บ่วงรักทาสเสน่หา

124.0K · จบแล้ว
ไหมขวัญ
33
บท
28.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

“คุณธี คุณจะทำอะไรน่ะ ปล่อยนะคะ!” ประณาลีถามเสียงตื่น พยายามดิ้นรนขัดขืนตุบตีและผลักไสร่างใหญ่ให้ออกห่าง แต่ดูเหมือนเขาจะไม่สะทกสะท้าน“ไม่มีทางที่รัก ผมปล่อยคุณมานานเกินไปแล้ว” เอ่ยจบนิธิภัทรก็เปลี่ยนจากกอดรัดมาตวัดร่างบางขึ้นอุ้ม แล้วเดินดุ่มๆ ตรงไปที่เตียงกว้าง ท่ามกลางเสียงวี้ดร้องและกระเสือกกระสนของหญิงสาว“ไม่นะคุณธี คุณจะทำอย่างนี้กับฉันไม่ได้นะ ฉันเป็นพี่เลี้ยงไม่ได้เป็นนางบำเรอของคุณ”“ก็ใครบอกว่าจะให้คุณเป็นนางบำเรอล่ะทูนหัว” นิธิภัทรวางร่างบางลงบนเตียงกว้างแล้วโถมร่างใหญ่ตามลงไปแบบติดๆ จากนั้นเขาก็ทำการปิดปากพี่เลี้ยงสาวที่มักจะปฏิเสธเขาตลอดเวลาด้วยจูบอ่อนหวาน ขณะเดียวกันกำปั้นน้อยๆ ของหญิงสาวก็ยังทุบเข้าที่ไหล่กว้าง แต่ไม่นานมือนั้นก็ค่อยๆ เปลี่ยนมาเป็นลูบไล้อย่างเคลิ้มไปกับจูบที่เริ่มเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ สติที่คอยย้ำเตือนตัวเองอยู่ตลอดเวลาแตกกระเจิงไม่มีชิ้นดี เหลือเพียงความรู้สึกลึกๆ ที่เก็บงำเอาไว้ภายในใจ ที่เริ่มจะแสดงออกมา และเมื่อเป็นอย่างนั้นทำให้ประณาลีกล้าพอที่จะจูบตอบกลับไปอย่างไม่ประสีประสามากนัก หากแต่จูบนั้นแฝงไปด้วยความเร่าร้อนอ่อนหวาน มันจึงสามารถเรียกเสียงครางจากชายหนุ่มได้เป็นระยะๆ สร้างความร้อนรุ่มไปทุกอณูขุมขน เปลวไฟพิศวาสคุกรุ่นพร้อมจะมอดไหม้ นิธิภัทรไม่รอช้าจัดการปราการที่ขวางกั้นทั้งของตัวเองและประณาลีที่นอนอ่อนระทวยใต้ร่างออกอย่างชำนาญ“คืนนี้คุณจะต้องชดเชยเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมานะที่รัก”

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักนิยายปัจจุบันประธานพลิกชีวิตรักหวานๆรักแรกพบเศรษฐีโรแมนติก

ตอนที่ 1 พ่อม่ายอกหักกับแม่สาวคานทอง

ภายในผับชื่อดังย่านรัชดา ไฟแสงสีและเสียงเพลงที่ดังอึกทึกครึกโครมคับพื้นที่ ไม่ได้สร้างความบันเทิงเริงใจให้กับ นิโคไล นิธิภัทร คันธารัตน์ หนุ่มหล่อลูกครึ่งไทย-อิตาลี เจ้าของธนาคารอยู่ในระดับเศรษฐีอันดับต้นๆ ของประเทศไทย ที่เพิ่งถูกคนรักอย่างทรรศน์กมลสาวสังคมแสนสวยสุดเซ็กซี่บอกเลิก อย่างหมดเยื่อใยไม่แม้แต่จะนึกถึงวันเวลาที่เคยรักกันมาเนิ่นนานหลายปี เพราะไปถูกใจหนุ่มอาหรับมหาเศรษฐีเจ้าของบ่อน้ำมันประเทศแถบตะวันออก

‘วันนี้มลมาลาคุณค่ะ’

