บทย่อ
จะแมนหรือไม่แมนต้องลองมาเป็นแฟน...ถึงจะรู้ “เดี๋ยวสิคุณ ฉันทำอาหารไม่เป็น” ปราณปริยาบอกออกมาในที่สุด สรัลหมุนตัวมาเลิกคิ้วและหรี่ตามองหญิงสาวที่ยืนทำหน้ามุ่ยถามเขาเสียงเง้างอดว่า“มองอย่างนี้หมายความว่าไงคะ”“ลูกสาวเจ้าของร้านอาหารหรูไม่ใช่หรือ เราน่ะ” สรัลถามยิ้มๆ“ก็ใช่ค่ะ แต่ทำงานเกี่ยวกับบัญชี ไม่ได้เป็นเชฟ”“มันก็จริงของคุณ” ชายหนุ่มยักไหล่พร้อมกับพยักหน้าอย่างรับรู้ เดินไปเปิดตู้เย็นหยิบกะหล่ำม่วงออกมาล้าง ขณะที่ปากก็คุยกับปราณปริยาที่ยืนอยู่กลางห้องครัว“งั้นเป็นลูกมือผมได้ไหมครับ” ถามพลางพยักหน้าเป็นเชิงเรียก “แค่เอาผักมาล้างแล้วเอามาหั่นแบบนี้” ชายหนุ่มสาธิตการหั่นผักให้ดูอย่างคล่องแคล่ว ชนิดที่ผู้หญิงแท้ๆ อย่างปราณปริยายังอาย จนต้องแกล้งถามกลับไปว่า“ว่าแต่คุณทำทานได้แน่นะคะ”“คุณว่าผมเป็นใคร” สรัลหันมาถามพร้อมกับยื่นมีดให้ลูกมือสาวสวยได้ลองทำ“คุณชายเพียงขวัญไงคะ” ปราณปริยาเชิดหน้าตอบพร้อมหัวเราะคิกอย่างชอบใจ ขณะที่มือก็ค่อยๆ บรรจงหั่นผัก“ปากดีอย่างนี้ เดี๋ยวจูบซะให้เข็ดเลย” สรัลยื่นปลายจมูกไปเบียดแก้มใส แล้วต้องรีบผงะออกเมื่อปราณปริยายกมีดในมือขึ้นมาขู่“เขามาสิ หน้าสวยๆ คุณได้แผลแน่”“อู้ย...โหดจังแม่คุณ” สรัลทำท่ากลัวแต่สีหน้ากลับยียวนสุดๆ จนเธออยากจะเอามีดบากหน้าเสียให้เข็ด“ทำหน้าที่ของตัวเองไปเลย อย่ามารุ่มร่ามกับฉันเชียว ไม่งั้นเมนูมื้อนี้ได้กินลาบเลือดแน่”
บทนำ ต้นเหตุของความเสียใจ ตอนที่ 1 ความข้องใจที่ยังไม่กระจ่าง
บทนำ ต้นเหตุของความเสียใจ
น้ำตาคลอเบ้ารินไหลลงมาอาบแก้มชมพูระเรื่อซึ่งถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางบางๆ ดวงตากลมโตกะพริบไล่หยดน้ำใส พลางมองผู้ชายสองคนซึ่งมีรูปร่างกำยำตามวิสัยคนที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอ รวมทั้งหน้าตาและผิวพรรณดีที่นั่งอยู่ตรงหน้า แค่ทั้งคู่นั่งนิ่งๆ ก็คงมีสาวๆ ทิ้งสายตาทอดสะพานให้ไม่ขาดแน่ๆ แต่คุณสมบัติเหล่านั้นคือมายา เพราะถ้าใครได้มานั่งอยู่ในฐานะเดียวกับเธอตอนนี้ รับรองว่าจะเกลียดความหล่อเหลาสมชายนั้นเข้ากระดูกแน่นอน
“ผมขอโทษ คุณเป็นคนดีนะ ผมพยายามแล้ว...แต่มันทำใจไม่ได้” เสียงนุ่มทุ้มที่เคยกระซิบคำหวานและคำรักเมื่อวันวานเอ่ยขอโทษอย่างสำนึกผิดในการกระทำของตน
“แล้วคุณมาหลอกฉันทำไม!” เธอตะคอกถาม แต่เสียงที่เล็ดลอดออกมานั้นกลับแผ่วเบาและสั่น แถมยังปนสะอื้นอีกด้วย
