บทย่อ
มารีญา ต้องหาใครสักคนมาแต่งงานด้วยไม่อย่างนั้นเธอได้โดนพ่อจับคลุมถุงชนแน่ และผู้ชายโชคร้าย เอ๊ย! โชคดีคนนั้นก็จะใครล่ะ? ถ้าไม่ใช่เพื่อนพี่ชายสุดหล่อที่ถูกตาเตะใจให้กระเด็นกระดอนตั้งแต่แรกเห็น มาเถอะพี่มาเป็นสามีฉัน... ชลธี ต้องการเงินเพราะน้องชายยักยอกเงินบริษัทไปเกือบสิบล้าน แล้วเขาจะหามันจากที่ไหนล่ะ? ไปขอยืมเพื่อน แต่น้องสาวเพื่อนกลับยื่นข้อเสนอและเงื่อนไขแปลกๆ มาให้ อยากได้เงินก็ต้องแต่งงาน... .................... “แบม...” “ค่ะ...คะ” “อยากทำเหมือนคู่แต่งงานอื่นเขาทำจังเลย” “ทะ...ทำอะไรคะ” ชลธียื่นหน้ามาจูบที่ปากของหญิงสาวเบาๆ แล้วมองใบหน้าสวยนั้นด้วยสายตากรุ้มกริ่ม “คิดว่าคืนเข้าหอบ่าวสาวเขาทำอะไรกันล่ะ แต่เราแต่งแบบมีเงื่อนไข เลยไม่กล้า...” พูดยังไม่ทันจะจบประโยคดี ปากของเขาก็ถูกเจ้าสาวคนสวยครอบครอง “ถ้าพี่ไม่กล้า มาค่ะน้องจะเป็นคนเริ่มเอง” มารีญายิ้มใส่ดวงตาคมที่ดูหวั่นไหวแล้วก้มลงจูบริมฝีปากหนานั้นเบาๆ ชลธีเปิดปากรับแล้วจูบตอบด้วยความเร่าร้อน “พี่ไม่หยุดแล้วนะ” “แล้วใครบอกให้พี่หยุดล่ะคะ” ……………………. “พอเมาพี่ก็หื่น” “แบมไม่ชอบ...” “ชอบต่างหากล่ะ พี่ดูเป็นตัวของตัวเองดี มีอะไรก็ปลดปล่อยไม่เก็บเอาไว้คนเดียว” “อย่างนั้นเหรอ แล้วตอนนี้รู้ไหมว่าพี่อยากปลดปล่อยอะไร” “ปลดปล่อยอะไรคะ” “ปลดปล่อยอารมณ์ให้ทำตามที่ใจต้องการไง...” “ก็ทำสิคะ รออะไร” “รอเราอนุญาตไง” มารีญาพลิกตัวขึ้นคร่อมแล้วเป็นฝ่ายเริ่มจูบอย่างดูดดื่มก่อน เมื่อผละออกมาเธอก็ยิ้มยั่วใส่ตาเขาพร้อมกับค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าของตัวเองออก “ทำแบบนี้ดูออกไหมคะว่าอนุญาตหรือยัง” “ถ้ายั่วขนาดนี้ไม่อนุญาตพี่ก็จะทำ”
ตอนที่ 1 คำสั่งของพ่อ (1)
ตอนที่ 1 คำสั่งของพ่อ
วันนี้คนเป็นพ่อบอกว่ามีเพื่อนจะมากินข้าวด้วยทำให้มารีญากับธนาที่ปกติกลับมากินข้าวที่บ้านบ้างไม่กลับมากินบ้าง เพราะเรื่องงานตอนนี้มานั่งหน้าสลอนอยู่ที่โต๊ะอาหาร และมีการปรายตามองกันสลับกับคนเป็นพ่อกับเพื่อน เมื่อได้ยินสิ่งที่พวกท่านคุยกัน
“ดูลูกฉันสิหน้าตาก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไรทำไมไม่ยอมมีแฟนกันสักที ทำไมนะ” ตอนท้ายนายเอกภพหันมามองลูกทั้งสองคน ที่แกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน แล้วส่ายหน้า มาคุยกับเพื่อนต่อ “ถ้าหาคนมาแต่งงานกับพวกนี้ จะมีคนยอมแต่งไหมวะ”
“หล่อสวยขนาดนี้แย่งกันล่ะสิไม่ว่า” เพื่อนของพ่อพูดเสียงกลั้วหัวเราะ “เดี๋ยวแนะนำให้ ทั้งสองคนอยากได้คนแบบไหนล่ะ” ตอนท้ายหันมาถามความเห็นของมารีญากับธนา ที่เอาแต่นั่งกินข้าวกันเงียบ ๆ
“เอ่อ...พวกเรา...” ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรคนเป็นพ่อก็ยกมือปรามราวกับไม่อยากได้ยินคำพูดน่าเบื่อนั้นอีกแม้แต่นิดเดียว “ไม่ต้องพูด พ่อรู้ว่าพวกแกจะพูดอะไร ยังไม่พร้อม เอาอะไรมาไม่พร้อม เงินทองทรัพย์สิน ต่อให้พวกแกมีผัวมีเมียคนละสี่ห้าคนยังเลี้ยงไหวเลย”
“อยากได้เยอะขนาดนั้นเชียว”
“ประชด คนเดียวพวกแกยังหาไม่ได้เลย ลำบากฉันต้องหาให้เนี่ย”
“เนื้อคู่พวกเราอาจจะยังไม่ทันเกิดก็ได้มั้งคะ พ่อก็ใจเย็น ๆ นิดหนึ่ง”
“มาเกิดตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วไหม” ธนาแย้งเลยโดนคนเป็นน้องสาวใช้เท้าเตะหน้าแข้ง ไม่อยากให้พี่ชายสุมไฟใส่คนเป็นพ่อมากไปกว่านี้
“เย็นจนจะเข้าโลงอยู่แล้ว พวกแกก็ปาเข้าไปสามสิบกว่าทุกคน เมื่อไหร่ฉันจะได้เห็นหน้าหลานสักที”
“พ่ออยากเห็นหน้าลูกของพี่แน่ะ” มารีญาใช้ศอกกระทุ้งพี่ชายยิ้มๆ
“ลูกแกต่างหาก รีบๆ มีผัวได้แล้ว ลำบากคนอื่น”
“อย่ามาโยน ได้ข่าวว่ามีสาวๆ มาติดพันหลายคน เลือกมาเป็นเมียสักคนสิ ฉันจะได้ไม่ต้องโดนกดดันแบบนี้”
“ไม่ต้องเถียงกัน แบบนี้ประจำเลย” นายเอกภพส่ายหน้า แล้วหันมาปรึกษากับเพื่อนต่อ “แกดูละกันว่ามีใครที่พอจะแนะนำมาปราบพยศเจ้าพวกนี้ลงหน่อย”
“ได้ๆ” เพื่อนพ่อรับปากเสียงกลั้วหัวเราะ
จากนั้นผู้สูงวัยทั้งสองก็กินไปคุยกันไปอย่างออกรสชาติ ในทุกเรื่องๆ โดยเฉพาะเรื่องหาคู่ให้กับมารีญากับธนา แต่เหมือนสองคนนั้นจะไม่ได้เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจ เมื่อกินข้าวอิ่มต่างคนต่างก็แยกย้ายห้องใครห้องมัน เพราะเรื่องนี้พวกเขาได้ยินจนเบื่อ ไม่ว่าจะเป็นการบ่นพวกเขาที่ไม่ยอมมีแฟนและขู่ว่าถ้าไม่หาเอง ท่านจะหาให้ พูดนับรอบไม่ได้ ถึงคราวนี้จะมีการดึงคนอื่นมาร่วมด้วยก็เถอะ แต่คิดว่าน่าจะไม่มีอะไร
ตราบใดที่พวกเขายังไม่อยากจะมี ใครก็บังคับไม่ได้ทั้งนั้น
คิดแบบนั้นทว่าในช่วงสายๆ ของวันหยุด ธนาที่แต่งตัวกำลังจะออกไปข้างนอก ในขณะที่มารีญาหอบโน๊ตบุ๊คจะไปที่สวนหลังบ้าน ก็ถูกคนเป็นพ่อที่เหมือนกำลังนั่งรอจังหวะอยู่ที่ห้องรับแขกเรียกเอาไว้
“เดี๋ยวจะไปไหนกัน” นายเอกภพลุกขึ้นยืนมองลูกสาวกับลูกชายที่กำลังจะเดินแยกกันไปคนละทางแล้วกระดิกนิ้วเรียกทั้งคู่
“ผมมีนัดกับเพื่อนครับ” ธนาตอบทั้งที่ยังไม่ได้ขยับจากกลางโถงห้องรับแขก ในขณะที่มารีญาเดินมานั่งที่โซฟา วางของในมือลงบนโต๊ะ “หนูว่าจะไปนั่งเคลียร์งานที่สวนหลังบ้านค่ะ”
“พ่อมีเรื่องจะคุยด้วย” นายเอกภพใช้สายตาเรียกลูกชายคนโตที่ยังไม่ยอมเดินมาหา
“ตอนเย็นได้ไหมครับ ผมรีบ” ธนาโอดครวญ เดินอย่างคนเบื่อหน่ายมายืนพิงพนักโซฟาแทนการนั่ง
“ไม่ได้”
“แต่พ่อ...” ธนาจะแย้ง แต่ก็โดนคนเป็นพ่อสั่งเสียงเข้ม “นั่งลง”
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ พ่อดูหน้าเครียดๆ” มารีญายังถามด้วยท่าทีสบายๆ แม้จะมีงานต้องเคลียร์ แต่ก็ไม่ได้เร่งรีบอะไร วันนี้วันหยุดว่างตอนไหนก็ทำตอนนั้น ส่วนพี่ชายเธอสินัดเพื่อนหรือหญิงก็ไม่รู้ ดูสินั่งทำหน้าบูดอย่างกับแกงค้างคืน
“ในชีวิตพ่อ นอกจากเรื่องพวกแกแล้วจะเครียดเรื่องอะไรได้ล่ะ” นายเอกภพมองสองพี่น้องที่เขาต้องเลี้ยงมาเพียงลำพังตั้งแต่เด็ก หลังจากที่ภรรยาเสียไปตอนที่ลูกชายคนโตอายุได้แค่สิบขวบเท่านั้น
“นี่ถ้าพ่อจะบ่นเรื่องเดิมล่ะก็ พอเถอะ พ่อเบื่อ ผมเองก็เบื่อ” ธนากลอกตาไปมาพร้อมกับถอนหายใจ
“นั่นสิคะ พวกเราเองก็ยังไม่ได้อายุเยอะเท่าไหร่ เดี๋ยวนี้อายุสามสิบต้นๆ ก็ยังวัยรุ่นอยู่เลย ยังสนุกกับงานและการใช้ชีวิต ส่วนเรื่องแต่งงาน จริงๆ ไม่แต่งเราก็อยู่ได้นะคะพ่อ พวกเราไม่เหงาเลย” มารีญารีบเสริม