‘มาลา! มลจะลาไปไหนครับ แล้วทำไมต้องลาด้วย’ ชายหนุ่มถามคนรักเสียงกลั้วหัวเราะ แต่ทรรศน์กมลกลับทำหน้าตาเคร่งเครียด ทำให้รอยยิ้มที่เปื้อนบนใบหน้าของนิธิภัทรค่อยๆ เลือนไป

‘ต้องลาค่ะ เพราะมลตัดสินใจแล้วว่า จะไปใช้ชีวิตอยู่กับคาร์ดาลและอีกไม่นานเราคงจะแต่งงานกัน ตอนแรกมลคิดว่าจะไปโดยไม่ลาคุณนะคะ แต่พอคิดๆ ดูแล้ว มลอยากไปแบบไร้กังวลค่ะ’

‘แต่งงาน...’ นิธิภัทรคราง ความตกใจมีน้อยกว่าความเจ็บปวด หัวใจของเขาตอนที่ได้ยินว่าผู้หญิงที่รักกำลังจะหนีไปแต่งงานกับคนอื่น ราวกับมีคนเอามีดทื่อๆ มาแล่ เขามองหน้าคนรักด้วยแววตาเจ็บปวด พลางส่ายศีรษะช้าๆ อย่างไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เพิ่งได้ยิน

เขาซึ่งได้ชื่อว่าเป็นแฟนของทรรศน์กมลมาโดยตลอด ในวงสังคมเองก็รู้กันดี แต่ ณ เวลานี้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนของเขากลับประกาศออกมาว่าจะไปแต่งงานกับผู้ชายคนอื่น ความสัมพันธ์ระหว่างทรรศน์กมลกับนักธุรกิจชาวอาหรับคนนั้น มันเกิดขึ้นตอนไหน ทำไมเขาไม่เคยรู้ ไม่เคยระแคะระคายใจมาก่อน ชายหนุ่มคิดอย่างสับสน ใจอยากจะพูดจะถามออกไป แต่มันเจ็บจนพูดไม่ออก

‘ค่ะ เราจะแต่งงานกันในไม่ช้านี้ เขาขอเวลาเคลียร์ทุกอย่างให้ลงตัวก่อน ซึ่งทางครอบครัวของมลก็ไม่มีปัญหา พวกท่านเคารพในการตัดสินใจของมล’ ทรรศน์กมลกลื้นก้อนสะอื้นแข็งๆ ที่วิ่งขึ้นมาจุกคอลงอย่างยากเย็น แล้วเชิดหน้าตอบราวกับไม่สะทกสะท้านอะไร ทั้งที่จริงแล้วการตัดสินใจของเธอในครั้งนี้ค่อนข้างลำบาก เพราะรู้สึกสงสารคนเคยรักอย่างนิธิภัทรอยู่ไม่น้อย แต่เพื่อความสุขของตัวเองในอนาคต เธอจึงขอเลือกสิ่งที่คิดว่าดีที่สุด ถึงแม้นิธิภัทรจะรวยแต่สิ่งที่เขาไม่ค่อยจะมีให้เธอเลยก็คือเวลาและความเอาใจใส่ ในขณะที่ผู้ชายอีกคนมีให้เธอครบทุกอย่าง

‘ทำไมมล ทำไมคุณทำกับผมอย่างนี้ เรารักกันมาตั้งนาน จู่ๆ คุณก็เปลี่ยนใจจะไปแต่งงานกับไอ้นักธุรกิจแขกนั้น ทั้งๆ ที่มีผมอยู่’ นิธภัทรถามเสียงสั่น เขาพาคนรักอย่างทรรศน์กมลออกงานสังคมด้วยบ่อยครั้ง และมีงานหนึ่งที่เขากับทรรศน์กมลได้เจอและรู้จักกับผู้ชายที่ชื่อคาร์ดาลผ่านการแนะนำจากเพื่อนที่เป็นนักธุรกิจด้วยกัน แต่เขาไม่คิดว่าการพบกันในครั้งนั้นจะทำให้เขาเสียคนรักไป