“คุณเป็นผู้หญิงนิสัยดี สวยและน่ารัก ผมเลยคิดว่าตัวเองอาจจะทำใจใช้ชีวิตร่วมกับคุณได้ แต่พอเอาเข้าจริงๆ ผมทำใจไม่ได้ ผมขอโทษ” ชายหนุ่มลุกขึ้นก้มศีรษะให้หญิงสาวซึ่งนั่งอยู่อีกฟากโต๊ะ โดยมีหนุ่มหล่ออีกคนก้มลงไปประคองพลางตบไหล่เบาๆ
ภาพผู้ชายหล่อล่ำสองคนโอบกอดเพื่อปลอบประโลมกันด้วยความรัก ทำให้หญิงสาวซึ่งนั่งน้ำตาไหลเหยียดยิ้มและอยากหัวเราะให้ความโง่เขลาของตัวเอง ที่หูหนวกตาบอดจนดูไม่ออกว่าผู้ชายคนนี้เป็น ‘อีแอบ’ และแอบได้เนียนมาถึงห้าปี
“เรื่องที่คุณจะพูดมีแค่นี้ใช่ไหม ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันกลับละ” ว่าแล้วก็ผลุนผลันลุกขึ้น แต่คนที่ก้มหน้าอยู่รีบเงยหน้าขึ้นมาถามเสียงหลง
“คุณจะคุยเรื่องยกเลิกงานแต่งของเรากับครอบครัวใช่ไหม เอ่อ...ส่วนผมก็จะคุยกับครอบครัวของผมเอง”
คนถูกถามเอี้ยวตัวกลับมาแล้วเชิดหน้าตอบอย่างฉะฉานว่า
“ฉันจะแต่งงานเพราะอยากได้สามี ไม่ใช่ภรรยา”
ลาก่อนความรักจอมปลอม
‘ฉันจะจำเป็นบทเรียนจนวันตายว่าผู้ชายไม่ได้อยากมีเมียทุกคน’
ตอนที่ 1 ความข้องใจที่ยังไม่กระจ่าง
หนึ่งเดือนต่อมา
ฟ้าลิขิตเวดดิงสตูดิโอที่กำลังเติบโตและก้าวหน้าด้วยการบริหารงานของลูกชายคนเล็กของตระกูลศักดินนท์ ซึ่งรับช่วงกิจการตามความต้องการของมารดา ด้วยลูกชายอีกสามคนไม่ชอบงานด้านนี้เอาเสียเลย ต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่ใช่งานของผู้ชาย พวกเขาจึงหันไปรับช่วงกิจการอื่นๆ ของครอบครัวแทน ดีที่ลูกชายคนเล็กไม่ขัดข้อง และเป็นโชคดีมากที่ชายหนุ่มไม่ได้รับช่วงกิจการเพราะต้องการตามใจมารดา แต่เขาทำเพราะใจรักล้วนๆ ซึ่งทำให้คนเป็นแม่ภูมิใจจนขึ้นแท่นเป็นลูกรักหัวแก้วหัวแหวนทันที
ตอนนี้กิจการกำลังเจริญรุ่งเรือง ลูกค้าจองคิวไม่ขาดช่วง และยิ่งเดือนไหนที่มีฤกษ์งามยามดีละก็ คิวจะแน่นเป็นพิเศษ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเพราะฟ้าลิขิตเวดดิงสตูดิโอมีทีมงานเกือบร้อยชีวิต ทีมออแกไนเซอร์ที่พร้อมตอบสนองความต้องการของคู่รักที่มาใช้บริการ
วันนี้ก็ไม่ต่างจากทุกวันที่มีคู่รักหลายคู่เข้ามาใช้บริการ ส่วนใหญ่จะตัดสินใจเซ็นสัญญาแบบไม่มีปัญหา เพราะถูกใจและได้ในสิ่งที่ต้องการ แถมราคาแพ็กเกจก็สมเหตุสมผล
คู่รักร่วมเพศคู่หนึ่งมาใช้บริการฟ้าลิขิตเวดดิงสตูดิโอเพราะคำแนะนำของคนรู้จัก ทั้งสองไม่ได้จดทะเบียนสมรสอย่างที่หลายๆ คู่มักจะไปจดทะเบียนสมรสกันที่ต่างประเทศเพราะคิดว่าไม่จำเป็น แต่ทั้งคู่ก็อยากจัดงานงานแต่งงานและมีงานเลี้ยงฉลองเล็กๆ เน้นความสนุกสนาน แขกไม่มากมาย มีแค่ญาติพี่น้องเพื่อนฝูงและคนสนิทเท่านั้น ซึ่งทางร้านก็ยินดีจัดงานให้คู่รักทุกเพศ ไม่ว่าจะเป็นคู่รักชายหญิง หญิงรักหญิง หรือชายรักชาย เพราะทุกคู่ล้วนมีความรักและเป็นเนื้อคู่ที่ฟ้าลิขิตมาแล้ว เรื่องเพศจึงไม่ใช่ปัญหาในการแต่งงาน
สรัลซึ่งอยู่หน้าเคาน์เตอร์พอดีจึงได้ต้อนรับคนทั้งคู่ ไม่รู้เพราะการต้อนรับหรือหน้าตาของเขาที่ถูกใจเก้งกวางเป็นพิเศษ จึงทำให้ลูกค้าออกปากเลยว่าต้องการให้สรัลเป็นผู้ให้คำแนะนำการวางแผนจัดงานในครั้งนี้ หนุ่มหล่อแต่ไม่แมนขู่ว่าถ้าให้คนอื่นดูแล ทั้งคู่อาจจะไม่เซ็นสัญญา สรัลเองก็ไม่ขัดข้อง ทุกอย่างเลยผ่านไปอย่างราบรื่น
“หวังว่าวันนัดพวกเราจะได้เจอคุณอีกนะครับ”
“แน่นอนครับ” สรัลยิ้มรับและไม่ได้ทำท่าทีรังเกียจการถึงเนื้อถึงตัวของลูกค้าหนุ่มที่ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าการลูบต้นแขนและไหล่ของเขา ผิดกับสุดารัตน์ซึ่งยืนมองอยู่นั้นอดขนลุกขนชันแทนไม่ได้
จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครกล้ายืนยันว่า เจ้าของร้านสุดหล่อแต่หน้าหวานเกินไปนิดสำหรับผู้ชายอย่างสรัลเป็นชายแท้หรือเกย์ ที่เราเห็นแล้วคิดว่าใช่แน่ๆ แต่กลับไม่ใช่ ขณะที่พวกอ้วน ล่ำ หน้าโหด หนวดเคราเฟิ้ม ดูอย่างไรก็ไม่ใช่ แต่ที่ไหนได้กลับเป็นเก้งกวางทั้งนั้น
แม้แต่สุดารัตน์ที่ทำงานอยู่ที่นี่มานานจนชายหนุ่มให้ความสนิทสนมในระดับหนึ่งก็ยังไม่กล้าฟันธง เพราะบางครั้งสรัลก็ดูมาดแมนเหมือนผู้ชายทั่วไป แต่ก็มีบางท่วงท่าที่ดูจะตุ้งติ้งไปนิด
“คุณขวัญนี่เสน่ห์แรงนะคะ เอาซะอยู่หมัดเลย”
“ถ้าเสน่ห์แรงกับลูกค้าแล้วทำให้คุยงานง่ายแบบนี้ ผมก็อยากให้มีบ่อยๆ ด้วยซ้ำ” ชายหนุ่มบอกเสียงกลั้วหัวเราะเป็นเชิงทีเล่นทีจริง คนจะเดาเลยเดาไม่ถูกว่าเขาชื่นชอบการล่วงเกินเมื่อครู่จริงๆ หรือจำยอมในฐานะที่อีกฝ่ายเป็นลูกค้า
“ลูกค้าคู่เกย์นี่หรือคะ” สุดารัตน์ถามพลางทำหน้าแหยๆ
“ลูกค้าแบบไหนผมไม่เกี่ยงอยู่แล้ว” พูดจบก็ยกข้อมือขึ้นมาพลิกนาฬิกาเพื่อดูเวลา แล้วล้วงกระเป๋ากางเกงตามเดิม ก่อนจะสั่งงานและเดินขึ้นไปชั้นบนสุดซึ่งเป็นห้องทำงานส่วนตัวเหมือนทุกครั้งที่ใกล้จะปิดร้าน
“คุณสุ รบกวนให้ใครเอารายละเอียดแผนงานของลูกค้าที่เซ็นสัญญาวันนี้ไปให้ผมด้วยนะครับ”
“ได้ค่ะ”
