บทย่อ
บุรุษผู้มีดวงตาสีไพลินชวนหลงใหล ที่ได้ชื่อว่าเป็นคนใจเย็นดั่งสายน้ำแห่งท้องทะเลทราย…ต้องกลับกลายมาเป็นคนใจร้อนดั่งไฟเมื่อหัวใจถูกปลุกเร้าด้วยเสน่หาจากคุณหมอสาวชีคซาลซาเอล อัล จารีออัล อินทาจ รัชทายาทอันดับสองของรัฐคูเวอร์ประเทศดารานห์ บุรุษผู้มีใบหน้าหล่อเหลาคมคาย และที่สำคัญเป็นผู้ที่มีนัยน์ตาสีไพลินทรงเสน่ห์ล้นเหลือ อีกทั้งยังเป็นชีคที่ใจดีและใจเย็นดุจสายน้ำกลางทะเลทรายจนกระทั่งได้เจอคุณหมอศัลยแพทย์สาวฝีมือจากเมืองไทยอย่าง คุณหมอหยา ทำให้บุรุษผู้ใจเย็นดุจสายน้ำกลายเป็นบุรุษผู้มีใจเสน่ห์ที่ร้อนรุ่มไปได้ในชั่วพริบตา“อุ๊ย! ท่านชีคท่านทำอะไรน่ะ หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ”คุณหมอสาวอุทานตาโตเมื่อชุดของเธอถูกร่นขึ้นมากองอยู่เหนืออก พลางจะขยับตัวหนีแต่ร่างใหญ่ที่คร่อมอยู่ด้านบนกลับไม่ยอม รวบมือบางที่คอยผลักไสพระองค์ไปตรึงไว้เหนือศีรษะ แล้วทอดมองใบหน้าสวยที่แดงก่ำขณะเดียวกันก็ดูตื่นตระหนกด้วยรอยยิ้ม“ตอนแรกผมกะว่าจะปลุกคุณให้ตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นด้วยกัน แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้ว อีกสองชั่วโมงกว่าๆ พระอาทิตย์ถึงจะขึ้น ได้อีกตั้งหลายยก”“บ้า! ยกอะไรปล่อยเดี๋ยวนี้นะตาชีคหื่น”หญิงสาวตวาดแวดเมื่อชีคหนุ่มพูดเรื่องหน้าอายได้อย่างไม่สะทกสะท้าน เป็นเธอซะอีกที่อายจนหน้าแดงก่ำ พลางขยับตัวหวังจะหลุดพ้นจากการพันธนาการ “เพราะคุณนั่นแหละผมถึงหื่น”
บทนำ คุณหมอซุ่มซาม ตอนที่ 1 ชีคเอาแต่ใจ (1)
บทนำ
คุณหมอซุ่มซ่าม
ร่างสมส่วนในชุดกาวน์สีขาวเดินอย่างเร่งรีบ เมื่อมีคนเจ็บทั้งเคสหนักเคสเบาจากอุบัติเหตุรถคว่ำจำนวนหลายรายถูกนำตัวเข้ามารักษาที่โรงพยาบาลชื่อดังแห่งนี้ เนื่องจากอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุมากที่สุด ทำให้อุรัสยา วิษณุสรรค์หรือคุณหมอหยา คุณหมอศัลยแพทย์มือดีของโรงพยาบาลรีบมากจนลืมระวังเดินไปเหยียบถุงพลาสติกใสที่ไม่รู้ว่าคนป่วยหรือญาติคนป่วยทำหล่นเอาไว้แทบจะล้มขมำหัวร้างข้างแตก จากที่จะไปรักษาคนไข้คงต้องได้รักษาตัวเองเสียก่อน แต่ก็โชคดีที่มีคนถลาเข้ามารับร่างของเธอเอาไว้ได้ทันเสียก่อน
“ว๊าย! ขอโทษค่ะ”
อุรัสยาอุทานเสียงหลง พลางเงยหน้าขึ้นมองผู้มีพระคุณ แล้วเธอก็ต้องนิ่งขึงราวกับถูกมนต์สะกด เมื่อสบเข้ากับนัยน์ตาสีไพลินที่เหมือนกลับมีพลังอำนาจดึงดูดบางอย่างทำให้เธอล่ะสายตาจากคนตรงหน้าไม่ได้ จนกระทั่ง
“ซุ่มซ่าม! เป็นหมอต้องระวังหน่อยสิ”