‘ค่ะ คุณกับมลคบกันมาตั้งนาน แต่คุณรู้ไหมคะว่า คุณไม่ค่อยจะมีเวลาให้มลเลย และความเอาใจใส่ในฐานะคนรักก็คงไม่ต้องพูดถึง เราแทบจะไม่ต่างกับแค่คนรู้จักกันธรรมดาทั่วไป เอ่ยขึ้นคำไหนก็มีแต่งานแล้วก็งาน หรือไม่ก็ลูกๆ ตัวแสบของคุณ มลทนไม่ไหวและไม่อยากจะทนมันอีกต่อไปแล้ว มลมีคาร์ดาล เวลามลทุกข์ใจกับสิ่งที่เป็นอยู่ เขาเป็นคนเดียวที่เข้าใจ และคอยดูแลเอาใจใส่ เฝ้าเทคแคร์มลตลอด ซึ่งมันต่างกับคุณที่เป็นคนรักอย่างมาก ดังนั้นเมื่อเขาสารภาพว่ารักมลตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว มลไม่ลังเลเลยที่จะตอบรับเขา เพราะเขาเป็นคนที่ให้มลได้ทุกอย่าง’

‘คุณจับปลาสองมือ’ นิธิภัทรเค้นเสียงพูดออกมาอย่างเจ็บปวด

‘เพราะคุณทำให้มลต้องเป็นแบบนี้’

‘ผมนึกว่าคุณเป็นผู้หญิงที่เข้าใจผมมากที่สุดนะมล’

‘มันแค่ช่วงที่มลยังไม่เจอคาร์มาลเท่านั้น แต่หลังจากที่มลได้เจอคาร์มาล มลถึงได้รู้จักความสุขที่แท้จริง หวังว่าคุณคงจะเข้าใจมลนะคะ ลาก่อนค่ะ’

นิธิภัทรสะบัดศีรษะแรงๆ ไล่เหตุการณ์อันแสนเจ็บปวดที่ผุดขึ้นมาในห้วงความคิดเป็นฉากๆ ก่อนจะกระดกเหล้าในแก้วขึ้นดื่ม

“มาคนเดียวเหรอคะ” เสียงหวานมาพร้อมกับการเบียดหน้าอกอวบอิ่มเข้าที่สีข้างของชายหนุ่ม ทำให้นิธิภัทรเหลือบตามองเจ้าของหน้าอกนั้นเล็กน้อย ก่อนหันกลับไปสนใจเหล้าในแก้วอย่างเดิม ไม่นานเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มไม่ได้ให้ความสนใจเจ้าหล่อนจึงเดินกระฟัดกระเฟียดออกไป พร้อมกับสบถด่าทิ้งท้าย

“ผู้ชายอะไรวะ หล่อแต่โง่ชิบหาย”

ใช่! เขามันโง่ ขนาดแฟนนอกใจไปกับผู้ชายคนอื่นตั้งนานยังไม่รู้สึกตัว นิธิภัทรคร่ำครวญในใจ มือหนายกขึ้นลูบหน้าตัวเองแรงๆ เพื่อเรียกสติ เขายังมีงานมีลูกอีกสองคนที่จะต้องดูแล จะมัวมานั่งจมอยู่กับความทุกข์อย่างนี้ไม่ได้หรอก ดังนั้นคืนนี้เขาจะดื่มให้มันสุดๆ ดื่มเพื่อลืมผู้หญิงใจง่ายคนหนึ่งที่เขาเคยรักมาก ใช่ เขาใช้คำว่า ‘เคยรัก’ถูกต้องที่สุด เพราะหลังจากคืนนี้ไปเขาจะลบผู้หญิงที่ชื่อทรรศน์กมลออกไปจากหัวใจดวงนี้ให้หมด

ในอีกมุมหนึ่งของผับ สาวๆ กลุ่มหนึ่ง มาเลี้ยงส่งท้ายความโสดให้กับเพื่อนสนิทที่คบกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมอย่างปานรำไพ ซึ่งสามารถปีนลงจากคานทองนิเวศน์ได้ในเวลาอันเฉียดฉิว ดังนั้นในกลุ่มห้าสาวก็จะเหลือเพียงแค่ ประณาลี ตุลยดาหรือลี สาวสวยนัยน์ตาคมคนเดียวในกลุ่มที่เกาะคานทองไว้ได้อย่างเหนียวแน่น ทั้งที่เพื่อนในกลุ่มแก๊งค์ต่างก็ทยอยสละโสดกันไปจนหมดทุกคนแล้ว

เมื่อทุกคนมีความสุขกับชีวิตคู่กันถ้วนหน้า พวกเธอจึงไม่อยากให้เพื่อนสนิทอย่างประณาลี ที่มีอคติกับผู้ชายและชีวิตคู่ ซึ่งสาเหตุก็มาจากคนในครอบครัวของเธอนั้นเอง ที่มีแต่ผู้ชายเจ้าชู้ประตูดินไม่มีความรับผิดชอบ นับตั้งแต่พ่อบังเกิดเกล้าพี่ชาย ไม่เว้นแม้กระทั่งน้องเขย มันก็เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจอยู่ ที่มีผู้ชายพรรค์นั้นอยู่ในวงจรชีวิตครอบครัว แต่ผู้ชายดีๆ ก็ใช่ว่าจะไม่มีในโลก ดังนั้นคืนนี้นอกจากจะเป็นการเลี้ยงส่งความโสดของปานรำไพแล้ว ก็จะมีปฏิบัติการณ์หาคู่จึงเกิดขึ้น

“นี่ยัยลี แกว่าผู้ชายคนนั้นเป็นไง หล่อเปล่า” ประณาลีที่เพิ่งมาถึงเพราะวันนี้เลิกงานช้ากว่าปกติ เนื่องจากพ่อแม่ของเด็กที่เธอรับผิดชอบเป็นพี่เลี้ยงในช่วงเวลาหลังเลิกเรียน คือตั้งแต่เวลาสี่โมงเย็นถึงหนึ่งทุ่ม เกิดติดธุระเลยข้อร้องให้เธออยู่ทำโอทีต่อจนถึงสามทุ่ม เอี้ยวตัวไปมองหนุ่มหล่อลูกครึ่ง ที่นั่งสาดเหล้าลงคอเป็นว่าเล่นเพียงลำพังตรงเคาน์เตอร์บาร์ และด้วยความหล่อเหลามีเสน่ห์ดึงดูดใจเพศตรงข้าม จึงมีสาวๆ แวะเวียนไปทักเขาบ่อยครั้ง เท่าที่แค่เธอหันไปมองก็มีถึงสองคน แต่ดูท่าพ่อหนุ่มลูกครึ่งจะหล่อเลือกได้ จึงไม่คิดจะสนใจหรือเล่นด้วย เขายังคงตั้งหน้าตั้งตาดื่ม แล้วนั่งก้มหน้าอย่างคนทุกข์หนัก

“ก็หล่อ แล้วไง”

“สนปะ” คนถูกถามส่ายหน้าหวืออย่างไม่ต้องคิดให้เสียเวลา เล่นเอาทุกคนในกลุ่มทำหน้าเซ็ง ยกเว้นมุทิตาหรือมุกเท่านั้นที่ยิ้มจางๆ

“นี่พวกเธอ จะมาเลี้ยงส่งความโสดให้ยัยไพหรือมาหาคู่ให้ยัยลีกันแน่เนี่ย”

“แหม...ก็มาทั้งสองอย่างนั่นแหละ แกก็รู้ว่าพวกเราอายุขึ้นเลขสามกันถ้วนหน้า แต่ก็ดีหน่อยตรงที่ลงจากคานกันเกือบหมด ยกเว้นคุณประณาลีคนเดียวเท่านั้น ที่ยังไม่ยอมลงจากคาน ทั้งที่หน้าตาก็ใช่จะขี้ริ้วขี้เหร่...ถามจริงเถอะ แกไม่คิดจะหาแฟนจริงๆ เหรอยัยลี”

“ไม่ละ ชีวิตนี้ฉันขออยู่กับงานที่รัก ฉันก็พอใจแล้วละ งานมันซื่อสัตย์ ไม่เคยทรยศหรือหักหลัง” ประณาลีว่าพลางยิ้มขื่น เมื่อคิดไปถึงพฤติกรรมผู้ชายในครอบครัว ที่คอยทรยศหักหลังทำให้ชีวิตคู่เสียใจอยู่ร่ำไป

“แกจะบ้าเหรอยัยลี จะเอาคนไปเปรียบกับงานได้ยังไงกัน...ผู้ชายใช่ว่าจะเหมือนพ่อ เหมือนพี่ชาย หรือแม้แต่น้อยเขยแกไปซะทุกคน อย่างฉัน ยัยมุก ยัยปลา ยัยแหวน ยังเจอผู้ชายที่ดีเลย ทำไมแกไม่ลองเปิดใจบ้างวะ” ว่าที่เจ้าสาวบอกก่อนจะหันไปส่งสายตาหาแรงหนุนจากเพื่อนๆ แล้วก็เป็นปาณิศาที่เขยิบเข้าไปใกล้ๆ คนที่อยากเป็นโสดตลอดชีวิต พร้อมกับวางค็อกเทลสีสวยที่เพิ่งได้มาลงตรงหน้าประณาลี

“เอานี่ดื่มก่อน ฉันสั่งมาให้แกโดยเฉพาะ”

“น้ำอะไร สีสวยดี” คนที่ไม่สันทัดเรื่องเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์ทุกชนิด ถามพลางยกแก้วทรงสูงที่มีน้ำสีฟ้าสวยสดใสขึ้นมอง

“เขาเรียกว่าค็อกเทล รสชาติมันหวานๆ คล้ายกับน้ำผลไม้นั่นแหละ แกลองชิมสิแล้วจะติดใจ และระหว่างที่ชิมค็อกเทลสีสวยนี้ แกก็ช่วยฟังฉันหน่อยนะว่า พวกฉันมีความเห็นตรงกันว่าผู้ชายคนนั้น...” ปาณิศาพยักพเยิดไปที่นิธิภัทร และประณาลีก็หันไปมองตามนิดหนึ่ง ก่อนจะกลับมาจิบน้ำสีฟ้าในแก้วต่อ เพราะเริ่มรู้สึกติดใจกับความหวานของมันเข้าให้แล้ว ในขณะเดียวกันหูก็ไม่ลืมที่จะฟังปาณิศาพูดไปเรื่อย

“ลักษณะท่าทางการแต่งเนื้อแต่งตัวของเขาดูดีมากเลยนะ แถมหน้าตาก็หล่อเหลา แต่ทำหน้าเหมือนคนอกหักช้ำรัก พวกฉันเลยคิดว่าแกน่าจะไปทำความรู้จักกับเขาเสียหน่อยนะ” แต่มุทิตาผู้ที่มีความเห็นแตกต่างจากเพื่อนคนอื่นๆ แย้งขึ้น

“พวกแกทุกคนเห็นด้วยกับความคิดประหลาดๆ แต่ฉันคนหนึ่งล่ะที่ไม่เห็นด้วย จู่ๆ พวกแกจะให้ยัยลีเดินเข้าไปทำความรู้จักกับผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ได้ไง เป็นคนดีหรือเปล่าก็ไม่รู้ และดูสิมีผู้หญิงแวะเวียนเข้าหาเขาตลอด”

“แต่เขาก็ไม่ได้เล่นด้วยหรือสนใจใครเลยนะ แสดงว่าเขาอาจจะมีดีพอตัว และถ้าเขาอกหักช้ำรักมาจริงๆ ก็ให้ยัยลีช่วยดามอกซะเลย คราวนี้ยัยลีก็อาจจะได้พบรักแท้” สาวช่างฝันอย่างวศินีหรือแหวนเอ่ยขึ้น พร้อมกับยกมือทั้งสองข้างขึ้นมากุมที่หน้าอกพลางทำตาลอยเพ้อฝัน

“ยัยบ้า! แกจะให้ยัยลีมาหารักแท้ในที่แบบนี้เนี่ยนะ”

“อ่ะ รักแท้มันมีอยู่ทุกที่นั่นแหละ” ขณะที่มุทิตากับวศินีกำลังถกเถียงกันเรื่องรักแท้ ประณาลีที่นั่งเงียบละเลียดค็อกเทลสีสวยจนหมดแก้วก็เอ่ยขึ้น

“ที่พวกแกอยากให้ฉันไปทำความรู้จักคือผู้ชายคนนั้นใช่ไหม” นิ้วเรียวชี้ไปที่นิธิภัทร

“ใช่ๆ” ปานรำไพ วศินี และปาณิศาพูดขึ้นพร้อมกัน และยังไม่มีใครจะทันได้เอ่ยอะไรออกมา ร่างบอบบางของคนไม่อยากมีแฟนก็ลุกขึ้น เดินเซนิดๆ ไปหานิธิภัทร ที่ดื่มหนักซะจนคอแทบพับกับบาร์ตรงหน้า

“เฮ้ย! ยัยลีแกจะไปไหน” มุทิตาที่ทำท่าจะวิ่งไปรั้งเพื่อนเอาไว้ แต่สามสาวที่เหลือก็ไวพอกัน รีบช่วยกันดึงหนึ่งสาวเอาไว้ได้ทัน

“แกจะไปไหนยัยมุก ปล่อยยัยลีไปเถอะ เราเฝ้าดูห่างๆ อยู่ตรงนี้แหละ พ่อลูกครึ่งสุดหล่อคนนั้นเมาซะจนคอพับคงไม่มีปัญญาไปทำอะไรยัยลีได้หรอกน่า”

“คนเมานั่นแหละตัวดี แต่เอ๊ะ ทำไมจู่ๆ ยัยลีถึงเปลี่ยนใจไปตามคำยุของพวกแก ทั้งๆ ที่ตอนมาถึงยังส่ายหน้าหวืออยู่เลย”

“แกไม่รู้จักเหรอ น้ำเปลี่ยนนิสัยน่ะ” ปาณิศาพยักพเยิดไปที่แก้วค็อกเทลที่ตอนนี้เหลือเพียงแก้วเปล่าๆ พลางหัวเราะหึๆ ในลำคออย่างพอใจในผลงาน เพราะต้องการเพิ่มความกล้าให้กับประณาลี เธอจึงได้สั่งค็อกเทลที่เพิ่มความแรงของเหล้าเขาไปอีก และมันก็มากพอที่จะทำให้คนคออ่อนอย่างประณาลีเมาได้

“แค่ค็อกเทลแก้วเดียวเนี่ยนะ ไม่น่าจะทำให้ยัยลีเมาได้ ถึงจะไม่เคยดื่มเครื่องดื่มที่ผสมแอลกอฮอล์ก็เหอะ อย่างมากก็แค่มึนๆ” ได้ยินอย่างนั้น คนต้นคิดป้องปากหัวเราะชอบใจ

“ก็เพราะแก้วนี้...ฉันสั่งพิเศษเพื่อยัยลีโดยเฉพาะยังไงล่ะ เพิ่มความแรงของเหล้าไปอีกเท่าตัว และผลมันก็ออกมาเป็นเยี่ยงนี้แล” มุทิตามองประณาลีที่ดูจะมีนิสัยต่างออกไปจากเวลาปกติที่สติสัมปชัญญะครบถ้วน แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไม่คิดว่าพอเหล้าเข้าปากคนเราจะเปลี่ยนกันได้ขนาดนี้

“ฉันจะไปเข้าห้องน้ำ พวกแกก็อย่ามัวมองหนุ่มๆ เพลินจนลืมดูยัยลีล่ะ เดี๋ยวฉันมา” สั่งเสร็จร่างเล็กของมุทิตาก็เดินหายออกไป เหลือเพียงสามสาวที่จ้องประณาลีกับหนุ่มหล่อลูกครึ่งคนนั้นอยู่เป็นระยะๆ แต่พอมีหนุ่มหล่อหน้าตาดีเดินผ่าน พวกเธอก็ไม่พลาดที่จะพร้อมใจกันเหลียวมองตามไปจนสุดสายตา ตามประสาผู้หญิงที่ก็ชอบมองคนหล่อ ซึ่งก็ไม่ต่างกับผู้ชายที่ชอบมองคนสวย และยิ่งมองมันก็ยิ่งเพลิน เพลินซะจนลืมคำสั่งของคนที่ไปเข้าห้องน้ำยังไม่กลับ

ท่าทางกระซิบกระซาบชี้ไม้ชี้มือของเพื่อนๆ ทำให้มุทิตาที่เพิ่งกลับมามองตาม และเมื่อจุดหมายปลายทางของสายตาทุกคนไปตกอยู่ที่หนุ่มหล่อคนหนึ่ง ที่นั่งอยู่ห่างออกไปไม่มากนัก เธอก็ได้แต่ส่ายหน้า

“นี่ฉันว่าถ้าสามีและว่าที่สามีของพวกแกมาเห็นเข้า ว่าพวกแกกำลังจ้องผู้ชายราวกับจะกลืนกินอย่างที่ทำอยู่ตอนนี้ มีหวังได้เป็นเรื่องแน่ๆ” ทั้งสามสาวหันขวับ ก่อนปานรำไพคนที่จะเป็นเจ้าสาวในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าก็แย้งขึ้น

“บ้า! แกก็พูดจาน่าเกลียดนะยัยมุก พวกฉันแค่มองเป็นอาหารตาก็เท่านั้นเอง จริงไหนยัยปลา ยัยแหวน” สองแนวร่วมต่างรีบพยักหน้าหงึกหงัก หากสายตานั้นยังคงจับจ้องมองหาหนุ่มหล่อคนใหม่ไปเรื่อยๆ และพอเห็นคนที่ถูกตาต้องใจ ต่างก็กวักมือเรียกแล้วพยักพเยิดให้กันดู ก่อนจะกรี๊ดออกมาเบาๆ พอให้ได้ยินกันแค่ในกลุ่ม

“พวกแกมัวมองหนุ่มคนนั้นทีคนนี้ที แล้วที่ฉันสั่งให้ดูยัยลีล่ะ…อะไรนี่พวกแก” มุทิตาโวยวายเล็กน้อย ที่เพื่อนอีกสองคนลากเธอเข้ากลุ่มไปดูหนุ่มหล่อหน้าใสคนหนึ่งที่กำลังจะเดินผ่านโต๊ะที่พวกเธอนั่งอยู่

“อย่าบ่นนักเลยมาดูอาหารตาดีกว่า ไม่ต้องห่วงหรอกยัยลีน่ะ...นั่งหัวโด่อยู่นั่นไง...” ปานรำไพชี้นิ้วค้าง พลางขมวดคิ้วเพ่งมองไปที่เคาน์เตอร์บาร์ ที่เมื่อครู่ยังเห็นเพื่อนของเธอกับหนุ่มลูกครึ่งคนนั้น นั่งอยู่ตรงนั้นอยู่เลย เมื่อทั้งเพ่งและกวาดสายตามองไปจนรอบก็ไม่เห็นแม้เงา ปานรำไพจึงอุทานเสียงหลง

“เฮ้ย! ยัยลีหาย!”

“ยัยลีหาย!” สามคนที่เหลือหันขวับ พร้อมกับอุทานอย่างตกใจไม่แพ้กัน มุทิตามองไปที่เคาน์เตอร์บาร์ ที่ก่อนเธอจะไปเข้าห้องน้ำ ประณาลีกับหนุ่มลูกครึ่งคนนั้นยังนั่งคุยกันอยู่เลย ก่อนจะหันมามองหน้าเพื่อนๆ ทั้งสามอย่างเอาเรื่อง จากนั้นจึงรีบเดินรี่เข้าไปหาบาร์เทนเดอร์หนุ่มทันที

“โทษนะคะน้อง ผู้ชายลูกครึ่งหล่อๆ ที่นั่งอยู่ตรงนี้กับผู้หญิงหน้าตาคมๆ หน่อยเขาไปไหนคะ แล้วไปตั้งแต่เมื่อไหร่ น้องพอทราบไหมคะ”

“อืม...ผมไม่ทราบหรอกครับว่าทั้งสองคนไปไหน รู้แค่ว่าออกไปได้สักพักแล้วล่ะครับ” คำตอบที่ได้ ไม่ได้ช่วยอะไรเลย นอกจากจะรู้แค่ว่าประณาลีคงโดยไอ้หนุ่มลูกครึ่งหน้าหล่อหิ้วไปซะแล้ว ดังนั้นมุทิตาที่ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ตั้งแต่แรก หันมาจ้องคนต้นคิดทั้งสามอย่างไม่พอใจ

“พวกแกจะทำยังไงกันล่ะทีนี้ ฉันจะเดินออกไปดูข้างนอกเผื่อจะเจอ”

“ฉันไปด้วย ยัยแหวนแกไปเชคบิล แล้วรีบตามออกมานะ” ปาณิศาบอกก่อนจะฉุดปานรำไพวิ่งตามหลังมุทิตาที่เดินลิ่วๆ ไปอย่างไม่คิดจะรอใคร เธอร้อนใจมาก กลัวว่าผู้ชายคนนั้นจะทำมิดีมิร้ายเพื่อนประณาลีแล้วทิ้ง อย่างไม่สนใจใยดี และถ้าหากเป็นอย่างนั้นจริง เชื่อได้เลยว่าคนอย่างประณาลีคงจะทั้งเข็ดขยาด หวาดกลัว และเกลียดชังผู้ชายมากกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้เป็นร้อยเท่าพันเท่า เรียกได้ว่าคงจะเกลียดเข้ากระดูกดำกันเลยทีเดียว