บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 แค่รักคงยังไม่พอ

“นั่นแกจะไปไหนแต่เช้ายายมิ้น” เสียงทักจากมารดาทำให้มินรญาที่กำลังจะย่องออกจากบ้านไปแบบเงียบๆ สะดุ้งสุดตัว

“ออกไป...ออกไปข้างนอกนะคะ นัดเพื่อนเอาไว้” หญิงสาวหันมาตอบพลางยิ้มแหยๆ

“ไม่ได้!” นางรงรองรีบเดินลงจากบันไดตรงมาหาลูกสาว “วันนี้วันเกิดเสี่ยนิติ”

คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่น หันมามองมารดาอย่างไม่เข้าใจว่า วันเกิดเสี่ยนิติเกี่ยวข้องอะไรกับเธอ อยากเกิดก็เกิดไปสิ “แล้วไงคะ”

“เสี่ยจะมารับแกออกไปฉลองงานวันเกิดด้วยกัน ห้ามปฏิเสธ” นางรงรองเอ่ยดักลูกสาวพร้อมทั้งลากร่างบางมาที่โซฟา “โทร.ยกเลิกนัดกับเพื่อนซะ”

“ไม่ค่ะ ทำไมมิ้นต้องไปฉลองงานวันเกิดกับเสี่ยนิติด้วย คนในครอบครัวก็ไม่ใช่” หญิงสาวบอกอย่างหงุดหงิด ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู และยิ่งร้อนใจเมื่อใกล้เวลานัดกับคูเปอร์แล้ว “มิ้นต้องไปแล้วนะคะ”

“เอะ! ยายมิ้นนี่ พูดไม่รู้เรื่องหรือไง แม่บอกให้โทร.ยกเลิกนัดกับเพื่อน ไม่ได้ให้ยกเลิกนัดกับเสี่ย”

“นัดอะไร มิ้นไม่รู้เรื่องด้วยสักนิด แม่นัดเองแม่ก็ไปเองสิคะ” ว่าแล้วมินรญาก็ลุกขึ้นเตรียมจะชิ่งหนี

“หยุดเดี๋ยวนี้นะยายมิ้น ถ้าแกก้าวเท้าออกจากบ้านเราจะได้เห็นดีกัน” นางรงรองสั่งเสียงเด็ดขาด ใบหน้าที่ถูกแต่งแต้มเอาไว้ด้วยเครื่องสำอางตึงเครียดจริงจังเกินกว่าคนเป็นลูกสาวจะกล้าต่อต้าน

“ทำไมต้องเป็นมิ้นคะ” ถามเสียงอ่อนทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าทำไม

“แกก็รู้ว่าเสี่ยนิติชอบแก และแม่ก็เห็นด้วย เสี่ยนิติเป็นผู้ใหญ่ มีฐานะและหน้าที่การงานที่มั่นคง เชื่อแม่ ไม่มีผู้ชายคนไหนเหมาะสมกับลูกเท่าเสี่ยนิติอีกแล้ว” นางรงรองชื่นชมชายหนุ่มที่หมายตาให้เป็นคู่ครองของบุตรสาวอย่างออกนอกหน้า

“แต่เสี่ยนิตินี่รุ่นพ่อเลยนะคะ และอีกอย่างมิ้นไม่ได้รักเสี่ย”

“ความรักมันกินได้หรือไงกัน”

“เงินก็ไม่ใช่ทุกอย่างในชีวิต” มินรญาแย้งมารดาแทบจะทันที

“แกอย่ามาโลกสวยชีวิตทุกวันนี้อยู่ไม่ได้หรอกถ้าไม่มีเงิน” นางรงรองแย้งลูกสาวกลับเสียงเข้ม “ตกลงจะโทร.ไปยกเลิกนัดเพื่อนไหม เมื่อวานก็จนดึกดื่นวันนี้ยังจะนัดกันอีกเหรอ”

