บทย่อ
ไตรทศไม่ชอบหน้าเขมิกาเด็กน้อยที่คนเป็นพ่อพาเข้ามาในบ้าน เพียงเพราะกลัวว่าเธอจะมาแย่งความรักจากคนเป็นพ่อไป เมื่อโตขึ้น เขาก็ยิ่งเกลียดเธฮมากขึ้นตามกาลเวลา เพราะรู้สึกว่าหญิงสาวกำลังอยากจะได้ตำแหน่งแม่เลี้ยงของเขาไปครอบครอง +++++++++ “เลิกมายุ่งกับผมได้ไหม” “ไม่ได้ค่ะ คุณลุงบอกเสมอว่า ถ้าเมื่อไหร่ท่านไม่อยู่ ขวัญต้องดูแลพี่ไตรดีๆ อย่างวันนี้ ถ้าขวัญไม่มา พี่จะกินข้าวหรือเปล่าก็รู้ สั่งมาก็วางทิ้งเอาไว้ไม่ยอมกิน ใช่ไหมล่ะคะ” “อย่ามาทำตัวเป็นแม่เลี้ยงผมหน่อยเลย เพราะพ่อก็ตายไปแล้ว บทบาทนั้นผมไม่ต้องการ” ไตรทศพูดเสียงลอดไรฟัน เรื่องความสัมพันธ์ของพ่อกับเขมิกา เขาเคยสงสัยมานาน จนตราบเท่าทุกวันนี้ความสงสัยนั้นก็ไม่ได้รับการคลี่คลาย เพราะเขมิกาชอบเข้าออกนอกในห้องของพ่อเขาตอนดึกๆ ดื่นๆ แทบทุกวัน แม้ท่านและหญิงสาวจะปฏิเสธมาตลอด แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขาเชื่อได้เลยสักครั้ง “งั้นฉันขอบทบาทอื่นได้ไหมล่ะคะ” ไม่พูดเปล่าเขมิกายังลุกขึ้นแล้วเดินไปนั่งลงบนตักของไตรทศ ใช้มือทั้งสองลูบแก้มแล้วไล้มาที่ริมฝีปาก ที่นับวันยิ่งด่าได้เจ็บและแสบสัน “อยากได้บทบาทนางบำเรอหรือไง” ชายหนุ่มถามพลางกดยิ้มหยัด เขมิกาชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะปรับสีหน้าแล้วฉีกยิ้มหวานยั่วยวน “อยากลองดูหน่อยไหมล่ะคะ” คำพูดท้าทายนั้น ทำให้ไตรทศถึงกับหมดความอดทน ยกร่างบอบบางนั้นขึ้นไปนั่งบนโต๊ะ แล้วบดจูบริมฝีปากอวบอิ่มที่มักจะคอยพูดจายั่วยวนหรือยั่วโมโหเขาบ่อยๆ
ตอนที่ 1 เด็กสาวผู้คลั่งรัก (1)
1
เด็กสาวผู้คลั่งรัก
ในวันหนึ่งจู่ๆ คนเป็นพ่อก็พาเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักเดินเข้ามาในบ้าน พร้อมกับแนะนำให้รู้จัก และที่มากไปกว่านั้นคือต่อไปนี้ เธอคือสมาชิกคนหนึ่งในบ้าน
“น้องชื่อขวัญข้าว ขวัญข้าวนี่พี่ไตร”
เด็กน้อยยกมือไหว้แล้วเกาะพ่อของเขาแจ ขณะที่ไตรทศมองอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมคนเป็นพ่อต้องพาคนอื่นเข้ามาอยู่ในบ้านด้วย
และด้วยความไม่เข้าใจนั้น ทำให้ไตรทศที่อายุเพียงแค่สิบขวบจึงไม่รู้สึกยินดีอะไร ออกจะไม่พอใจด้วยซ้ำ เพราะเพียงแค่วันแรกที่เข้ามา คนเป็นพ่อที่เคยเอาใจใส่ดูแลเขาเพียงคนเดียว ตอนนี้กลับถูกเด็กที่ไหนก็ไม่รู้มาแย่ง
“ออกไปไกลๆ เลยไป! ” ไตรทศตะคอกด่าเด็กน้อย ที่กำลังพยายามชวนเขาไปเล่น
“ไตร บอกน้องดีๆ ก็ได้ ทำไมต้องดุด้วย” นายทศพลตำหนิลูกชาย พร้อมกับดึงเขมิกาที่กำลังเบ้ปากจะร้องไห้มากอดปลอบ
“ก็ผมจะทำการบ้าน” ไตรทศบอกด้วยสีหน้าบึ้งตึง จ้องหน้าเขมิกาอย่างไม่พอใจ จากนั้นก็หอบการบ้านขึ้นไปทำต่อบนห้อง
นายทศพลมองตามหลังลูกชายแล้วได้แต่ส่ายหน้า ก่อนจะหันมาปลอบเขมิกาที่กำลังมองตนตาปริบๆ “พี่เขาแค่เครียดเรื่องการบ้านน่ะ อยากเล่นอะไรเดี๋ยวลุงเล่นเป็นเพื่อน เอาไหม”
“ได้ค่ะ ขวัญอยากเล่นขายของค่ะ” เด็กน้อยที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร พอปลอบใจนิดหน่อยก็ลืมแล้ว จึงตอบกลับผู้สูงวัยกว่าด้วยน้ำเสียงและรอยยิ้มสดใส
นายทศพลชะงักเล็กน้อย เพราะการเล่นขายของดูจะไม่ค่อยเข้ากับผู้ชายตัวโตๆ อย่างเขาเท่าไหร่ ก่อนจะพยักหน้าเมื่อเห็นแววตาไร้เดียงสานั้นจ้องมองอย่างรอคอย “ก็ได้ เดี๋ยวเราไปปูเสื่อเล่นที่ ใต้ต้นไม้หน้าบ้านแล้วกัน”
“ได้ค่ะ หนูเป็นคนขาย คุณลุงทศเป็นคนซื้อนะคะ” เขมิกาจัดแจงขณะวิ่งไปหยิบของเล่นที่คุณลุงผู้ใจดีซื้อมาให้ และไม่ใช่เพียงแค่นี้ยังมีอีกหลายอย่างเลย
“ได้สิ มา ลุงถือให้” นายทศพลอาสา หลังจากเดินไปหยิบเสือลายการ์ตูนที่ตนซื้อมาให้เขามิกาโดยเฉพาะ
“ขอบคุณค่ะ” พูดจบ เขมิกาก็รีบวิ่งนำนายทศพลออกไปที่สนามหญ้าหน้าบ้าน เมื่อไปถึงร่มไม้ก็กวักมือพร้อมกับส่งเสียงเรียกเจื้อยแจ้ว
และเสียงนั้นก็ดังเล็ดลอดขึ้นไปบนห้องของไตรทศที่ กำลังนั่งทำการบ้านอยู่ เด็กชายลุกขึ้นเดินไปส่องหน้าต่างแล้วภาพที่คนเป็นพ่อกำลังเล่นขายของกับเขมิกาก็ทำให้เขาถึงกับเม้มปากอย่างไม่พอใจ
“ยัยน่ารังเกียจ” ไตรทศพูดเสียงลอดไรฟัน ก่อนจะปิดหน้าต่างเต็มแรงเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะสดใสของเขมิกาและคนเป็นพ่อ ที่นับวันกลับเป็นเขาที่ค่อยๆ กลายเป็นคนนอกครอบครัว
ยิ่งนานวัน ความรังเกียจที่ไตรทศมีต่อเขมิกาก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น ซึ่งผิดกับพ่อของเขา ที่นับวันยิ่งทำตัวใกล้ชิดสนิทสนมกับหญิงสาวมากขึ้นเช่นกัน เมื่อก่อนก็แค่เด็กเขาไม่ได้คิดอะไรมาก แค่กลัวว่าอีกฝ่ายจะแย่งความรักไป แต่ตอนนี้ไม่ใช่ เขาอายุยี่สิบ เขมิกานั้นสิบห้า ส่วนพ่อของเขาก็สี่สิบเจ็ดเข้าไปแล้ว ทว่ายังดูหนุ่มและดูดีอยู่เลย และเขาคิดว่าความดูดีนั้นมันมากพอที่จะทำให้สาวแรกรุ่นหลงรักได้ไม่ยาก