บทย่อ
เอาตัวแลกหนี้ หน้าที่เธอก็คือเรื่องบนเตียง “ฉันรู้ว่าคืนนี้ฉันต้องเจออะไร แต่ก่อนอื่นฉันขออะไรคุณสักอย่างหน่อยได้ไหมคะ” พูดจบแล้วก็กลืนน้ำลายลงคอกลั้นหายใจรอคำตอบ “เธอมีสิทธิ์เหรอ” อีกฝ่ายย้อนถาม ไม่ได้ตอบรับแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ นั่นทำให้ไอริณกล้าที่จะพูดต่อ “ไม่รู้สิคะ ฉันไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ก็แค่อยากลองเสี่ยงดู” “ว่ามาสิ” คราวนี้ไอริณเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย แล้วก็ต้องขมวดคิ้ว เมื่อสายตาเริ่มชินกับความมืดทำให้มั่นใจว่าผู้ชายตรงหน้าไม่อ้วนลงพุงแน่นอน แต่เป็นผู้ชายรูปร่างดี สูงใหญ่กำยำต่างหาก “ว่ายังไงล่ะ” เมื่อโดนถามย้ำทำให้ไอริณสะดุ้งหลุดจากความคิดของตัวเอง แล้วละล่ำละลักบอกเรื่องที่ตนเองจะขอออกไป “คืนนี้ฉันจะยอมเป็นของคุณอย่างเต็มใจ หลังจากนี้ก็จะไม่คิดหนี ยอมทำทุกอย่างที่คุณต้องการ จะให้ฉันอยู่ในฐานะไหนก็ได้ จะเฉดหัวฉันทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้เช่นกัน แต่ตอนที่อยู่ที่นี่ขอเพียงอย่างเดียวอย่าทารุณกรรมฉันจะได้ไหมคะ” เธอรู้ว่าถ้าขอให้เขาไม่ทำอะไรเลย คงเป็นไปไม่ได้ แต่เมื่อจะโดนก็ขอแบบธรรมดาเถอะ ไม่อย่างนั้นคนที่ไม่ได้มีรสนิยมอะไรแบบนั้นอย่างเธอคงรับไม่ไหว
ตอนที่ 1 ลูกรัก หลานชัง (1)
ตอนที่ 1
ลูกรัก หลานชัง
เด็กน้อยยืนน้ำตาไหลหน้าโลงศพของคนเป็นลุงที่เสียชีวิตกะทันหันจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ไม่มีอีกแล้วคนที่รัก ห่วงใยและคอยปกป้อง ไม่รู้เลยว่าชีวิตต่อจากนี้จะเจออะไรบ้าง เพราะป้าสะใภ้ไม่ชอบหน้าเธอมาแต่ไหนแต่ไร พูดให้ได้ยินเสมอว่าเธอคือภาระ
และชีวิตหลังจากที่ไม่มีคนเป็นลุงก็ไม่ได้ต่างจากที่คาด เธอโดนใช้งานสารพัด แม้จะกินอิ่มนอนหลับแต่ก็เป็นรองพิมพ์มาดาลูกสาวของคนเป็นป้าเสมอ ถ้าให้เปรียบก็เหมือนคุณหนูกับคนใช้ดี ๆ นี่เอง พิมพ์มาดาไม่เคยหยิบจับอะไรสักอย่าง แม้แต่หิวน้ำยังเรียกใช้ไอริณ และเป็นอยู่อย่างนี้มาโดยตลอดตั้งแต่เด็กยันโต
“ฉันซื้อของกินมาแกเอาไปแกะใส่จานมาให้ทีนะ” พิมพ์มาดายื่นถุงยำมะม่วงให้ไอริณที่เดินออกมาพอดี หญิงสาวมองอย่างเหนื่อยหน่ายใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากรับมันมาและกำลังจะเดินผละออกไป พิมพ์มาดาก็ร้องสั่งอีก “เอาน้ำมาให้ด้วยนะ”
“อื้อ” ไอริณรับคำแล้วเดินเข้าไปในห้องครัวด้วยความรู้สึกที่ไม่ได้รู้สึกชินชาเลยสักนิด นับวันกลับมีแต่ความเบื่อหน่ายอยากออกไปให้พ้น ๆ ชีวิตแบบนี้เสียที
“กลับมาแล้วเหรอลูก ทำไมกลับค่ำจัง” นางพิมพ์ทองเดินยิ้มนวยนาดมานั่งลงข้าง ๆ ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียว
“ไปดูหนังมาค่ะ” พิมพ์มาดาที่นั่งไขว่ห้างพิงพนักโซฟาด้วยท่าทีสบายใจหันมายิ้มให้กับคนเป็นแม่เล็กน้อยก่อนจะหันไปสนใจโทรศัพท์ในมือต่อ
“แล้วนี่เรียนจบคิดไว้หรือยังว่าจะไปทำงานที่ไหน” นางพิมพ์ทองถามลูกสาวที่อีกไม่กี่เดือนก็จะจบมหาวิทยาลัยแล้วอย่างไม่ได้จริงจังนัก
“โอ๊ยแม่ ยังไม่จบเลยจะมาพูดอะไรตอนนี้” พิมพ์มาดาทำท่าหงุดหงิดใส่
“ก็ดู ๆ ไว้ไง” แม้จะโดนทำท่าทีอย่างนั้นใส่ แต่ใช่นางพิมพ์ทองจะถือสา ทำเหมือนมันเป็นเรื่องปกติ
“ไม่ดงไม่ดูอะไรทั้งนั้นแหละ” พิมพ์มาดาทำเสียงจิ๊จ๊ะขยับตัวหนีอย่างรำคาญ แต่เมื่อเห็นโฆษณามือถือรุ่นใหม่โผล่มาเธอก็ปรับสีหน้าและขยับเข้าไปประจบออดอ้อนคนเป็นแม่ทันที เหมือนเพิ่งนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “เอ่อ นี่แม่มือถือรุ่นใหม่จะออกแล้วนะ แพนไปจองเอาไว้แล้วด้วย”
“เท่าไหร่ล่ะลูก”
“ไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ สี่หมื่นเกือบห้าหมื่นเท่านั้นเอง”
“ห้าหมื่น!” นางพิมพ์ทองอุทาน ยกมือทาบอกสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เมื่อได้ยินราคามือถือรุ่นใหม่ที่ลูกสาวอยากได้
“สวยมากเลยนะคะแม่ ยังไงใกล้ ๆ วันแม่เตรียมเงินไว้ให้แพนด้วยนะคะ” หญิงสาวออดอ้อนทั้งกอดหอม บีบนวดคนเป็นแม่อย่างเอาใจ
“แพงไปไหมลูก มือถือก็ยังดีอยู่เลย เพิ่งซื้อไปไม่นานนี่เอง ไม่ทันไรจะเปลี่ยนรุ่นใหม่อีกแล้วเหรอ” นางแย้งคนเป็นลูกสาวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลเช่นเคย
“โธ่แม่ ของมันต้องมีเปล่า” เมื่อคนเป็นแม่ขัดใจพิมพ์มาดาก็ทำท่าเง้างอดใส่ และในตอนนั้นเองไอริณก็เดินถือจานยำมะม่วงที่พิมพ์มาดาซื้อมาวางลงบนโต๊ะพร้อมกับแก้วน้ำ และก่อนเดินผละออกไปก็หันมาพูดกับป้าสะใภ้ที่มีสีหน้าเคร่งเครียดแปลก ๆ “กับข้าวไอซ์ทำไว้แล้วนะคะ ถ้าเย็นก็อุ่นหน่อยแล้วกินได้เลย”
“อะไรจะขึ้นนอนแล้วเหรอ รอเก็บจานให้ฉันก่อนสิ” พิมพ์มาดาทักท้วง เพราะถ้าจะให้เธอมาทำน่ะไม่มีทาง ตั้งแต่เด็กจนโตเธอไม่เคยที่จะต้องทำอะไรแบบนี้เลย
ไม่เคยทำและไม่คิดจะทำด้วย
“ไม่เก็บก็ทิ้งไว้ตรงนั้นแหละ ฉันต้องไปทำงานกะดึกน่ะ” ไอริณบอกอย่างไม่ใส่ใจ เพราะเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว เรื่องงานบ้านทั้งหมดเธอเป็นคนรับผิดชอบ ไม่ใช่สิต้องเรียกว่างานทุกอย่างในบ้านดีกว่า ป้าสะใภ้มีจับต้องบ้าง ถ้างานเธอล้นมือจริง ๆ แต่สำหรับพิมพ์มาดาแล้ว ไม่เลย ไม่แตะงานอะไรเลย นั่งกินนอนกินชี้นิ้วสั่ง ถามว่าเธอเคยต่อว่าไหม เคยสิแต่สิ่งที่ได้ตอบกลับมาคือป้าสะใภ้ด่าทอเธอว่ามันไม่ใช่เรื่อง เธอเป็นแค่คนอาศัยต้องทำทุกอย่างให้คุ้มค่ากับที่ท่านให้ที่ซุกหัวนอนและส่งเรียนมาจนถึงทุกวันนี้