ตำหนิเพียงเท่านั้นชาวต่างชาติร่างสูงใหญ่นัยน์ตาสวยราวกับไพลินเม็ดงาม ที่มีคนเดินตามเป็นพรวนก็ดันร่างของเธอที่อยู่ในวงแขนของเขาออกแล้วเดินจากไป ทำให้คุณหมอสาวที่กำลังจะอ้าปากขอบคุณต้องหุบฉับลงแทบจะทันทีพลางมองค้อนอย่างไม่พอใจ เขากล้าดียังไงมาหาว่าเธอซุ่มซ่ามเป็นหมอแต่กลับไม่ระวัง ก็คนมันรีบจะไปรู้ได้ไงว่าจะมีถุงพลาสติกร่วงหล่นอยู่ตรงไหน แถมชิ้นเท่าฝ่ามือใสกลมกลืนไปกับพื้นซะขนาดนั้น และอีกอย่างนี้มันโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังเรื่องความสะอาดถือว่าอยู่ในระดับที่ดี แล้วใครจะคาดคิดล่ะว่าจะมีขยะอยู่กลางทางเดิน
“คุณหมออยู่นี่เอง เร็วค่ะคุณหมอมีเคสที่จะต้องผ่าตัดด่วนค่ะ”
“โทษทีจ้ะ งั้นไปกันเลย”
อุรัสยาเลิกสนใจผู้ชายไร้มารยาทคนเมื่อครู่แทบจะทันทีเมื่อมีเรื่องงานเข้ามาแทนที่ ก่อนจะรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามนางพยาบาลสาวไปที่ห้องผ่าตัดทันที
ชีคซาลซาเอล อัล จารี อัล อินทาจหนึ่งในหุ้นส่วนใหญ่ของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งนี้ เดินทางมาพบผู้อำนวยการของโรงพยาบาลเพื่อที่จะมาขอตัวคุณหมอผู้เชี่ยวชาญด้านการผ่าตัดที่เต็มใจจะไปประจำที่โรงพยาบาลแห่งใหม่ของเขาในรัฐคูเวอร์ประเทศดารานห์ ประเทศเล็กๆ ที่อยู่ทางตอนเหนือของอียิปต์ติดกับประเทศอัลซานประเทศเล็กๆ อีกหนึ่งประเทศ จากเดิมที่มีอยู่ไม่กี่คน ซึ่งก็ไม่เพียงพอเมื่อเทียบกับจำนวนคนไข้ที่เข้ามาใช้บริการในแต่ละวัน
“หญิงสาวคนเมื่อครู่...”
ชีคซาลซาเอลเอ่ยเพียงแค่นั้น หนึ่งในผู้ติดตามซึ่งเป็นคนของทางโรงพยาบาล ก็พอจะทราบถึงความต้องการของรัชทายาทอันดับสองของรัฐคูเวอร์จึงรีบตอบอย่างไว โดยไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายถามจนจบ
“คุณหมออุรัสยา วิษณุสรรค์คุณหมอผ่าตัดฝีมือดีคนหนึ่งของทางโรงพยาบาลครับท่านชีค”
ชีคหนุ่มในชุดสูทสีกรมท่าเนื้อดีราคาแพงสมกับการตัดเย็บที่ประณีตกดยิ้มมุมพระโอษฐ์ คุณหมอผ่าตัดฝีมือดีแต่ซุ่มซ่ามเนี่ยนะ คงมีสักวันที่หล่อนจะลืมกรรไกรหรือไม่ก็อะไรสักอย่างไว้ในท้องของคนไข้เป็นแน่ พระองค์คิดขำๆ ก่อนจะปรับสีพระพักตร์ให้กลับมานิ่งเรียบ
“แล้วเรื่องหมอที่มาติดต่อล่ะ”
“เรียบร้อยครับท่านชีค วันนี้ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเตรียมรายชื่อคุณหมอฝีมือดีให้ท่านได้เลือกหลายคนเลยทีเดียว ทั้งหมอของที่นี่เองและโรงพยาบาลในเครือ และหนึ่งในนั้นก็คือคุณหมออุรัสยาครับท่าน”
ชีคซาลซาเอลเลิกพระขนง ขึ้นอย่างแปลกพระทัยเล็กน้อยที่มีชื่อของหมอผู้หญิงติดโผมาด้วย พลางคิดถึงใบหน้าบึ้งตึง ที่พระองค์เพิ่งผละออกมาแล้วก็เผลอแย้มพระสรวล ไม่รู้เป็นไงรู้สึกอารมณ์ดีทุกครั้งที่ได้นึกถึงใบหน้าสวยใสไร้เครื่องสำอางนั่น
ตอนที่ 1
ชีคเอาแต่ใจ
ดวงตากลมโตกระพริบๆ ปริบพลางกวาดมองภายในเครื่องบินส่วนตัวลำหรู ที่ทางท่านชีคส่งมารับเธอไปที่รัฐคูเวอร์ หลังจากที่เมื่อหลายเดือนก่อนเธอตอบรับที่จะย้ายไปประจำโรงพยาบาลแห่งใหม่ของคูเวอร์ ที่เจ้าของก็คือคนเดียวกันกับหุ้นส่วนใหญ่ของโรงพยาบาลเอกชนที่เธอเป็นหมอประจำอยู่ เมื่อทางท่านชีคซาลซาเอลระบุมาว่าต้องการให้เธอไปที่นั่น และเมื่อเห็นว่าเป็นโอกาศที่ดีเธอจึงไม่ปฏิเสธแม้จะคิดภาพเอาไว้ในหัวว่าประเทศเล็กๆ กลางทะเลทรายมันอาจจะยังไม่ทันสมัยบ้านเมืองยังล้าหลัง แต่พอเห็นเครื่องบินส่วนตัวที่ภายในเคบินตกแต่งเอาไว้อย่างสวยหรู มีเลาจ์ส่วนตัว มีจอดิสเพลย์ติดผนัง มีห้องนอนและห้องสังสรรค์ เรียกได้ว่ามีทุกห้องครบชุดอย่างบ้านเศรษฐีหลังหนึ่งควรจะมีกันเลยทีเดียว
“เราต้องใช้เวลาเดินทางอีกหลายสิบชั่วโมงด้วยกัน ยังไงเชิญคุณหมอดูหนังฟังเพลงฆ่าเวลาได้ตามสบายนะครับ ต้องการอะไรเพิ่มเติมเรียกผมหรือพนักงานบริการของเราได้ แต่ถ้าจะผักผ่อนห้องนอนห้องที่สองที่ผมพาเดินไปดูเมื่อครู่ผมเปิดเอาไว้ให้แล้ว ส่วนตอนนี้ผมขอตัวนะครับ”
ชายคนที่แนะนำตัวก่อนหน้านั้นไม่นานว่าชื่ออิสลัม เป็นคนสนิทของชีคซาลซาเอลค้อมศีรษะให้เธอเล็กน้อย ก่อนจะผละออกไปปล่อยให้เธอยืนคว้างอยู่ท่ามกลางความหรูหราเพียงลำพังอยู่พักใหญ่ ก่อนเธอจะตัดสินใจนั่งดูหนังตรงเลาจ์ส่วนตัว แต่ด้วยความเป็นคนที่ไม่ค่อยจะชื่นชอบการดูหนังสักเท่าไหร่ อุรัสยาจึงเปลี่ยนใจเข้าไปนอนอ่านหนังสือที่เตรียมเอามาไว้อ่านแก้เหงาในห้องนอนหรูหราราวไม่ต่างกับโรงแรมระดับห้าดาว และด้วยความเหนื่อยและเพลียที่ต้องเร่งเคลียร์งานให้เสร็จ เพื่อที่คุณหมอที่มารับช่วงต่อจะได้ทำงานง่ายขึ้นอ่านไปไม่ถึงครึ่งเล่มหญิงสาวก็เผลอหลับไป และหลับไม่นานเท่าไหร่ไม่รู้รู้เพียงว่าระหว่างการเดินทางนั้นเธอจำได้ว่ารู้สึกตัวตื่นมาแค่ครั้งเดียว ก่อนจะฟุบหลับไปอีกครั้ง คราวนี้ก็หลับยาว มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่พนักงานสาวคนหนึ่ง ซึ่งอยู่ในชุดมิดชิดอย่างหญิงอาหรับทั่วไปมาปลุก
“ถึงแล้วเหรอคะ”
ถามด้วยน้ำเสียงงัวเงียพลางขยี้ตาอย่างคนที่ตื่นยังไม่เต็มตานัก จากนั้นก็ใช้มือตบแก้มตัวเองเบาๆ ไล่ความงุนง่วง
“ใกล้แล้วค่ะ อีกยี่สิบนาทีเครื่องจะลงจอดที่สนามบินส่วนตัวของท่านชีค ดิฉันเลยมาปลุกเพื่อให้คุณหมอได้เตรียมตัวน่ะค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ”
