สามีรีเทิร์น

94.0K · จบแล้ว
ไหมขวัญ
27
บท
6.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

“จะไปไหน เรามีเรื่องต้องคุยกัน”“แต่มิ้นไม่มี ปล่อยค่ะ มิ้นจะกลับไปทำงาน” หญิงสาวพยายามบิดข้อมือให้หลุดพ้นจากการบีบรัดของมือใหญ่ แต่ก็ไม่สำเร็จยิ่งเธอขัดขืนมือนั้นก็ยิ่งรัดแน่นจนรู้สึกเจ็บ“อย่าหวังว่าจะได้กลับ ถ้าวันนี้เรายังคุยกันไม่รู้เรื่อง” บอกแล้วก็เหวี่ยงร่างบางให้กลับไปนั่งที่โซฟาเหมือนเดิม“เรามีเรื่องต้องคุยกันด้วยเหรอคะ” มินรญาถามแล้วยิ้มเยาะ คำพูดเมื่อวันนั้นยังทิ่งแทงใจจนวันนี้ แม้จะบอกตัวเองว่าอย่าใส่ใจ แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้ จนกลายเป็นประชดด้วยการยอมคบกับภูมิน“คบกับไอ้หมอนั่นเมื่อไหร่” คูเปอร์ที่ยืนอยู่หันมาถามเสียงเข้ม และเมื่อหญิงสาวยังเงียบ ชายหนุ่มเลยตะคอกใส่อีกครั้ง “ตอบ!"“สามวันที่แล้ว” มินรญาที่เริ่มจะกลัวใจของคนตรงหน้ารีบตอบทันที บอกตรงๆ สมัยก่อนตั้งแต่คบกันมาเธอไม่เคยเห็นชายหนุ่มในโหมดนี้เลยสักครั้ง ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงดูน่ากลัวจนน่าวิ่งหนี“คบกันแค่สามวันแต่มันกล้าขอแต่งงานมันหมายความว่าไง” คูเปอร์ถามเสียงลอดไรฟัน พร้อมกับโน้มตัวเอาแขนทั้งสองข้างไปค้ำที่พนักโซฟา เลยกลายเป็นว่าตอนนี้มินรญาได้โดยกักตัวเอาไว้แล้ว“แล้วพี่คู้ปจะสนใจไปทำไมคะ ในเมื่อเราไม่ได้เป็นอะไรกัน” มินรญาเน้นเสียงหนักในท้ายประโยคอย่างต้องการย้ำสถานะของตัวเอง“เวลาเปลี่ยนคนเราก็เปลี่ยน” คูเปอร์มองหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาหยามเหยียด ไม่เท่านั้นมันยังตามมาด้วยคำพูดที่เสียดแทงใจ “แม้แต่คนที่นอนด้วยกันกี่ครั้งต่อกี่ครั้งมาแล้วยังพูดออกมาได้ว่าไม่ได้เป็นอะไรกัน”“มิ้นไม่เคยเปลี่ยน มีแต่พี่นั่นแหละที่เปลี่ยน มิ้นผิดเหรอที่พยายามจะไม่สนใจคนที่ไม่เคยคิดอะไรกับตัวเองมากกว่าคนรู้จัก แม้จะนอนด้วยกันหลายต่อหลายครั้ง” มินรญาตะโกนใส่หน้ารัวเป็นพร้อมกับผลักอกอีกฝ่ายอย่างฉุนเฉียว“แล้วทำไมต้องแต่งงานกับมันด้วย”“มิ้นจะได้ออกไปจากชีวิตคนใจร้ายอย่างพี่ไงคะ ลืมให้หมดลืมทุกสิ่งทุกอย่าง ลืมแม้กระทั่งว่ารักผู้ชายใจร้ายอย่างพี่...อุ๊บ...” เสียงตะคอกเมื่อครู่ถึงกลืนหายลงไปในลำคอ เมื่อชายหนุ่มฉกวูบเปิดปากด้วยปาก และมันก็เป็นวิธีที่ได้ผลมากเลยทีเดียว เมื่อทั้งสองคนต่างรู้สึกว่าอาการฉุนเฉียวรุนแรงเมื่อครู่ค่อยๆ จากหายและมันก็ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความวาบหวามทราบซ่านรัญจวนใจ“อย่าคิดแม้แต่จะออกไปจากชีวิตพี่” คูเปอร์บอกเสียงนุ่มทุ้มกว่าเดิมพลางประคองใบหน้านวลที่แดงปลั่ง ก่อนจะเอียงหน้าก้มลงไปบดจูบกัดเม้มริมฝีปากอิ่มนั้นอีกครั้ง คราวนี้อารมณ์กรุ่นโกรธได้มลายหายไปจนสิ้น ความหอมหวานที่ห่างหายไปไม่กี่วันกลับทำให้คูเปอร์ที่คะนึงหาอยากจะสูบจะกลืนกินเก็บผู้หญิงคนนี้เอาไว้ไม่ให้ใครหน้าไหนเห็นหรือชื่นชมมันนอกจากตัวเขา

