เกมรักกับดักพิศวาส

74.0K · จบแล้ว
ไหมขวัญ
24
บท
5.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

“ผมต้องการคุณ และรู้ว่าคุณเองก็ต้องการผม เราสองคนต้องการกันและกัน แต่ต่างคนต่างก็ไม่อยากมีพันธะ เซ็กเฟรนด์มันคือคำตอบที่ดีที่สุด” ชายหนุ่มอธิบายเสียงพร่า จมูกโด่งยังคลอเคลียไม่ห่างจากแก้มแดงระเรื่อ“ดียังไง”บุษบันถามเสียงสั่น ดวงตากลมโตยังฉ่ำปรืออย่างคนที่ยังเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสที่เรียกความร้อนและแรงปรารถนาของเธอให้ตื่นขึ้น“ระหว่างเรามันคือความพอใจในเซ็กส์ของกันและกัน มีอิสระที่จะคบหาคนอื่น ไม่มีการหึงหวงหรือก้าวก่ายล่วงล้ำการเป็นส่วนตัว ของกันและกัน เมื่อใครคนใดคนหนึ่งเจอคนที่ใช่ เรื่องของเราคือจบ และผมคิดว่ามันจะต้องจบด้วยดี”มือใหญ่ประคองใบหน้าสวย ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมองสบดวงตาสีดำกลมโต นานชั่วอึดใจ ก่อนบุษบันจะเป็นคนหลบสายตา เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ปฏิเสธและมีท่าทีเริ่มจะโอนอ่อนผ่อนตาม บอลด์วินจึงรีบเกลี้ยกล่อมต่อ“เราต่างฝ่ายต่างก็เป็นผู้ใหญ่กันแล้ว การหาความสุขใส่ตัวมันไม่ใช่เรื่องผิดหรอก”บุษบันเหลือบตามองชายหนุ่มรูปงามตรงหน้าอีกครั้งแล้วถอนหายใจ เธอไม่ปฏิเสธหรอกว่าพึงพอใจในตัวของบอลด์วินมากเป็นพิเศษ และเขาก็พูดถูกเธอโตแล้ว จะเป็นอะไรไปเล่าถ้าช่วงเวลาหนึ่งเธอจะทำอะไรตามใจตัวเองแบบสุดๆ บ้าง“ตกลง”

นิยายปัจจุบันนิยายรักนิยายรักโรแมนติกดีไซเนอร์พลิกชีวิตโรแมนติก

ตอนที่ 1 ปากไม่ตรงกับใจ

รูปร่างสูง ไหล่กว้าง แผงอกและหน้าท้องเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อชวนให้หลงใหลของเหล่านายแบบหน้าตาหล่อเหลาพวกนี้ไม่ได้ทำให้เธอและเหล่าเดรสเซอร์ทุกคนที่ทำงานแข่งเวลารู้สึกอะไรมากไปกว่ามันคืองาน แรกๆ อาจจะเขินอายตื่นเต้นแต่เดี๋ยวนี้ไม่เลย เห็นนายแบบแก้ผ้าเป็นเรื่องธรรมดาและชินชาไปแล้วสำหรับอาชีพของเธอ ที่ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าให้บรรดานายแบบนางแบบทั้งหลายให้ทันโชว์ในแต่ละรอบในเวลาที่จำกัดเพียงไม่กี่สิบวินาที

และงานอีเว้นเดินแบบชุดฤดูร้อนของห้างชื่อดังวันนี้กำลังจะเสร็จสิ้นลงอย่างสวยงาม และนั่นหมายถึงความสำเร็จของทีมเดรสเซอร์ของพวกเธอด้วย ที่ได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้จ้างว่าทีมเดรสเซอร์กลางๆ อย่างพวกเธอก็สามารถทำงานใหญ่นี้ได้ดีไม่แพ้ทีมเดรสเซอร์อื่น

“อีกสามวันเจอกันนะทุกคน”

บุษบันบอกลาเพื่อนร่วมทีมที่ต่างคนต่างกำลังเก็บของเตรียมจะกลับ และหนึ่งในนั้นก็คืออโรชาหรือพี่ซีหัวหน้าทีมที่หญิงสาวรู้จักมักจี่ดีมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัย

“แล้วเจอกันนะคะพี่ซี”

“เดี๋ยวสิบุษ กลับบ้านพร้อมพี่ไหมไปกินข้าวเย็นที่บ้านด้วย ยายซายด์บ่นอยากเจอเรามาหลายวันแล้ว เอ่อ…ไอ้ซันด้วยนะ”

“จริงเหรอคะที่ซันบ่นอยากเจอบุษ”

บุษบันเอี้ยวตัวกลับมาถามเสียงกลั้วหัวเราะอย่างไม่อยากจะเชื่อ ก็จะให้เชื่อยังไงล่ะในเมื่ออริญชย์พี่ชายคู่แฝดของเพื่อนสนิทอย่างอริสราน่ะชอบขี้หน้าเธอที่ไหน

“จริงสิจ๊ะ ไปเถอะ ไม่มีธุระที่ไหนไม่ใช่เหรอและอีกอย่างเราก็หยุดยาวตั้งสามวันแน่ะ”

อโรชาเกลี้ยกล่อมพลางยกกระเป๋าขึ้นมาสะพาย แล้วเดินมาหาคนที่กำลังทำสีหน้าลังเล ขณะเดียวกันก็โบกมือลาเพื่อนร่วมทีมที่ทยอยกันกลับจนเกือบจะหมด

“ไปด้วยกันไหม” เธอเอ่ยถามสาวร่างผอมเพื่อนร่วมทีมที่กำลังจะกลับ

เธอคนนั้นโคลงศีรษะไปทางขวาพร้อมกับยักไหล่

“ไม่ล่ะจ้ะ ฉันมีนัดเดท”

คำปฏิเสธนั้นทำให้บุษบันเลิกคิ้วมองอย่างไม่อยากประหลาดใจ ไม่ใช่เพราะเพื่อนร่วมทีมคนนี้ไม่สวย แต่เมื่อวันก่อนหล่อนเพิ่งบอกว่าเลิกกับแฟนคนล่าสุดแล้ว

“เดี๋ยวนะ ฉันไม่ได้เข้าใจผิดไปใช่ไหมว่าคนที่เธอจะเดทด้วยในวันนี้คือแฟนใหม่”

“แน่นอน”

เธอตอบพลางหัวเราะคิกคัก แล้วก้มลงมองชุดตัวเอง ก่อนจะถามความเห็นของทั้งอโรชาและบุษบันเพื่อย้ำความมั่นใจของตัวเอง

“ชุดนี้เธอว่ามันโอเคไหมบุษ พี่ซี”

“สวย” อโรชาบอก

“เปะเวอร์” บุษบันย้ำ

“ก็ว่างั้นแหละ…ขอบคุณทั้งสองคนนะจ๊ะ ไปละเดี๋ยวสาย”

ว่าแล้วคนสวยเปะเวอร์ก็โบกมือลาทั้งสองคนเล็กน้อยแล้วเดินนวดนาดจากไปอย่างอารมณ์ดี

“แล้วเราล่ะตกลงว่าไง อย่าบอกนะว่ามีนัดเดท”

“นัดดงนัดเดทที่ไหนกันค่ะ แฟนยังหาไม่ได้สักคน”

“งั้นก็เป็นอันว่าตกลง”

อโรชามัดมือชก จากนั้นก็รั้งไหล่บางให้หมุนตัวเดินไปที่รถเสียเลย

“เราต้องแวะซื้ออะไรเพิ่มเติมหรือเปล่าคะ” คนที่เดินไปตามแรงรั้งจนถึงรถเอ่ยถาม

“ไม่ต้องจ้ะ เรื่องนั้นซายด์กับซันเขาอาสาแล้วละ เราสองคนตรงกลับบ้านเลย รถแถวนี้ยิ่งติดๆ ดีไม่ดีกว่าจะถึงบ้านสองคนนั้นตั้งโต๊ะรอเราพอดี”

“ขออย่าให้เป็นอย่างนั้นเลยนะคะ บุษขี้เกียจฟังน้องชายพี่ซีบ่นและแขวะพยายามทำเรื่องไม่เป็นเรื่อง ให้มันเป็นเรื่อง”

บุษบันบ่นหน้าบึ้ง เปิดประตูรถแล้วก้าวขึ้นไปนั่ง ดึงเข็มขัดนิรภัยมารัดให้เรียบร้อย

อโรชาหันมามองเสี้ยวหน้ารูปไข่และมีแก้มนิดๆ ของเพื่อนสนิทน้องสาวและเธอเองก็รักและเอ็นดูเด็กสาวคนนี้เหมือนน้องสาวคนหนึ่งด้วยเหมือนกัน แล้วยิ้มพลางหัวเราะในลำคอ

“ไม่หรอกน่าเดี๋ยวนี้ซันน่ารักขึ้นเยอะ บุษที่ไม่ค่อยได้เจอเขาเห็นแล้วจะแปลกใจ”

“หวังว่านะคะ”

บุษบันหันมาบอกยิ้มๆ ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้มากมายนัก คิดแค่ว่าอริญชย์ก็ยังคงเป็นอริญชย์อยู่วันยังค่ำ ถึงจะหน้าตาดีแต่ปากเสียสุดๆ

‘เปลี่ยนตรงไหน’ บุษบันสบถในใจขณะฟังอริญชย์บ่นและแขวะเธอตลอด ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วไม่มีใครผิด ถ้าจะโทษก็โน่นเลยจราจรที่ติดขัดยิ่งแถวห้างดังไม่ต้องห่วง รถก็เยอะคนก็แยะ

“ทำไมไม่มาถึงตอนเก็บโต๊ะไปเลยล่ะ”

อริญชย์จบประโยคหลังจากร่ายยาว พลางปรายตาไปที่บุษบันที่ดึงเก้าอี้ออกแล้วทรุดตัวลงนั่งข้างๆ น้องสาวคู่แฝดของตน

“ฉันคิดว่าฉันคิดผิดนะที่มากินข้าวที่บ้านแกในวันนี้”

บุษบันพูดกับเพื่อนที่นั่งข้างๆ แต่สายตานั้นจ้องหนุ่มหล่อ ขาว ตี๋ ตรงหน้าที่อโรชาบอกว่าเขาน่ารักกว่าแต่ก่อนเยอะอย่างไม่วางตา ‘น่ารักตายละ’ เธอสบถในใจพลางเบ้ปาก

“เธอกำลังด่าฉันในใจ ใช่ไหมบุษบัน”

“อ๋อ เหรอ เพิ่งรู้ว่าคนอย่างนายอริญชย์เปลี่ยนอาชีพจากวิศวกรมาเป็นร่างทรงอ่านใจคนเสียแล้ว”

พูดจบบุษบันก็ยิงฟันใส่อีกฝ่าย ที่นั่งขบกรามแน่นและอ้าปากกำลังจะโต้กลับ

ทว่าบุษบันกลับรีบยกมือขึ้นเป็นการห้าม แล้วพูดต่อไปว่า

“หยุดอยู่แค่นั้นถ้าคำที่จะหลุดออกจากปากของนายมันคือการกัดแขวะ…ฉันจะบอกว่ามันน่าเบื่อมากๆ”

“น่าเบื่อ…”

เขาครางถามเหมือนคาดไม่ถึง และบุษบันก็พยักหน้ารับ

“ใช่! ฉันโดนนายต่อว่าตลอดว่าทุกครั้งที่มาช้าเพราะฉันมัวแต่ไปอ่อยนายแบบ ทำให้ต้องมานัดเลท”

“ฉันไม่เคยพูด และเอ่อ…”

“ไม่เคยพูดตรงๆ แต่ในคำพูดนั้นมันจะแปลความหมายเป็นอย่างอื่นได้ไหมล่ะ นายรู้ไหมที่ฉันไม่มาที่นี่ไม่ใช่ไม่อยากมา แต่มาแล้วต้องเจอนายฉันยอมไม่มาดีกว่า เพราะฉันเบื่อที่ต้องมาเถียงกับนายด้วยเรื่องเดิมๆ” ระบายจบร่างสูงโปร่งก็ทำท่าจะลุกหนี แต่มือของคนที่นั่งฟังทั้งสองคนคุย ไม่ใช่สิน่าจะใช้คำว่าเถียงกันมากกว่าถึงจะใกล้เคียงกับสถานการณ์ในตอนนี้ รั้งแขนเพื่อนรักเอาไว้ก่อน

“ใจเย็นสิแก”

“ฉันไม่ได้ไปไหน ขอไปสงบสติอารมณ์นิดหนึ่ง พี่ซีมาแล้วไปเรียกด้วยละกัน” อริสราพยักหน้ารับรู้ก่อนจะดึงมือกลับ

เมื่อร่างสูงโปร่งเพรียวระหงเรียกได้ว่าเพื่อนคนนี้ของเธอสามารถเป็นนางแบบได้สบายๆ เดินพ้นออกไป เธอก็หันมามองพี่ชายคู่แฝดพลางถอนหายใจ

“นายเป็นเด็กประถมหรือไง”

“จะบ้าเหรอ ฉันจบมหาลัยทำงานแล้วแกก็รู้ จะมาว่าฉันเป็นเด็กประถมได้ไง” อริญชย์ทำหน้าเหลอหลาเถียงแฝดผู้น้องคอเป็นเอ็น

“อย่ามาแกล้งโง่” อริสราด่า

“ใช่อย่าแกล้งโง่ให้มากนัก” และมีอีกเสียงด่าย้ำจากพี่สาวคนโตที่ ตอนนี้ได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว

และนี้เป็นนิสัยที่ทุกคนในบ้านรู้ดี คือกลับจากทำงานมาถึงบ้านสิ่งแรกที่เธอต้องทำคืออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน ไม่อย่างนั้นเธอจะหงุดหงิดแม้กระทั่งการรับประทานอาหาร

“ผมไม่ได้โง่ พี่ก็รู้ว่าผมจบด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง” คนไม่โง่อวดอ้าง

สองสาวมองหน้ากันแล้วเบ้ปากอย่างสมเพชเวทนา

“พี่ว่าเอาเกียรตินิยมไปคืนมหาลัยดีกว่าไหม”

“เห็นด้วย”

น้องสาวรีบเสริมพี่สาว ทำเอาหนึ่งหนุ่มเริ่มจะรำคาญละที่ถูกพี่น้องรุมด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่รู้ จู่ๆ ทั้งสองคนก็หาว่าเขาเป็นเด็กประถมบ้างละ โง่บ้างละ

“ถามจริงเถอะเป็นอะไรกัน จู่ๆ ก็มาด่ากันเนี่ย”

“แล้วแกล่ะเป็นอะไร ถึงได้ไปตอแยพูดจิกกัดยายบุษเขาตลอด ทั้งที่แกก็รู้ว่าเรื่องที่แกพูดมันไม่ใช่เรื่องจริง” อโรชาย้อนถามน้องชายกลับคืนไปบ้าง

“ตอนเรียนก็เหมือนกันค่ะพี่ซี”

ได้ที่อริสรารีบเสริมทัพ อีกอย่างนี้เป็นครั้งแรกที่เธอกับพี่สาวจะได้คุยเรื่องนี้กับคู่แฝดแบบจริงจังเสียที หลังจากดูห่างๆ อย่างห่วงๆ และมีปรามบ้างพูดคุยกันบ้างแต่นั้นก็เล็กน้อยเท่านั้น

“คือผม…ผม…ผมว่าไปตามบุษมากินข้าวดีกว่าไหม เขาบอกว่าถ้าพี่มาแล้วให้ไปตาม” อริญชย์พยายามเบี่ยงเบนความสนใจของสองสาวไปที่เรื่องอื่น แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล ทั้งสองรู้ทัน

“ก็ดี ซายด์ไปตามบุษมาแล้วเราจะคุยกันแบบเปิดอกเสียทีว่าน้องชายงี่เง่าคนนี้มันชอบแกล้งคนที่ชอบเหมือนเด็กประถม”

“ค่ะพี่” อริสรารับลูกลุกขึ้นทันที

ทำเอาอริญยช์ที่เพิ่งหายจากอาการที่เรียกว่า ‘อึ้ง’ ไปชั่วอึดใจ เพราะไม่คิดว่าคนในบ้านจะไม่รู้จะอ่านเขาไม่ออก รีบกระโดดไปรั้งคู่แฝดเอาไว้

“เดี๋ยวๆ สิ”

“อะไร ปล่อยสิน่ารำคาญ”

น้องคู่แฝดทำท่าสะบัดตัวฮึดฮัดๆ ออกจากการเหนี่ยวรั้งด้วยความขัดใจ

“สัญญาก่อนว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับบุษ”

อริสราถอนหายใจพลางปลดมือคู่แฝดออกจากแขน “ถามจริงๆ เถอะจะทำอย่างนี้อีกนานไหม เลิกเถอะ ก่อนที่ยายบุษจะเกลียดนายเข้ากระดูกดำ”

“หรือจะรอให้ใครมาแย่งไปก่อน เมื่อถึงตอนนั้นจะบอกไว้เลยนะว่าใครก็ช่วยแกไม่ได้” อโรชาเตือนน้องชาย

คนทำงานด้วยกันตลอดทำไมจะไม่รู้ว่าบุษบันเป็นที่หมายตาของหนุ่มๆ มากขนาดไหน แม้แต่นายแบบก็ยังเคยขายขนมจีบหญิงสาวบ่อยครั้ง แต่มันยังคงไม่มีคนที่เข้าตาและตรงใจทำให้สาวสวยอย่างบุษบันเป็นโสดมาจนถึงทุกวัน

“ผมไม่คิดว่าทุกคนจะดูออก”

“มีแต่เจ้าตัวเท่านั้นละมั้งที่ดูไม่ออก ถึงปากจะจิกจะกัดยังไง แต่สายตาที่แกใช้มองบุษทุกครั้งมันกลับตรงกันข้าม”

“และนายควรเลิกมันซะ มันไม่ผลดีกับตัวเอง มีแต่จะทำให้ทุกอย่างเลวร้ายลงกว่าเดิม” อริสราออกโรงเตือนอีกครั้ง

อริญชย์มองหน้าคู่แฝดกับพี่สาวสลับกันไปมา ก่อนจะเดินกลับมาทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิมด้วยสีหน้าที่คิดไม่ตก “แล้วผมควรทำไงล่ะครับสาวๆ”

“เอาแบบจริงจังเลยนะ แกควรเดินหน้าจีบยายบุษซะ” คู่แฝดแนะนำ

“พี่เห็นด้วยกับซายด์ และเริ่มจากตอนนี้เลย ไปตามบุษมากินข้าว”

“ผมเนี่ยนะ” ชายหนุ่มชี้มาที่ตัวเอง

“ใช่ ถ้าจะเริ่มมันก็เริ่มจากวันนี้และตอนนี้แหละ ไปลุก”

อโรชาผลักเข้าที่ไหล่กว้างของน้องชายแรงๆ ไปทีหนึ่งแล้วดึงเก้าอี้ประจำตำแหน่งออกมานั่ง

“แต่ผมไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดีนี่”

“แค่ขอโทษและบอกเขาให้มากินข้าวแค่นี้มันก็เป็นการเริ่มต้นที่ดีแล้วนะพี่ว่า”

อโรชาบอกพลางตักข้าวในโถใส่จานน้องชายและของตัวเอง จากนั้นก็เลื่อนมันไปให้น้องสาว

“ผมจะลองดู”

“ดีมาก!”

สองพี่น้องตะโกนตามหลังร่างสูงที่เดินไวๆ ออกไปตามบุษบันมากินข้าว แล้วหันมายิ้มและแตะมือกันอย่างชอบใจ ก็จะไม่ให้ชอบใจได้ยังไงก็ในเมื่อทั้งสองอยากได้บุษบันมาเป็นคนในครอบครัวจะตายไป ตอนนี้ความหวังใกล้เข้ามาอีกก้าวแล้วละ