“โธ่...คุณแม่ เป็นวันหลังไม่ได้เหรอคะ” หญิงสาวเข้าไปออดอ้อนคนเป็นแม่ แต่ก็ไร้ผล

“ไม่ได้! ถ้าแกไม่กล้าโทร. แม่จะโทรเอง...ใครยายดาใช่ไหม” นางรงรองแบมือขอโทรศัพท์มือถือจากบุตรสาว

“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวมิ้นโทร.เองดีกว่าค่ะ” หญิงสาวกระชับกระเป๋าสะพายเอาไว้แน่น แล้วรีบเดินเลี่ยงออกไปที่สวนหลังบ้าน เพื่อโทร.หาคูเปอร์ ที่วันนี้นัดเจอกันอีกครั้งอย่างขัดคนเป็นแม่ไม่ได้ ทั้งที่นานๆ จะมีเวลานัดเจอกันเสียที เพราะคูเปอร์นั้นหาเวลาว่างค่อนข้างยาก ถ้าไม่ติดเรียนก็ติดงาน ที่ทำพาร์ทไทม์ ไม่ก็งานขายผักช่วยมารดา

“พี่คู้ป...” หญิงสาวเรียกคนรักเสียงอ้อนระคนรู้สึกผิด ทันทีที่อีกฝ่ายกดรับสาย

“ว่าไง พี่กำลังจะออกไป”

“มิ้นขอโทษ”

“ขอโทษพี่ทำไม” ชายหนุ่มถามเสียงกลั้วหัวเราะ

“มิ้นคือ...มิ้นไปไม่ได้แล้ว”

ปลายสายเงียบไปพักใหญ่จนมินรญาใจไม่ดี “พี่คู้ป มิ้นขอโทษ มิ้นขัดคุณแม่ไม่ได้จริงๆ ท่าน...ท่านวานให้พาไปทำธุระนะคะ” หญิงสาวเลี่ยงที่จะพูดความจริง เพราะไม่อยากให้คนรักคิดมาก

เรื่องนางรงรองจะจับคู่ลูกสาวตนเองกับเสี่ยนิตินั้นรู้กันทั้งตลาด แต่เรื่องนี้มินรญาก็ได้พูดคุยกับคูเปอร์แล้วว่าตนไม่ได้คิดเกินเลยกับคนรุ่นราวคราวพ่ออย่างเสี่ยนิติ ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นแค่ความเห็นชอบของนางรงรองเท่านั้น

“จะขอโทษพี่ทำไม พาคุณแม่ไปทำธุระเถอะ เอาไว้คราวหน้าเราค่อยนัดเจอกันใหม่ก็ได้” น้ำเสียงที่ไร้ซึ่งการโกรธเคืองของชายหนุ่มยิ่งทำให้มินรญารู้สึกโล่งใจ แต่ขณะเดียวกันก็รู้ผิดไม่น้อยที่ตนแต่งเรื่องโกหกคนรัก

“พี่คู้ป...มิ้นขอโทษจริงๆ”

“ทำไมต้องทำเสียงรู้สึกผิดอย่างนั้นด้วย พาแม่ไปทำธุระไม่ได้แอบไปเดทกับหนุ่มๆ ซะหน่อย จริงไหม พี่เข้าใจน่า”

คำพูดนั้นทำให้หญิงสาวถึงกับสะดุ้งโหยง ริมฝีปากอิ่มกัดเม้ม ความรู้สึกผิดถาโถมเข้ามาจนเกือบจะเผลอหลุดปากบอกความจริงออกไป ถ้าหากคูเปอร์ไม่พูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน

“เอาไว้คืนนีพี่โทร.หานะ”

“ค่ะ” มินรญาตอบรับด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ดึงมือถือที่แนบหูออกมามองอย่างรู้สึกผิดระคนหนักใจ หลังจากที่คนรักวางสายไปแล้ว