นิยายรักโรแมนติกนิยายปัจจุบันนิยายรักคนต่ำต้อยพลิกชีวิตสัญญาทางรักพระเอกเก่งเศรษฐีโรแมนติก

ตอนที่ 1 รักลับๆ

เสียงคุย เสียงตะโกนเรียก ตะโกนถามกันโขมงโฉงเฉงดังลั่นอย่างไม่รู้เสียงใครเป็นเสียงใคร แต่นั่นก็เป็นเรื่องปกติของ ‘ตลาดสดธีรดา’ ในช่วงเช้ามืดที่พ่อค้าแม่ขายต่างออกมาตั้งแผงขายของของตัวเอง รถเข็นส่งของที่มีทั้งปลาสด ผักสด ต่างเข็นสวนกันวุ่น

“ไอ้คู้ป ป้าไม่เห็นถุงกะเพราเลยวะ” ป้าจาบลูกค้าขาประจำถาม หลังจากตรวจเช็กดูของที่ชายหนุ่มลูกครึ่งรูปร่างกำยำยกจากรถเข็นมาวางบนแผง

“ผมยังเอามาไม่หมดครับป้า เดี๋ยวเอามาพร้อมกับของป้าไพ รอแป๊บ” ชายหนุ่มบอกพลางลากรถเข็นออกไปหน้าตลาดที่มีรถสามล้อ รถกระบะจอดเรียงเต็มหน้าตลาดแทบจะไม่มีที่ให้เดิน เพื่อไปเอาของที่แม่ค้าต่างพากันซื้อมาขายในแต่ละวัน และระหว่างทางนั้นก็หันไปยิ้มและทักทายเพื่อนร่วมอาชีพเล็กน้อย

“ได้แล้วครับ ครบนะครับ” เมื่อป้าจาบพยักหน้าชายหนุ่มก็เข็นเลยไปยังแผงขายผักที่อยู่ถัดออกไปอีกสองแผง โดยมีสายตาของผู้สูงวัยที่มองตามไปอย่างชื่นชม ก่อนสายตานั้นจะย้ายกลับมาที่เจ้าของแผงผักข้างๆ

“ลูกเอ็งนี่มันขยันจริงๆ ถ้าลูกหลานฉันมันได้สักครึ่งหนึ่งของไอ้คู้ป มันอยากได้อะไรแม่จะปะเคนให้มันทุกอย่าง แต่นี่อะไร นอกจากเรียนแล้วมันก็เล่นเกมไม่เล่นเกมก็แบมือขอเงินไปเที่ยวกับแฟน”

นางจินตนายิ้มรับพร้อมกับหัวเราะน้อยๆ เมื่อได้ยินป้าจาบบ่นเรื่องเดิมๆ ทุกวันที่เห็นบุตรชายของนางที่แม้จะเป็นวันธรรมดาแต่ทุกเช้าชายหนุ่มจะต้องมารับจ้างขนผักก่อนถึงจะกลับบ้านไปอาบน้ำแต่งตัวไปเรียนหรือไม่ก็ไปทำงานพาร์ทไทม์ แล้วแต่ว่าวันนั้นจะมีเรียนช่วงไหน มีเรียนเช้าก็ไปทำงานบ่าย มีเรียนบ่ายไปก็ทำช่วงเช้า แต่ถ้าวันไหนไม่มีเรียนและไม่ได้ไปทำงานนอกจากรับจ้างเข็นผักแล้ว ก็ยังมาช่วยนางขายของด้วย

“ตามประสาวัยรุ่นละป้า”

“แล้วไอ้คู้ปมันแก่หรือไง สูงฟ้อหล่อเฟี้ยวขนาดนี้ ถ้ามีลูกสาวหลานสาวนะจะจองไปเป็นลูกเขยหลานเขยซะเลย” บอกอย่างเสียดายที่ลูกหลานของนางมีแต่ตัวผู้ หวังจะได้ตัวเมียมาเชยชมสักคนก็ไม่มี ตั้งแต่ลูกยันหลาน ช่างอาภัพเสียจริง

ได้ยินอย่างนั้นนางจินตนาก็ได้แต่ยิ้ม ก่อนจะรีบหันไปหยิบขวดน้ำ “ใกล้เสร็จยังลูก” นางจินตนาถามพร้อมกับยื่นขวดน้ำให้กับบุตรชายที่แวะมายืนพักหน้าแผงพลางใช้ผ้าที่คล้องคอซับเหงื่อ

