้ม ๆ “บอกตัวเองเถอะ” พูดจบพิชาวีร์ก็ลุกขึ้นบิดขี้เกียจ “เรามาแต่งงานกันไหม” พิชาวีร์ถึงกับสำลักน้ำลาย มองหน้าคนที่ขอตัวเองแต่งงานแล้วหันซ้ายหันขวาว่าผู้ชายตรงหน้าคือภูผาตัวปลอมหรือเปล่า ก่อนจะยืนมือไปอังหน้าผากว่ามีไข้ หรือไม่ก็นอนไม่พอสมองเลยรวน “กี่นิ้ว” “สอง” “กี่นิ้ว” “ห้า” “กี่นิ้ว” “จะถามเพื่อ” ภูผาดึงมือของหญิงสาวลงพร้อมกับถามอย่างหงุดหงิด ทำอย่างกับเขาเพิ่งล้มหัวฟาดพื้น “แกไม่ปกติ” พิชาวีร์ยังคงมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยสายตาที่ยังระแวง “แกสิไม่ปกติ ฉันจริงจังนะเนี่ย”
ต้องรักคืนใจ
ต้องรักที่ถูกพี่ชายข้างบ้านอย่างเผด็จตัดเยื่อใยแบบไม่รู้เหตุผลจำต้องย้ายบ้าน และหลายปีต่อมาได้ย้ายกลับมาที่บ้านหลังเดิมอีกครั้ง คิดว่าอาจจะลืมพี่ชายข้างบ้านนี้ไปแล้ว ทว่าการได้กลับมาเจอกันอีกครั้งเขายังทำให้หัวใจเต้นรัว อีกทั้งความน่ารักของน้องพรีมหนูน้อยลูกสาวของเผด็จก็น่ารักเสียจนทำให้เธออดใจไม่ได้ที่จะเอาตัวเข้าไปเกี่ยวข้องกับสองพ่อลูกนี้อีกครั้ง “ทำไมพี่เผด็จต้องทำกับต้องแบบนี้ด้วย” “ก็เพราะรักไง มองไม่ออก ?” เผด็จเอียงหน้าถามอย่างงง ๆ เอาจริง ๆ เขาแสดงออกขนาดนี้ ถึงไม่พูดคนทั่วไปก็น่าจะรู้แล้วนะว่ามันคือการมีใจ “ก็พอรู้ แต่ไม่อยากขี้ตู่ไปเอง ไม่อยากอกหักรอบสาม” ต้องรักบอกเสียงเง้างอด “คิดเองเออเองทั้งนั้น แค่รอบเดียวพี่ก็จะใจขาดอยู่แล้ว รักแทบตายแต่อยู่ด้วยกันไม่ได้ พี่ไม่เอาแล้วนะ” เผด็จบอกก่อนจะกอดกระชับร่างบอบบางพร้อมกับซบศีรษะลงที่ไหล่เล็กนั้นอย่างออดอ้อน “ต้องเองก็ไม่ต่างกันหรอก มันเจ็บและทรมานมาก ๆ เลย พี่อย่าทิ้งต้องไปไหนอีกนะคะ”
บ่วงกลรัก
ครั้งแรกที่ได้เจอ 'ธิษณามดี' ไม่ได้สร้างความประทับใจให้กับ 'ธนภูมิ' เลยแม้แต่นิดเดียว ไม่ใช่แค่การแต่งตัวที่ดูขัดหูขัดตา แต่ความสัมพันธ์ของเธอกับว่าที่พี่เขยเขากลับดูขัดหูขัดตามากยิ่งกว่า จนเขาทนไม่ได้ต้องตามเฝ้าจับตาดูหญิงสาวอย่างใกล้ชิด ทว่า... “ฉันรู้นะว่าที่คุณมาใกล้ชิดกับฉันเพราะอะไร” ธนภูมิเลิกคิ้วแล้วถามกลับ “เพราะอะไร” “เพราะคุณอยากเคลมฉันใช่ไหมล่ะ” พูดจบเธอก็ปิดปากหัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ “กะทิ พอเถอะเมาหนักมากแล้ว” “ไม่พอ !” “อย่าดื้อน่า ไปพอ ๆ กลับ ๆ” “คุณอยากมีอะไรกับฉันหรือเปล่า” ธนภูมิที่กำลังพยายามเกลี้ยกล่อมหญิงสาวถึงกับชะงัก เขากลืนน้ำลายลงคอ ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธและกำลังพยายามไม่ใส่ใจ “กลับบ้านเถอะ” นอกจากไม่ฟัง ธิษณามดียังดึงหน้าชายหนุ่มเข้าหาใกล้ชิดจนรับรู้ถึงลมหายใจของกันและกัน “กะทิ...” ธนภูมิครางไม่อยากเชื่อว่าเมาแล้วหญิงสาวจะห่ามได้ขนาดนี้ และที่ไม่น่าเชื่อยิ่งกว่าคือใจของเขาตอนนี้เต้นแรงมาก “ถ้าไม่ทำตอนนี้คุณจะไม่มีโอกาสอีกแล้วนะ” หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าจริงจัง เผยอปากยิ้มให้ชายหนุ่มอย่างยั่วยวน “คุณกำลังเมา” ไม่ใช่แค่บอกหญิงสาว แต่ธนภูมิกำลังพยายามบอกตัวเองด้วยเหมือนกัน “รู้ไหมว่าถ้าพี่รามแต่งงานเมื่อไหร่ แม่หมดหวัง ฉันอาจจะโดนแม่จับแต่งงานกับผู้ชายที่คิดว่าดีสักคน และเมื่อถึงตอนนั้น ฉันอาจจะไม่มีเหตุที่จะปฏิเสธท่านแล้วก็ได้” ธิษณามดียิ้มขืน เอียงหน้ามองชายหนุ่มราวกับหลงใหล “คุณ...” ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร ธิษณามดีก็กดริมฝีปากลงที่ริมฝีปากของชายหนุ่มทันที ธนภูมินิ่งไปชั่วอึดใจก่อนจะจูบตอบอย่างดูดดื่ม แต่ด้วยสถานที่ไม่อำนวยเขาจึงผละออกอย่างเสียดาย “จูบเก่งจัง ฉันจะจำเอาไว้” ธิษณามดีบอกด้วยสายตาเศร้าสร้อย และกำลังจะหันหนี ธนภูมิก็อดใจไม่ไหวดึงหญิงสาวมาจูบอีกครั้ง และคราวนี้ก็ดูดดื่มเนิ่นนานจนรู้สึกว่าเขาจบมันไม่ลงแน่ถ้าไม่ไปต่อให้สุด ชายหนุ่มจำใจผละออกแต่ยังกอดหญิงสาวเอาไว้พร้อมกับกระซิบบอก “คุณต้องเป็นของผมคนเดียวเท่านั้น”
ฝากรักไว้ให้ใครคนนั้น
ผู้ชายในโลกของนิยายและซีรีส์นี่มันดีจริง ๆ ทั้งหล่อ เท่ อบอุ่นใจดี รักเดียวใจเดียว ชีวิตนี้ไม่มีผู้ชายในชีวิตก็ไม่เสียดาย ขอตายไปทั้งที่โสดแบบนี้แหละ เพลินตาคิดเอาไว้แบบนั้น แต่แล้ว... ผู้ชายที่ชื่อนักรบก็โผล่มากระชากหัวใจของเธอให้กลับมาสู่โลกของความเป็นจริงอีกครั้ง “ผมอยากไถ่โทษเรื่องที่เข้าใจคุณผิด คุณอยากไปไหนผมจะพาไป” ‘เข้าใจคุณผิด’ คำคำนี้ทำเอาเพลินตาใจเต้นระรัว เธอขอเข้าข้างตัวเองได้ไหมว่าเขาอาจจะหึงเธออย่างที่วิลันดาบอกมา “ว่าไงครับ” เสียงทักจากนักรบทำให้เพลินตาหลุดจากภวังค์หันมายิ้มแหย ๆ ให้เขาแล้วพยายามคิดว่าเธอจะไปไหนดีนะ ไหน ๆ โอกาสมาถึงแล้วขอที่โรแมนติกและสร้างความทรงจำดี ๆ หน่อย “อืม...” “ผมไม่ได้บังคับนะ ว่างวันไหนคุณค่อยบอกก็ได้ครับ” นักรบเอ่ยแทรกขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าเหมือนจะคิดหนักของอีกฝ่าย “ว่างค่ะพรุ่งนี้ว่าง แต่ฉันไปทั้งวันไม่ได้นะคะ ยังไงช่วงบ่ายก็ต้องกลับมาทำงาน” บอกอย่างเสียดายแต่งานมันลนก้นจริง ๆ “ได้ครับ พรุ่งนี้ เก้าโมงผมมารับที่นี่นะ อย่าลืมคิดมาล่ะว่าอยากไปไหน” ชายหนุ่มย้ำอีกครั้ง “ร้านหนังสือดีไหมนะ” คราวนี้เพลินตาพึมพำถึงที่ที่เธออยากไปแม้มันจะไม่ได้โรแมนติกอะไรเลย แต่ใต้จิตสำนึกคืออยากไปที่สุดนั่นแหละ และมันก็ดังพอที่จะทำให้คนที่ยืนข้าง ๆ ได้ยิน “ได้สิ คุณอยากได้เล่มไหนผมจ่ายเอง” นักรบบอกอย่างใจป้ำ “จริงนะคะ” เพลินตาถามกลับด้วยสายตาเป็นประกาย แต่เมื่อรู้สึกว่าเธอจะออกอาการมากเกินไปจึงรีบปรับสีหน้า “ไม่เป็นไรค่ะฉันจ่ายเองดีกว่า” “ไม่เป็นไรครับ ผมเต็มอยากจ่ายให้จริง ๆ ครับ” เมื่อได้ยินอีกฝ่ายยืนยันอย่างนั้น เพลินตาก็ไม่คิดจะขัดศรัทธา “งั้นโอเคเลยค่ะ คุณซื้อหนังสือให้ฉัน ฉันเลี้ยงข้าวคุณ ห้ามปฏิเสธ” แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่อาจจะรับฝ่ายเดียวได้ “โอเคครับ ลิสต์รายชื่อไว้เลย” “ค่ะ คุณนี่น่ารักที่สุดเลย” “ครับ” นักรบตอบรับยิ้ม ๆ เมื่อเห็นอาการดีใจของหญิงสาวที่เอาตรง ๆ ก็คือแปลกจากผู้หญิงคนอื่นที่เขาเคยรู้จักมาโดยสิ้นเชิง เพราะปกติถ้าให้เลือกที่จะไปและจ่ายให้ ส่วนใหญ่ก็เลือกช็อปปิ้งพวกเสื้อผ้ากระเป๋า เครื่องสำอางอะไรเทือกนี้ เพิ่งมีเพลินตานี่ละที่อยากไปร้านหนังสือ
ผู้ชายเจ้าขามารักฉันเถอะ
“พี่ธิชาก็ออกจะน่ารัก ทำไมยังไม่ยอมมีแฟนสักทีคะเนี่ย” หญิงสาวที่ทำงานในแผนกเดียวกับธิชามานานกว่าสองปีถามอย่างสงสัย “ทั้งเก่งและน่ารักขนาดนี้ ต้องมีซุกไว้แน่ๆ ไม่เชื่อหรอกว่าไม่มี แค่ไม่อยากเปิดตัวเท่านั้น ดีไม่ดีอาจจะเป็นเด็กเอาะๆ ที่อย่างพวกเราไม่มีวันได้กิน” หญิงสาวอีกคนคาดเดา และไม่ใช่แค่เธอคนเดียวรวมไปถึงเพื่อนๆ ในแผนกอีกหลายคนต่างก็คิดอย่างนั้น “พอๆ พวกเธอนี่ก็เดาไปเรื่อย ไม่มีก็คือไม่มีจ้ะ พี่มีแค่งานกับเงินก็มีความสุขแล้ว” พูดจบก็แทบอยากจะร้องไห้ เพราะนั่นมันเมื่อก่อน ตอนที่ยังไม่รู้สึกตัว แต่ตอนนี้บอกเลยว่ามาเถอะ จะเด็กจะแก่ลองคุยได้หมดแหละ ถ้าคลิกถูกใจและไปกันได้ ขอแต่งก็จะแต่งเดี๋ยวนั้นเลยค่ะ
ผูกหัวใจนายสิงห์
พลอยขวัญผู้หญิงบ้างาน ที่ไม่คิดจะมีใคร แต่จู่ ๆ คนรู้จักคนเป็นแม่ก็บอกว่าอยากได้ผู้หญิงราศีกุมภ์ไปเป็นลูกสะใภ้ แถมลูกชายของอีกฝ่ายคือสิงหา ผู้ชายที่เธอแอบรักมาตั้งแต่แรกพบ ใช่เธอไง ผู้หญิงราศีกุมภ์ แม้คนในครอบครัวจะตะโกนใส่หูว่าไม่ใช่... แกเกิดราศีกันย์ แต่ใครจะทำไม ก็ฉันจะเกิดราศีกุมภ์... ฉันเกิดราศีกุมภ์... ฉันอยากได้ผู้ชายคนนี้...
อุ้มรักปักใจ
ญารินดาเงยหน้าขึ้นเมื่ออีกฝ่ายเงียบไป แล้วเธอก็เห็นเขายืนจ้องนาเดียร์ และไอ้ท่าทางที่เหมือนมันจะถ่ายทอดมากับดีเอ็นเอนี่ทำให้เธอทั้งขำและหวาดกลัวว่าจะมีใครสังเกตเห็น คนพ่อที่ไม่รู้ตัวว่าเป็นพ่อยืนกอดอกเอียงคอจ้องคนเป็นลูกสาว ในขณะที่คนเป็นลูกสาวยืนนกอดตุ๊กตาเอียงคอมองตอบกลับอย่างงงๆ ก่อนทั้งคู่จะกัดที่ริมฝีปากพร้อมกัน นั่นทำให้รู้ว่ากำลังสงสัยอะไรบางอย่างอยู่ เธอจึงรีบไปดึงตัวลูกสาวมากอดเอาไว้ เพื่อที่จะให้ชายหนุ่มเลิกสนใจในตัวนาเดียร์ซะ “นี่ลูกสาว...” “ค่ะ ลูกสาวฉัน เธอคือลูกสาวฉัน” ญารินดารีบพูดแทรกขึ้นราวกับกลัวคำพูดต่อมาของชายหนุ่ม “มีสมใจแล้วนี่นะ แล้วพ่อของเด็กล่ะ” แดนไทยิ้มขืน เพราะมันคือเหตุผลที่หญิงสาวทิ้งไว้ให้เขาแล้วจากไปเฉย ๆ “นาเดียร์คือลูกสาวฉันคนดียว” ญารินดาเงยหน้าขึ้นมองเขาเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะเยาะ แม้จะแค่ในลำคอแต่ก็ได้ยิน “หัวเราะอะไรมิทราบ” “ก็แค่สงสัยว่า เธอทำให้เด็กคนนี้เกิดมาได้ยังไงด้วยตัวคนเดียว” “ฉันจะเก็บของแล้ว ถ้าคุณออกจากห้องก็ปิดประตูให้ด้วยก็แล้วกันนะคะ” ญารินดาตัดบทเมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังโดนอีกฝ่ายปั่นหัว
ก็ว่าจะไม่รักแล้วเชียว
กินเด็กเป็นอมตะคือนิยามการเลือกแฟนของฟ้ารุ่ง ภูมิที่หล่อแต่อายุห่างกันเป็นสิบปีจึงไม่เคยถูกมองในฐานะอื่นๆ นอกจากน้า และจะไม่มีวัน คิดว่ามันจะเป็นอย่างนั้นแต่เมื่อเวลาผ่านไป เฮ้อ! ก็ว่าจะไม่แล้วเชียว “เมื่อกลางวันพี่ผู้หญิงถามฟ้าด้วยค่ะว่าน้าภูมิมีแฟนหรือยัง” “จริงเหรอ แล้วเราตอบว่าไง” ภูมิถามโดยที่สายตายังไม่ได้ละจากจอสี่เหลี่ยมเล็กๆ ในมือ “ฟ้าบอกว่า ฟ้านี่แหละแฟนน้าภูมิ” เด็กน้อยจีบปากจีบคอพูดไปตามประสา แต่คนฟังถึงกับชะงัก วางโทรศัพท์ลงแล้วหันมามองใบหน้ากลมๆ แก้มป่องๆ แล้วถามกลับยิ้มๆ ว่า “ทำไม ต้องเป็นเราด้วยล่ะ” “ก็พี่เขาบอกว่า แฟนคือคนที่รักกันอยู่ด้วยกันและแต่งงานกันเหมือนคุณพ่อคุณแม่นี่คะ ฟ้าก็รักน้าภูมิจะอยู่กับน้าภูมิ และจะแต่งงานกับน้าภูมิด้วย น้าภูมิจะแต่งงานกับฟ้าไหมคะ” ภูมิถึงกับยกมือกุมขมับหลังจากถูกขอแต่งงานแบบไม่ทันตั้งตัว พรุ่งเขาจะเทศนาพวกเพื่อนๆ ให้หนักเลย ที่มาพูดมาสอนอะไรก็ไม่รู้ให้กับหลานของเขา
ตื๊อรัก
เมื่อรักต้องได้ เมื่อไม่ได้ต้องตื๊อ...“ฉันชอบคุณ”สาธุถึงกับอึ้งรับประทาน กลอกตาไปมา เลียริมฝีปากที่อยู่ดีๆ ก็แห้งผาดขึ้นมาซะงั้น จู่ๆ ก็โดนสาววิ่งมาบอกรักถึงบ้าน แถมมาแบบตรงๆ ไม่มีอ้อมค้อม เขาควรทำไง“ผมบอกแล้วไงว่าเรื่องนั้นล้อเล่น” คือตอนพูดไม่ได้คิดอะไร แค่อยากหยอกสาวสวยที่รู้สึกว่าน่ารักดีเล่นๆ ตามประสา“คุณล้อเล่นแต่ฉันเอาจริงค่ะ” วริยายังยืนยันเจตนารมณ์ของตัวเองชัดเจน“ไม่” สาธุปฏิเสธทันควัน เพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงจะไม่ได้จริงจังนักหรอก อาจจะทำเพื่อความสนุกฆ่าเวลาเล่นๆ ระหว่างยังอยู่ที่นี่“คุณไม่ แต่ฉันจะเอา” วริยายืดตัวนั่งหลังตรงกอดอกหน้าเชิดอย่างถือดี“เอาอะไร” สาธุย้อนถาม แล้วเขาก็ต้องสำลักน้ำลายเมื่อเจอคำตอบที่ตรงไปตรงมาของหญิงสาวอีกครั้ง“เอาคุณมาเป็นแฟนไงคะ”
ถึงจะแก่แต่ก็รักนะคะ
ผู้ชายที่อายุมากกว่าเกิน5ปีถือว่าแก่ไปสำหรับปฐมา แต่ติณณ์ผู้ชายร่วมชายคาที่อายุมากกว่าหญิงสาวถึง15ปี ที่ขยันหยอดขยันอ่อย ทำให้ปฐมาถึงกับเกาะเงื่อนไขที่ตัวเองตั้งขึ้นไว้แน่น เมื่อรู้ว่าหัวใจมันสั่นคลอน “แล้วพี่ไม่มีแฟนเหรอคะ” ปฐมาเผลอถามออกไปแล้ววางสีหน้าไม่ถูก เมื่ออีกฝ่ายหันมาเลิกคิ้วมอง “ขอโทษค่ะ” เธอยกมือไหว้ บางทีเธอไม่ควรถามเรื่องแบบนี้แต่....“ยังไม่มี สนใจสมัครไหมล่ะ” ติณณ์หัวเราะชอบใจเมื่อเห็นสีหน้าเหวอๆ ของหญิงสาว “ถ้าอยากสมัครรีบมายื่นนะ พี่ใกล้จะปิดรับแล้ว” ชายหนุ่มกระเซ้าหนักเข้าไปอีก คราวนี้นอกจากหน้าจะเหวอแล้วยังแดงระเรื่ออีก เขามองก่อนจะเดินหัวเราะขึ้นห้องไปอย่างอารมณ์ดี
ม่านลวงใจ
