บทย่อ
“อย่ามาทำเป็นเล่นตัว ได้เวลาทำหน้าที่ของตัวเองแล้ว”ไมก้าห์ตามไปนั่งคร่อมร่างบางที่ตอนนี้มือทั้งสองข้างของหญิงสาวถูกเขาตรึงไว้เหนือศีรษะด้วยมือข้างเดียวแล้ว“นะ…หน้าที่บ้าบออะไรจะมาทำกันตอนนี้ คุณต้องการกาแฟเพิ่ม ปล่อยฉันสิเดี๋ยวจะไปชงให้ค่ะ” ไออุ่นพยายามพูดคุยอย่างใจเย็น ทั้งที่มาอีหรอบนี้หรือจะต้องการดื่มกาแฟ“ไม่ได้จะกินกาแฟ”“งั้นคุณจะเอาอะไร นี่มันดึกแล้ว จะใช้อะไรฉันก็รอพรุ่งนี้เซ่!” เธอตะโกนสุดเสียงดิ้นสุดฤทธิ์แต่ก็ไม่สามารถหลุดออกจากการควบคุมของมือใหญ่ของไมก้าห์ได้“หน้าที่กลางคืนก็ต้องทำกลางคืนสิ”ไม่พูดเปล่าไมก้าห์ยังก้มลงไปสูดกลิ่นสาวจากซอกคอหอมกรุ่นอย่างพอใจ แม้รูปร่างจะห่างไกลจากสเปกของเขาแต่กลิ่นเนื้อสาวนี้ถูกใจเขาอย่างประหลาด ดูท่ากลิ่นหอมอ่อนๆ ดูจะถูกจริตเขามากกว่ากลิ่นฉุนๆ ของน้ำหอมยี่ห้อดัง“ไม่ ไม่ มันไม่ใช่แบบนี้”ไออุ่นที่ขนลุกซู่บอกเสียงสะอื้น แต่ไมก้าห์ไม่คิดจะสน ผู้หญิงที่ชอบทำตัวอ่อนประสบการณ์เรียกร้องความใจแบบนี้เขาเจอมาเยอะแล้ว ร้อยทั้งร้อยเครื่องร้อนเต็มที่พวกเธอเหล่านั้นก็กลายร่างเป็นแม่เสือสาวพราวสวาททั้งนั้น“แบบนี้แหละถูกต้องที่สุดแล้ว”ตอบเสียงอู้อี้ ก่อนจะลากไล้ปลายจมูกและริมฝีปากไปทั่วลำคอขาวผ่อง ก่อนจะไล้ขึ้นมายังแก้มใสที่…เปียกชื่นน้ำตา และนั่นทำให้ไมก้าห์ที่กำลังเมากับกลิ่นกายสาวถึงนิ่ง แล้วค่อยๆ ยันตัวขึ้น“อย่ามาเรียกร้องความสนใจด้วยน้ำตา” เขาคำรามอย่างไม่สบอารมณ์ ให้ตาย เขาเกลียดที่สุดคือน้ำตาของผู้หญิง“ก็คุณกำลังจะข่มขื่นฉัน ฉันต้องดีใจหรือไง” ตะคอกกลับเสียงสะอื้น “ข่มขื่นเหรอ พูดให้ถูกมันคือหน้าที่ของเธอต่างหาก”
ตอนที่ 1 โจรสลัดมือสังหาร
ร่างที่ถูกลูกกระสุนจากอาวุธดำเมี่ยมไร้เสียงพุ่งเข้าใส่อย่างแม่นยำค่อยๆ ทรุดลงกับพื้น เลือดสีแดงที่ไหลทะลักออกจากช่องท้องเลอะเปื้อนกำแพงเป็นทาง แต่นั่นไม่ได้ทำให้มือสังหารรู้สึกสะทกสะท้าน เข้าใช้เท้าเหยียบซ้ำลงไปทีแผล ขณะที่มือก็ยังใช้อาวุธในมือจ่อแล้วกำลังจะถามอะไรบางอย่างออกไป
“กรี๊ดดด...อุ๊บ!”
เจ้าของเสียงยืนตัวแข็งทื่อดวงตาเบิกกว้าง หัวใจเต้นรัวราวกับมีกลองนับสิบใบตีอยู่ในอกรีบยกมือขึ้นตะปบปากที่หลุดเสียงกรีดร้องอย่างตกใจ เมื่อบังเอิญเดินหลงเข้าบริเวณซอกตึกเปลี่ยวแล้วเห็นการฆาตรกรรม
เธอหวังจะไม่ให้มือสังหารนั้นรู้ตัว แต่ดูเหมือนมันจะไม่เป็นผล ชายร่างสูงใหญ่ผมเผ้ายุ่งเหยิงหนวดเครารกรุงรังหันขวับมาทันที
“ใคร!”
น้ำเสียงกร้าวทรงพลังสบถถาม ร่างสูงใหญ่ผละจากเหยื่อที่ตอนนี้นอนชักกระตุกแล้วแน่นิ่งไป มาที่แขกไม่ได้รับเชิญ
และนั่นทำให้เจ้าของร่างบอบบางที่ยืนตัวสั่นงกๆ ฟันกระทบกันดังกึกๆ ได้เห็นใบหน้าของฆาตกรโหดชัดขึ้น ว่านอกจากหนวดเคราและผมเผ้าที่ดูไม่ได้แล้ว ตาขวาของไอ้ฆาตกรยังถูกปิดด้วยผ้าคาดตาดูคล้ายกับโจรสลัดยิ่งเพิ่มความน่ากลัวขึ้นไปอีกเท่าตัว
“มาทำอะไร!”
คนถูกถามสะดุ้งโหยงก้าวถอยหลังพลางส่ายศีรษะแทนคำตอบ เพราะตอนนี้เธอไม่สามารถเอื้อนเอ่ยคำพูดใดๆ ออกไปได้ ลำคอมันแห้งผาดตีบตันไปหมด
น้ำตาที่รื่นขึ้นมาจากความกลัวไหลลงอาบแก้มและก่อนที่ตัวเธอจะโดนฆาตกรรมเป็นรายต่อไป หญิงสาวพยายามตั้งสติแล้วหมุนตัววิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต ไม่คิดแม้แต่จะหันกลับไปมองว่าเจ้าฆาตรกรโหดคนนั้นได้ตามมาหรือไม่
ไออุ่นวิ่งมายืนหายใจหอบตัวโยนมองซ้ายมองขวามองหน้ามองหลังพลางเช็ดน้ำตาด้วยมือที่สั่นเทาอยู่หน้าคาบาเรต์โชว์ ที่เธอและเพื่อนๆ เพิ่งดูโชว์จบไปได้ไม่นาน แต่ด้วยวันนี้ทั้งพรีเซนงานและทำกิจกรรมตามตารางกิจกรรมของทางบริษัทที่จัดเที่ยวพร้อมกับการสัมนานอกสถานที่ประจำปีมันก็ทำให้เธอเหนื่อยจนไม่อยากไปต่อ อยากกลับไปทิ้งตัวลงนอนแผ่หราอยู่บนที่นอนนุ่มๆ มากกว่า
ดังนั้นหลังจากดูคาบาเร่ย์โชว์จบเธอกับเพื่อนๆ ที่ยังจะเที่ยวต่อจึงแยกกัน และไม่น่าเชื่อว่ามีเธอคนเดียวเท่านั้นที่อยากจะกลับไปนอน แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเพราะมั่นใจว่าตัวเองจำทางกลับโรงแรมที่พักได้ ทว่าไม่รู้เพราะเหนื่อยหรือง่วงจัด ความมั่นใจที่มีไม่ได้ช่วยอะไรเลย
…เธอหลงทาง ยิ่งเดินก็ยิ่งเปลี่ยวและ…เจอดีเข้าจนได้
“เอาไงดีล่ะทีนี้”
หญิงสาวที่สติมาแต่ปัญญายังไม่ค่อยเกิดเท่าไหร่ยืนเกาหัวแกรกๆ หันซ้ายหันขวา ก่อนจะวกกลับมาก้มดูนาฬิกาข้อมือ เกือบจะสี่ทุ่มแล้ว จะเอาไงดี ให้กลับโรงแรมคนเดียวตอนนี้เธอคงไม่เอา โทร.ให้ใครสักคนมารับดีกว่า อย่างน้อยเดินเที่ยวก็คงดีกว่าถูกฆ่าหมกซอกตึก
ว่าแล้วก็ล้วงโทรศัพท์ขึ้นมายังไม่ทันจะได้กดต่อสายหางตาก็เหลือบไปเห็นฝรั่งร่างสูงสองคนที่เดินเด่นมาแต่ไกลๆ ‘โจรสลัดมือสังหาร’ เอาฉายานี้ไปเพราะมันเหมาะกับเฮียมาก
บรรลัยแล้ว…ไอ้หน้าหล่อที่เดินมาด้วยกันมันชีโบ้ชี้เบ้มาที่คาบาเร่ย์โชว์ที่เธอยืนอยู่ จะมาทำไมคะเฮียโหด วันนี้เขาหมดรอบแสดงแล้ววว…ไปที่อื่นไป๊ มือบางทำท่าโบกไล่ แน่ะ! ไม่ไป ไปเองก็ได้วะ…
ไออุ่นรีบหมุนตัววิ่งหนีเข้าไปในฝูงชนนักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศด้วยความเร็วเท่าที่มนุษย์คนหนึ่งจะเร็วได้ กึ่งวิ่งกึ่งเดินเบี่ยงหลบไปเรื่อยๆ อย่างไม่รู้จุดหมาย เธอต้องหนีให้พ้น…พ้นไหม…พ้นไหม
“กรี๊ดดด! อุ๊บ!”
ไม่พ้น…เธอหนีไม่พ้นหรือนี่ ไออุ่นที่โดนล๊อคคอปิดปากพยายามดิ้นรนขัดขืนอย่างคนที่กำลังเอาตัวรอดจากความตาย และอาเฮียแกโหดได้ใจจริงๆ คนมากมายแต่ไม่มีใครกล้าเข้ามาช่วยเธอเลยสักคน พวกแล้งน้ำใจ ถ้าตายไปจะตามมาหลอกมาหลอน ไออุ่นคร่ำครวญ น้ำตาเริ่มซึมจากหางตา
แต่…เอะ! มีเสียงหัวเราะสดใสใกล้ๆ หู
เธอหยุดดิ้นและหันขวับ!
“จ๊ะเอ๋! ยัยออออ” ใบหน้าทะเล้นปรากฏตรงหน้าและคนที่เรียกเธอว่า ‘ออออ’ ไม่มีใครเลย…
“อีนังวิทยา!”
“ว๊าย! หยาบคาย…ไอซ์…บอกให้เรียกไอซ์ให้ติดปาก วิทยงวิทยาอะไรลืมมันไปได้เลย บอกไม่รู้จักฟังเดี๋ยวแม่ฆ่าหักคอเลยนี่”
ไอซ์ชื่อเล่นที่ตั้งขึ้นใหม่หรือวิทยาชื่อจริงในบัตรประชาชนจีบปากจีบคอสั่งสอนเพื่อนสาวคนสวยอย่างไม่จริงจังนัก ขณะเดียวกันก็คอยเล่นหูเล่นตาให้ท่าฝรั่งที่เดินเฉียด เดินห่าง แต่ไม่ห่างจากเรดาห์จับผู้ชายของนางเป็นระยะๆ
“ก็ใครใช้ให้แกเล่นแบบนี้ล่ะ”
ไออุ่นสะบัดตัวออกห่างเพื่อนสาวประเภทสองร่างบึก ป้ายมือปาดหางตาป้อยๆ ขณะที่ใจยังเต้นระส่ำอกสั่นขวัญแขวน
“โอ๋…ขวัญเอ๋อขวัญมาแม่นางออออ” ออออ เป็นชื่อย่อจากชื่อเต็ม ไออุ่น ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามันต่างกันตรงไหนสองพยางค์เหมือนกัน แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าของชื่ออย่างเธอก็ไม่เคยค้าน แม้ได้ยินตอนแรกจะงงระคนขำไม่น้อย ดีน่ะที่ชื่อ ไออุ่น ถ้าชื่อ ดวงดาว ล่ะมีหวังฮากว่านี้