“มิ้นขอโทษ...นะคะพี่คู้ป” มินรญาพูดกับตัวเองก่อนจะหมุนตัวเดินกลับเข้าบ้าน

“หายไปซะนานเชียว” นางรงรองชักสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย ก่อนใบหน้าที่ฉาบด้วยเครื่องสำอางราคาแพงจะแปรเปลี่ยนเป็นแย้มยิ้ม เมื่อได้ยินเสียงแตรรถ “สงสัยจะมาถึงแล้ว” นางพูดด้วยสีหน้าตื่นเต้น ก่อนจะหันไปตะโกนเรียกเด็กรับใช้

“ใครก็ได้ไปดูซิว่าใครมา ถ้าเป็นเสี่ยนิติ รีบเชิญเข้าบ้านมาเลยนะ” นางสั่งเสร็จก็หันมาหาลูกสาว “มานี่มา” ว่าพลางลากร่างบางของบุตรสาวมานั่งข้างๆ ที่โซฟา

“ทำหน้าตาให้มันยิ้มแย้มแจ่มใสกว่านี้หน่อยได้ไหม”

เมื่อได้รับคำสั่งมินรญาก็ยิ้มยิงฟันให้คนเป็นแม่ จนท่านต้องตีเข้าที่ต้นแขนกลมกลึงเบาๆ อย่างขัดใจ “ถ้าจะยิ้มแบบนี้ก็ไม่ต้องเลย เอาเป็นว่าวันนี้วันเกิดเสี่ยเขาจะจะมารับแกไปกินข้าวและฉลองนิดหน่อยๆ ยังไงแกห้ามทำเรื่องขายหน้าแล้วกัน”

“ทำไมแม่ไม่ไปด้วยกันล่ะคะ”

“เสี่ยอยากฉลองกับแกสองต่อสอง จะให้แม่ไปเป็นกอขอคอทำไม” ว่าพลางป้องปากหัวเราะอย่างชอบใจ ก่อนดวงตาที่มีริ้วรอยแห่งวัยมาเยือนจะเบิกกว้างอย่างดีใจและรีบลุกขึ้นไปต้อนรับแขกคนพิเศษ

“สวัสดีค่ะเสี่ย สุขสันต์วันเกิด ร่ำรวยร้อยล้านพันล้านนะคะ”

“ขอบคุณครับ” ชายสูงวัยกล่าวขอบคุณนางรงรองพร้อมรอยยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะมองเลยไปยังร่างบางที่นั่งเปิดหนังสือนิตยสารอ่านอย่างไม่คิดจะสนใจทักทายเขาแม้แต่น้อย “สวัสดีหนูมิ้น”

มินรญาเงยหน้าขึ้นมองตามเสียงทัก แล้ววางหนังสือยกมือไหว้เสี่ยนิติ จากนั้นก็หันมาหยิบนิตยสารขึ้นมาอ่านต่ออย่างไม่สนใจอีกฝ่าย เดือดร้อนคนเป็นแม่ที่รีบตรงรี่เข้ามาเตือน

“แกจะมาสนใจอ่านทำไมตอนนี้ ห๊า!” นางรงรองกัดฟันด่าบุตรสาวพร้อมกับแย่งนิตยสารเล่มนั้นไปเก็บ “เสี่ยจะรับยายมิ้นออกไปเลยใช่ไหมคะ” แล้วหันมาถามเสี่ยนิติเสียงหวาน

“ครับ”

นางรงรองกระตุกแขนของบุตรสาวให้ลุกขึ้น แล้วดันร่างบางไปยืนต่อหน้าชายสูงวัยที่ดูยังไงก็คงความหล่อเหลาและภูมิฐาน เหมาะสมกับบุตรสาวนางยิ่งนัก แล้วฝากฝังราวกับทั้งคู่ไม่ได้จะออกไปกินข้าว แต่กำลังจะเข้าห้องหออย่างออกนอกหน้าว่า

“ยังไงฝากลูกสาวของดิฉันด้วยนะคะ ยายมิ้นยังเด็กอาจจะทำจะพูดอะไรแบบไม่ได้คิด เสี่ยก็อย่าถือสาเอาความเลยนะคะ”