อุรัสยาบอกพลางส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ก่อนจะเผลอยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู และเพิ่งนึกได้ว่าเวลาที่ไทยกับที่นี่ต่างกันจึงถามเวลาจากพนักงานสาว ก่อนจะปรับให้มันตรงกับเวลาท้องถิ่น และเมื่อพนักงานสาวผละออกไป หญิงสาวลงจากเตียงเดินไปเข้าห้องน้ำที่ต้องบอกคำเดียวว่าหรูหราจนไม่อยากจะใช้ ก่อนจะล้างหน้าล้างตาให้สดชื่น แล้วจึงได้เดินออกมาที่บริเวณเลาจ์ส่วนตัวก็พบว่าอิสลัมนั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“ขอโทษทีนะคะ ที่ฉันนอนเพลินไปหน่อย”
“ไม่เป็นไรครับ กาแฟหน่อยไหมครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ แล้วนี่เครื่องจะลงแล้วใช่ไหมคะ อย่างนี้ฉันต้องเอาผ้ามาคลุมศีรษะก่อนลงแล้วสิ”
บอกพลางค้นกระเป๋าสะพายส่วนตัวเพื่อหาผ้าคลุมผมที่เธอไปหาซื้อจัดเตรียมไว้เพื่อการนี้โดยเฉพาะ
“ไม่ต้องก็ได้ครับ เพราะที่นี่ไม่เคร่งครัดกับชาวต่างชาติสักเท่าไหร่ จะคลุมหรือไม่คลุมเราก็ไม่ว่า”
อิสลัมอธิบาย แต่ดูเหมือนคุณหมอสาวอยากจะลองคลุมศีรษะให้เหมือนกับชาวคูเวอร์มากกว่า
“แต่ฉันว่าฉันคลุมดีกว่านะคะ เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม เดี๋ยวจะเป็นจุดเด่นจนเกินไปหรืออาจโดนเขม่นเอาได้ และอีกอย่างฉันอุตส่าห์ไปหาซื้อผ้าคลุมลายสวยๆ มาแล้วด้วย”
ว่าแล้วหญิงสาวก็จัดแจงเอาฮิญาบ คลุมลงบศีรษะอย่างที่ไปหัดมาจากเพื่อนชาวอิสลาม เมื่อเรียบร้อยก็หันมาส่งยิ้มเขินๆ ให้กับอิสลัม ที่นั่งมองยิ้มๆ
“พอได้ไหมคะ”
เธอถามอย่างเก้อเขินเพราะไม่เคยเลยรู้สึกแปลกๆ ว่าพอผมถูกแทนที่ด้วยผ้าหน้าเธอจะใหญ่ไปไหม
“เหมาะเลยครับ…ไปครับเครื่องลงจอดแล้ว ก่อนอื่นเราต้องไปพบท่านชีคซาลซาเอลก่อน เสร็จแล้วผมถึงจะไปส่งคุณหมอที่บ้านพัก จะได้พักผ่อนเสียทีเดินทางติดต่อกันมาหลายสิบชั่วโมงคุณหมอคงเหนื่อย”
“ก็นิดหน่อยค่ะ คุณก็น่าจะเห็นว่าฉันหลับมาตลอดการเดินทาง”
ถึงจะบอกอย่างนั้นก็เถอะ แต่พอลงจากเครื่องแล้วขึ้นมานั่งบนรถที่มารอรับ อุรัสยาก็อดที่จะบีบนวดต้นคอและทุบไหล่ของตัวเองเพื่อบรรเทาความปวดเมื่อยไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีบ่นเล็ดลอดออกมาให้คนร่วมเดินทางอย่างอิสลัมได้ยิน และยิ่งไปกว่านั้นพอชายหนุ่มถามว่าเหนื่อยไหมทีไร สิ่งที่ตอบกลับมาคือการส่ายหน้าพร้อมกับรอยยิ้มหวาน ซึ่งก็ทำให้คนสนิทของท่านชีครู้สึกชื่นชมหญิงสาวอยู่ในใจว่า ถึงเธอจะดูตัวเล็กบอบบางแต่แรงอึดถือว่าใช้ได้ทีเดียว นับว่าชีคของเขาตาแหลมตามเคย