“เอ้อ แล้วนี่เธอ…ไหนว่าจะกลับโรงแรมไงยะหล่อน ทำไมมาวิ่งลิ้นห้อยหน้าตื่นอยู่แถวนี้ล่ะ หรือว่าโดนฝรั่งไล่ตะครุบ ไหนๆๆ คนไหนเอ่ย…หล่อไหม”
“ไม่! เฮ้ย! ไม่ใช่” มือบางตีเข้าที่ไหล่กว้างภายใต้เสื้อรัดติ้ว “ฉันแค่เปลี่ยนใจเท่านั้น เห็นหลังแกไวๆ เลยรีบวิ่งตามมา”
“อ๋อ….แล้วไป” บอกอย่างไม่ติดใจสงสัยอะไร จากนั้นก็คว้าเกี่ยวแขนเรียวเล็กเข้าไปกอดและยิ้มอย่างหมายมาด “งั้นเราสองไปเดินท่องราตรีส่องหนุ่มๆ กันดีกว่า” ไออุ่นพยักหน้ารับอย่างไว เกาะแขนล่ำเอาไว้แน่น ณ ตอนนี้จะพาเธอไปไหนก็ได้ทั้งนั้นแหละ ไม่เกี่ยงขอให้มีชีวิตรอดปลอดภัยกลับไปหายายที่บ้านก็พอ
“กะจะมาพักผ่อนแม่งมาทำให้เสียอารมณ์”
ชายหนุ่มหน้าตาดุดันรกครึ้มไปด้วยหนวดเคราและผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงล้วงบุหรี่ขึ้นมาจุดพลางบ่นอย่างหงุดหงิด
ไมก้า พาสคาร์รี่ อดีตทหารหน่วยรบพิเศษ SAS ทายาทโดยตรงเพียงคนเดียวของตระกูลพาสคาร์รี่ที่มีธุรกิจมากมายมหาศาลเกือบทุกแขนงอยู่ในมือ หลังจากปลดประจำการตัวเองจากอาชีพที่รักเพราะสูญเสียดวงตาข้างขวาจากการปฏิบัติหน้าที่ ไมก้าห์ก็เขามารับตำแหน่งผู้กุมบังเหี้ยธุรกิจทุกอย่างต่อจากบิดารวมถึงศัตรูคู่แค้นต่างๆ ที่ขยันตามล้างตามฆ่าหมายเอาชีวิตได้ทุกฝีก้าว แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านสมรภูมิมาอย่างโชกโชนเรื่องแค่นี้ไม่ได้ทำให้เขาหวาดกลัวหรือสะดุ้งสะเทือนเลยแม้แต่น้อย
ดวงตาดุกร้าวที่เหลือเพียงข้างเดียว ส่วนอีกข้างถูกผ้าคาดตาสีดำสนิทปิดเอาไว้กวาดมองไปทั่วบริเวณที่ตัวเองก้าวผ่านอย่างไม่วางใจ แม้คืนนี้เขาจะจัดการไปแล้วหนึ่ง แถมมีผู้หญิงเอ๋อๆ มาเห็นและวิ่งหนีป่าราบหนีไปไหนแล้วก็ไม่รู้ หรือยัยนั่นจะไปแจ้งตำรวจ คงเจอหรอก คนอย่างเขาไม่คิดจะทิ้งหลักฐานให้ใครดมกลิ่นได้ง่ายๆ
และหมอนี้จัดการไปอีกสอง เขาเหลือบตามอง คาร์ลอส เลขาพ่วงตำแหน่งบอดีการ์ดที่เดินเก๊กหน้าหล่อให้สาวแท้สาวเทียมแทะโลมและส่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้เป็นระยะๆ แต่ทันทีที่พวกเธอเหล่านั้นมองเลยผ่านมาที่เขาเป็นต้องสะดุ้งโหยงรีบหลบสายตาก้มหน้าเดินหนีแทบจะทันที ฮึ! ไม่แปลกหรอกเพราะดูยังไงๆ ก็เทพบุตรเดินคู่มากับมหาโจร
มันเทพบุตร เขามหาโจร
“นี่เหรอที่นายบอกจะพามาดูโชว์” ไมก้าห์ทิ้งก้นบุหรี่ลงพื้นแล้วใช้ปลายเท้าบดขยี้ เงยหน้าขึ้นมองภาพนางโชว์ในชุดอลังการตรงหน้า
“ใช่ แต่ดูเหมือนวันนี้จะหมดรอบแล้ว”
คาร์ลอสบอดี้การ์ดสุดหล่อลูกเสี้ยวบราซิล-อังกฤษ-ไทยพลิกนาฬิกาข้อมือดูพลางยักไหล่ ไม่ทัน พวกเขาเสียเวลาไปกับการโดนไล่ล่าและเป็นฝ่ายไล่ล่าไปเป็นชั่วโมง
“ไม่มีอะไรน่าจรรโลงใจสักอย่าง”
“นั่นเป็นไง” ไมก้าห์หันขวับตามที่บอดีการ์ดพยักพเยิดด้วยรอยยิ้มแปลกๆ และเป็นจังหวะเดียวกับที่แขนของเขาโดนรวบไปกอด
“หาเพื่อนเที่ยวหรือคะสุดหล่อ ไปด้วยกันไหม เถื่อนเร้าใจอย่างนี้ชอบ…”
แต่กูไม่ชอบ…ไมก้าห์สบถในใจ รูปร่างก็เล็กบางดีอยู่ หน้าอกหน้าใจที่ดันขึ้นมาจนล้นทะลักเสื้อเกาะอกก็พอดูได้ แต่หน้าที่โบ๊ะจนขาววอกหันมองทีสะดุ้ง เสียงใหญ่ที่ดัดจนเล็กแหลมชวนขนลุกนี่แหละทำให้ชายหนุ่มสะบัดขยับตัวหนีแล้วดันร่างสูงของคาร์ลอสไปให้เธอคนที่ยืนกะพริบตาปริบๆ ขนตาปลอมยาวหนาเป็นแพขยับพึ่บๆ และไม่ผิดหวังนางคว้าหมับทันที เขาเองก็เดินหนีทันทีเช่นกัน ไม่สนใจด้วยว่าคาร์ลอสจะเอาตัวรอดจากสาวประเภทสองหิวโซคนนั้นได้อย่างไร
ไมก้าห์เดินทอดน่องดึงบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบอัดเข้าปอดอีกครั้ง ขณะที่สายตาก็กวาดมองผู้คนที่เดินกันขวักไขว่ เขาแทบจะไม่สนใจร้านรวงสองข้างทางอย่างนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ เขาเดินตรงไป…ตรงไป…และก็ตรงไป ก่อนจะเลี้ยวเข้าผับแห่งหนึ่งที่คิดว่าน่าจะดีในสายตา
ร่างสูงใหญ่ที่เดินเข้ามาเป็นจุดสนใจของนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ พอสมควร ไม่ใช่เพราะหล่อสะดุดตา หากแต่สภาพเยี่ยงโจรสลัดนั่นต่างหากเล่า เจ้าตัวรู้ดีแต่ไม่คิดจะสนใจปัจจุบันคนส่วนใหญ่ตัดสินกันจากรูปลักษณ์ภายนอกมากกว่าข้างใน ดังนั้นไม่แปลกเลยที่หลายๆ คนกระโดดเข้าใส่ก้อนกรวดที่ถูกห่อหุ้มด้วยเปลือกสวยงามมากกว่าเพชรแท้ที่ห่อหุ้มด้วยผ้าขี้ริ้ว
แต่ช่างเถอะใครจะเลือกอะไรเขาไม่เดือดร้อน แต่เขาเลือกที่จะนั่งแหมะตรงบาร์เครื่องดื่ม แล้วสั่งมันมาดื่มแก้เซ็ง
และทันทีที่สั่งจบบาร์เทนเดอร์หันไปทำงาน ก็มีร่างสูงของใครคนหนึ่งมานั่งข้างๆ เขาหันไปมองแล้วกดยิ้มมุมปาก คาร์ลอสกำลังนั่งทำหน้ายักษ์
“โยนขี้ให้แล้วหนีมากินเหล้าหน้าตายเฉย”
“อ้าว…ก็นายเป็นบอดีการ์ดฉันไม่ใช่เหรอ”
“ไหนบอกอดีตทหารหน่วยรบพิเศษไม่ต้องการบอดีการ์ดไง” ได้ทีคาร์ลอสขุดเอาคำพูดในอดีตของไมก้าห์ที่ปฏิเสธจะรับตัวเองเป็นบอดีการ์ดขึ้นมาย้อน
“ไม่เคยต้องการ”
ไมก้าห์บอกเสียงห้วน ‘ผมไม่ต้องการบอดี้การ์ด’ จำได้ประโยคนี้เขาเอ่ยทันทีอย่างไม่ต้องเสียเวลาคิด หลังจากคนเป็นพ่อบอกจะให้คาร์ลอสมาเป็นบอดี้การ์ดให้กับเขา แต่...เขาไม่ต้องการเพราะเชื่อว่าแม้ตัวเองจะสูญเสียตาไปข้างหนึ่งแต่ก็ไม่ได้ทำให้ฝีมือการต่อสู้ที่ได้มาจากการฝึกฝนอย่างหนักและประสบการณ์จากการทำงานจริงของเขาลดลงไปแม้แต่น้อย ปืนผาหน้าไม้ยังใช้ได้คล่องแคล่วราวกับเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย
ถึงอย่างนั้นก็หนีไม่พ้น บอดีการ์ดมือดีของบิดาก็มาตามติดเขาเป็นเงาในฐานะเลขาที่แฝงตำแหน่งบอดีการ์ด แรกๆ ก็เป็นไม้เบื่อไม้เมากันตลอด แต่นานไปเขาปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคาร์ลอสคือเพื่อนคนสนิท
“มะรืนนี้มีประชุมผู้ถือหุ้น นายต้องเข้าประชุมในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่และประธานบริษัทคนใหม่” คาร์ลอสถามพลางยกเครื่องดื่มในมือขึ้นจิ๊บ
ไมก้าห์มองแล้วส่ายศีรษะหันไปสั่งเครื่องดื่มกับบาร์เทนเดอร์ใหม่อีกครั้ง มันหน้าหล่อแต่นิสัยทราม! เอาเหล้าที่เขาสั่งไปดื่มหน้าตาเฉย…ประจำ!
“รู้”
“รู้แล้วห้ามเบี้ยว เหมือนครั้งที่แล้วมาละ ฉันขี้เกียจแก้ตัวแทน”
“งั้นยกตำแหน่งให้” พูดง่ายเหมือนเด็กยกของเล่นให้กัน แต่เด็กโข่งอีกคนรีบส่ายหน้าหวือ
“ไม่ๆ ฉันถนัดทำตามคำสั่งมากกว่า”
และเหนือไปกว่านั้นคาร์ลอสรู้ดีว่าไมก้าห์เป็นคนฉลาดหลักแหลมและเก่งอย่างหาตัวจับได้ยาก ดูชายหนุ่มเข้ามาบริหารธุรกิจในของตระกูลพาสคารี่ได้ไม่กี่ปีก็สามารถเพิ่มกำไรจากเดิมได้อย่างมากมายมหาศาล นอกจากนั้นยังได้ชื่อว่าเป็นราชาเทคโอเวอร์ เขาสามารถเทคโอเวอร์บริษัทที่กำลังจะล้มให้ฟื้นคืนชีพได้อย่างสวยงาม เขาทำไปทั่วโลก ทุกทวีป ทุกประเทศ และล่าสุดคือประเทศไทย
“ว่าแต่...” คาร์ลอสมองคนข้างๆ ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า “นายจะไปในสภาพนี้เหรอ”
“เอ้อ” สั้นๆ แต่ได้ใจความ
คาร์ลอสส่ายศีรษะอย่างไม่ให้ผ่าน หนวดเคราที่รกรุงรังผมเผ้าที่ยาวยุ่งเหยิงยิ่งมีผ้าคาดตาสีดำที่ตาซ้ายมหาโจรสลัดหน้าโหด ไม่ใครก็ใครล่ะจะกระเจิง
“ฉันไม่มีปัญหา แต่คนอื่น...”
คาร์ลอสพยายามโน้มน้าว ปกติเขาไม่มีปัญหากับสไตล์การแต่งตัวเถื่อนๆ เซอร์ๆ ของเจ้านายหรอกนะเพราะคนที่ติดต่อพบปะบรรดาผู้ถือหุ้นต่างๆ ส่วนมากจะเป็นเขา ส่วนตัวไมก้าห์เองจะเป็นผู้สั่งการอยู่เบื้องหลังมากกว่า
“ช่างหัว…”
“ตามใจ...”
คาร์ลอสยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ เรื่องนี้เป็นอันยุติ รอดูเช้าวันมะรืนแล้วกันว่าปฏิกิริยาบรรดาผู้ถือหุ้นทั้งหลายจะเป็นยังไงกับการแต่งตัวสุดขั้วและการพูดจาที่ติดจะดุกร้าวกระโชกโฮกฮากอย่างชายชาติทหารของไมก้าห์ งานนี้คงมีคนขาสั่นพับๆ ไปตามๆ กัน
ว่าแต่การปรากฏตัวของไมก้าห์จะรอดไหมเนี่ย
รอดแล้ว!!!
ไออุ่นกางแขนหมุนตัวกรีดร้องในใจ เมื่อตัวเองลงจากรถแท๊กซี่มายืนอยู่หน้าประตูรั้วบ้าน มันทั้งโล่งใจดีใจ ก็ตั้งแต่เจอเหตุการณ์ฆาตกรรมโหดคืนวันก่อน เธอก็อยู่ที่พัทยาด้วยความหวาดระแวงนอนก็ฝันร้าย เที่ยวก็ไม่สนุกเห็นฝรั่งรูปร่างคล้ายอาเฮียโจรสลัดโหดก็สะดุ้งทุกที นับจากนี้ไปเธอได้ตั้งปฏิธานกับตัวเองเอาไว้เลยว่าจะไม่ไปเหยียบที่นั่นอีกถ้าไม่จำเป็น!
“ใครมาอีกล่ะนั้น” เสียงถามดังมาจากหญิงสูงวัยที่ขยับแว่นหรี่ตามองมาจากข้างในตัวบ้าน ทำให้ไออุ่นที่มัวแต่ดีใจรีบเปิดประตูรั้วไม้เข้าไป
“อุ่นเองจ้ะยาย” หญิงสาวตะโกนบอกคนเป็นยายเสียงสดใส
“มาแล้วเหรอ”
“จ้า…ของฝากจ้ะ” หญิงสาวยื่นขนมของฝากที่คณะทัวร์พาแวะซื้อ มือเหี่ยวย่นสั่นน้อยๆ ยื่นไปรับแล้วเปิดดูก่อนจะส่ายหน้า
“มันไม่มีอย่างอื่นแล้วเหรอนอกจาก โมจิ หม้อข้าวหม้อแกง แล้วก็กะหรี่ปั๊บ”
“ก็เห็นยายชอบนี่จ๊ะ” บอกเสียงอ้อนพลางโอบประคองไหล่ที่เริ่มงอคุ้มไปตามวัยที่ร่วงโรยกลับเข้าไปในบ้าน
“แต่ก่อนชอบตอนนี้เริ่มเอียนแล้ว ไปต่างจังหวัดกลับมาที่ไรก็มีแต่ของฝากเดิมๆ ทุกที”
“บ่นอย่างนี้แสดงว่าไม่กิน”
“กินสิ” ว่าพลางกระชับถุงของฝากในมือพร้อมกับหันไปค้อนหลานสาวตัวดี “เพราะมันไม่มีอะไรจะกินหรอกนะ”
“จ้า…” รับคำเสียงกลั้วหัวเราะ ประจำนี่ละยายสุดที่รักของเธอ ซื้อของมาฝากไม่มีคำว่าไม่บ่น บ่นทุกอย่าง ล้วถามว่าบ่นแล้วเอาไหม สั้นๆ คือเอา คนแก่ก็อย่างนี้แหละบ่นพอเป็นกะษัย
“แต่…” ไออุ่นลากเสียงยาวทำท่ามีลับลมคมใน
“อะไรอีกล่ะหรือมีขนมจากเพิ่มมาอีกอย่าง” เป็นของฝากอีกอย่างที่ได้รับบ่อยไม่ต่างจากขนมสามอย่างนี้
“ไม่ใช่เสียหน่อย ยายก็” แสร้งทำเสียงงอนๆ “ขนมน่ะแค่ของฝากหลอกๆ แต่ของฝากจริงๆ อยู่ในกระเป๋านี้ต่างหากละคะ เห็นแล้วยายจะต้องชอบ…”
น้ำเสียงสดใสท้ายประโยคแผ่วลง เท้าที่กำลังก้าวเข้าไปบริเวณโถงบ้านชะงัก ถุงข้าวของมากมายวางอยู่บนโต๊ะรับแขกเล็กๆ กลางห้อง นั้นหมายความว่า…
“เขามาเหรอคะ” คนเป็นยายพยักหน้ารับ “เพิ่งกลับไปเมื่อกี้นี่เองยายเลยยังไม่ได้เอาของไปเก็บ” ไออุ่นเดินเข้าไปหลุบตาลงมองข้าวของที่เขาซื้อมาด้วยใบหน้านิ่งเรียบ หากแววตานั้นฉายแววสลดซ่อนความน้อยเนื้อต่ำใจเอาไว้
“เขาเป็นไงบ้างคะ”
ถามพลางเดินเข้าไปช่วยเปิดดูของในถุง แล้วรวบถือถุงผลไม้และขนมนมเนยจากห้างดังเดินเข้าไปในห้องครัวเล็กๆ จากนั้นก็จัดการแยกเก็บให้เข้าที่ แต่ผลไม้นั้นเธอแยกเก็บเข้าตู้เย็นส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งก็ล้างและจัดใส่จานกินมันเดี๋ยวนั้นเลยอย่างทุกครั้ง และก็เหมือนทุกครั้งที่เธออยากถามยายเหลือเกินว่าเขาคนนั้นถามถึงเธอบ้างไหม แต่คำถามนั้นนั้นก็ไม่เคยหลุดออกจากปากของเธอแม้แต่ครั้งเดียว
“สบายดีไม่เห็นมันเจ็บไข้ได้ป่วยนี้ หน้าตาออกจะสดใส”
“อย่างนั้นเหรอคะ”
“มาแป๊บเดียว บอกว่ามีธุระเลยรีบกลับ เดี๋ยวว่างๆ จะแวะมาใหม่ คราวหน้าคงได้เจอแหละ”
คนเป็นยายบอกต่อ ซึ่งไออุ่นพยักหน้ารับรู้ไม่พูดไม่ถามอะไรต่อไปอีก ยายมักจะพูดอย่างนี้เพื่อปลอบใจเสมอ แต่เธอรู้หรอกว่าเขามักจะเลือกมาเฉพาะตอนที่เธอไม่อยู่ แม้ยายจะเคยบอกว่าไม่ใช่ แต่เธอคิดว่าใช่เลยล่ะเขาจงใจ...นานแค่ไหนแล้วน่ะที่เธอไม่เจอหน้าเขาคนนั้น