“แม่...มิ้นแค่ไปกินข้าวนะคะ” มินรญากระซิบเตือน แต่ใช่นางรงรองจะสนใจ นางส่งค้อนให้บุตรสาว แล้วหันไปยิ้มประจบเอาใจเสี่ยนิติต่อ

“ฉลองกันให้สนุกนะคะ”

เสี่ยนิติพยักหน้ารับ แล้วผายมือให้มินรญาเดินนำออกไปก่อนแล้วตัวเขาเดินตามหลัง ตบท้ายด้วยนางรงรองที่เดินไปส่งทั้งคู่ขึ้นรถ และยืนมองจนกระทั่งรถหรูของเสี่ยนิติลับสายตาไป หากแต่รอยยิ้มของความสุข ความหวังยังไม่จางหาย พร้อมกับหมายมาดในใจว่า...

คนที่มินรญาจะแต่งงานด้วยต้องเป็นเสี่ยนิติเท่านั้น!!!

ความอึดอัด ไม่พอใจ ไม่อยากจะมา มินรญาไม่ได้เก็บซ่อนมันเอาไว้แม้แต่นิด ตั้งแต่ก้าวเท้าขึ้นมานั่งคู่คนขับหญิงสาวก็นั่งหน้าบึ้งตลอด บางครั้งปรายตามองเสี่ยนิติแล้วแอบถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย และทุกการกระทำนั่นใช่ว่าผู้สูงวัยกว่าจะไม่รับรู้

“มีอะไรหรือเปล่า หน้าบึ้งเชียว”

“วันเกิดทั้งที่คุณไม่คิดอยากจะฉลองกับครอบครัวเหรอคะ ถึงได้เลือกที่จะมาฉลองกับคนอื่นอย่างดิฉัน” มินรญายังใช้คำพูดแทนตัวที่ห่างเหินเหมือนเคย แม้มารดาจะเคยบอกให้เรียกแทนตัวเองด้วยชื่อเล่น และเรียกเสี่ยนิติว่าเสี่ย เพื่อความสนิทสนม ทว่าเธอกลับรู้สึกจั๊กจี้ฟังที่ไรเหมือนตัวเองเป็นเด็กเสี่ยเลี้ยงอะไรเทือกนั้น

“ตอนนี้ไม่มี และกำลังรอเนื้อคู่อยู่” เสี่ยนิติตอบพร้อมกับมองคนข้างๆ นัยน์ตาพราวระยับ จนมินรญารู้สึกได้ หญิงสาวขยับตัวอย่างอึดอัดและไม่ชอบใจนัก พอจะเดาได้ว่าเนื้อคู่ที่ว่านั้นหมายถึงใคร แต่ก็แสร้งทำเป็นไม่รู้

“ขอให้เจอไวๆ นะคะ”

“ก็เจอแล้วนี่ไง” เสี่ยนิติพยักพเยิดบอกอย่างไม่อ้อมค้อมให้เสียเวลา

“งั้นคุณคงต้องหาเนื้อคู่ใหม่แล้วละคะ” มินรญาหันไปมองอีกฝ่ายอย่างจริงจัง และบอกออกไปอย่างไม่อ้อมค้อมเหมือนกัน “เพราะดิฉันมีคนที่ชอบอยู่แล้ว”

“จริงเหรอ” เสี่ยนิติถามเสียงประหลาดใจ “ทำไมก่อนหน้านี้หนูไม่เคยบอกฉันเลยล่ะ คุณรงรองเองก็ไม่เคยเอ่ยถึง”

“ดิฉันยังไม่พร้อมจะเปิดตัวกับทางบ้าน แต่อยากบอกให้คุณรู้และเลิกหวังเรื่องดิฉันเสียที”

“ไม่พร้อมจะเปิดหรือเปิดไม่ได้กันแน่” เสี่ยนิติถามกลับอย่างคนที่ถือไพ่เหนือกว่า

มินรญากัดเม้มริมฝีปากพร้อมกับหันมามองคนสูงวัยกว่าอย่างไม่พอใจ “ไม่เกี่ยวกับคุณ”