เมื่อเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อระหว่าง เกณิกา กับ ปรินทร์ ที่ชายหนุ่มกำลังจะแต่งงานกับแฟนสาว แต่ก็ดันมาเกิดเรื่องดันไปเกินเลยกับเพื่อนสนิทอย่าง เกณิกา แต่ก่อนจะเกิดปัญหา เกณิกาก็ชิงแก้ปัญหาด้วยการหนีไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ แต่เมื่อเธอกลับมา ก็มาพร้อมกับลูกสาวตัวน้อย แต่เธอไม่ยอมรับว่า ปรินทร์ คือพ่อของลูก แต่มีหรือปรินทร์จะยอม จากนั้นการเปิดปากคนปากแข็งที่สุดแสนจะเร่าร้อนก็เกิดขึ้น...“ถ้านั่งคุยไม่รู้เรื่องสงสัยจะต้องนอนคุย” ไม่พูดเปล่าปรินทร์ยังโถมตัวเข้าหาเกณิกาจนล้มลงไปบนที่นอน“ไอ้บ้า! แกจะทำอะไรน่ะ” เกณิการ้องถามเสียงสั่น“น้องปรายเป็นลูกใคร” ปรินทร์ไม่ตอบแต่กลับถามคนที่นอนหน้าตื่นอยู่ใต้ร่าง“ลูกฉันคนเดียว” เกณิกาตอบเน้นๆ ชัดๆ อย่างไม่คิดจะยอมพ่อของลูก นั่นทำให้ปรินทร์กระตุกยิ้ม“สงสัยจะลืมว่าของแบบนี้มันทำคนเดียวไม่ได้” เกณิกาไม่ตอบโต้ได้แต่นอนเม้มปากหันหน้าหนีไม่ยอมสบตาคนที่อยู่เหนือร่าง“เอะ หรืออาจจะลืม งั้นเรามาย้อนความจำกันหน่อยดีกว่าจะได้รู้ว่าใครคือพ่อน้องปรายตัวจริง”“แกจะทำอะไร” คราวนี้เกณิกาดิ้นขัดขืนสุดแรง “ทำลูกไงทำน้องให้น้องปรายสักคน”“ไม่นะ...” เกณิกาตะโกนออกมาได้แค่นั้นก็ถูกปิดปากด้วยปาก นั่นทำให้หญิงสาวถึงกับเบิกตากว้างนอนนิ่งตัวแข็งอย่างคาดไม่ถึง เปิดปากให้ชายหนุ่มสอดปลายลิ้นลุกล้ำได้อย่างง่ายดาย จะขัดขืนก็ไม่ทันเสียแล้วเมื่อเธอโดนปลุกเร้าจนในเวลาต่อมาอ่อนระทวย มือที่เคยผลักไสเลื่อนขึ้นไปโอบรอบต้นคอแข็งแรงพร้อมจูบตอบอย่างโหยหา
โซ่ตรวนสวาท
“ผมจะกลืนกินคุณทั้งตัว” คาร์ลอสที่ถอนจูบออกมาอย่างอ้อยอิ่งบอกพลางจัดการเสื้อผ้าของทั้งตัวเองและหญิงสาวทิ้งกระจายบนพื้นอย่างคนใจร้อน“สวยเหลือเกิน” ชายหนุ่มครางเสียงพร่า จับเรียวแขนเล็กที่หญิงสาวยกขึ้นมาบดบังหน้าอกอวบอิ่มของตัวเองแล้วใช้ปากครอบครองดูดดึงราวกับทารกหิวกระหาย ขณะที่มือทั้งสองข้างก็สัมผัสลูบไล้ไปทั่วร่างบางอย่างถนัดถนี่ไม่ต้องเกรงใจเหมือนอย่างเมื่อคืน“คาร์ล...คะ...” กิ่งแก้วครางเสียงสั่นกระเซ้าบิดเร้าแอ่นอกขึ้นรับสัมผัส ที่ไม่ว่าชายหนุ่มจะแตะต้องลูบคลำส่วนไหนร่างกายของเธอก็เหมือนมันจะร้อนและวาบหวิวไปซะทุกที***วรรณกรรมสำหรับผู้ที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไป***สนใจเวอร์ชันกระดาษ เชิญทางนี้!
แผนรักสลับใจ
น้องสาวตัวแสบก่อวีรกรรมหนีไปเที่ยวต่างประเทศกับใครก็ไม่รู้ ทิ้งแหวนหมั้นพร้อมกับกระดาษโน๊ตที่ระบุข้อความว่าให้เธอซึ่งเป็นพี่สาวฝาแฝดทำหน้าที่ทุกอย่างแทนชั่วคราว รวมถึงการเป็นคู่หมั้นของ ‘รามิล’********“ปะ...ปล่อย อื้อ...” นิพาดาห้ามเสียงกระเส่าทันทีที่ปากเป็นอิสระ ทว่าร่างกายกลับถูกจู่โจมอย่างหนักทั้งปากและมือของรามิล แรงพูดแทบจะไม่มี“ถ้าจะห้ามขอเสียงดังๆ ฟังชัดๆ มากกว่านี้สิที่รัก แล้วผมจะทำตาม” รามิลท้าทายขณะที่มือนั้นลูบไล้รุกล้ำต่ำหายเข้าไปใต้กระโปรงพลิ้ว แม้จะยาวคลุมเข่า แต่ตอนนี้มันถูกร่นขึ้นไปจนถึงหน้าท้อง“อย่ามาทำบ้าๆ ในนี้นะ” นิพาดาพยายามข่มความเสียวซ่านที่วิ่งพล่านทั่วสรรพางค์กาย สั่งห้ามอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้นจากเดิมนิดหน่อย“เสียงไม่ดัง ฟังไม่น่าเชื่อถือ ผมไม่ทำตามครับ”
ปรารถนาราคะ
“ไปเสม็ด” เกวิลนทวนคำเสียงตื่นแล้วรีบถามต่อ “ไปกลับหรือค้างคืน”“ค้างคืน” ชมพูนุชตอบอย่างไม่คิดจะปิดบัง นั่นทำให้เกวลินตาโต เดินเข้าไปจับต้นแขนของชมพูนุชเพื่อให้อีกฝ่ายมองหน้าของเธอ“นี่อย่าบอกนะว่าเธอกับแทน...”“แล้วถ้าใช้เธอจะทำไม” ชมพูนุชถามกลับด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ แต่คนฟังกลับนิ่งไม่ได้“เธอก็รู้ว่าแทนคือผู้ชายที่ฉันรัก แล้วเธอจะยัง...” พูดยังไม่ทันจบชมพูนุชก็พูดแทรกขึ้นทันควัน“ยังกล้าพูดเหรอว่าแทนคือผู้ชายที่เธอรัก ทั้งๆ ที่เพิ่งกลับมาจากหาผู้ชายอีกคน และอีกอย่างเธอเป็นคนพูดเองไม่ใช่เหรอว่าถ้าสงสารเขาก็เอาไว้เอง ตอนนี้ฉันเอาเขาไว้แล้วเธอจะมาทวงคืนอีกทำไม”
เพียงขวัญ
จะแมนหรือไม่แมนต้องลองมาเป็นแฟน...ถึงจะรู้ “เดี๋ยวสิคุณ ฉันทำอาหารไม่เป็น” ปราณปริยาบอกออกมาในที่สุด สรัลหมุนตัวมาเลิกคิ้วและหรี่ตามองหญิงสาวที่ยืนทำหน้ามุ่ยถามเขาเสียงเง้างอดว่า“มองอย่างนี้หมายความว่าไงคะ”“ลูกสาวเจ้าของร้านอาหารหรูไม่ใช่หรือ เราน่ะ” สรัลถามยิ้มๆ“ก็ใช่ค่ะ แต่ทำงานเกี่ยวกับบัญชี ไม่ได้เป็นเชฟ”“มันก็จริงของคุณ” ชายหนุ่มยักไหล่พร้อมกับพยักหน้าอย่างรับรู้ เดินไปเปิดตู้เย็นหยิบกะหล่ำม่วงออกมาล้าง ขณะที่ปากก็คุยกับปราณปริยาที่ยืนอยู่กลางห้องครัว“งั้นเป็นลูกมือผมได้ไหมครับ” ถามพลางพยักหน้าเป็นเชิงเรียก “แค่เอาผักมาล้างแล้วเอามาหั่นแบบนี้” ชายหนุ่มสาธิตการหั่นผักให้ดูอย่างคล่องแคล่ว ชนิดที่ผู้หญิงแท้ๆ อย่างปราณปริยายังอาย จนต้องแกล้งถามกลับไปว่า“ว่าแต่คุณทำทานได้แน่นะคะ”“คุณว่าผมเป็นใคร” สรัลหันมาถามพร้อมกับยื่นมีดให้ลูกมือสาวสวยได้ลองทำ“คุณชายเพียงขวัญไงคะ” ปราณปริยาเชิดหน้าตอบพร้อมหัวเราะคิกอย่างชอบใจ ขณะที่มือก็ค่อยๆ บรรจงหั่นผัก“ปากดีอย่างนี้ เดี๋ยวจูบซะให้เข็ดเลย” สรัลยื่นปลายจมูกไปเบียดแก้มใส แล้วต้องรีบผงะออกเมื่อปราณปริยายกมีดในมือขึ้นมาขู่“เขามาสิ หน้าสวยๆ คุณได้แผลแน่”“อู้ย...โหดจังแม่คุณ” สรัลทำท่ากลัวแต่สีหน้ากลับยียวนสุดๆ จนเธออยากจะเอามีดบากหน้าเสียให้เข็ด“ทำหน้าที่ของตัวเองไปเลย อย่ามารุ่มร่ามกับฉันเชียว ไม่งั้นเมนูมื้อนี้ได้กินลาบเลือดแน่”
เพื่อนพ่อหนู (ขอ) จีบนะคะ
เพื่อนพ่อ ถ้าจะหล่อขนาดนี้ มีหรือจะปล่อยให้หลุดมือ “กาแฟค่ะ” หญิงสาววางแก้วกาแฟลงตรงหน้าชายหนุ่มแล้วยืนยิ้มรอ“มีอะไรหรือเปล่า” ธันน์ถามพลางปิดหนังสือพิมพ์ในมือ พับและวางมันลงบนโต๊ะ ก่อนจะยกกาแฟขึ้นดื่มระหว่างรอคำตอบจากคนที่ยืนนิ่งไม่ยอมขยับไปไหน“อร่อยกว่าปกติไหมคะ”ได้ยินคำถามธันน์ถึงกับขมวดคิ้วมุ่น เงยหน้ามองคนที่จ้องหน้าเขาด้วยสายตาเป็นประกาย หรือนี่คือเหตุผลที่หญิงสาวยังรอไม่ไปไหน “ก็นิดหน่อย” จะตอบว่ารสชาติปกติก็กะไรอยู่ เลยแบ่งรับแบ่งสู้ให้มีกำลังใจ“ว่าแล้วเชียว เพราะในกาแฟถ้วยนั้นมันเต็มไปด้วยความรักของลดาที่มีต่ออายังไงคะ ชงตามสูตรที่ป้าแต๋วบอกเปะๆ แต่ก็ถูกบอกว่าอร่อยกว่าปกตินิดหน่อย ดีใจมากค่ะ” พูดจบหญิงสาวก็หมุนตัวเดินฮัมเพลงกลับเข้าไปในห้องครัวอย่างอารมณ์ดี ผิดกับธันน์ที่ถึงกับสำลักกาแฟที่เต็มไปด้วยความรัก“ไม่น่าเลย” ชายหนุ่มส่ายศีรษะพลางหัวเราะ ก่อนจะยกมือปิดปากกลั้นยิ้มเมื่อลดาเดินกลับออกมาพร้อมกับชามข้าวต้ม“มาแล้วค่ะ ข้าวต้มแห่งรัก”“เรากำลังเล่นอะไรอยู่เนี่ย” ธันน์ถามหญิงสาวที่กำลังถอดผ้ากันเปื้อนพาดไว้ที่พนักเก้าอี้ แล้วนั่งลงคนข้าวต้มในชามของตัวเอง“ใครเล่นคะ ลดาจริงจังค่ะ จากนี้ไปลดาจะทำอาหารให้อาธันน์กินทุกมื้อ อยากจะกินอะไรบอกได้นะคะ ลดาจะทำให้กินเอง”
เกมรักกับดักพิศวาส
“ผมต้องการคุณ และรู้ว่าคุณเองก็ต้องการผม เราสองคนต้องการกันและกัน แต่ต่างคนต่างก็ไม่อยากมีพันธะ เซ็กเฟรนด์มันคือคำตอบที่ดีที่สุด” ชายหนุ่มอธิบายเสียงพร่า จมูกโด่งยังคลอเคลียไม่ห่างจากแก้มแดงระเรื่อ“ดียังไง”บุษบันถามเสียงสั่น ดวงตากลมโตยังฉ่ำปรืออย่างคนที่ยังเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสที่เรียกความร้อนและแรงปรารถนาของเธอให้ตื่นขึ้น“ระหว่างเรามันคือความพอใจในเซ็กส์ของกันและกัน มีอิสระที่จะคบหาคนอื่น ไม่มีการหึงหวงหรือก้าวก่ายล่วงล้ำการเป็นส่วนตัว ของกันและกัน เมื่อใครคนใดคนหนึ่งเจอคนที่ใช่ เรื่องของเราคือจบ และผมคิดว่ามันจะต้องจบด้วยดี”มือใหญ่ประคองใบหน้าสวย ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมองสบดวงตาสีดำกลมโต นานชั่วอึดใจ ก่อนบุษบันจะเป็นคนหลบสายตา เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ปฏิเสธและมีท่าทีเริ่มจะโอนอ่อนผ่อนตาม บอลด์วินจึงรีบเกลี้ยกล่อมต่อ“เราต่างฝ่ายต่างก็เป็นผู้ใหญ่กันแล้ว การหาความสุขใส่ตัวมันไม่ใช่เรื่องผิดหรอก”บุษบันเหลือบตามองชายหนุ่มรูปงามตรงหน้าอีกครั้งแล้วถอนหายใจ เธอไม่ปฏิเสธหรอกว่าพึงพอใจในตัวของบอลด์วินมากเป็นพิเศษ และเขาก็พูดถูกเธอโตแล้ว จะเป็นอะไรไปเล่าถ้าช่วงเวลาหนึ่งเธอจะทำอะไรตามใจตัวเองแบบสุดๆ บ้าง“ตกลง”
สามีรีเทิร์น
“จะไปไหน เรามีเรื่องต้องคุยกัน”“แต่มิ้นไม่มี ปล่อยค่ะ มิ้นจะกลับไปทำงาน” หญิงสาวพยายามบิดข้อมือให้หลุดพ้นจากการบีบรัดของมือใหญ่ แต่ก็ไม่สำเร็จยิ่งเธอขัดขืนมือนั้นก็ยิ่งรัดแน่นจนรู้สึกเจ็บ“อย่าหวังว่าจะได้กลับ ถ้าวันนี้เรายังคุยกันไม่รู้เรื่อง” บอกแล้วก็เหวี่ยงร่างบางให้กลับไปนั่งที่โซฟาเหมือนเดิม“เรามีเรื่องต้องคุยกันด้วยเหรอคะ” มินรญาถามแล้วยิ้มเยาะ คำพูดเมื่อวันนั้นยังทิ่งแทงใจจนวันนี้ แม้จะบอกตัวเองว่าอย่าใส่ใจ แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้ จนกลายเป็นประชดด้วยการยอมคบกับภูมิน“คบกับไอ้หมอนั่นเมื่อไหร่” คูเปอร์ที่ยืนอยู่หันมาถามเสียงเข้ม และเมื่อหญิงสาวยังเงียบ ชายหนุ่มเลยตะคอกใส่อีกครั้ง “ตอบ!"“สามวันที่แล้ว” มินรญาที่เริ่มจะกลัวใจของคนตรงหน้ารีบตอบทันที บอกตรงๆ สมัยก่อนตั้งแต่คบกันมาเธอไม่เคยเห็นชายหนุ่มในโหมดนี้เลยสักครั้ง ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงดูน่ากลัวจนน่าวิ่งหนี“คบกันแค่สามวันแต่มันกล้าขอแต่งงานมันหมายความว่าไง” คูเปอร์ถามเสียงลอดไรฟัน พร้อมกับโน้มตัวเอาแขนทั้งสองข้างไปค้ำที่พนักโซฟา เลยกลายเป็นว่าตอนนี้มินรญาได้โดยกักตัวเอาไว้แล้ว“แล้วพี่คู้ปจะสนใจไปทำไมคะ ในเมื่อเราไม่ได้เป็นอะไรกัน” มินรญาเน้นเสียงหนักในท้ายประโยคอย่างต้องการย้ำสถานะของตัวเอง“เวลาเปลี่ยนคนเราก็เปลี่ยน” คูเปอร์มองหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาหยามเหยียด ไม่เท่านั้นมันยังตามมาด้วยคำพูดที่เสียดแทงใจ “แม้แต่คนที่นอนด้วยกันกี่ครั้งต่อกี่ครั้งมาแล้วยังพูดออกมาได้ว่าไม่ได้เป็นอะไรกัน”“มิ้นไม่เคยเปลี่ยน มีแต่พี่นั่นแหละที่เปลี่ยน มิ้นผิดเหรอที่พยายามจะไม่สนใจคนที่ไม่เคยคิดอะไรกับตัวเองมากกว่าคนรู้จัก แม้จะนอนด้วยกันหลายต่อหลายครั้ง” มินรญาตะโกนใส่หน้ารัวเป็นพร้อมกับผลักอกอีกฝ่ายอย่างฉุนเฉียว“แล้วทำไมต้องแต่งงานกับมันด้วย”“มิ้นจะได้ออกไปจากชีวิตคนใจร้ายอย่างพี่ไงคะ ลืมให้หมดลืมทุกสิ่งทุกอย่าง ลืมแม้กระทั่งว่ารักผู้ชายใจร้ายอย่างพี่...อุ๊บ...” เสียงตะคอกเมื่อครู่ถึงกลืนหายลงไปในลำคอ เมื่อชายหนุ่มฉกวูบเปิดปากด้วยปาก และมันก็เป็นวิธีที่ได้ผลมากเลยทีเดียว เมื่อทั้งสองคนต่างรู้สึกว่าอาการฉุนเฉียวรุนแรงเมื่อครู่ค่อยๆ จากหายและมันก็ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความวาบหวามทราบซ่านรัญจวนใจ“อย่าคิดแม้แต่จะออกไปจากชีวิตพี่” คูเปอร์บอกเสียงนุ่มทุ้มกว่าเดิมพลางประคองใบหน้านวลที่แดงปลั่ง ก่อนจะเอียงหน้าก้มลงไปบดจูบกัดเม้มริมฝีปากอิ่มนั้นอีกครั้ง คราวนี้อารมณ์กรุ่นโกรธได้มลายหายไปจนสิ้น ความหอมหวานที่ห่างหายไปไม่กี่วันกลับทำให้คูเปอร์ที่คะนึงหาอยากจะสูบจะกลืนกินเก็บผู้หญิงคนนี้เอาไว้ไม่ให้ใครหน้าไหนเห็นหรือชื่นชมมันนอกจากตัวเขา
ขอความรักที
ร้อยรัก ผู้เชื่อมั่นในรัก แต่ไฉนเลยกลับถูกโชคชะตากลั่นแกล้งอยู่ร่ำไปคนที่คิดว่าใช่ กลับไม่ใช่ สุดท้ายยังต้องเข้าพิธีวิวาห์กับน้องชายของเจ้าบ่าว! ‘นี่คุณมานอนบนนี้ตั้งแต่เมื่อไร’ร้อยรัก ถามเสียงห้วนแล้วก้มสำรวจตัวเองตามสัญชาตญาณ‘ก็ตั้งแต่เมื่อคืนนั่นแหละครับ’‘ฉะ...ฉันนึกว่าคุณจะนอนข้างล่างเสียอีก’คีรินทร์ หัวเราะขำ แล้วตอบกลับตรงๆ‘ฝันไปเถอะ เหนื่อยจะตายมีที่นอนนุ่มๆ จะไปนอนที่พื้นเพื่อ...’‘ก็...เราไม่ได้เป็นอะไรกัน และคิดว่าคุณจะเป็นสุภาพบุรุษกว่านี้เสียอีก’‘ตื่นจากมโนได้แล้วคุณ คนที่แต่งงานกับคุณไม่ใช่ผู้ชายอ่อนโยน แสนดีและเป็นสุภาพบุรุษอย่างที่ต้องการหรอกนะมีแต่ผม...ผู้ชายที่สันดานไม่ดีคนนี้แหละ’
เกมรักบรรณาการร้อน
“อย่ามาทำเป็นเล่นตัว ได้เวลาทำหน้าที่ของตัวเองแล้ว”ไมก้าห์ตามไปนั่งคร่อมร่างบางที่ตอนนี้มือทั้งสองข้างของหญิงสาวถูกเขาตรึงไว้เหนือศีรษะด้วยมือข้างเดียวแล้ว“นะ…หน้าที่บ้าบออะไรจะมาทำกันตอนนี้ คุณต้องการกาแฟเพิ่ม ปล่อยฉันสิเดี๋ยวจะไปชงให้ค่ะ” ไออุ่นพยายามพูดคุยอย่างใจเย็น ทั้งที่มาอีหรอบนี้หรือจะต้องการดื่มกาแฟ“ไม่ได้จะกินกาแฟ”“งั้นคุณจะเอาอะไร นี่มันดึกแล้ว จะใช้อะไรฉันก็รอพรุ่งนี้เซ่!” เธอตะโกนสุดเสียงดิ้นสุดฤทธิ์แต่ก็ไม่สามารถหลุดออกจากการควบคุมของมือใหญ่ของไมก้าห์ได้“หน้าที่กลางคืนก็ต้องทำกลางคืนสิ”ไม่พูดเปล่าไมก้าห์ยังก้มลงไปสูดกลิ่นสาวจากซอกคอหอมกรุ่นอย่างพอใจ แม้รูปร่างจะห่างไกลจากสเปกของเขาแต่กลิ่นเนื้อสาวนี้ถูกใจเขาอย่างประหลาด ดูท่ากลิ่นหอมอ่อนๆ ดูจะถูกจริตเขามากกว่ากลิ่นฉุนๆ ของน้ำหอมยี่ห้อดัง“ไม่ ไม่ มันไม่ใช่แบบนี้”ไออุ่นที่ขนลุกซู่บอกเสียงสะอื้น แต่ไมก้าห์ไม่คิดจะสน ผู้หญิงที่ชอบทำตัวอ่อนประสบการณ์เรียกร้องความใจแบบนี้เขาเจอมาเยอะแล้ว ร้อยทั้งร้อยเครื่องร้อนเต็มที่พวกเธอเหล่านั้นก็กลายร่างเป็นแม่เสือสาวพราวสวาททั้งนั้น“แบบนี้แหละถูกต้องที่สุดแล้ว”ตอบเสียงอู้อี้ ก่อนจะลากไล้ปลายจมูกและริมฝีปากไปทั่วลำคอขาวผ่อง ก่อนจะไล้ขึ้นมายังแก้มใสที่…เปียกชื่นน้ำตา และนั่นทำให้ไมก้าห์ที่กำลังเมากับกลิ่นกายสาวถึงนิ่ง แล้วค่อยๆ ยันตัวขึ้น“อย่ามาเรียกร้องความสนใจด้วยน้ำตา” เขาคำรามอย่างไม่สบอารมณ์ ให้ตาย เขาเกลียดที่สุดคือน้ำตาของผู้หญิง“ก็คุณกำลังจะข่มขื่นฉัน ฉันต้องดีใจหรือไง” ตะคอกกลับเสียงสะอื้น “ข่มขื่นเหรอ พูดให้ถูกมันคือหน้าที่ของเธอต่างหาก”
จ้างรัก
อนามิกา หญิงสาวที่ถูกเลิกจ้างงานต้องการแค่ไปเที่ยวพักผ่อนที่ลาสเวกัสตามคำชักชวนของเพื่อนรักไม่นานก็จะกลับ แต่ก็ดันเกิดเรื่องไม่คาดฝันทำให้เธอจำเป็นต้องทำงานที่นั่นต่อ แล้วจะทำอย่างไรเมื่อเธออยากอยู่และทำงานที่ลาสเวกัสแบบถูกกฏหมายกรีนการ์ดคือสิ่งที่เธอต้องการ และวิธีที่จะได้มันมาเธอกับเพื่อนคิดไม่ออกนอกจากการจ้างใครสักคนมาจดทะเบียนสมรสและผู้ชายที่ อนามิกา หาได้คือผู้ชายมอซอ หิวโซ ไม่มีกระทั่งเงินซื้อขนมปังกินเพราะเสียพนันจนหมดตัวแต่...ใครจะรู้ละว่าผู้ชายมอซอ หิวโซคนนั้นคือ เคเลอร์ วิล ดาเวนพอร์ต เจ้าของคาสิโนชื่อดังในลาสเวกัส
ลำน้ำรักซัดทรายเสน่หา
บุรุษผู้มีดวงตาสีไพลินชวนหลงใหล ที่ได้ชื่อว่าเป็นคนใจเย็นดั่งสายน้ำแห่งท้องทะเลทราย…ต้องกลับกลายมาเป็นคนใจร้อนดั่งไฟเมื่อหัวใจถูกปลุกเร้าด้วยเสน่หาจากคุณหมอสาวชีคซาลซาเอล อัล จารีออัล อินทาจ รัชทายาทอันดับสองของรัฐคูเวอร์ประเทศดารานห์ บุรุษผู้มีใบหน้าหล่อเหลาคมคาย และที่สำคัญเป็นผู้ที่มีนัยน์ตาสีไพลินทรงเสน่ห์ล้นเหลือ อีกทั้งยังเป็นชีคที่ใจดีและใจเย็นดุจสายน้ำกลางทะเลทรายจนกระทั่งได้เจอคุณหมอศัลยแพทย์สาวฝีมือจากเมืองไทยอย่าง คุณหมอหยา ทำให้บุรุษผู้ใจเย็นดุจสายน้ำกลายเป็นบุรุษผู้มีใจเสน่ห์ที่ร้อนรุ่มไปได้ในชั่วพริบตา“อุ๊ย! ท่านชีคท่านทำอะไรน่ะ หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ”คุณหมอสาวอุทานตาโตเมื่อชุดของเธอถูกร่นขึ้นมากองอยู่เหนืออก พลางจะขยับตัวหนีแต่ร่างใหญ่ที่คร่อมอยู่ด้านบนกลับไม่ยอม รวบมือบางที่คอยผลักไสพระองค์ไปตรึงไว้เหนือศีรษะ แล้วทอดมองใบหน้าสวยที่แดงก่ำขณะเดียวกันก็ดูตื่นตระหนกด้วยรอยยิ้ม“ตอนแรกผมกะว่าจะปลุกคุณให้ตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นด้วยกัน แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้ว อีกสองชั่วโมงกว่าๆ พระอาทิตย์ถึงจะขึ้น ได้อีกตั้งหลายยก”“บ้า! ยกอะไรปล่อยเดี๋ยวนี้นะตาชีคหื่น”หญิงสาวตวาดแวดเมื่อชีคหนุ่มพูดเรื่องหน้าอายได้อย่างไม่สะทกสะท้าน เป็นเธอซะอีกที่อายจนหน้าแดงก่ำ พลางขยับตัวหวังจะหลุดพ้นจากการพันธนาการ “เพราะคุณนั่นแหละผมถึงหื่น”
หัวใจซ่อนรัก
ขัตติยะ...เพราะไม่อยากมีห่วงมาคล้องคอจึงคิดเกม 'แฟนกำมะลอ' ขึ้นมาเพื่อตบตามารดาพีรยา...เพราะรักและหนี้จึงยอมกระโดดลงไปร่วมเกม 'แฟนกำมะลอ' อย่างเลี่ยงไม่ได้“เธอทำอะไร”“อ้าว ก็นายให้ฉันแสดงความรักฉันก็ทำแล้วไง”“นี่แม่คุณ ฉันไม่ใช่ลูกชายหรือน้องชายของเธอนะ จะได้มาแสดงความรักโดยการกอด ลูบหัวลูบหลังอย่างนี้น่ะ”ขัตติยะดันร่างนุ่มนิ่มในอ้อมแขนออก แล้วยืดตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เท้าสะเอวเอียงคอมองหญิงสาวที่นั่งมองเขาตาเขียว ก่อนส่ายหน้า นี่เขาคิดผิดหรือคิดถูกที่มาเลือกยายลิงทโมนอย่างพีรยามาแสดงเป็นแฟนเนี่ย“ยังไงการกอดมันก็ถือได้ว่า เป็นการแสดงความรัก ต่อคนที่รักอีกวิธีหนึ่งละน่า”“แต่สำหรับคนเป็นแฟนกันมันต้องจูบ...เคยไหม จูบน่ะจูบ แล้วก็ต้องจูบตรงนี้ด้วย” ชายหนุ่มชี้ไปที่ริมฝีปากของตัวเอง พร้อมกับทิ้งตัวลงไปนั่งจนชิดกับหญิงสาวอีกครั้ง“ห๊า! จูบปากนายเนี่ยนะ..."
หัวใจบ่มรัก
‘เด็กกะโปโล’ คือคำจำกัดความของ วรรณวลี ในสายตาของหนุ่มหล่อพี่ชายข้างบ้านอย่าง พศวัต และ ‘ตาแก่’ ที่กล้าพูดว่าเธอเป็นเด็กกะโปโล คอยดูเถอะเด็กกะโปโลคนนี้จะทำให้ตาแก่ปากร้ายมาสยบแทบเท้าให้ได้ในอดีตเขาเคยปฏิเสธการหมั้นหมายกับ วรรณวลี ตามความต้องการของผู้ใหญ่เพราะคิดว่าเธอยังเด็กเกินไปสำหรับเรื่องพวกนี้ แต่ในวันนี้เด็กสาวในอดีตกลับมาพร้อมการเป็นหญิงสาวที่สวยสะพรั่ง เสน่ห์ยั่วยวนใจเขาอย่างร้ายกาจ และนั่นมันทำให้เขาอยากจะทำให้ความต้องการของผู้ใหญ่ในอดีตให้เป็นจริง …เขาต้องทำมันให้สำเร็จ ก็ผู้หญิงคนนี้เกือบจะถูกหมายปองให้เป็นของเขาตั้งแต่หลายปีก่อนแล้วนี่ และตอนนี้ก็ได้เวลาเอาจริง!!!“ยะ…หยุดนะ” ห้ามเสียงสั่นพร้อมทั้งดิ้นขัดขืนและพยายามดึงตัวเองกลับ แต่ก็ดูเหมือนจะไร้ผล ยิ่งดิ้นชายหนุ่มก็ยิ่งกอดแน่นขึ้นไปอีก“หือ…อย่าหยุดเหรอได้…จัดไป”“กรี๊ดดด! หยุดดด! ไม่ใช่อย่าหยุด ไอ้พี่พตบ้า” วรรณวลีตวาดแว้ดมือไม้ทั้งผลักไสทุบตีคนบ้ารัวไม่เลือกที่และไม่มียั้ง หลบได้ก็หลบแต่ถ้าหลบไม่ได้ไม่ก็ต้องโดนจนช้ำกันไปบ้างล่ะ“พอแล้ว พอแล้ว พี่ยอมแล้ว ไม่ทำอะไรเราแล้ว” พศวัตห้ามเสียงกลั้วหัวเราะ พร้อมทั้งหลบซ้ายหลบขวายกแขนรับกำปั้นน้อยๆ ที่รัวเข้าใส่อย่างรู้สึกสนุกมากกว่าเจ็บตัว“สัญญานะ” ถามอย่างระแวง“ครับ…” เพียงเท่านั้นมือบางก็ผลักอกกว้างแรงๆ เป็นการส่งท้าย ก่อนจะขยับตัวกลับมานั่งที่เบาะของตัวเองพร้อมทั้งรัดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อย อย่างน้อยก็ป้องกันไม่ให้เขากระชากเธอเข้าไปหาอีก ด้วยใบหน้าที่บึ้งตึงและแดงก่ำ“งั้นก็รีบๆ กลับบ้านสิคะ ฉัน…ว้าย!” วรรณวลีร้องเสียงหลง รีบยกมือปิดปากที่โดนพศวัตอาศัยโอกาสเพียงแค่เสี้ยวนาทีขโมยจูบไปอีกครั้งเอาไว้ ส่วนอีกข้างยกขึ้นชี้หน้าคนฉวยโอกาสที่นั่งหัวเราะยักคิ้วหลิ่วตาอย่างยียวนอย่างโมโหระคนอายจนตัวสั่น“เอาสิเรียกแบบนั้นอีกสิ ฉันๆ คุณๆ เนี่ย พ่อจะจูบให้หนำใจเลย”
เจ้าหัวใจแดนเถื่อน
เพราะเงื่อนไขของบุพการี ‘ทรรศิกา’ จำต้องไปใช้ชีวิตที่บ้านนอกคอกนา เป็นเวลาหนึ่งเดือน และที่นั่นเองเธอก็ได้พบกับ ‘เขา’ หนุ่มหล่อคมเข้ม ที่มีทั้งความเถื่อนและอ่อนโยนจนเริ่มทำให้หัวใจของเธอหวั่นไหวเพราะคิดว่าเป็นคุณหนูจากเมืองกรุงประเภทเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ทำให้ ‘อคิราภ์’ รู้สึกไม่ชอบ ‘ทรรศิกา’ ตั้งแต่ยังไม่เห็นหน้าแต่ตัวจริงที่สวยราวกับนางฟ้าเดินดิน ทำเอาหัวใจเขาถึงกับหวั่นไหว นานวันยิ่งใกล้ชิดเขาก็ไม่อยากให้เธอจากไป อยากให้มาเป็น เจ้าหัวใจในแดนเถื่อน แห่งนี้ แต่ทว่าเขาจะทำอย่างไร เมื่อสาวเจ้ากลับมีเจ้าของจับจองหัวใจอยู่แล้ว“วันหลังเวลาขอของจากผู้ใหญ่หัดพูดให้มันเพราะๆ หน่อยสิ...เอ้า เอาไปไม่เห็นน่าพิศวาสตรงไหนไซส์อนุบาลซะขนาดนั้น”หลังจากแกล้งจนพอใจ มือหนาจึงวางเสื้อชั้นในตัวน้อยพาดลงบนบ่าของหญิงสาว ที่ยืนหน้าตูมหายใจฟืดฟาด ก่อนจะพาร่างสูงของตัวเองเดินหายเข้าห้องน้ำไปอย่างไม่สนใจคนที่ยืนตัวสั่น เพราะโกรธและอายที่โดนดูถูก“อะ...ไอ้บ้า! ไซส์อนุบาลบ้านคุณนะสิคัพบี จำไว้เลยนะ...โธ่เอ๊ย! ตัวเองเหมือนกับหนอนใบชาล่ะสิถึงได้มาว่าคนอื่นทุเรศ”มือหนาที่กำลังจะดึงผ้าเช็ดตัวออกจากเอว เปลี่ยนมายืนถอนหายใจหนักๆ เอากับเขาสิยัยคุณหนูผู้ไม่รู้จักแพ้ เดี๋ยวได้รู้สึก ชายหนุ่มคิดอย่าหมั่นเขี้ยว“ดูถูกใช่ไหม หนอนใบชาใช่ไหม...ได้...อย่างนี้มันต้องพิสูจน์ให้เห็นกับตา”
บ่วงรักทาสเสน่หา
“คุณธี คุณจะทำอะไรน่ะ ปล่อยนะคะ!” ประณาลีถามเสียงตื่น พยายามดิ้นรนขัดขืนตุบตีและผลักไสร่างใหญ่ให้ออกห่าง แต่ดูเหมือนเขาจะไม่สะทกสะท้าน“ไม่มีทางที่รัก ผมปล่อยคุณมานานเกินไปแล้ว” เอ่ยจบนิธิภัทรก็เปลี่ยนจากกอดรัดมาตวัดร่างบางขึ้นอุ้ม แล้วเดินดุ่มๆ ตรงไปที่เตียงกว้าง ท่ามกลางเสียงวี้ดร้องและกระเสือกกระสนของหญิงสาว“ไม่นะคุณธี คุณจะทำอย่างนี้กับฉันไม่ได้นะ ฉันเป็นพี่เลี้ยงไม่ได้เป็นนางบำเรอของคุณ”“ก็ใครบอกว่าจะให้คุณเป็นนางบำเรอล่ะทูนหัว” นิธิภัทรวางร่างบางลงบนเตียงกว้างแล้วโถมร่างใหญ่ตามลงไปแบบติดๆ จากนั้นเขาก็ทำการปิดปากพี่เลี้ยงสาวที่มักจะปฏิเสธเขาตลอดเวลาด้วยจูบอ่อนหวาน ขณะเดียวกันกำปั้นน้อยๆ ของหญิงสาวก็ยังทุบเข้าที่ไหล่กว้าง แต่ไม่นานมือนั้นก็ค่อยๆ เปลี่ยนมาเป็นลูบไล้อย่างเคลิ้มไปกับจูบที่เริ่มเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ สติที่คอยย้ำเตือนตัวเองอยู่ตลอดเวลาแตกกระเจิงไม่มีชิ้นดี เหลือเพียงความรู้สึกลึกๆ ที่เก็บงำเอาไว้ภายในใจ ที่เริ่มจะแสดงออกมา และเมื่อเป็นอย่างนั้นทำให้ประณาลีกล้าพอที่จะจูบตอบกลับไปอย่างไม่ประสีประสามากนัก หากแต่จูบนั้นแฝงไปด้วยความเร่าร้อนอ่อนหวาน มันจึงสามารถเรียกเสียงครางจากชายหนุ่มได้เป็นระยะๆ สร้างความร้อนรุ่มไปทุกอณูขุมขน เปลวไฟพิศวาสคุกรุ่นพร้อมจะมอดไหม้ นิธิภัทรไม่รอช้าจัดการปราการที่ขวางกั้นทั้งของตัวเองและประณาลีที่นอนอ่อนระทวยใต้ร่างออกอย่างชำนาญ“คืนนี้คุณจะต้องชดเชยเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมานะที่รัก”