บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 เวลากับความรัก

มื้อค่ำวันนี้นอกจากทุกคนในครอบครัวจะได้รับประทานอาหารกันพร้อมหน้าพร้อมตาแล้ว ยังได้ต้อนรับคนที่เคยเป็นแขกประจำของบ้านอีกด้วย แต่หลังจากเรียนจบชายหนุ่มก็ไปดูแลกิจการของครอบครัวซึ่งเป็นภาระหน้าที่ที่ต้องทำ จึงไม่ได้มาเยี่ยมครอบครัวของเพื่อนรักบ่อยนัก

“สวัสดีครับคุณลุงคุณป้า พี่พี พี่ณัฐ พี่ดนย์”

“อ้าวตาเวธน์ หายหน้าหายตาไปเลยนะเรา แล้วนี่ไปไงมาไงถึงได้มาด้วยกันล่ะนี่” คุณฟ้าผู้เป็นมารดาของสรัลรับไหว้อย่างแปลกใจระคนดีใจ พร้อมกับลุกขึ้นไปดึงชายหนุ่มที่รักเสมือนลูกหลานอีกคนมากอดและรั้งให้นั่งลงข้างๆ

“ของฝากจากเชียงใหม่ครับ”

“หนีไปเที่ยวเชียงใหม่มานี่เอง” คุณฟ้ารับถุงของฝากมาเปิดดูพร้อมกับแกล้งบ่นยิ้มๆ

“ไปทำงานมากกว่าครับ พักนี้ไม่ค่อยมีเวลาเที่ยวเท่าไหร่ เลยอาศัยช่วงไปทำงานเที่ยวบ้างนิดหน่อยนี่แหละครับ”

“เอาไว้หน้าหนาวพี่กับเพื่อนๆ จะแวะไปใช้บริการโรงแรมของนายบ้าง แต่ต้องลดให้พิเศษด้วยนะ” พีรณัฐที่นอนอ่านหนังสืออยู่พลิกตัวลุกขึ้นพูดด้วยความกระตือรือร้น

“แน่นอนอยู่แล้วครับพี่ณัฐ ว่าแต่ที่จะพาไปด้วยนี่เพื่อนที่เป็นสาวๆ ใช่ไหมครับ” เวธน์ยักคิวให้อย่างรู้ทัน

“หนาวเนื้อก็ต้องห่มเนื้อสิใช่ไหมไอ้ขวัญน้องรัก”

สรัลหันขวับมามองพี่ชายคนรองอย่างเซ็งๆ พีรณัฐเป็นอีกคนที่ป่วนเขาพอๆ กับเวธน์เลยทีเดียว

“หนาวไม่หนาวก็ห่มได้ทั้งนั้นแหละครับ นอกเสียจากจะไม่มีให้ห่ม”

“พูดเหมือนคนขาดแคลน อะๆ อย่าบอกนะว่าช่วงนี้แกขาดแคลนหญิง งั้นแกก็คว้าผู้ชายที่มาติดพันแกมาแก้ขัดก่อนเป็นไง” พูดเกือบไม่จบประโยค หมอนในมือของสรัลก็ถูกขว้างมาที่ใบหน้าของพีรณัฐทันที ก่อนที่พี่ชายคนรองจะนั่งหัวเราะประสานเสียงอย่างชอบใจกับเวธน์ที่ได้ยั่วโมโหคนหน้าสวย

“ว่าคนอื่นเอาไว้มากๆ ระวังสักวันจะโดนดี” พีรดนย์ซึ่งเหมือนจะเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานกว่าใครเพื่อน นั่งพาดคอกับพนักโซฟา พลางเอ่ยเตือนพี่ชายขึ้นมาลอยๆ

“โดนดียังไงวะไอ้ดนย์ โดนดีแบบเสียตัวให้ผู้ชายด้วยกันอย่างนั้นเหรอ ไม่มีทาง อย่างฉันมองไม่เคยพลาด” พีรณัฐบอกด้วยความมั่นอกมั่นใจในประสิทธิภาพการแยกแยะชายจริงหญิงแท้ของตัวเอง

“แต่ทุกวันนี้ดูยากนะพี่ กะเทยสมัยนี้สวยกว่าผู้หญิงก็เยอะ จะแยกแยะจากอะไรดี กระดงกระเดือกก็ไม่มี เสียงเสิงเล็กอย่างกับผู้หญิง เดี๋ยวนี้บางที่บัตรประชาชนก็แทบเชื่อไม่ได้ ปลอมแปลงเอกสารกันดาษดื่น” เวธน์เสริมขึ้นบ้าง แต่พีรณัฐกลับส่ายหน้าดิกพลางโบกไม้โบกมือ

“อย่างพี่นะเวธน์ เรื่องผู้หญิงพี่คัดกรองดียิ่งกว่าหน่วยข่าวกรองของเอฟบีไอเสียอีก ฉะนั้นเรื่องแบบนี้สำหรับพี่ไม่มีปัญหา แต่คนที่น่าเป็นห่วงโน่นเลย” พีรณัฐพยักพเยิดไปทางพี่ชายใหญ่อย่างพีรทัต ซึ่งนั่งไขว่ห้างเปิดแฟ้มงานอ่านอย่างไม่สนใจใคร

‘จะสนใจใครได้ไงล่ะ ยังเคลียร์งานไม่เสร็จ แต่ดันโดนคนเป็นแม่โทร. จี้ให้กลับมาทานมื้อค่ำ’

ในสัปดาห์หนึ่งจะต้องมีหนึ่งวันที่ทุกคนต้องมารับประทานอาหารเย็นอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ไม่ว่าจะยุ่งแค่ไหนก็ตาม เลยทำให้ชายหนุ่มต้องหอบงานกลับมาทำที่บ้าน

โดยมีกฎเหล็กที่คุณฟ้าเป็นคนกำหนดขึ้นคือ วันที่ทุกคนต้องกลับมารับประทานข้าวที่บ้านอย่างพร้อมหน้าพร้อมตานั้น จะหอบงานกลับมาทำที่บ้านได้ แต่...ห้ามขึ้นห้องไปทำงานจนกว่าจะรับประทานมื้อค่ำเสร็จ นั่นคือเหตุผลที่พีรทัตต้องนั่งทำงานที่ห้องนั่งเล่นท่ามกลางคนในครอบครัว

“ห่วงทำไม พี่พีเขาเลือกเป็นหรอกน่า อายุปูนนี้แล้ว ถ้าไปพลาดท่าเสียทีให้เก้งกวางละก็ ขายหน้าตาย” ไม่รู้ชมหรือหลอกด่า แต่คำพูดลอยๆ ของพีรดนย์ก็ทำให้คนที่นั่งเงียบมาตลอดปิดแฟ้มงานเสียงดัง

“พวกนายเอาตัวเองให้รอดก่อนจะห่วงคนอื่นดีกว่าไหม” พีรทัต พี่ใหญ่ทั้งในบ้านและนอกบ้าน อายุเหยียบเลขสี่เข้าไปแล้ว แต่ดูอย่างไรก็ไม่ต่างจากคนอายุสามสิบห้าสามสิบหกเลย เขาบอกเสียงเรียบก่อนจะถลึงตามองน้องชายทีละคน

“จะสี่สิบแล้ว แต่ไม่ยอมมีเมียสักที ก็นึกว่าเบี่ยงเบน” พีรณัฐผู้ไม่เคยกลัวใครในบ้านนอกจากแม่ ล้อพี่ชายผู้เคร่งขรึมแบบยิ้มๆ

“โว้! คุยเรื่องอะไรกันก็ไม่รู้ แล้วนี่เมื่อไหร่กับข้าวจะเสร็จสักที ผมเข้าไปดูในครัวหน่อยนะครับ” สรัลที่นั่งทำหน้าบึ้งฟังพี่ชายคุยเรื่องไม่เป็นเรื่องจึงรีบบอกคนเป็นแม่ แล้วเดินเข้าห้องครัวอย่างหัวเสียเล็กๆ ที่วันนี้มีแต่คนป่วน

ชายหนุ่มคงไม่ได้เพียงแค่เข้าไปดูหรือไปเร่งแม่ครัวอย่างที่ว่า เพราะคนในครอบครัวรู้ดีว่าสรัลนั้น นอกจากหน้าสวยหวานเกินชายแล้ว เรื่องงานบ้านงานเรือนที่คุณฟ้าเฝ้าอบรมสั่งสอนและถ่ายทอดเสน่ห์ปลายจวักให้ บุตรชายคนเล็กก็ทำได้ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าหญิงใด ถือได้ว่าเก่งกาจเลยทีเดียว

“พ่อครัวตัวจริงไปจัดการแล้ว อีกเดี๋ยวคงได้ทานข้าวกัน ว่าแต่เสน่ห์ปลายจวักล้นเหลืออย่างนี้ เวธน์ไม่สนใจรับเป็นเจ้าสาวสักคนหรือจ๊ะ” คุณฟ้าซึ่งเปิดใจกว้างในเรื่องเพศแกล้งล้อเวธน์ด้วยเสียงกลั้วหัวเราะอย่างที่เคยล้อตั้งแต่สมัยเรียน

“แม่ครับ เพราะแม่ชอบพูดอย่างนี้นี่แหละ นายเวธน์มันถึงบ้าจี้ตามแม่ ชอบไปทำอะไรให้คนอื่นเข้าใจผิดว่านายขวัญไม่ใช่ผู้ชายเต็มร้อย” พีรทัตดุคนเป็นแม่ไม่จริงจังนัก แต่เรื่องน้องชายคนเล็กที่ถูกเข้าใจผิดบ่อยๆ ว่าเป็นเกย์หรือกะเทยบ้างนั้น ความผิดส่วนหนึ่งก็มาจากแม่ของเขานี่แหละที่อยากได้ลูกสาว แต่สุดท้ายก็ผิดหวัง เลยทำให้แม่ของเขาเลี้ยงดูสรัลซึ่งบังเอิญหน้าตากระเดียดไปทางผู้หญิงมากกว่าผู้ชายเหมือนเลี้ยงลูกสาว

“ผมก็สนุกด้วยแหละครับพี่พี ว่าแต่ผมยังไม่ได้บอกทุกคนใช่ไหมครับว่าผมกำลังจะแต่งงาน”

“แต่งงาน!?” ทุกคนยกเว้นพีรทัตต่างอุทานพร้อมกันด้วยความตกใจ

เวธน์หัวเราะพลางพยักหน้ารับแบบเขินๆ

“ครับ วันนี้ผมเลยแวะมาหาไอ้ขวัญก่อนที่ผมจะพาแฟนไปที่ร้านของมันอาทิตย์หน้า”

“ลูกๆ ที่น่ารักของแม่ทุกคนดูตาเวธน์เป็นเยี่ยงอย่างและหาลูกสะใภ้ให้แม่สักทีสิลูกขา อายุอานามก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้ว จะหญิงแท้หรือหญิงเทียมแม่ไม่เกี่ยง” คุณฟ้ามองค้อนลูกชายทั้งสามแล้วส่ายหน้า

“เอาน่าคุณ ถึงเวลาฟ้าก็คงลิขิตมาให้พวกมันเองแหละ” คุณลิขิตเอ่ยปลอบภรรยาครั้งที่นับไม่ถ้วน

“จะมาเมื่อไหร่ล่ะคะคุณ ตาพีก็จะสี่สิบแล้ว คนอื่นเขามีลูกเรียนมัธยมกันแล้วนะ แต่นี่อะไร นั่งหน้าเคร่งทำงานตลอด สงสัยชาตินี้จะต้องแต่งกับงานละมั้ง” คุณฟ้าบ่นลูกชายคนโตก่อนจะหันขวับไปถลึงตาเขียวใส่ลูกชายคนรองที่นั่งหัวเราะชอบใจกับคำบ่น

“แกก็เหมือนกันตาณัฐ”

“ผมยังไม่พร้อม” พีรณัฐรีบแย้งพลางขยับตัวอย่างอึดอัด เขามักจะเป็นอย่างนี้ทุกครั้งที่มารดาพูดเรื่องนี้

“สามสิบเจ็ดปีนี่นะ...ไม่พร้อม แกขาดอะไร แม่เห็นแกขาดอย่างเดียวคือความรับผิดชอบ ควงคนนั้นทีคนนี้ที เอาให้มันจริงจังสักคนแม่จะดีใจมาก” บ่นลูกชายคนรองเสร็จก็หันมาหาพีรดนย์

ชายหนุ่มเหมือนจะรู้ตัวจึงยกมือห้ามคนเป็นแม่ พร้อมกับชิงพูดขึ้นก่อน

“แม่ก็รู้ว่าผมมีแฟนแล้ว แต่ผมเพิ่งคบกันได้แค่ปีเดียวเองนะครับแม่ ขอศึกษาดูใจกันอีกหลายๆ ปีก่อนนะครับ”

“แต่ผมกับแฟนคบกันเดือนเดียวเองนะครับ”

ว่าที่เจ้าบ่าวหักล้างทฤษฎีของพีรดนย์ขึ้นมาทันที ทำให้ทุกคนต้องหันขวับมามองอีกครั้ง และพีรทัตก็พูดขึ้นบ้าง

“ไม่เร็วไปหรือนายเวธน์ เหมือนเพิ่งรู้จักกัน”

“ไม่รู้สิครับ มันเป็นอะไรที่อธิบายด้วยคำพูดไม่ได้ แม้จะคบกันไม่นาน แต่ผมรู้สึกว่าเธอคือคนที่ใช่”

“สำหรับความรัก เรื่องเวลาไม่ใช่ปัญหา ไม่ใช่ประเด็น และไม่ใช่เครื่องพิสูจน์ด้วยว่า ถ้าเราคบกับคนคนนั้นนานๆ ก่อนจะมาใช้ชีวิตร่วมกันแล้วมันจะอยู่ยืดยาว แต่ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่ความเข้าใจซึ่งกันและกันของคนสองคน ลูกๆ ยังไม่รู้ใช่ไหมว่าพ่อกับแม่คบกันนานแค่ไหนก่อนจะตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกัน” คุณฟ้าถามลูกๆ ด้วยน้ำเสียงเริงร่า โดยคุณลิขิตซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้โยกกำลังหัวเราะชอบใจ

“กี่ปีกี่เดือนครับคุณป้า”

คุณฟ้ากวาดตามองทุกๆ คนที่รอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ ก่อนสายตาที่ยังเปี่ยมล้นไปด้วยความรักจะมาหยุดที่คู่ชีวิตที่อยู่กันมายาวนาน คุณลิขิตยิ้มอบอุ่นให้ศรีภรรยาพร้อมกับดึงมือเล็กแต่เหี่ยวย่นร่วงโรยไปตามกาลเวลามากุมไว้

“สองอาทิตย์เท่านั้นเองจ้ะ”

“สองอาทิตย์!!” สี่หนุ่มอุทานพร้อมกันด้วยความตกใจ ไม่เว้นแม้แต่คนนิ่งอย่างพีรทัต ชายหนุ่มดูจะอึ้งกว่าใครเพื่อน เขามองบุพการีทั้งสองเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็เปลี่ยนใจ จึงหันไปคว้าแฟ้มงานมาเปิดอ่านเสียเลย

“คุณพ่อกับคุณแม่จะไวไฟไปไหน”

“ไวไฟแต่ก็อยู่กันจนแก่จนเฒ่า ดีกว่าไวไฟแบบแกน่ะตาณัฐ เห็นผู้หญิงถูกใจไม่ได้ ลากขึ้นเตียงท่าเดียว ใช้ไม่ได้”

“คุณแม่ก็ว่าผมจัง ไอ้คนที่อยู่ในครัวก็ใช่ย่อยเสียเมื่อไหร่ เสน่ห์แรงทั้งหญิงแท้หญิงเทียม ก็บอกมันให้หาสะใภ้ให้แม่บ้างสิครับ จะได้เลิกยุ่งกับผมเสียที”

“พอกันทั้งพี่ทั้งน้อง ไม่เอาไม่คุยกับพวกหวงความโสดอย่างพวกแกแล้ว คุยกับตาเวธน์ดีกว่า แล้วนี่จะแต่งกันเมื่อไหร่ล่ะ”

“กุมภาปีหน้าครับ”

“อุ๊ย! หมั้นกันข้ามปีเลยหรือนี่ ป้าว่ามันนานไปไหม” คนแก่ใจร้อนออกความเห็น

“ผมก็อยากแต่งเร็วๆ เหมือนกันนะครับ แต่พ่อแม่ของอ้อนเขาบอกว่าฤกษ์นั้นดีที่สุดน่ะครับ ผมก็เลยตามใจท่าน เดี๋ยวท่านเปลี่ยนใจไม่ยกลูกสาวให้...ซวยเลย”

แม้ทางพ่อแม่ของแฟนสาวจะอ้างอย่างนั้น เขาก็พอรู้หรอกว่าพวกท่านก็เห็นไม่ต่างจากพีรทัตที่บอกว่าคบกันเดือนเดียวแล้วจะแต่งงานใช้ชีวิตร่วมกันดูจะเร็วเกินไป แต่พวกท่านจะห้ามก็คงกระไรอยู่จึงยืดเวลาโดยใช้วิธีนี้

“ว่างๆ ก็พาว่าที่เจ้าสาวมาพบลุงกับป้าหน่อยสิ ไม่มีลูกสะใภ้เป็นของตัวเองก็ขอชื่นชมลูกสะใภ้ของคนอื่นแก้ขัดไปก่อนแล้วกัน” ไม่วายหันไปมองค้อนลูกชายทั้งสาม

“แน่นอนอยู่แล้วครับ และที่สำคัญ ผมขอจองตัวลูกชายบ้านนี้ทุกคนไปเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวด้วยนะครับ”

“ป้าอนุญาตจ้ะ เผื่อจะมีสักคนเจอเนื้อคู่” คุณฟ้าเอ่ยปากก่อนที่ลูกชายคนโตจะเงยหน้าขึ้นมาแย้งอย่างรู้ทัน และเมื่อเป็นอย่างนั้น คนที่มีปัญหาจึงหุบปากและนั่งทำงานฆ่าเวลาระหว่างรอรับประทานมื้อค่ำต่อไป

“แล้วเรื่องจัดงานเตรียมงานก็ปรึกษาตาขวัญแล้วกันนะจ๊ะ ป้ารับรองว่าไม่ผิดหวัง”

“เพราะเหตุนี้แหละครับผมถึงแวะไปหามันที่ร้าน ว่าแต่ร้านไอ้ขวัญมันใหญ่โตหรูหรามากเลยนะครับ ไม่คิดว่าจะรุ่งขนาดนี้ เห็นมันเคยบอกว่าเป็นร้านเล็กๆ พอไปเห็นแล้วต้องบอกว่าทึ่งจริงๆ” เวธน์พูดอย่างชื่นชมและทึ่งในความสามารถของเพื่อนรักจากใจจริง เขาคิดว่าไม่มีใครเหมาะสมที่จะเป็นเจ้าของฟ้าลิขิตเวดดิงสตูดิโอเท่าเพื่อนของเขาคนนี้อีกแล้ว

“ป้าเองก็คาดไม่ถึง ทุกวันนี้ก็ภูมิใจมากที่ตาขวัญดูแลเอาใจใส่ร้านที่ป้ารักอย่างดี จนรุ่งเรืองใหญ่โตขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก แต่เสียอยู่อย่างเดียวคือทุ่มเทกับงานกับร้านมากไปหน่อยจนจะขึ้นคานกันทั้งบ้านแล้ว ตระกูลศักดินนท์จะมีลูกหลานไว้สืบสกุลหรือเปล่าก็ไม่รู้ พูดเรื่องนี้แล้วกลุ้ม”

สิ้นเสียงบ่นของคนเป็นแม่ สามหนุ่มก็มองหน้ากันเลิ่กลั่กเพราะบทสนทนาเหมือนจะวนอยู่ที่เดิม ไม่ไปไหนไกล ต้องมีใครสักคนที่ดึงมารดาไปเรื่องอื่น และคนคนนั้นก็มาได้จังหวะพอดี

“อาหารเสร็จแล้ว เชิญทุกคนที่โต๊ะได้เลยครับ” สรัลซึ่งยังคงไม่ถอดผ้ากันเปื้อนประจำตัวเดินออกมาบอกทุกคนด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหมุนตัวกลับเข้าไปในห้องครัวอีกครั้ง เพื่อช่วยแม่ครัวตั้งโต๊ะอาหารอย่างที่เคยทำประจำถ้าเขาเข้าครัวเอง

“รอดแล้วพวกเรา” พีรณัฐบอกน้องชายกับพี่ชายเบาๆ

แม้จะเป็นการขัดเวลาสั้นๆ แต่นั่นก็เป็นสัญญาณที่ดีที่จะยุติมารดาไม่ให้คุยเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ของบรรดาลูกชาย จากห้องนั่งเล่นจนถึงห้องรับประทานอาหารแม้จะไม่ไกล แต่เชื่อเถอะว่ามารดาจะไม่คุยเรื่องที่ค้างไว้แน่นอน ลูกๆ ทุกคนรู้ดี

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel