บทย่อ
เมื่อรักต้องได้ เมื่อไม่ได้ต้องตื๊อ...“ฉันชอบคุณ”สาธุถึงกับอึ้งรับประทาน กลอกตาไปมา เลียริมฝีปากที่อยู่ดีๆ ก็แห้งผาดขึ้นมาซะงั้น จู่ๆ ก็โดนสาววิ่งมาบอกรักถึงบ้าน แถมมาแบบตรงๆ ไม่มีอ้อมค้อม เขาควรทำไง“ผมบอกแล้วไงว่าเรื่องนั้นล้อเล่น” คือตอนพูดไม่ได้คิดอะไร แค่อยากหยอกสาวสวยที่รู้สึกว่าน่ารักดีเล่นๆ ตามประสา“คุณล้อเล่นแต่ฉันเอาจริงค่ะ” วริยายังยืนยันเจตนารมณ์ของตัวเองชัดเจน“ไม่” สาธุปฏิเสธทันควัน เพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงจะไม่ได้จริงจังนักหรอก อาจจะทำเพื่อความสนุกฆ่าเวลาเล่นๆ ระหว่างยังอยู่ที่นี่“คุณไม่ แต่ฉันจะเอา” วริยายืดตัวนั่งหลังตรงกอดอกหน้าเชิดอย่างถือดี“เอาอะไร” สาธุย้อนถาม แล้วเขาก็ต้องสำลักน้ำลายเมื่อเจอคำตอบที่ตรงไปตรงมาของหญิงสาวอีกครั้ง“เอาคุณมาเป็นแฟนไงคะ”
1 บุคคลที่สามกับการพนัน (1)
ทันทีที่ก้าวเท้าลงมาจากรถตู้ วริยาก็กางมือ สูดอากาศที่แสนจะบริสุทธิ์เข้าให้เต็มปอด กลิ่นต้นไม้ใบหญ้ามันช่วยให้ความหนักอึ้งเมื่อยล้าจากการเดินทางลดลงไปได้เยอะทีเดียว อากาศแบบนี้หาไม่ได้หรอกจากในตัวเมืองกรุงที่เต็มไปด้วยมลภาวะทางอากาศ ไม่ใช่สิทางเสียงด้วย
“อากาศดีแบบนี้น่าจะมาสักเดือนละครั้ง” หญิงสาวที่ยืนยิ้มเท้าเอวมองไปรอบๆ เอ่ยขึ้นลอยๆ
“ว่างเหรอ” วายุที่ลงจากรถมาพร้อมกับลูกสาวตัวน้อยวัยสองขวบปลายๆ แย้งขึ้นทันที และสิ่งที่เขาได้รับตอบกลับมาจากน้องสาวคือค้อนวงเบ้อเร้อ
“พี่นึกว่ายาจะอยากมาอยู่ที่นี่เสียอีก”
“แหม...พี่เบญ อยากจนตัวสั่นเลยค่ะ” วริยายกแขนขึ้นกอดตัวเองแล้วทำตัวสั่นไปกระแซะพี่ชาย แม้อีกฝ่ายจะเบี่ยงหลบ เธอก็ยังตามไม่เลิก เห็นแล้วเบญจาก็ได้แต่หัวเราะ
“เขาจะเอาเหรอ” วายุถามเสียงหยัน ยกนิ้วขึ้นมานับ “สามปี ยังไม่ถอดใจอีก” แล้วถามน้องสาวด้วยสีหน้าจริงจังขึ้นนิดหน่อย
“ถอดใจ คำนี้ไม่เคยปรากฏในพจนานุกรมของคนอย่างวริยา และคราวนี้แหละ อีตาบ้าธุหนีไม่พ้นมือยาแน่ๆ” หญิงสาวกอดอกเชิดหน้าบอกพี่ชายอย่างมั่นใจเหมือนกับทุกครั้งที่พูดถึงเรื่องนี้
“มั่นใจมาก”
“มาก” วริยาตอบกลับอย่างไม่ลังเล
“แต่เหมือนพี่จะได้ยินประโยคนี้ทุกปีนะ ว่าไหมต้นรัก” วายุหันไปพูดกับลูกสาวตัวน้อย
“พี่ยุ!” วริยาเข้าไปหยิกต้นแขนพี่ชายที่มักพูดจี้ใจดำเธอบ่อยๆ ไม่ให้กำลังใจ แล้วยังชอบปากเสียอีก
“อะไร มันก็จริงนี่นา เราเข้าบ้านกันดีกว่าเนาะต้นรัก” คนเป็นพี่ล้อเสียงกลั้วหัวเราะแล้วชวนลูกสาวเข้าไปบ้านพ่อตาแม่ยายที่ปีนี้เพิ่งจะมีโอกาสได้มาเยี่ยม ซึ่งปกติมาปีละสองครั้ง
“อายาเป็นอะไรคะ” หนูน้อยถามอย่างสงสัย เมื่อเห็นพ่อกับอาเถียงกันในเรื่องที่หนูน้อยไม่เข้าใจ
“อยากมีผะ...” วายุพูดยังไม่ทันจะจบประโยคภรรยาสาวก็ปรามขึ้น “คุณยุ!”
“อาอยากได้แฟนสักคน ต้นรักช่วยอาได้ไหมคะ” วริยาแกล้งเข้าไปอ้อนหลานสาวตัวน้อย
“ต้นรักไม่มีเงิน” หนูน้อยมองเลิ่กลั่ก หันไปมองแม่ทีพ่อที แล้วเอ่ยตามประสาเด็กว่า “คุณพ่อคุณแม่ซื้อให้อายาได้ไหมคะ”
ได้ยินอย่างนั้นผู้ใหญ่ทั้งสามถึงกับหัวเราะชอบใจ โดยเฉพาะวริยา “อุ๊ยตาย! จะให้อาซื้อกินเลยเหรอลูก”
“พอๆ สองพี่น้องเนี่ยยิ่งคุยยิ่งเลอะเทอะ อย่าไปฟังลูก” เบญจามองค้อนคนที่ชอบพูดชอบสอนอะไรแปลกๆ ให้หนูน้อยวัยกำลังพูดกำลังจำฟังอยู่เรื่อย
“หนูต้นรัก...” เสียงร้องเรียกหลานสาวจากคนที่กำลังเดินออกมาจากข้างในบ้าน ทำให้หนูน้อยปล่อยมือคนเป็นพ่อแล้ววิ่งไปหาผู้สูงวัยทั้งสองทันที
“คุณตาคุณยาย...”
“สวัสดีค่ะ” วริยายกมือไหว้ผู้สูงวัยทั้งสอง ก่อนจะหยิบกระเป๋าเดินทางของตัวเองแล้วลากเข้าไปในบ้านพร้อมๆ กับพี่สะใภ้
“คราวนี้จะมาอยู่นานแค่ไหนล่ะ” นายวันดีถามขึ้นโดยไม่เจาะจงว่าเป็นใคร
“ราวๆ อาทิตย์หนึ่งเหมือนเดิมแหละค่ะ” เบญจาที่เขี่ยแก้มยุ้ยของลูกสาวที่อยู่ในอ้อมแขนของคุณยายตอบ
“ยาอยากอยู่นานกว่านั้น” วริยาบอกอย่างเสียดาย จริงๆ เธอจะอยู่ต่อก็ได้ เพราะกิจการต่างๆ ที่ทำอยู่ก็ไม่ได้รัดตัวอะไร แต่คนที่จะบ่นคือพี่ชายและแม่ของเธอนั่นแหละ
“ก็หาผัวเป็นคนที่นี่สิ ง่ายจะตาย” นายวันดีแนะนำเสียงกลั้วหัวเราะ ซึ่งวริยาก็หัวเราะตอบแล้วรีบเออออตามอย่างถูกใจ “ยาก็ว่าอย่างนั้นแหละค่ะ”
“ไอ้ธุล่ะสิ” นายวันดีถามอย่างรู้ดี เพราะวริยาไม่ได้ปิดบัง แสดงออกอย่างชัดเจน เจ้าตัวเองมันก็รู้แต่ยังคงนิ่ง
“คุณลุงเนี่ยรู้ใจยาจังเลยนะคะ”
“ไม่ใช่เสร็จนังมีนาไปแล้วเหรอ เขาลือกันทั่วหมู่บ้าน ว่าสองคนนั้นเหมือนจะชอบพอกันอยู่นะ” คำพูดของนางจารุวรรณเหมือนมาดับฝันดับกำลังใจของวริยา ที่ตอนนี้ถึงกับนิ่งอึ้ง ความรู้สึกเจ็บแปล๊บแล่นปราดไปทั่วร่าง
“มีนาไหนคะคุณป้า ทำไมยาไม่เห็นรู้เรื่องเลย” แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็อดไม่ได้ที่จะถาม พยายามกะพริบตาที่มันร้อนผ่าวถี่ๆ ยกมือลูบบริเวณระหว่างคิ้วมาตามสันจมูกรัว เพื่อไล่น้ำใสๆ ที่คลออยู่ให้มันไหลย้อนกลับ แล้วเธอก็ทำมันสำเร็จ และคิดว่าไม่มีใครทันสังเกต
“จะรู้ได้ไงก็เราอยู่กรุงเทพ”
“คุณธุไม่เห็นพูดถึง” อย่างน้อยเธอก็ถามเรื่องผู้หญิงกับเขาบ่อยๆ ไม่ต่ำกว่าอาทิตย์ละครั้ง เพื่อที่จะได้แสดงจุดยืนว่าควรจะไปต่อดีหรือไม่
“แกเป็นใครเขาจะต้องรายงาน” พี่ชายย้อนถาม เหมือนเขาจะชอบขัดคอ แต่จริงๆ ก็คือเป็นห่วง สาธุเป็นคนดีในสายตาทุกคนก็จริง แต่เรื่องนี้เขาไม่รู้หรอกวาอีกฝ่ายจะอะไรยังไง ไม่อยากให้น้องสาวทุ่มมากจนเกินไป ถ้าเจ็บมันจะเจ็บหนัก ซึ่งเขาไม่ต้องการให้เป็นอย่างนั้นเลยจริงๆ
“มีนาไหนแม่ ลูกสาวตาสิงห์น่ะเหรอ” เบญจาถามอย่างสงสัย
“อื้อ”
“ใช่เหรอ พี่ว่าไปถามพี่ธุเองดีกว่า” หญิงสาวหันไปคุยกับน้องสามีที่ซึมลงไปทันตา แต่ถึงอย่างนั้นก็กำลังวางกระเป๋าและจะเดินออกจากบ้าน
“จะไปไหน” วายุเข้าไปดึงแขนเอาไว้พลางถอนหายใจ ถามไปงั้นแหละแต่รู้ละว่าจะไปหาคนที่ทุกคนพูดถึงที่บ้าน
“ไป...” วริยาชี้ออกไปข้างนอก
“เอาของไปเก็บให้เรียบร้อย เรื่องผู้ชายละวิ่งไวเชียว” คนเป็นพี่ชายบอกอย่างอ่อนใจ
“บ่นเป็นตาแก่ไปได้” วริยากระฟัดกระเฟียดเดินกลับมาลากกระเป๋าไปเก็บในห้องที่เธอใช้ประจำเมื่อมาที่นี่อย่างหงุดหงิดที่โดนพี่ชายขัดใจ
“คุณก็ดุน้อง” และก็เป็นเบญจาอีกครั้งที่ปรามสามี
“ไม่ได้หรอก ถ้าปล่อยไปตอนนี้ยาวแน่ๆ ของเขิงไม่ได้เก็บกันพอดี” วายุบอกอย่างรู้จักนิสัยน้องสาวของตนดี