บทนำ คุณหมอซุ่มซาม ตอนที่ 1 ชีคเอาแต่ใจ (2)
“ไม่ต้อง! ข้าไม่ไปไหนทั้งไหน และจะไม่มีใครรู้เรื่องนี้ คุณเป็นหมอใช่ไหม ถ้าจะผ่าก็ผ่ามันที่นี่แหละ คุณทำได้ไหมคุณหมอซุ่มซ่าม”
ตอนท้ายชีคซาลซาเอลยังมีอารมณ์เอ่ยล้อคุณหมอสาว ที่พอได้ยินฉายาที่ไม่พึงประสงค์ก็หันขวับมามองหน้าชีคหนุ่มด้วยสายตาบงบอกว่าเธอไม่พอใจอย่างไม่เกรงกลัวทันที
“หม่อมฉันไม่ได้ชื่อคุณหมอซุ่มซ่าม และเรื่องผ่ากระสุนที่ไหนหม่อมฉันก็ทำได้เพคะ แต่ที่นี่เราไม่มีเครื่องมืออะไรเลยสักอย่าง”
คุณหมอสาวแย้งพลางทำสีหน้าเป็นห่วง เมื่อเลือดที่ซึมออกมาเริ่มจะเยอะ อีกทั้งสีพระพักตร์ของชีคหนุ่มก็เริ่มจะซีดลงทุกทีไม่รู้โดนยิงตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่จะเมื่อไหร่ก็ตามเถอะพระองค์ก็ไม่น่าจะมาหมกตัวอยู่ในห้อง ถ้าเกิดเธอกับอิสลัมมาช้ามิได้เป็นผีเฝ้าห้องนอนหรอกเหรอ
“ก็เอาเท่าที่มีสิครับคุณหมอ แค่ผ่าเอากระสุนออกแค่นี้จะต้องใช้อะไรมากมาย ถ้าอย่างนั้นเวลาออกรบหรือโดนยิงในป่าในเขา เขาจะเอาอะไรผ่ากระสุนกันออกล่ะครับคุณหมอ ตอนนี้ก็ถือซะว่าหลงป่ามีอะไรก็เอามาผ่าๆ เถอะ”
ชีคหนุ่มตรัสเหมือนกับบาดแผลที่ไหล่นั้นเป็นแค่แผลมีดบาดติดพาสเตอร์ก็เรียบร้อย แต่เมื่อดื้อดึงอย่างนี้ก็คงต้องตามใจล่ะ
“ตกลงเพคะ ในเมื่อท่านชีคอยากให้ผ่าหม่อมฉันก็จะผ่า งั้นขอมีดสะอาดๆ กับอะไรก็ได้ที่สามารถที่จะคีบดึงลูกกระสุนที่ฝังในนี้ออกได้หรือไม่ก็แหนบสะอาดๆ สักอัน แล้วก็ยาและอุปการณ์จำพวกใช้ทำความสะอาดแผลเท่าที่มีอยู่ในตอนนี้ด้วยแล้วกันนะเพคะ”
“แล้วก็ไล่พวกที่อยู่บริเวณนี้ออกไปให้หมดด้วยอิสลัม บอกว่าข้าต้องการความเป็นส่วนตัวมากไม่อยากได้ยินแม้กระทั่งเสียงคนเดิน”
“ครับท่านชีค”
รับคำสั่งจากทั้งคุณหมอสาวและท่านชีคเสร็จร่างสูงใหญ่ของอิสลัมก็ผละออกไป และระหว่างที่รอนั่นอุรัสยาก็ไม่ปล่อยให้เวลาเสียเปล่า เธอขอเข้าไปทำความสะอาดมือก่อนที่จะทำการผ่าตัดในห้องน้ำที่เห็นแล้วเธอต้องบอกเลยว่าบนเครื่องบินส่วนตัวว่าหรูแล้วที่นี่ดูหรูหรายิ่งกว่าหลายเท่า
และเมื่อเสร็จจากการทำความสะอาด หญิงสาวจึงเข้าไปดูบาดแผลบริเวณพระพาหุ ซ้ายของชีคหนุ่มเป็นขั้นตอนต่อไป
“ท่านพอจะมีกรรไกรไหมเพคะ เพื่อความสะดวกในการผ่าตัดหม่อมฉันจำเป็นต้องตัดแขนเสื้อของท่าน”
สิ้นเสียงคุณหมอสาว ชีคซาลซาเอลก็ใช้พระหัตถ์อีกข้างที่ยังใช้งานได้ปกติมากระชากฉีกแขนเสื้อชุดกาลาไบยา สีน้ำตาลของพระองค์เองจนขาดวิ่น
“พอไหม”
ถามยิ้มๆ เมื่อเห็นหญิงสาวยืนดูการกระทำของพระองค์แบบอึ้งๆ
“โอเคเพคะ มันดีมากไม่เกะกะเลย ตอนนี้เอาเป็นว่าท่านต้องทำใจเรื่องความเจ็บปวดระหว่างผ่าเอากระสุนออกด้วยว่ามันจะเจ็บมาก เพราะเราไม่มียาชาเลย”
คุณหมอสาวบอกอย่างเป็นห่วง ขณะที่มือและสายตาสาละวนอยู่กับบาดแผลมากกว่า ซึ่งความเป็นห่วงนั้นก็ทำให้ชีคหนุ่มถึงกับพระสรวล ออกมาเบาๆ
“อย่าว่าแต่ยาชาเลย แม้แต่ยาต้องห้ามผมก็มีในครอบครอง”
“โทษทีเพคะ หม่อมฉันลืมไปว่าท่านเป็นท่านชีค”
อุรัสยาเงยหน้าขึ้นมาพูดประชดพระองค์เล็กน้อย ก่อนจะหันไปใช้ผ้ากดปิดปากแผลเอาไว้ เพื่อไม่ให้เลือดไหลออกมามากกว่านี้ ไม่นานอิสลัมก็โผล่มาพร้อมเครื่องมือและยาที่สั่งอีกมากมาย และพออุรัสยาดูยาแต่ละตัวแล้วเรียกได้ว่ามีทุกตัวยาที่จำเป็นจะต้องใช้ในการผ่าตัดและรักษาบาดแผลจริงๆ
ในเมื่อได้ทุกอย่างได้มาครบ คุณหมอสาวก็ไม่รอช้ารีบฆ่าเชื่ออุปรณ์ แล้วลงมือทำการผ่าเอาลูกกระสุนจากออกของชีคหนุ่มตามขั้นตอนทันที โดยมีอิสลัมไปยืนเฝ้าประตูที่ถูกปิดเอาไว้อย่างแน่นหนา
เวลาผ่านไปนานร่วมชั่วโมง การผ่าตัดก็สิ้นสุดลงท่ามกลางความโล่งใจทั้งผู้ผ่าและผู้โดนผ่ารวมไปถึงคนยืนให้กำลังอยู่ห่างอย่างอิสลัมเองก็ตามที
“เรียบร้อยแล้วเพคะ”
บอกหลังจากใช้เทปติดทับลงบนผ้าปิดแผลสีขาวสะอาด จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นไปยิ้มละไมให้กับชีคหนุ่มอย่างที่ชอบทำทุกครั้งที่รักษาคนไข้ เพื่อเป็นการให้กำลังใจ แต่รอยยิ้มนั้นกลับทำให้หัวใจชีคหนุ่มถึงกับกระตุก จากนั้นคุณหมอสาวก็หันไปจัดยาสำหรับรับประทานในแต่ล่ะมื้อ พร้อมทั้งบอกวิธีและเวลาในการรับประทานให้ทั้งคนเจ็บและคนสนิทอย่างอิสลัมฟัง สุดท้ายก็หันมากำชับคนที่นอนมองเธอตาปริบๆ
“ท่านห้ามลืมทานยานะเพคะ แล้วก็ควรพักผ่อนให้มากๆ แผลจะได้หายไวๆ แต่ถ้าจะให้ดีหม่อมฉันว่าหลังจากนี้ท่านควรแวะไปที่โรงพยาบาลตรวจดูแผลอีกสักหน่อย”
“ไม่! ถ้าผมไปก็จะไปทำอย่างอื่นไม่ใช่ไปในฐานะคนไข้ เข้าใจไหมครับคุณหมอซุ่มซ่าม แล้วนี้ทำไมตอนนี้ผมรู้สึกเจ็บและปวดที่แผลจังเลย ยาชาหมดฤทธิ์แล้วเหรอหรือว่าคุณลืมอะไรไว้ในแผลผมหรือเปล่าคุณหมอซุ่มซ่าม”
หน้าตาของคนที่บอกว่าเจ็บแผลยิ้มระรื่นพร้อมทักยักพระขนงล้อเลียนคุณหมอสาว ที่หันขวับมามองพระองค์ตาเชียวปั๊ด
“หม่อมฉันว่านอกจากเย็บแผลที่ต้นแขนแล้ว หม่อมฉันว่าหม่อมฉันควรจะเย็บปากของท่านด้วยจริงไหมเพคะท่านชีค”
คุณหมอสาวต่อปากต่อคำอย่างไม่เกรงกลัว ซึ่งก็ทำเอาคนสนิทที่ยืนฟังอยู่ห่างๆ อมยิ้มขำ ในขณะที่คนจะโดนเย็บปากขยับตัวลุกขึ้น โดยมีอุรัสยาอีกนั่นแหละคอยประคอง
“ผมล้อเล่นน่า แล้วนี่คุณขนของไปไว้ที่พักยัง”
“ยังเพคะอิสลัมบอกว่าจะพาหม่อมฉันมาพบท่านก่อน แต่ก็นับว่าโชคดีนะเพคะ เพราะถ้าหม่อมฉันกับอิสลัมมาช้ากว่านี้มีหวังท่านได้ตายเพราะเสียเลือดแน่ๆ บ้าบิ่นจริงๆ เลย”
อุรัสยาตำหนิเล็กน้อยตามประสาคนเป็นหมอ
“ผมมีเหตุผลของผมน่า และกระสุนแค่นี้ไม่สามารถทำให้คนอย่างชีคซาลซาเอลตายได้หรอก”
ด้วยความที่คิดว่าพระองค์ทรงเป็นลูกทะเลทราย และเห็นมากับตาแล้วว่าพระองค์โดนยิงแต่ยอมนั่งรอ เธอแน่ใจว่าพะองค์รอเธอกับอิสลัมมาถึง มากกว่าจะไปโรงพยาบาลซึ่งก็เป็นโรงพยาบาลของพระองค์เอง เพียงเพราะว่ากลัวข่าวการถูกลอบยิงแพร่สะพัดออกไป แต่พอคิดถึงคำพูดของอิสลัมที่ว่าชีคซาลซาเอลเป็นที่รักของชาวคูเวอร์ และแน่นอนถ้าข่าวการถูกลอบยิงกระจายออกไปไม่ใช่เฉพาะคนในวังอย่างญาติโกโหติกาเท่านั้นที่จะแตกตื่น แต่มันรวมไปถึงประชาชนทั้งคูเวอร์ที่รักและชื่นชมชีคซาลซาเอลด้วย ดังนั้นคุณหมอสาวจึงพยักหน้ารับอย่างไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ
“เพคะ เอาเป็นว่าเรื่องนั้นหม่อมฉันไม่ก้าวก่ายก็แล้วกัน ถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของคนไข้ ส่วนตอนนี้ทุกอย่างก็เรียบร้อยหม่อมฉันขอให้อิสลัมไปส่งที่พักเลยแล้วกัน หรือหม่อมฉันจำเป็นต้องเข้าพบท่านชีคจารีด้วยเพคะ”
ถามอย่างสงสัย แต่ชีคซาลซาเอลส่ายพระพักตร์อย่างบอกว่าไม่จำเป็น เพราะการที่จะมีหมอมาประจำที่โรงพยาบาลไม่ใช่เรื่องที่ผู้ปกครองรัฐจะต้องรับรู้ก็ได้
“ไม่ต้องหรอก พบผมคนเดียวก็พอแล้ว”
“งั้นก็หม่อมฉันคุณหมออุรัสยาเป็นเกียรติที่ได้พบและได้มาทำงานกับท่านชีคเพคะ”
เอ่ยจบหญิงสาวก็ถอนสายบัวพร้อมกับค้อมศีรษะลงเล็กน้อยเป็นการทำความเคารพ และก็เป็นชีคซาลซาเอลที่ต้องรีบห้ามเพราะพระองค์ไม่ชอบอะไรที่เป็นทางการมากนัก
“ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้คุณ ทำตัวและพูดคุยแบบปกติเถอะ ฟังราชาศัพท์มากเอียนเหมือนกัน”
“ขอบคุณค่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวกลับที่ได้เลยใช่ไหมค่ะ ส่วนเรื่องที่ท่านไม่อยากไปล้างแผลที่โรงพยาบาล เดี๋ยวฉันจะสอนวิธิล้างแผลให้กับอิสลัมเอง ง่ายๆ ไม่ยากแค่ดูแลดีหน่อยแผลจะได้ไม่ติดเชื้อ อีกทั้งช่วงนี้ท่านก็อย่าเพิ่งทำงานอะไรมากนัก ไม่นานแผลก็น่าจะหาย”
อุรัสยากำชับในใจรู้สึกชื่นชมชีคหนุ่มอยู่ในใจที่ให้ความเป็นกันเองและไม่ถือ หรือนี่คือหนึ่งการวางตัวที่ทำให้ทุกคนหลงรักชีคหนุ่มคนนี้
“ไม่ต้องสอนหรอก เพราะผมจะให้คุณย้ายมาพักที่นี่แทน”
“ไม่ได้นะคะ ฉันมาที่นี่เพื่อมาเป็นหมอรักษาคนไข้ที่โรงพยาบาลไม่ได้มาเป็นพยาบาลส่วนตัวของท่าน ให้ฉันไปพักที่บ้านพักที่ท่านจัดให้ตอนแรกดีกว่านะคะ”
คุณหมอสาวปฏิเสธทันควัน ชนิดที่ว่าไม่ต้องคิดไตร่ตรองให้เสียเวลาเลยก็ว่าได้ เล่นเอาชีคหนุ่มชักสีพระพักตร์ออกอาการไม่พอพระทัย
“คุณได้ทำงานที่โรงพยาบาลสมใจแน่ และที่ผมให้คุณพักที่นี่ก็เพื่อช่วงที่ผมยังไม่หายดีเท่านั้น อีกอย่างคุณรู้เรื่องที่ผมโดนลอบยิง กับอิสลัมผมไม่ห่วงหรอกว่าเรื่องนี้จะเล็ดลอด แต่กับคุณ…”
ชีคหนุ่มหรี่ตามองคุณหมอสาวอย่างไม่ไว้เนื้อเชื่อใจ
“ฉันสัญญาสาบานว่าเรื่องนี้จะถูกลืมไปจากสารระบบในสมองของฉันทันทีที่ก้าวเท้าออกจากห้องนี้”
หญิงสาวยกมือขึ้นพร้อมกับให้คำมั่นแต่ชีคหนุ่มกับส่ายพระพักตร์
“มันไม่มีอะไรการันตรีเลยว่าคุณจะรักษาคำสัญญาสาบานนั่น เอาเป็นว่าคุณมาพักที่นี่ ตอนเช้าและตอนเย็นผมจะให้อิสลัมไปรับไปส่งคุณที่โรงพยาบาล”
“แต่คนอื่น…”
“คุณจะอยู่ที่นี่ในฐานะแขกคนพิเศษของผม เท่านี้ก็ไม่มีใครกล้ายุ่งกับคุณแล้วละ เอาเป็นว่าตกลงตามนี้ห้ามปฏิเสธเพราะนี่คือคำสั่ง”
เอ่ยจบร่างสูงก็เอนตัวลงนอนหันหลังให้กับคุณหมอสาวเป็นการยุติการสนทนา อุรัสยากรอกตาไปมาหันไปขอความช่วยเหลือจากอิสลัม สิ่งได้ตอบกลับคือการส่ายศีรษะ ถ้าเป็นอย่างนี้ก็แสดงว่าเธอต้องปฏิบัติตามคำสั่งของท่านชีคผู้ใจดีอย่างคำของอิสลัมที่เธอขอเปลี่ยนให้เป็นท่านชีคผู้เอาแต่ใจก็แล้วกัน