ร่างบางในชุดยูนิฟอร์มของร้านเดินกลับไปที่เคาน์เตอร์ เธอนั่งได้ไม่ถึงห้านาทีประตูหน้าร้านก็เปิดออกพร้อมกับการปรากฏตัวของลูกค้าผู้ชายซึ่งมาคนเดียวเสียด้วย
สุดารัตน์เลิกคิ้วอย่างแปลกใจ ไม่บ่อยนักที่คู่รักโดยเฉพาะฝ่ายชายจะมาร้านเวดดิงเพียงลำพัง ส่วนมากจะเป็นฝ่ายหญิงมากกว่า ครั้งแรกอาจจะมาด้วยกันทั้งคู่เพื่อตัดสินใจในหลายๆ อย่างร่วมกัน หลังจากนั้นอาจจะเป็นว่าที่เจ้าสาวที่เทียวไปเทียวมาที่ร้านตามนัด เพื่อมาตัดสินใจรายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆ ตามลำพัง หรือไม่ก็มีญาติหรือเพื่อนสาวมาด้วย ทว่าชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้น่าจะอยู่นอกเหนือจากทุกข้อที่กล่าวมา เพราะเธอจำลูกค้าได้ค่อนข้างแม่นยำ จึงมั่นใจว่าผู้ชายคนนี้เพิ่งมาที่ร้านเป็นครั้งแรก
“พี่สุคะ คุณผู้ชายท่านนี้มาขอพบคุณขวัญน่ะค่ะ” เด็กในร้านที่เข้าไปต้อนรับเดินมารายงาน แล้วความสงสัยแรกของสุดารัตน์ก็เป็นอันกระจ่าง
“งั้นเดี๋ยวพี่จัดการเองจ้ะ” เธอหันมายิ้มให้และเดินอ้อมเคาน์เตอร์ไปหาแขกหนุ่ม แล้วถามอย่างนอบน้อมว่า
“นัดไว้หรือเปล่าคะ”
“เปล่าครับ บอกว่าเวธน์มาหาแล้วกันครับ”
“ได้ค่ะ เชิญคุณเวธน์นั่งรอสักครู่นะคะ”
ชายหนุ่มพยักหน้ารับยิ้มๆ ก่อนจะเดินไปทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาสีขาวหน้าเคาน์เตอร์เมื่อพนักงานสาวผายมือเชื้อเชิญ แล้วเดินกลับไปต่อสายหาคนที่เขาต้องการพบ
เวธน์หยิบอัลบั้มพรีเซนต์งานของร้านมาเปิดดูคร่าวๆ แล้ววางที่เดิม ก่อนจะกวาดตามองไปรอบๆ ร้านที่ใหญ่โตและกว้างขวางกว่าที่คาดคิดไว้ การตกแต่งภายในร้านเน้นสีขาวเป็นหลัก และเกือบทุกมุมจะมีหุ่นผู้หญิงสวมชุดเจ้าสาวแบบต่างๆ ตั้งโชว์ไว้เด่นสะดุดตา
“คุณขวัญให้มาเรียนว่ากำลังจะลงมาพบค่ะ”
“ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มที่กำลังสำรวจภายในร้านหันมายิ้ม ก่อนจะกวาดตาไวๆ ไปทั่วร้านอีกรอบ แล้วลุกขึ้นไปที่เคาน์เตอร์เพื่อชวนพนักงานสาวคุยฆ่าเวลา
“คุณทำงานที่นี่นานหรือยังครับ”
“ประมาณหกเจ็ดปีได้แล้วมั้งคะ”
“เจ้านายคุณเคยพาแฟนมาที่ร้านบ้างไหมครับ” เขาโน้มตัวข้ามเคาน์เตอร์ไปถามหญิงสาวเบาๆ แล้วอมยิ้ม ก่อนจะรอฟังคำตอบ
“ไม่เคยเห็นนะคะ ที่เห็นมาบ่อยๆ ก็มีแต่คุณฟ้า คุณแม่ของคุณขวัญเท่านั้นแหละค่ะ”
“ไม่มีเลยเหรอ” ชายหนุ่มพึมพำคนเดียว
สุดารัตน์เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้แขกของเจ้านาย แล้วก้มหน้าทำงานต่อพลางนึกสงสัยว่าผู้ชายคนนี้เป็นใครกันแน่ ทำไมต้องถามเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ของเจ้านายด้วย
“เจ้านายคุณเป็นเกย์หรือเปล่า”
จู่ๆ ชายหนุ่มก็ถามในสิ่งที่เธอและพนักงานหลายๆ คนสงสัยขึ้นมา สุดารัตน์ได้แต่อ้ำอึ้ง มองดวงตาที่ฉายแววขี้เล่นเต้นระริกรอคำตอบแล้วส่ายหน้า
“ไม่มั้งคะ...ไม่รู้...ไม่แน่ใจ เอาเป็นว่าดิฉันขอไม่ตอบแล้วกันนะคะ เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวของเจ้านาย ดิฉันไม่ทราบจริงๆ ค่ะ”
“ว้า! ไม่สนุกเลย” เวธน์แกล้งบ่นพลางซบหน้าลงบนแขนที่วางอยู่ตรงเคาน์เตอร์ เมื่อพนักงานสาวไม่ยอมเล่นด้วย
“ไม่สนุกอะไรวะ” เสียงทักจากคนที่เดินลงบันได ทำให้คนที่กำลังเบื่อเงยหน้าแล้วยืดตัวขึ้น พร้อมกับเปิดยิ้มกว้าง
“คุณชายขวัญกว่าจะเสด็จได้นะ รอจนเมื่อยแล้วนี่” ชายหนุ่มทักทายพร้อมกับเดินเข้าไปตบไหล่กว้างของเจ้าของร้านหนักๆ
“ก็อยากมาแบบไม่บอกไม่กล่าวทำไมล่ะ ว่าแต่แกกลับมาจากเชียงใหม่ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ”
ครอบครัวของเวธน์มีกิจการโรงแรมทั้งที่กรุงเทพฯ เชียงใหม่ และจังหวัดอื่นๆ ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อ บางครั้งเวธน์ก็ต้องเดินทางไปดูโรงแรมในเครือตามต่างจังหวัดบ่อยครั้ง
“สองสามวันแล้วละ”
“คิดยังไงมาหาฉันที่ร้านวะ”
“คิดถึง”
สิ้นคำว่า ‘คิดถึง’ กำปั้นใหญ่ๆ ของสรัลก็ชกเข้าที่แก้มสากของเวธน์เบาๆ เป็นการหยอก และเตือนไม่ให้พูดคำที่ชวนให้คิดไปไกลพร้อมกับถลึงตาใส่
แต่เวธน์ที่ชินชาเพราะชอบแกล้งเพื่อนหน้าสวยเกินชายมาแต่ไหนแต่ไร จนทำให้คนเข้าใจผิดมานักต่อนักแล้ว กลับหัวเราะชอบใจ ‘ก็มันสนุกนี่นา’
“ก็แวะมาดูร้านแกไง ใหญ่โต กว้างขวาง สวยเหมาะกับคนสวยๆ อย่างแกดี ใช่ไหมจ๊ะ” ไม่เพียงน้ำเสียงตอนท้ายที่ยังล้อเลียนเจ้าของร้านหน้าสวยไม่เลิก เวธน์ยังเดินไปยื่นมือเขี่ยแก้มที่ใสเกินชายของอีกฝ่ายอย่างเอ็นดูอีกด้วย ทำเอาสรัลที่เริ่มจะรำคาญกับการเล่นไม่เลิกของเพื่อนรัก ต้องรีบปัดมือใหญ่นั่นออกแล้วกระซิบเสียงเข้มว่า
“กูชักจะรำคาญแล้วนะโว้ย มาทำไม ไม่มีธุระก็กลับบ้านไป กูจะทำงาน”
“คำพูดกับหน้าตาขัดกันอย่างแรงว่ะ หน้าสวยๆ แต่พูดกูพูดมึง” เวธน์ตอบกลับอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะยิ้มแหยๆ เมื่อสรัลไม่เล่นด้วยแล้วจริงๆ
“ไอ้เวธน์!”
“เออๆ เลิกล้อเล่นแล้ว มีเรื่องจะปรึกษา ไปคุยกันที่ห้องทำงานแกดีกว่า ตอนนี้รู้สึกเด็กในร้านแกเริ่มจะจ้องแบบแปลกๆ ละ” เขาพยักพเยิดให้เจ้าของร้านมองพนักงานสาวๆ ในร้านซึ่งแอบปรายตามอง แล้วรีบก้มหน้าเดินหลบหรือไม่ก็แสร้งทำงาน เมื่อเขาหันไปมอง
“เพราะแกไม่ใช่หรือไง” สรัลทำเสียงจิ๊จ๊ะแล้วถลึงตาดุใส่ ก่อนจะเดินมาหาสุดารัตน์
“คุณสุครับ งานที่ผมสั่งให้เอาขึ้นไปให้ก่อนหน้านี้เสร็จรึยังครับ ถ้าเสร็จแล้วเดี๋ยวผมเอาขึ้นไปเองเลยดีกว่า”
“นี่ค่ะ”
“ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มรับแฟ้มงานเสร็จก็หมุนตัวเดินนำเวธน์ขึ้นไปบนห้องทำงาน
พนักงานในร้านจับตามองทุกท่วงท่าของแขกหนุ่มกับเจ้าของร้านอย่างไม่ให้คลาดสายตาเลยแม้แต่น้อย ทุกคนที่เดินผ่านมาเห็นการพูดคุยหยอกล้อของทั้งคู่ ต่างก็อดที่จะแอบมองและคิดไปต่างๆ นานาไม่ได้
พนักงานสาวคนหนึ่งที่แอบมองสองหนุ่มอยู่นานถลาเข้ามาเกาะเคาน์เตอร์ แล้วถามสุดารัตน์ด้วยความสงสัยอย่างแรง “พี่สุว่าผู้ชายคนนี้เป็นอะไรกับคุณขวัญอะ”
“ไม่รู้สิ เพื่อนมั้ง...” สุดารัตน์ตอบไม่เต็มเสียงนัก เมื่อเวธน์โอบไหล่ของสรัลเข้าไปใกล้ๆ แล้วกระซิบกระซาบบางอย่างพร้อมด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย
“...หรือไม่ใช่”
“นั่นสิ เหมือนคู่รักกันเนอะ” พูดเองก็ตกใจเอง ก่อนจะรีบยกมือขึ้นตะครุบปากราวกับกลัวว่าเจ้าตัวจะได้ยิน
“ใกล้จะปิดร้านแล้ว ขอไปเก็บงานก่อนนะคะ” เมื่อเห็นสุดารัตน์พยักหน้า เธอคนนั้นก็ผลุบหายไปอย่างรวดเร็ว
สุดารัตน์เงยหน้าขึ้นไปมองชั้นบนอีกครั้งแล้วถอนหายใจพลางส่ายหน้า เธอเองก็คิดไม่ต่างกันว่าเวธน์อาจจะเป็นแฟนของสรัล ก็เพื่อนผู้ชายแมนๆ ที่ไหนจะมายืนเขี่ยแก้มกันเล่น
‘โอ้...ไม่อยากคิด เสียดายของจริงๆ แล้วต่อไปผู้หญิงจะหาสามีได้ไหมนี่ ผู้ชายเล่นกินกันเองแบบนี้’