“หนุ่มที่มหาลัยล่ะสิ” เสี่ยนิติกดยิ้ม เมื่อหญิงสาวใช้ความเงียบเป็นคำตอบ “รักวัยหนุ่มสาวไม่ยั่งยืนหรอก”

“เราสองคนรักกัน หลังจากเรียนจบและมีงานทำที่มั่นคงแล้ว เราสองคนจะแต่งงานกันทันที” มินรญาพูดอย่างเชื่อมั่นในความรักและตัวของคนรักเหนือสิ่งอื่นใด

“หางานทำอย่างนั้นเหรอ” น้ำเสียงคลายกับกำลังประเมินคนที่กำลังเอ่ยถึง ก่อนจะหันมายิ้มเหยียดๆ ให้คนข้างๆ แล้วบอกในสิ่งที่ตัวเองคาดเดา และเชื่อว่าไม่มีทางเดาผิดแน่นอน “ไม่ผ่านด่านคุณรงรองหรอกมั้ง”

“หมายความว่ายังไงคะ” มินรญาถามเสียงเข้ม

“เมื่อไหร่ผู้ชายคนนั้นจะตั้งตัวได้ล่ะ ปี สองปี สามปี หรือไม่มีเลย”

มินรญานิ่ง เธอไม่มีคำตอบให้กับคนสูงวัยกว่า เพราะไม่เคยคิดถึงความเป็นจริงในข้อนี้เลย ทว่าจะเป็นไรไปหาก เธอกับคูเปอร์จะช่วยกันสร้าง

“เราจะช่วยกัน”

“ชีวิตมันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกนะ โดยเฉพาะเมื่อยามไม่มีเงิน ความสุขความสวยหรูที่เคยวาดหวังไหวก็พังทลายได้ในพริบตา” เสี่ยนิติเตือนให้อีกฝ่ายได้รับรู้ถึงโลกของความเป็นจริงที่บางครั้งมันก็ต่างกันลิบกับโลกของความฝัน “และอีกอย่างคุณรงรองไม่มีทางปล่อยให้ลูกสาวคนเดียวไปลำบากกับผู้ชายแบบนั้นหรอกนะ ตัวเลือกที่ฐานะมั่นคง ไม่ว่าจะการงานหรือการเงินก็มีอยู่โทนโท่ว่าไหม”

“ครอบครัวเรามีเงินพอที่จะเลี้ยงตัวเองได้ค่ะ ไม่ต้องพึ่งคนอื่น” มินรญากระชากเสียงบอกอย่างไม่พอใจ และรู้สึกหงุดหงิดและขัดใจตลอดเวลาที่เสี่ยนิติยังมีทีท่าอารมณ์ดีเหมือนตัวเองเป็นต่อเธอกับคูเปอร์

“มีได้ก็หมดได้ คนฉลาดเขามักจะเอาเงินมาต่อด้วยเงิน และฉันรู้ว่าคุณรงรองเป็นคนฉลาด”

เธอรู้ก็คนเป็นแม่แสดงออกอย่างชัดเจนซะขนาดนั้นว่าต้องการเอาเงินไปต่อเงินของใคร แต่ความรักของเธอวัดค่าตีราคาออกมาเป็นจำนวนเงินไม่ได้ เพราะมันออกมาจากใจ เงินไม่ใช่สิ่งสำคัญ และเรื่องนี้เธอจะต้องคุยกับมารดา ยังไงซะคนที่เธอรักและต้องการใช้ชีวิตด้วยคือ...คูเปอร์คนเดียวเท่านั้น !!!