“เหลือของยายสายอีกนิดหน่อยจ้ะแม่” ชายหนุ่มดื่มน้ำแล้วส่งขวดคืนให้มารดาเพื่อเก็บเอาไปใช้กลอกน้ำมาดื่มอีกในครั้งหน้า แล้วรีบเข็นรถไปขนผักไปส่งที่แผงยายสายให้เสร็จเดี๋ยวจะไม่ทันขาย เพราะถึงแม้จะเป็นเช้ามืดแต่ก็เริ่มมีลูกค้าที่ส่วนใหญ่จะเป็นพ่อค้าแม่ค้าที่ซื้อของไปขายต่ออีกทอดอย่างที่ใครๆ เรียกกันว่า ‘รถพุ่มพวง’ หรือไม่ก็พวกพ่อค้าแม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยว ขายอาหารตามสั่ง ส่วนตอนเช้าๆ ถึงสายๆ ก็จะเป็นลูกค้าพวกพ่อบ้านแม่บ้านทั่วไปที่มาซื้อของเพื่อไปประกอบอาหารกินเองที่บ้าน

คูเปอร์ปลีกตัวไปส่งของให้ลูกค้าที่เหลือครู่ใหญ่ก็เดินกลับมาหาคนเป็นแม่ “งานเสร็จละ แต่แม่จะกินอะไรดี” ถามมารดาก่อนจะเผื่อแผ่น้ำใจไปที่ป้าจาบ “แล้วป้าจาบล่ะครับ”

“ข้าวเหนียวหมูปิ้ง ร้านหน้าเซเว่นนะ ร้านอื่นไม่หร่อยวะ” คนสั่งสั่งพร้อมกับยื่นเงินแบงค์ยี่สิบให้ “เอาข้าวมาห้าบาทนอกนั้นหมู”

“รับแซ่บคร้าบบบ”

“แม่ก็เอาเหมือนป้าแกนั่นแหละ จะได้ไม่ต้องแวะหลายที่ รีบไปรีบมานะ เดี๋ยวป้าจาบโมโหหิวจะกินหัวลูกค้าแทนข้าว”

“รอแป๊บนะครับสาวๆ” ชายหนุ่มเอ่ยล้อเสียงกลั้วหัวเราะ ก่อนจะหายไปพักใหญ่ และกลับพร้อมกับอาหารเช้า ชายหนุ่มยื่นในส่วนของป้าจาบให้แกไป ส่วนของตนกับแม่ก็แกะกินไปขายของไป จนเรียบร้อยชายหนุ่มจึงขอตัวกลับบ้านไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนจะกลับมาช่วยคนเป็นแม่ขายของ เหมือนทุกครั้งที่ไม่ได้ไปทำงาน

“ผมกลับบ้านไปอาบน้ำก่อนนะครับ”

“จ้า” นางจิตนามองตามร่างสูงของลูกชายด้วยรอยยิ้ม รู้สึกภูมิใจเหลือเกินที่ลูกชายของนางเป็นเด็กดี ถึงแม้ชีวิตตอนนี้จะไม่ได้ร่ำรวย แต่แค่นี้นางก็มีความสุขมากแล้ว

ในช่วงสายๆ ของวันมือที่กำลังนับเงินที่ได้จากการขายของต้องชะงักเล็กน้อย ก่อนป้าจาบจะถอนหายใจ มองเงินในมืออย่างแสนเสียดาย แต่ก็ต้องตัดใจยื่นมันให้กับเจ้าหนี้เงินดอกรายเดือนที่มายืนยิ้มรอหน้าแผง

“ขายดิบขายดีนะป้านะ”

คนได้รับคำอวยพรพยักหน้าพร้อมกับยิ้มแห้งๆ ให้กับเจ้าหนี้ที่คิดว่าถูกที่สุดแล้วในละแวกนี้ คือร้อยละยี่สิบต่อเดือน

“พอได้ละคะเสี่ย”

เสี่ยนิติเจ้าพ่อเงินกู้ยิ้มน้อยๆ ก่อนจะยื่นเงินที่ได้มาให้ลูกน้องที่เดินตามเก็บเอาไว้ แล้วเดินเลยไปยังลูกหนี้รายอื่น แต่ยังไม่ทันที่เจ้าหนี้จะได้ทักลูกหนี้ เสียงทักเล็กแหลมจากใครบางคนก็ดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน

“เสี่ยนิติขา...” เรียกเสียงลากยาวอย่างมีจริตจะก้านดังมาแต่ไกล แล้วหญิงวัยห้าสิบกว่าๆ ที่แต่งตัวภูมิฐานบ่งบอกฐานะมีอันจะกินก็เดินไวๆ ตรงมาหาชายที่อายุอานามไม่ห่างจากตนมากนัด ขณะเดียวกันกันนั้นก็ไม่ลืมที่จะลากหญิงสาวหน้าตาสะสวยตามมาด้วย

“นึกว่าจะไม่เจอกันซะแล้ว”

“แหม...เจอสิครับ ก็ผมตั้งใจมารอเจออยู่แล้ว” แม้ปากจะพูดกับคนเป็นแม่ แต่สายตานั้นกลับจ้องไปที่คนเป็นลูกอย่างไม่วางตา เห็นแล้วนางรงรองเจ้าของตลาดแห่งนี้ก็ยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะเบี่ยงตัวแล้วดันลูกสาวที่ยืนอยู่ด้านหลังให้มาแทนที่ตนที่ยืนใกล้กับเสี่ยนิติ

มินรญายกมือไหว้ชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับคนเป็นแม่อย่างเลี่ยงไม่ได้ วันนี้มารดาของเธอมาเก็บค่าเช่าแผง และลากเธอมาด้วยเพราะอยากให้มาเจอเสี่ยนิติ จริงๆ เธอไม่ได้อยากมาสักนิด แต่ที่ยอมมาเพราะต้องการเจอใครบางคนต่างหากละ และคนคนนั้นก็คือ...

ลูกชายของแม่ค้าขายผักที่ชื่อ...คูเปอร์

คิดแล้วมิรญาก็แอบปรายตามองคูเปอร์หนุ่มลูกครึ่งไทยออสเตเลีย ที่นอกจากหน้าตาดีแล้วชายหนุ่มยังนิสัยดีเอามากๆ ด้วย อีกทั้งยังขยันขันแข็ง นอกจากเรียนหนังสือแล้วก็ไปทำงานหรือไม่ก็มาช่วยมารดาขายผักที่ตลาดแห่งนี้ ที่ที่เธอเจอเขาครั้งแรกและเกิดถูกใจซึ่งกันและกัน จนเริ่มต้นสานสัมพันธ์กันแบบลับๆ มาจนถึงทุกวันนี้

“ยังน่ารักเหมือนเดิมเลยนะครับ” เสี่ยนิติชมหญิงสาวที่ยืนตรงหน้า

“ขอบคุณค่ะ” คนเป็นแม่รีบตอบรับคำชมแทนพร้อมกับกระซิบเรียก “ยายมิ้น” คนถูกเรียกหะนมามองหน้าคนเป็นแม่ด้วยสีหน้าเซ็งๆ แต่ก็ไม่พูดอะไร นั่นทำให้นางรงรองตีเข้าที่ต้นแขนลูกสาวเบาๆ พลางบ่นขมุบขมิบ ก่อนจะหันมายิ้มให้เสี่ยนิติเมื่ออีกฝ่ายถาม

“มาเก็บค่าเช่าใช่ไหมครับ”

“ค่ะ” นางรงรองตอบเสียงอ่อนเสียงหวาน

“งั้นเชิญคุณนายก่อนเลยครับ” นางรงรองยิ้มหน้าบานก่อนจะเดินตรงเข้าไปหานางจินตนาที่เตรียมเงินไว้รอแล้ว

“นี่ของคุณนายค่ะ ทั้งค่าเช่าแผงและค่าเช่าบ้านนะคะ” นางจินตนายื่นเงินห้าพันห้าร้อยบาทให้กับเจ้าของตลาด ก่อนจะหยิบเงินอีกส่วนหนึ่งที่มีทั้งต้นและดอกให้กับเสี่ยนิติ “ส่วนนี่ของเสี่ยค่ะ”

“เห็นว่าจะหมดแล้วนี่ เอาเพิ่มอีกไหม” เจ้าหนี้ถามอย่างอาทร เพราะนางจินตนาถือว่าเป็นลูกค้าชั้นดี จ่ายตรงตลอดไม่เคยเลทหรือบิดพลิ้วแม้แต่ครั้งเดียว

“คงไม่ละคะเสี่ย อีกไม่นานไอ้คู้ปมันก็จะเรียนจบแล้ว”

“ตามใจ เดือดร้อนก็บอกแล้วกัน”

นางจินตนายิ้มรับเล็กน้อย แล้วกลุ่มเก็บดอกเงินกู้และค่าเช่าแผงก็เลยไปแผงถัดไป โดยมีมินรญาเดินชะลอฝีเท้าอยู่ท้ายกลุ่ม

หญิงสาวลอบมองคนเป็นแม่ที่เดินประกบคู่ไปกับเสี่ยนิติเล็กน้อยก่อนจะเดินกลับมาหยิบเอาผักในแผงของนางจินตนาขึ้นมาสี่กำ แล้วยื่นมันให้กับพ่อค้ารูปหล่อที่เหมือนจะรอท่าอยู่แล้ว

“ยี่สิบบาทครับ”

“นี่ค่ะ” มินรญายื่นแบงค์ยี่สิบที่ถูกพับเอาไว้อย่างเรียบร้อยพร้อมกับส่งยิ้มเนียมอายให้กับพ่อค้ารูปหล่อที่รับเงินแล้วยัดใส่กระเป๋ากางเกงโดยไม่นำไปรวมกับเงินที่ขายผักได้ในกระเป๋าของผ้ากันเปื้อนเหมือนทุกครั้ง

“แม่...ผมขอไปเข้าห้องน้ำแป๊บนะครับ”

เมื่อคนเป็นแม่ที่กำลังติดพันเม้าท์มอยอยู่กับป้าจาบหันมาพยักหน้าอนุญาตร่างสูงก็รีบเดินผละออกจากแผงผัก แล้วตรงไปที่ห้องน้ำหน้าตลาด ชายหนุ่มจ่ายเงินค่าบริการห้องน้ำแล้วเดินเข้าไปข้างในล้วงเอาเงินแบงค์ยี่สิบที่เพิ่งได้จากลูกค้าสาวสวยอย่างมินรญาขึ้นมา

คูเปอร์คลี่แบงค์สีเขียวออกมา กระดาษสีขาวที่ถูกพับเอาไว้ด้านในก็ปรากฏ ชายหนุ่มยัดเงินเข้ากระเป๋าของผ้ากันเปื้อนแล้วรีบคลี่กระดาษออกอ่าน

6 โมงเย็นเจอกันที่เดิมนะจ๊ะ

มิ้น ^^

เมื่ออ่านแล้วก็ได้แต่ยิ้มและส่ายศีรษะ มินรญาชอบทำอะไรแบบนี้เสมอเพราะเธอบอกว่ามันตื่นเต้นดี ทั้งที่จะนัดเขาผ่านเฟสบุ๊คหรือไลน์เหมือนปกติก็ได้ แต่เธอไม่ทำ มาเก็บค่าเช่าแผงเดือนไหนต้องมีเงินค่าผักสอดไส้จดหมายน้อยมาทุกที เมื่อเธอเสนอเขาก็สนองไม่อยากจะขัด เพราะจะว่าไปมันก็ตื่นเต้นดีอย่างที่แฟนสาวบอกจริงๆ นั่นแหละ

คูเปอร์และมินรญาคบกันในฐานะแฟนมาได้สองปีกว่าๆ แล้ว โดยที่ทางบ้านของทั้งสองฝ่ายไม่รู้ แม้นางจินตนาจะเคยระแคะระคายและสอบถามลูกชายบ้างแล้ว ทว่าชายหนุ่มกลับปฏิเสธเสียงแข็ง ถึงอย่างนั้นคนเป็นแม่เตือนก็ด้วยความหวังดีว่า

“จะรักใครชอบใครแม่ไม่ว่า แต่กับหนูมิ้น อย่าไปข้องเกี่ยวดีกว่า ลูกจะเสียใจเปล่าๆ ดูก็รู้ว่าคุณนายรงรองหวังจะเกี่ยวดองกับเสี่ยนิติ”

และคราวนั้นคูเปอร์ก็ใช้ความเงียบเป็นคำตอบและเลี่ยงพูดเรื่องอื่นเพื่อกลบเกลื่อน แต่ในความเป็นจริงนั้นชายหนุ่มหาได้สนใจคำเตือนของคนเป็นแม่ไม่ คิดเพียงว่าทั้งเขาและเธอรักกันอะไรก็กั้นไม่อยู่ โดยไม่รู้เลยว่าโลกแห่งความเป็นจริงนั้นมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด และไม่เหมือนโลกสีชมพูที่ถูกห่อหุ้มไปด้วยความรัก ความฝันของคนสองคน

เกือบห้าโมงเย็นคูเปอร์ขออนุญาตคนเป็นแม่เลิกขายผักก่อนเวลาหนึ่งวัน โดยให้เหตุผลว่านัดติวกับเพื่อน ซึ่งนางจินตนาก็อนุญาตโดยไม่ได้ซักไซร้อะไรมาก

ซึ่งก็ไม่ต่างกับมินรญา ที่ต้องเอาเรื่องเรียนขึ้นมาอ้าง แค่นั้นยังไม่พอยังต้องอ้างอิงชื่อเพื่อนสนิทอย่างดาวิกาเสมอ เพราะบ่อยครั้งที่คนเป็นแม่โทร.เช็กกับเพื่อนคนนี้

เพื่อนที่รู้ว่าเธอกำลังคบกับใคร ครั้งนี้เช่นกันมินรญาต้องโทร.ไปเตรียมกับดาวิกาเล็กน้อย พอให้รู้กันไม่ให้เผลอหลุดพิรุธออกมาไม่งั้น ถ้าโดนจับได้เธอตายแน่

“รอนานไหม” หญิงสาวในชุดแซกเอวจั๊มสีฟ้าสวมทับด้วยเสื้อคลุมสีดำแขนยาวครึ่งแขนสะพายกระเป๋าสีขาวเข้าชุดเดินเข้ามาทักคูเปอร์ที่นั่งรออยู่ภายในศูนย์อาหารของห้างชื่อดัง

“สิบนาทีได้มั้ง” ชายหนุ่มตอบยิ้มๆ พร้อมกับลุกขึ้น “ไปไหนกันดี ดูหนังไหม”

“กว่าจะถึงรอบหนัง กว่าหนังจะจบ ดึกไปเดี๋ยวโดนโทร.ตาม” มินรญาปฏิเสธพร้อมกับให้เหตุผล

คูปอร์ยักไหล่คว้ามือบางมากุมเอาไว้แล้วเดินออกจากศูนย์อาหารไปแบบเรื่อยๆ “กินไอติมเปล่า หรือจะไปไหน”

“พี่คู้ปพาไปไหนมิ้นก็ไปหมดแหละ” หญิงสาวบอกเสียงอ้อนพลางเลื่อนมือมากอดแขนแข็งแรงและเอียงศีรษะซบไหล่กว้าง อย่างไม่แคร์สายตาว่าใครจะมอง

ก็แค่ช่วงเวลานี้เท่านั้นที่เธอกับคูเปอร์จะได้มีเวลาร่วมกัน มันไม่ใช่ทุกวัน บ้างก็อาทิตย์ละครั้งหรือไม่ถ้าต่างคนต่างไม่ว่างติดเรียนติดงานก็เดือนละครั้งแม้จะได้พูดคุยกันผ่านโทรศัพท์บ้างโซเซียลเนตเวิร์คบ้าง แต่ความรู้สึกสุขใจมันได้ไม่ถึงครึ่งเหมือนที่ได้เจอได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน

หลังจากกินไอศกรีม เดินเที่ยวเล่นจนพอใจ ทั้งคู่ก็ออกจากห้างตรงไปยังที่ที่ทั้งสองสามารถใช้เวลาพลอดรักและอยู่ด้วยกันได้เต็มที่

“เมื่อไหร่เราจะเปิดเผยความสัมพันธ์เหมือนคู่รักคนอื่นๆ เสียที” มินรญาบ่นขณะนั่งเอาศีรษะซบไหล่ของคนรักที่ตอนนี้ต่างนั่งอยู่บนเตียงกว้างภายในโรงแรมแห่งหนึ่ง

“เอาไว้พี่เรียนจบหางานทำได้แล้ว พี่จะพามิ้นไปพบแม่นะ” คูเปอร์ดึงร่างบอบบางมากอด “พี่จะขยันทำงานเก็บเงินสร้างเนื้อสร้างตัว ถึงตอนนั้นพี่จะไปสู่ขอมิ้นกับคุณนายนะ”

มินรญาพยักหน้ากับอกกว้างพร้อมกับคลี่ยิ้มกอดกระชับร่างใหญ่อย่างมีความสุข กับความหวังความฝันของเขาและเธอ

“มิ้นรักพี่ มิ้นจะรอวันนั้นนะคะ” หญิงสาวเงยหน้าช้อนสายตาขึ้นบอกคนรักด้วยความรักเต็มเปี่ยม

“รอพี่นะแล้วเราจะมาช่วยกันสร้างครอบครัว” คูเปอร์กระซิบบอกชิดริมฝีปากอิ่ม ก่อนจะใช้ปากตัวเองทาบทับลงไป มอบจุมพิตหวานละมุนตรึงใจให้คนรัก ที่แม้ฐานะทางบ้านจะแตกต่างกัน แต่เขาก็รักเธอสุดหัวใจ ไม่ได้คบอีกฝ่ายเพื่อหวังปอกลอก และนั่นคือเหตุผลที่ยังไม่พร้อมจะเปิดเผยความสัมพันธ์ที่นับวันจะแน่นแฟ้นและข้ามขั้นไปไกล

ไฟพิศวาสถูกจุดให้ลุกโชน ต่างคนต่างป้อนและปรนเปรอกันและกันให้สมกับความคิดถึง ไม่ว่าจะด้วยจุมพิตหรือสัมผัสที่ลูบไล้คลึงเค้นไปทั่วสรรพางค์กาย ก่อนที่ทั้งคู่จะผละออกจากกันชั่วครู่อย่างอ้อยอิ่ง แล้วต่างคนต่างก็จัดการถอดปราการของตัวเองออก โยนทิ้งเกลื่อนพื้นอย่างไม่ใยดี

คูเปอร์ที่นั่งบนเตียงดึงร่างบางที่เพิ่งโยนชั้นในตัวน้อยลงบนพื้นเข้าหา แล้วใช้ปลายลิ้นกวาดเลียหยอกเอินกับยอดอกที่แข็งเป็นไตรับสัมผัสสลับกับการดูดดึง ขณะที่มือก็บีบเค้นอีกข้าง

“อืม...” มินรญาครางมือบางจับไหล่กว้างไว้แน่น แอ่นอกรับสัมผัสวาบหวามจนกายสาวสั่นสะท้าน รู้สึกราวกับมีไฟแล่นปราดไปทั่วร่าง ไม่ว่าชายหนุ่มจะครอบครองหรือสัมผัสไปส่วนไหน ตรงนั้นก็เหมือนจะร้อนวูบวาบไปซะทุกที ในช่องท้องเกร็งมวนปั่นป่วนไม่ต่างกับทะเลที่มีคลื่นสูงแปรปรวน

“คราวนี้พี่ขอสักสามยกนะ”

“บ้า” คนถูกขอใช้กำปั้นน้อยๆ ทุบไหล่กว้างตุ๊บใหญ่อย่างเขินอายจนใบหน้าขาวนวลนั้นแดงจัด

คูเปอร์ยิ้มอย่างพอใจก่อนจะยกร่างบางเหวี่ยงลงบนเตียงเบาๆ ร่างใหญ่คร่อมอยู่ด้านบน ดวงตาสีน้ำตาลเข้มกวาดมองเรือนร่างสวยอย่างไม่รู้เบื่อ นอกจากไม่เบื่อแล้วมันยังสามารทำให้เขาเสพติดและคลั่งไคล้ ก่อนจะก้มลงบดจูบริมฝีปากอิ่มที่เผยอรออย่างยั่วยวนชั่วครู่ แล้วจูบไล้ซอกคอขาวหอมกรุ่นไล้ลงมาจนถึงทรวงอกคู่งาม ปากร้อนแวะชิมความหวานจนพอใจ แล้วจึงจูบไล้ลงไปที่หน้าท้องแบนราบ ร่างใหญ่ลุกขึ้นใช้มือทั้งสองแยกเรียวขาสวยออกจากกัน ชายหนุ่มกดยิ้มอย่างพอใจเมื่อกุหลาบแสนสวยนั้นปล่อยน้ำหวานจนไหลริน

“พี่คู้ป...” มินรญาครางพลางหยันสะโพกที่สั่นระริกขึ้นรับสัมผัสเมื่อปลายนิ้วแกร่งบดขยี้เกสรดอกไม้พร้อมกับใช้นิ้วอีกข้างสอดใส่เข้าไปในร่างกายของเธอ และในนาทีต่อมาชายหนุ่มก็ทำให้หญิงสาวหยันตัวสูงขึ้นและร้องครางเสียงหลงเมื่อเขางอปลายนิ้วและขยับส่ายไปมาอย่างรวดเร็ว

“พี่คู้ป....พอเถอะ...มิ้นรอไม่ไหวแล้ว”

“ไม่ มันยังไม่พอ” ชายหนุ่มบอกพลางถอดนิ้วออกแล้วใช้ปลายลิ้นกวาดเลียกลืนกินหยดน้ำหวานที่หลั่งออกมาจนเปรอะ เร่งจังหวะเร็วช้าบางเหมือนแกล้งเจ้าของร่างบางที่นอนหยันสะโพกขึ้นลง มือบางจิกผ้าปูที่นอนแน่น ศีรษะส่ายไปมาอย่างบ้าคลั่งเมื่อความเสียวกระสันจู่โจมระลอกแล้วระลอกเล่าหนักบ้างเบาบ้างแต่ทุกครั้งมันคือความสุขที่หาคำเปรียบเปรยมิได้

“พอเถอะ...มิ้นไม่ไหวแล้ว...” เธอห้ามคนรักเสียงกระเส่าขณะที่มือบางนั้นเลื่อนมากดศีรษะอีกฝ่ายอย่างต้องการปลดปล่อย

“ไม่ไหวก็ปลดปล่อยมันออกมาทูนหัว” คูเปอร์กระซิบชิดดอกกุหลาบที่บานแย้มเต็มที่ แล้วตวัดปลายลิ้นรัวเร็วที่ปลายยอดเกสรเร่งน้ำหวานที่หลั่งรินให้ล้นทะลักออกมา

“กรี๊ดดด!!!” มินรญากรีดร้อง ร่างบางเกร็งกระตุกเมื่อคูเปอร์นำพาไปถึงจุดสูงสุดด้วยปลายลิ้นและเรียวนิ้ว และความรัญจวนนั้นยังไม่ทันจะจางหาย เรียวขาของเธอก็ถูกจับแยกแล้วคูเปอร์ก็สอดใส่ความใหญ่โตที่ชายหนุ่มได้ใส่เครื่องป้องกันแล้วเรียบร้อยเข้าไปในกายสาวรวดเดียวจนร่างบางสะดุ้ง

คูเปอร์คำรามอย่างเสียวกระสันแล้วค่อยขยับกระแทกสะโพกเข้าหาหญิงสาวหนักๆ ครั้งหนึ่ง จากนั้นก็เดินเครื่องเข้าออกอย่างหนักหน่วง มือใหญ่เลื่อนจากเอวคอดไปบีบเค้นทรวงอกที่ขยับขึ้นลงตามแรงขับเคลื่อน

“พี่คู้ป...ใจจะขาด...จะไม่ไหวแล้ว...”

“อย่าเพิ่งทิ้งกันสิครับ” ชายหนุ่มถอดถอนตัวตนออกจากายสาวแล้วล้มตัวลงนอนซ้อนด้านหลังของมินรญา คูเปอร์จับเรียวขาสวยข้างหนึ่งมาพาดที่เอวสอบ แล้วสอดใส่ความแข็งแกร่งเข้าไปอีกครั้ง

“อู้ย!” มินรญาครางพลางก้มมองความใหญ่โตที่กายสาวของตัวเองกำลังกลืนกินมันอย่างลึกล้ำ และยิ่งมองมันขยับเข้าออกยิ่งสร้างความเสียวกระสันวูบวาบไปทั่วช่องท้อง จนต้องเงยหน้าขึ้นเกี่ยวโน้มคำคอของคนรักเข้าหาแล้วประกบปากจูบแลกลิ้นกันอย่างดูดดื่มเร่าร้อน

“อืม...” คูเปอร์ครางอย่างพอใจ มือใหญ่เลื่อนไปหาดอกกุหลาบชุ่มฉ่ำที่กำลังรัดตัวตนของเขาจนแทบแหลก ก่อนจะใช้ปลายนิ้วสะกิดและบดขยี้ยอดเกสรเพิ่มความเสียวกระสัน

“พี่คู้ป...มิ้น...มิ้น...” ร่างบางขยับสะโพกหยันขึ้นลงเร่งจังหวะอย่างต้องการปลดปล่อยความเสียวซ่านที่จู่โจมอย่างหนัก

“จะเร่งเครื่องละนะ” คูเปอร์พลิกร่างบางให้คว่ำลงแล้วจับสะโพกกลมกลึงให้ยกสูงขึ้น แล้วขยับสะโพกบรรเลงเพลงรักถี่รัวหนักหน่วง

“ไม่ไหวแล้ว...มิ้นไม่ไหวแล้ว...พี่คู้ป...” หญิงสาวครางพลางส่ายสะบัดศีรษะขยับสะโพกกลมกลึงรับจังหวะรัก เมื่อภายในตอดรัดความแข็งแกร่งที่ขยับเข้าออกรุนแรง

“พี่ก็จะไม่ไหวแล้วเหมือนกัน...” คูเปอร์เงยหน้าครางร่างกำยำที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อเกร็งกระตุก ไม่ต่างกับเจ้าของร่างบางที่กรีดร้องออกมาอย่างสุขสม เมื่อเธอไปท่องดินแดนหฤหรรษ์ถึงสองครั้ง ในเวลาห่างกันไม่นาน

“ต่อเลยดีกว่า” คูเปอร์แกล้งพูดพลางขยับเอวสอบแรงๆ อีกครั้ง

“อุ้ย...พักก่อนไม่ได้เหรอคะ” มินรญาถามเสียงหอบสะท้าน รับรู้ได้ถึงการตื่นตัวของชายหนุ่มที่ยังคงฝังอยู่ในกายของเธอ

“ให้เวลาห้านาที” ร่างใหญ่ทิ้งตัวลงนอนข้างร่างบางแล้วจูบไล้ที่หลังคอและสันหลัง

“อย่าแกล้งกันสิคะ” คนที่นอนหลับตาพริ้มอย่างอ่อนแรงบอกเสียงคล้ายรำคาญ

“ใครบอกแกล้งจะเอาจริงต่างหากละ”

ได้ยินอย่างนั้นมินรญาก็พลิกตัวหันหน้ามาหาคนรัก เธอยิ้มให้อีกฝ่ายเล็กน้อยพร้อมกับยกมือบางขึ้นลูบไล้ใบหน้าคมเข้มอย่างแสนรัก

“ไหนบอกให้พักห้านาทีไงคะ” คูเปอร์แกล้งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ จะรุกท่าเดียวจนมินณญาอดจะพูดแหย่เล่นไม่ได้

“ใหม่ๆ ก็งี้แหละ นานๆ ไปจะเป็นแบบนี้หรือเปล่านะ ไม่ใช่แค่เดินเฉียดยังโดนด่าว่าเกะกะ”

“คนอื่นพี่ไม่รู้ แต่สำหรับพี่มิ้นคือคนที่อยากรัก อยากอยู่ใกล้ อยากใช้ชีวิตไปด้วยกันจนแก่เฒ่า” ชายหนุ่มบอกคนรักด้วยน้ำเสียงและสีหน้าจริงจัง และนั่นทำให้มินรญาถึงกับฉีกยิ้มกว้าง

“ค่ะ มิ้นเชื่อพี่” เรียวแขนเล็กวาดขึ้นไปกอดต้นคอแกร่งอย่างรักใคร่ วางใจ และศรัทธา

“รักของเราจะเป็นนิรันดร์ ไม่มีใครมาแยกเราจากกันได้” ชายหนุ่มให้คำมั่น ไม่รู้เลยว่าในอนาคตความรักของตนจะเป็นดั่งที่วาดฝันเอาไว้หรือไม่