ร่างบางสมส่วนเดินตามหลังร่างสูงใหญ่ของอิสลัมพลางกวาดสายตามองความใหญ่โตโอ่อ่าและลวดลายอันวิจิตรงดงามภายในวังอย่างตื่นตาตื่นใจ ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าที่มีแทบจะหายเป็นปลิดทิ้งกันเลยทีเดียว
“ที่นี่เราจะแบ่งเป็นส่วน ส่วนกลางเป็นส่วนของผู้หญิง และส่วนนี้จะโดนกั้นด้วยสวนดอกไม้ ด้านในเป็นที่ของท่านชีคจารี อัล อิทาจ อัล บาฮามห์ผู้ปกครองรัฐคูเวอร์กับรัชทายาทอันดับหนึ่งอย่างชีคชาฮีร์ อัล จารี อัล อินทาจ ส่วนท่านชีคซาลซาเอล อัล จารี อัล อิทาจ รัชทายาทอันดับสอง ซึ่งเป็นคนที่เลือกคุณมาทำงานที่นี่อยู่ฝั่งนี้ครับ”
อิสลัมผายมือไปทางฝั่งซ้ายของวัง ก่อนจะเป็นคนเดินนำ โดยมีคุณหมอสาวเดินตามและสังเกตว่าภายในวังไม่ได้มีคนหรือเด็กรับใช้วิ่งพลุกพล่านอย่างที่เคยคิดจะมีก็แค่ทหารยืนรักษาความปลอดภัยตามจุดต่างๆ หญิงสาวเร่งฝีเท้าขึ้นมาเดินเคียงร่างสูงของอิสลัมแล้วถามอย่างตื่นเต้นว่า
“ท่านชีคเป็นคนยังไงคะ ฉันจะได้วางตัวถูก และบอกตรงๆ ฉันรู้สึกตื่นเต้นขึ้นเรื่อยๆ”
“ท่านชีคเป็นคนใจดีมีเมตตาเป็นที่รักของประชาชนในคูเวอร์ ท่านเปรียบเสมือนสายน้ำเย็นของคูเวอร์เลยล่ะครับ แม้จะไม่ได้เป็นรัชทายาทอันดับหนึ่ง แต่ท่านก็ทุ่มแรงกายแรงใจทำงานเพื่อชาวคูเวอร์เสมอ อย่างโรงพยาบาลนี้เป็นแนวคิดของท่าน ตอนแรกคูเวอร์มีโรงพยาบาลเพียงแห่งเดียว ซึ่งก็ไม่เพียงพอ ท่านเลยสร้างมันขึ้นมาอีกแห่งด้วยเงินส่วนพระองค์ พร้อมทั้งจัดหาหมอและพยาบาลมาประจำที่นี่ให้เพียงพอกับจำนวนคนไข้ที่มารักษาในแต่ล่ะวัน”
อิสลัมเอ่ยถึงท่านชีคของตัวเองอย่างภาคภูมิใจ และใช่ยกยออย่างลอยๆ แต่ใครๆ ต่างก็พูดให้ได้ยินเสมอว่าชีคซาลซาเอลเหมาะจะสืบทอดตำแหน่งผู้ปกครองรัฐคูเวอร์แห่งนี้มากกว่าชีคชาฮีร์ค ซึ่งป็นพี่ชายต่างมารดาซะอีก และท่านชีคชาฮีร์เองก็เห็นพ้องต้องกัน จึงร่ำๆ จะสละตำแหน่งอยู่บ่อยครั้ง แต่ชีคคาทัลฟาที่เกลียดพระมารดาของชีคซาลซาเอลที่เป็นหญิงต่างชาติเข้ากระดูกดำ จึงยอมไม่ได้ที่จะให้บุตรชายของอดีตนางในฮาเร็มของพระสวามีได้เป็นผู้ปกครองรัฐ
และด้านชีคซาลซาเอลเองก็ไม่เคยคิดอย่างจะสืบทอดตำแหน่งผู้ปกครองรัฐอยู่แล้ว เพราะต้องการการใช้ชีวิตที่อิสระอย่างทุกวันนี้ และใช่ว่าไม่ได้เป็นผู้ปกครองรัฐจะพัฒนาคูเวอร์ไม่ได้เสียเมื่อไหร่
“ได้ยินคุณชื่นชมท่านชีคอย่างนี้ ฉันชักอย่างเห็นหน้าท่านชีคของคุณเสียแล้วสิ”
อิสลัมหัวเราะหึๆ ในลำคอ แต่เขาไม่บอกคุณหมอสาวหรอกว่าเธอนะเคยเจอท่านชีคมาแล้ว และตอนนั้นเขาเองก็อยู่ตรงนั้นด้วย แต่รู้สึกว่าตอนนั้นคุณหมอสาวจะไม่ได้สนใจจะมองใครนอกจากชีคซาลซาเอลผู้มีดวงตาสีไพลินตรึงตาตรึงใจแก่ผู้พบเห็นเสมอ
“เจอแล้วคุณหมอจะรู้ว่าที่ผมพูดมาไม่ได้เกินจริงแต่อย่างใด”
บอกก่อนจะเดินมาหยุดหน้าห้องห้องหนึ่งที่ประตูถูกปิดสนิท อิสลัมยกมือขึ้นเคาะพร้อมกับบอกจุดประสงค์ที่จะมาพบคนในห้องด้วยท่าทีนอบน้อม
“ข้าอิสลัม พาคุณหมอจากประเทศไทยมาพบท่านชีคครับ”
รอครู่หนึ่ง เสียงที่อุรัสยาคิดว่ามันนุ่มทุ้มแต่เปี่ยมไปด้วยพลังอำนาจก็เอ่ยอนุญาต
“เข้ามา”
แต่คนสนิทอย่างอัสลัมกลับขมวดคิ้วมุ่น เพราะจับน้ำเสียงนั้นได้ว่ามันสั่นผิดปกติ ซึ่งผิดวิสัยของชีคอิสลัมผู้มีวาจาหนักแน่น ดังนั้นไม่รอช้าคนสนิทที่พ่วงตำแหน่งองครักษ์กลายๆ อย่างอิสลัมจึงรีบผลักประตู แล้วเดินตรงรี่เข้าไปหาชีคหนุ่มด้วยสีหน้าเป็นกังวล โดยมีคุณหมอสาวเดินตามหลังไปติดๆ แล้วภาพร่างผู้สูงศักดิ์นั่งหันข้างก้มหน้ากุมต้นแขนซ้ายที่มีเลือดไหลซึมของตัวเองด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดก็ทำให้ทั้งสองถึงกับอุทานเสียงหลงออกมาพร้อมกันอย่างตกใจ
“ท่านชีค!”
อัสลัมถลาเข้าไปหาชีคหนุ่มเกือบจะพร้อมกับคุณหมอสาวที่พอเห็นคนเจ็บ แม้จะยังไม่ได้ถูกแนะนำให้รู้จักอย่างเป็นทางการ แต่หญิงสาวก็ไม่สามารถที่จะยืนนิ่งเฉยได้ มันเป็นเหมือนสัญชาตญาณของคนเป็นหมอเลยก็ว่าได้
และไปถึงหมอสาวก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงเรียกได้ว่าสนใจที่จะดูแผลมากกว่าหน้าตาของคนเจ็บ และพอได้เห็นแผลใกล้ๆ ด้วยประสบการณ์คุณหมอสาวก็รู้ได้ทันทีว่าสาเหตุของบาดแผลมากจากอะไร ตอนนี้นี่เองทำให้เธอเงยหน้าขึ้นพูดกับชีคหนุ่ม
“ท่านโดนยิงนี่ แล้ว…คุณ!”
คุณหมอสาวอุทานเสียงหลงอีกครั้งเมื่อสบเข้ากับนัยต์ตาสีไพลินอีกครั้ง และคราวนี้ก็เหมือนเดิมคือมันยังสามารถตรึงเธอให้นิ่งขึง จนกระทั่งได้เสียงจากอิสลัมดังขึ้นนั่นแหละจึงสามารถดึงหญิงสาวให้หลุดจากภวังค์ต้องมนต์นั่นได้
“ท่านโดนลอบยิง”
อิสลัมเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เพราะตั้งแต่เขาอยู่กับชีคซาลซาเอลมาไม่เคยมีเรื่องอย่างนี้เกิดมาก่อน
“ไม่รู้สิ เจ้าคิดว่าไงล่ะอิสลัม แต่ข้าแน่ใจว่าไม่เคยสร้างศัตรู”
“ขอร้องอย่าเพิ่งคิดหาศัตรูกันตอนนี้ได้ไหมเพคะ กระสุนฝังในเราต้องทำการผ่าเอากระสุนออกก่อน เราควรพาท่านชีคไปโรงพยาบาล”
คุณหมอสาวแทรกขึ้นเมื่อรู้สึกว่าชายหนุ่มสองคนไม่คิดจะสนใจบาดแผลที่มีเลือดไหลซึมอยู่ตลอดเวลา กลับไปให้ความสนใจกับผู้ปองร้าย