หลังจากที่ต้องยกเลิกนัดแบบกะทันหันคูเปอร์ก็มาช่วยมารดาขายของจนเลิกแผงขนผักที่เหลือกลับบ้าน ก่อนเช้ามืดพรุ่งนี้จะไปรับผักมาขายต่อ

เมื่อถึงบ้านชายหนุ่มก็ให้มารดาไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน ส่วนตัวเองก็นำผ้ากันเปื้อนทั้งของตนและมารดาที่ในถุงผ้ากันเปื้อนนั้นบรรจุไปด้วยเงินเหรียญไปวางบนโต๊ะตัวเตี้ยๆ ที่วางอยู่มุมห้อง รวมไปถึงกับข้าวถุงที่แวะซื้อด้วย แล้วเดินไปเปิดตู้หยิบผ้าเช็ดตัวและเสื้อผ้าเตรียมอาบน้ำต่อจากมารดา

“รีบอาบนะ เดี๋ยวแม่เตรียมสำรับข้าวรอ” นางจินตนาที่อยู่ในชุดเสื้อคอกระเช้ากางเกงขาสั้นบอกลูกชายขณะเดินสวนเข้าห้องน้ำ ก่อนจะเดินเลยไปปะแป้งหน้ากระจกให้สบายตัวยิ่งขึ้น จึงมาจัดการเอาแกงถุงไปแกะรอบุตรชายที่กำลังอาบน้ำ กินข้าวเสร็จจะได้ทำงานต่อ...และงานนั้นก็คือการนับเงินรายได้จากการขายผัก ซึ่งถือว่าเป็นงานสุดท้ายของวัน

คูเปอร์อาบน้ำไม่นานก็แต่งตัวมานั่งกินข้าว และระหว่างกินไปคุยไปดูโทรทัศน์ไป คูเปอร์ก็ลอบมองมารดาที่ปากกินแต่ตาดูละครก่อนข่าวอยู่เป็นระยะๆ จะถามก็ไม่กล้าถาม จนกระทั่งกินข้าวเสร็จ

“ถ้าผมมีแฟนแม่จะว่าอะไรไหมครับ” คูเปอร์ถามมารดาขณะเก็บถ้วยชามเพื่อเอาไปล้าง ในขณะที่นางจินตนาผละไปเอาผ้ากันเปื้อนมาทิ้งตัวลงนั่งกลางห้องแล้วเทเงินเหรียญในกระเป๋าผ้ากันเปื้อนออก พร้อมกับอมยิ้มขำกับคำถามของบุตรชาย

“ว่าทำไม ลูกรักใครแม่ก็รักตาม”

“แต่แม่เคยห้ามผมเรื่องลูกสาวคุณนายรงรอง”

นางจินตนาชะงักมือที่กำลังหยิบเหรียญมานับมองแผ่นหลังกว้างของบุตรชายที่กำลังขะมักเขม้นล้างจาน “อย่าบอกนะว่าผู้หญิงคนนั้นคือหนูมิ้น” นางถามเสียงเครียด

“ผมแค่ยกตัวอย่าง เห็นแม่บอกว่าผมรักใครแม่ก็รักด้วย แต่กลับห้ามเรื่องลูกสาวคุณนายรงรอง แล้วถ้าผมเกิดไปหลงรักคุณมิ้นจริงๆ แม่ก็ไม่เห็นด้วยใช่ไหมล่ะครับ”

“ที่แม่ห้ามเพราะไม่อยากให้เราเสียใจ ลูกก็เห็นว่าคุณนายหวังจะเกี่ยวดองกับเสี่ยนิติ ถ้าเรารวยก็ว่าไปอย่างอาจจะพอสู้ได้ แต่หาเช้ากินค่ำเหมือนตอนนี้บอกได้คำเดียวว่ายาก” พูดแล้วก็อดสะเทือนใจไม่ได้ ถ้าสามีของนางยังมีชีวิตอยู่บุตรชายคงจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้แน่นอน

“แล้วถ้าคุณมิ้นไม่เล่นด้วยล่ะครับ”

“ก็ไม่รู้สิ ว่าแต่เราจะอยากจะรู้เรื่องนี้ไปทำไมกัน” นางถามพลางหรี่ตามองบุตรชายอย่างจับผิด และก็เห็นอาการหลบสายตาและเลี่ยงคุยไปเรื่องอื่น

เห็นแล้วนางจินตนาก็ได้แต่ถอนหายใจ ไม่ใช่ว่านางไม่สังเกตเห็นว่าเวลามินรญามาเก็บค่าเช่ากับนางรงรองนั้นบุตรชายของนางนั้นมักจะมองตามฝ่ายหญิงตาปรอยทุกครั้ง นั่นทำให้ที่ผ่านมานางเอ่ยปากเตือนบุตรชายเอาไว้ก่อน ก็ยังดีที่ดูเหมือนคูเปอร์จะเชื่อฟัง เพราะเท่าที่เฝ้าสังเกตก็ไม่เห็นว่าจะมีเรื่องที่ตัวกังวลเกิดขึ้น

แม้จากที่ได้เกริ่นพูดเรื่องความรักของตัวเองกับครอบครัว และคำตอบที่ได้รับคือการไม่เห็นด้วย ด้วยเหตุผลที่ต่างกันออกไป แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความสัมพันธ์ของคูเปอร์กับมินรญาสั่นคลอน ทั้งคู่ยังหวังว่าในอนาคตอันไม่ไกลมากนี้จะทำให้คนในครอบครัวเปลี่ยนความคิด เพียงแต่อาจจะต้องทำอะไรสักอย่าง

แต่อะไรสักอย่างที่ว่าทั้งคู่ก็ยังคิดไม่ออกกอปรกับช่วงนี้ใกล้สอบต่างคนจึงต่างไม่ค่อยมีเวลาได้พบกัน อาศัยคุยผ่านโทรศัพท์หรือไม่ก็โซเชลมีเดียเสียเป็นส่วนใหญ่ และได้มาเจอกันแบบจริงจังอีกครั้งคือหลังวันที่คูเปอร์สอบเสร็จหนึ่งวัน ส่วนมินรญานั้นสอบเสร็จไปก่อนแล้วสองวัน

“ทายซิใครเอ่ย” มือบางที่ปิดตากับน้ำเสียงสดใสกระซิบถามข้างใบหูทำให้คนที่นั่งรอหัวเราะในลำคออย่างขบขัน ก่อนจะรับมุก

“ถ้าทายถูกจะให้อะไร”

คนถูกถามเงยหน้าขึ้นฟ้าพร้อมกับทำปากยื่นขณะคิด แล้วใบหน้าสวยก็ยุ่งเมื่อนึกไม่ออก “แล้วพี่คู้ปอยากได้อะไรล่ะคะ”

“เลิกเล่นแล้วเหรอ” คูเปอร์ถามเมื่อร่างบางเดินมานั่งข้างๆ เสียอย่างนั้น

“ก็ไม่รู้จะให้อะไรดีนี่คะ”

“งั้นเราไม่รู้จะให้อะไร พี่ให้เองละกัน”

มินรญาขยับตัวเล็กน้อย ขณะที่จ้องแฟนหนุ่มตาไม่กะพริบลุ้นระทึกในสิ่งที่เขาจะมอบให้ แล้วนิ้วเรียวยาวก็ถูกดึงออกมาจากกระเป๋าเสื้อพร้อมกับวัตถุสีเงิน

แหวน...

“ตอนนี้พี่ให้ได้เท่านี้ก่อน เมื่อไหร่ที่พี่มีหน้าที่การงานที่มั่นคงจะซื้อแหวนเพชรมาเปลี่ยนให้นะ”

มินรญาพยักหน้ารับยื่นมือไปให้แฟนหนุ่มสวมแหวนสีเงินที่ตัวแหวนเป็นรูปเถาไม้เลื้อยพันเกี่ยวกันไปมาอย่างเต็มใจ

“มิ้นชอบมากเลยค่ะ” หญิงสาวยิ้มเต็มวงหน้าพลางดึงมือไปกุมเอาที่หน้าอก “สัญญาว่าจะเก็บรักษาอย่างดี ไม่ให้ห่างตัวเลย” หญิงสาวให้คำมั่นพร้อมกับรอยยิ้มสดใส

“ดีใจที่มิ้นชอบ พี่สัญญาว่าจะรีบสร้างเนื้อสร้างตัวไปสู่ขอมิ้นกับคุณนายให้เร็วที่สุด มิ้นห้ามเปลี่ยนใจก็แล้วกัน”

“ไม่มีวัน ก็มิ้นรักของมิ้นอยู่คนเดียวจะให้เปลี่ยนใจไปหาใครล่ะคะ มิ้นสัญญาค่ะว่าจะรอพี่คู้ปคนเดียว” มินรญาให้คำมั่นไม่ใช่แค่ลมปากแต่เธอหมายความว่าอย่างนั้นจริงๆ

“ไปไหนของเขานะ เห็นยายมิ้นไหม” นางรงรองถามเด็กรับใช้ที่กำลังทำงานอย่างอารมณ์เสีย เมื่อเดินหาจนทั่วบ้านแล้วยังไม่เจอบุตรสาว

“คุณมิ้นออกไปข้างนอกค่ะ”

“ไปข้างนอก! ไปไหน”

“ไม่ทราบค่ะ คุณมิ้นไม่ได้บอกไว้” นางรงรองถอนหายใจแล้วโบกมือไล่ให้เด็กรับใช้ทำงานต่อ ก่อนตัวเองจะเดินบ่นตรงไปที่โทรศัพท์ ต่อสายหาบุตรสาวอยู่หลายครั้งและปรากฏว่าโทร.อย่างไรก็ไม่ติด นั่นยิ่งทำให้นางรงรองอารมณ์เสียหนักยิ่งขึ้นกว่าเดิม

“เมื่อวานก็บอกแล้วบอกอีกว่าวันนี้อย่าไปไหน” นางรงรองบ่นขณะกดหาเบอร์โทรศัพท์ของเพื่อนสนิทบุตรสาวจากโทรศัพท์มือถือ ที่นางบันทึกเอาไว้เพราะหลายครั้งหลายคราที่นางต้องโทร.ตามบุตรสาวผ่านดาวิกา

“สวัสดีจ้ะหนูดา นี่ป้าเองนะจ๊ะ ยายมิ้นอยู่กับหนูหรือเปล่าป้าขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม”

“ยายมิ้นเหรอคะ...” ดาวิกาเงียบไปครู่หนึ่ง “ไม่เห็นนะคะ”

คำตอบที่ได้รับทำให้นางรงรองขมวดคิ้วอย่างสงสัยว่าถ้าบุตรสาวไม่ได้ไปหาดาวิกาเหมือนทุกครั้ง แล้วมินรญาไปไหน...และกับใคร

“แล้วหนูพอทราบไหมว่ายายมิ้นไปไหน”

“เอ่อ...” แล้วดาวิกาที่อ้ำๆ อึ้งๆ ก็เงียบไปอีกครั้ง เหมือนกับกำลังชั่งใจอะไรบางอย่าง และในที่สุดหญิงสาวก็ตัดสินใจ “คุณป้าลองไปที่ห้าง...ดูนะคะ คิดว่ายายมิ้นน่าจะนัดไปเจอใครบางคนที่นั่น” หญิงสาวเอ่ยชื่อห้างดังที่มินรญากับแฟนหนุ่มมักจะนัดไปเจอกันให้นางรงรองทราบ

“ยายมิ้นนัดเจอใคร”

“ไม่รู้สิคะ มีสายซ้อนดาขออนุญาตวางสายนะคะ สวัสดีค่ะ”

ว่าแล้วดาวิกาก็วางสายไปพร้อมกับทิ้งปริศนาคาใจให้นางรงรองได้ขบคิด

“ใครกัน” นางรงรองถามตัวเอง ก่อนจะเรียกหาคนขับรถให้พาตนไปยังห้างดังที่ที่ดาวิกาได้ทิ้งลายแทงเอาไว้ ด้วยความรู้สึกกระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก คล้ายกำลังจะมีเรื่อง

หรือมินรญาจะมีอะไรปิดบังนาง...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel