บทย่อ
“ผมต้องการคุณ และรู้ว่าคุณเองก็ต้องการผม เราสองคนต้องการกันและกัน แต่ต่างคนต่างก็ไม่อยากมีพันธะ เซ็กเฟรนด์มันคือคำตอบที่ดีที่สุด” ชายหนุ่มอธิบายเสียงพร่า จมูกโด่งยังคลอเคลียไม่ห่างจากแก้มแดงระเรื่อ“ดียังไง”บุษบันถามเสียงสั่น ดวงตากลมโตยังฉ่ำปรืออย่างคนที่ยังเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสที่เรียกความร้อนและแรงปรารถนาของเธอให้ตื่นขึ้น“ระหว่างเรามันคือความพอใจในเซ็กส์ของกันและกัน มีอิสระที่จะคบหาคนอื่น ไม่มีการหึงหวงหรือก้าวก่ายล่วงล้ำการเป็นส่วนตัว ของกันและกัน เมื่อใครคนใดคนหนึ่งเจอคนที่ใช่ เรื่องของเราคือจบ และผมคิดว่ามันจะต้องจบด้วยดี”มือใหญ่ประคองใบหน้าสวย ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมองสบดวงตาสีดำกลมโต นานชั่วอึดใจ ก่อนบุษบันจะเป็นคนหลบสายตา เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ปฏิเสธและมีท่าทีเริ่มจะโอนอ่อนผ่อนตาม บอลด์วินจึงรีบเกลี้ยกล่อมต่อ“เราต่างฝ่ายต่างก็เป็นผู้ใหญ่กันแล้ว การหาความสุขใส่ตัวมันไม่ใช่เรื่องผิดหรอก”บุษบันเหลือบตามองชายหนุ่มรูปงามตรงหน้าอีกครั้งแล้วถอนหายใจ เธอไม่ปฏิเสธหรอกว่าพึงพอใจในตัวของบอลด์วินมากเป็นพิเศษ และเขาก็พูดถูกเธอโตแล้ว จะเป็นอะไรไปเล่าถ้าช่วงเวลาหนึ่งเธอจะทำอะไรตามใจตัวเองแบบสุดๆ บ้าง“ตกลง”
ตอนที่ 1 ปากไม่ตรงกับใจ
รูปร่างสูง ไหล่กว้าง แผงอกและหน้าท้องเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อชวนให้หลงใหลของเหล่านายแบบหน้าตาหล่อเหลาพวกนี้ไม่ได้ทำให้เธอและเหล่าเดรสเซอร์ทุกคนที่ทำงานแข่งเวลารู้สึกอะไรมากไปกว่ามันคืองาน แรกๆ อาจจะเขินอายตื่นเต้นแต่เดี๋ยวนี้ไม่เลย เห็นนายแบบแก้ผ้าเป็นเรื่องธรรมดาและชินชาไปแล้วสำหรับอาชีพของเธอ ที่ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าให้บรรดานายแบบนางแบบทั้งหลายให้ทันโชว์ในแต่ละรอบในเวลาที่จำกัดเพียงไม่กี่สิบวินาที
และงานอีเว้นเดินแบบชุดฤดูร้อนของห้างชื่อดังวันนี้กำลังจะเสร็จสิ้นลงอย่างสวยงาม และนั่นหมายถึงความสำเร็จของทีมเดรสเซอร์ของพวกเธอด้วย ที่ได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้จ้างว่าทีมเดรสเซอร์กลางๆ อย่างพวกเธอก็สามารถทำงานใหญ่นี้ได้ดีไม่แพ้ทีมเดรสเซอร์อื่น
“อีกสามวันเจอกันนะทุกคน”
บุษบันบอกลาเพื่อนร่วมทีมที่ต่างคนต่างกำลังเก็บของเตรียมจะกลับ และหนึ่งในนั้นก็คืออโรชาหรือพี่ซีหัวหน้าทีมที่หญิงสาวรู้จักมักจี่ดีมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัย
“แล้วเจอกันนะคะพี่ซี”
“เดี๋ยวสิบุษ กลับบ้านพร้อมพี่ไหมไปกินข้าวเย็นที่บ้านด้วย ยายซายด์บ่นอยากเจอเรามาหลายวันแล้ว เอ่อ…ไอ้ซันด้วยนะ”
“จริงเหรอคะที่ซันบ่นอยากเจอบุษ”
บุษบันเอี้ยวตัวกลับมาถามเสียงกลั้วหัวเราะอย่างไม่อยากจะเชื่อ ก็จะให้เชื่อยังไงล่ะในเมื่ออริญชย์พี่ชายคู่แฝดของเพื่อนสนิทอย่างอริสราน่ะชอบขี้หน้าเธอที่ไหน
“จริงสิจ๊ะ ไปเถอะ ไม่มีธุระที่ไหนไม่ใช่เหรอและอีกอย่างเราก็หยุดยาวตั้งสามวันแน่ะ”
อโรชาเกลี้ยกล่อมพลางยกกระเป๋าขึ้นมาสะพาย แล้วเดินมาหาคนที่กำลังทำสีหน้าลังเล ขณะเดียวกันก็โบกมือลาเพื่อนร่วมทีมที่ทยอยกันกลับจนเกือบจะหมด
“ไปด้วยกันไหม” เธอเอ่ยถามสาวร่างผอมเพื่อนร่วมทีมที่กำลังจะกลับ
เธอคนนั้นโคลงศีรษะไปทางขวาพร้อมกับยักไหล่
“ไม่ล่ะจ้ะ ฉันมีนัดเดท”
คำปฏิเสธนั้นทำให้บุษบันเลิกคิ้วมองอย่างไม่อยากประหลาดใจ ไม่ใช่เพราะเพื่อนร่วมทีมคนนี้ไม่สวย แต่เมื่อวันก่อนหล่อนเพิ่งบอกว่าเลิกกับแฟนคนล่าสุดแล้ว
“เดี๋ยวนะ ฉันไม่ได้เข้าใจผิดไปใช่ไหมว่าคนที่เธอจะเดทด้วยในวันนี้คือแฟนใหม่”
“แน่นอน”
เธอตอบพลางหัวเราะคิกคัก แล้วก้มลงมองชุดตัวเอง ก่อนจะถามความเห็นของทั้งอโรชาและบุษบันเพื่อย้ำความมั่นใจของตัวเอง
“ชุดนี้เธอว่ามันโอเคไหมบุษ พี่ซี”
“สวย” อโรชาบอก
“เปะเวอร์” บุษบันย้ำ
“ก็ว่างั้นแหละ…ขอบคุณทั้งสองคนนะจ๊ะ ไปละเดี๋ยวสาย”
ว่าแล้วคนสวยเปะเวอร์ก็โบกมือลาทั้งสองคนเล็กน้อยแล้วเดินนวดนาดจากไปอย่างอารมณ์ดี
“แล้วเราล่ะตกลงว่าไง อย่าบอกนะว่ามีนัดเดท”
“นัดดงนัดเดทที่ไหนกันค่ะ แฟนยังหาไม่ได้สักคน”
“งั้นก็เป็นอันว่าตกลง”
อโรชามัดมือชก จากนั้นก็รั้งไหล่บางให้หมุนตัวเดินไปที่รถเสียเลย
“เราต้องแวะซื้ออะไรเพิ่มเติมหรือเปล่าคะ” คนที่เดินไปตามแรงรั้งจนถึงรถเอ่ยถาม
“ไม่ต้องจ้ะ เรื่องนั้นซายด์กับซันเขาอาสาแล้วละ เราสองคนตรงกลับบ้านเลย รถแถวนี้ยิ่งติดๆ ดีไม่ดีกว่าจะถึงบ้านสองคนนั้นตั้งโต๊ะรอเราพอดี”
“ขออย่าให้เป็นอย่างนั้นเลยนะคะ บุษขี้เกียจฟังน้องชายพี่ซีบ่นและแขวะพยายามทำเรื่องไม่เป็นเรื่อง ให้มันเป็นเรื่อง”
บุษบันบ่นหน้าบึ้ง เปิดประตูรถแล้วก้าวขึ้นไปนั่ง ดึงเข็มขัดนิรภัยมารัดให้เรียบร้อย
อโรชาหันมามองเสี้ยวหน้ารูปไข่และมีแก้มนิดๆ ของเพื่อนสนิทน้องสาวและเธอเองก็รักและเอ็นดูเด็กสาวคนนี้เหมือนน้องสาวคนหนึ่งด้วยเหมือนกัน แล้วยิ้มพลางหัวเราะในลำคอ
“ไม่หรอกน่าเดี๋ยวนี้ซันน่ารักขึ้นเยอะ บุษที่ไม่ค่อยได้เจอเขาเห็นแล้วจะแปลกใจ”
“หวังว่านะคะ”
บุษบันหันมาบอกยิ้มๆ ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้มากมายนัก คิดแค่ว่าอริญชย์ก็ยังคงเป็นอริญชย์อยู่วันยังค่ำ ถึงจะหน้าตาดีแต่ปากเสียสุดๆ
‘เปลี่ยนตรงไหน’ บุษบันสบถในใจขณะฟังอริญชย์บ่นและแขวะเธอตลอด ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วไม่มีใครผิด ถ้าจะโทษก็โน่นเลยจราจรที่ติดขัดยิ่งแถวห้างดังไม่ต้องห่วง รถก็เยอะคนก็แยะ
“ทำไมไม่มาถึงตอนเก็บโต๊ะไปเลยล่ะ”
อริญชย์จบประโยคหลังจากร่ายยาว พลางปรายตาไปที่บุษบันที่ดึงเก้าอี้ออกแล้วทรุดตัวลงนั่งข้างๆ น้องสาวคู่แฝดของตน
“ฉันคิดว่าฉันคิดผิดนะที่มากินข้าวที่บ้านแกในวันนี้”
บุษบันพูดกับเพื่อนที่นั่งข้างๆ แต่สายตานั้นจ้องหนุ่มหล่อ ขาว ตี๋ ตรงหน้าที่อโรชาบอกว่าเขาน่ารักกว่าแต่ก่อนเยอะอย่างไม่วางตา ‘น่ารักตายละ’ เธอสบถในใจพลางเบ้ปาก
“เธอกำลังด่าฉันในใจ ใช่ไหมบุษบัน”
“อ๋อ เหรอ เพิ่งรู้ว่าคนอย่างนายอริญชย์เปลี่ยนอาชีพจากวิศวกรมาเป็นร่างทรงอ่านใจคนเสียแล้ว”
พูดจบบุษบันก็ยิงฟันใส่อีกฝ่าย ที่นั่งขบกรามแน่นและอ้าปากกำลังจะโต้กลับ
ทว่าบุษบันกลับรีบยกมือขึ้นเป็นการห้าม แล้วพูดต่อไปว่า
“หยุดอยู่แค่นั้นถ้าคำที่จะหลุดออกจากปากของนายมันคือการกัดแขวะ…ฉันจะบอกว่ามันน่าเบื่อมากๆ”
“น่าเบื่อ…”
เขาครางถามเหมือนคาดไม่ถึง และบุษบันก็พยักหน้ารับ
“ใช่! ฉันโดนนายต่อว่าตลอดว่าทุกครั้งที่มาช้าเพราะฉันมัวแต่ไปอ่อยนายแบบ ทำให้ต้องมานัดเลท”
“ฉันไม่เคยพูด และเอ่อ…”
“ไม่เคยพูดตรงๆ แต่ในคำพูดนั้นมันจะแปลความหมายเป็นอย่างอื่นได้ไหมล่ะ นายรู้ไหมที่ฉันไม่มาที่นี่ไม่ใช่ไม่อยากมา แต่มาแล้วต้องเจอนายฉันยอมไม่มาดีกว่า เพราะฉันเบื่อที่ต้องมาเถียงกับนายด้วยเรื่องเดิมๆ” ระบายจบร่างสูงโปร่งก็ทำท่าจะลุกหนี แต่มือของคนที่นั่งฟังทั้งสองคนคุย ไม่ใช่สิน่าจะใช้คำว่าเถียงกันมากกว่าถึงจะใกล้เคียงกับสถานการณ์ในตอนนี้ รั้งแขนเพื่อนรักเอาไว้ก่อน
“ใจเย็นสิแก”
“ฉันไม่ได้ไปไหน ขอไปสงบสติอารมณ์นิดหนึ่ง พี่ซีมาแล้วไปเรียกด้วยละกัน” อริสราพยักหน้ารับรู้ก่อนจะดึงมือกลับ
เมื่อร่างสูงโปร่งเพรียวระหงเรียกได้ว่าเพื่อนคนนี้ของเธอสามารถเป็นนางแบบได้สบายๆ เดินพ้นออกไป เธอก็หันมามองพี่ชายคู่แฝดพลางถอนหายใจ
“นายเป็นเด็กประถมหรือไง”
“จะบ้าเหรอ ฉันจบมหาลัยทำงานแล้วแกก็รู้ จะมาว่าฉันเป็นเด็กประถมได้ไง” อริญชย์ทำหน้าเหลอหลาเถียงแฝดผู้น้องคอเป็นเอ็น
“อย่ามาแกล้งโง่” อริสราด่า
“ใช่อย่าแกล้งโง่ให้มากนัก” และมีอีกเสียงด่าย้ำจากพี่สาวคนโตที่ ตอนนี้ได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว
และนี้เป็นนิสัยที่ทุกคนในบ้านรู้ดี คือกลับจากทำงานมาถึงบ้านสิ่งแรกที่เธอต้องทำคืออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน ไม่อย่างนั้นเธอจะหงุดหงิดแม้กระทั่งการรับประทานอาหาร
“ผมไม่ได้โง่ พี่ก็รู้ว่าผมจบด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง” คนไม่โง่อวดอ้าง
สองสาวมองหน้ากันแล้วเบ้ปากอย่างสมเพชเวทนา
“พี่ว่าเอาเกียรตินิยมไปคืนมหาลัยดีกว่าไหม”
“เห็นด้วย”
น้องสาวรีบเสริมพี่สาว ทำเอาหนึ่งหนุ่มเริ่มจะรำคาญละที่ถูกพี่น้องรุมด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่รู้ จู่ๆ ทั้งสองคนก็หาว่าเขาเป็นเด็กประถมบ้างละ โง่บ้างละ
“ถามจริงเถอะเป็นอะไรกัน จู่ๆ ก็มาด่ากันเนี่ย”
“แล้วแกล่ะเป็นอะไร ถึงได้ไปตอแยพูดจิกกัดยายบุษเขาตลอด ทั้งที่แกก็รู้ว่าเรื่องที่แกพูดมันไม่ใช่เรื่องจริง” อโรชาย้อนถามน้องชายกลับคืนไปบ้าง
“ตอนเรียนก็เหมือนกันค่ะพี่ซี”
ได้ที่อริสรารีบเสริมทัพ อีกอย่างนี้เป็นครั้งแรกที่เธอกับพี่สาวจะได้คุยเรื่องนี้กับคู่แฝดแบบจริงจังเสียที หลังจากดูห่างๆ อย่างห่วงๆ และมีปรามบ้างพูดคุยกันบ้างแต่นั้นก็เล็กน้อยเท่านั้น
“คือผม…ผม…ผมว่าไปตามบุษมากินข้าวดีกว่าไหม เขาบอกว่าถ้าพี่มาแล้วให้ไปตาม” อริญชย์พยายามเบี่ยงเบนความสนใจของสองสาวไปที่เรื่องอื่น แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล ทั้งสองรู้ทัน
“ก็ดี ซายด์ไปตามบุษมาแล้วเราจะคุยกันแบบเปิดอกเสียทีว่าน้องชายงี่เง่าคนนี้มันชอบแกล้งคนที่ชอบเหมือนเด็กประถม”
“ค่ะพี่” อริสรารับลูกลุกขึ้นทันที
ทำเอาอริญยช์ที่เพิ่งหายจากอาการที่เรียกว่า ‘อึ้ง’ ไปชั่วอึดใจ เพราะไม่คิดว่าคนในบ้านจะไม่รู้จะอ่านเขาไม่ออก รีบกระโดดไปรั้งคู่แฝดเอาไว้
“เดี๋ยวๆ สิ”
“อะไร ปล่อยสิน่ารำคาญ”
น้องคู่แฝดทำท่าสะบัดตัวฮึดฮัดๆ ออกจากการเหนี่ยวรั้งด้วยความขัดใจ
“สัญญาก่อนว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับบุษ”
อริสราถอนหายใจพลางปลดมือคู่แฝดออกจากแขน “ถามจริงๆ เถอะจะทำอย่างนี้อีกนานไหม เลิกเถอะ ก่อนที่ยายบุษจะเกลียดนายเข้ากระดูกดำ”
“หรือจะรอให้ใครมาแย่งไปก่อน เมื่อถึงตอนนั้นจะบอกไว้เลยนะว่าใครก็ช่วยแกไม่ได้” อโรชาเตือนน้องชาย
คนทำงานด้วยกันตลอดทำไมจะไม่รู้ว่าบุษบันเป็นที่หมายตาของหนุ่มๆ มากขนาดไหน แม้แต่นายแบบก็ยังเคยขายขนมจีบหญิงสาวบ่อยครั้ง แต่มันยังคงไม่มีคนที่เข้าตาและตรงใจทำให้สาวสวยอย่างบุษบันเป็นโสดมาจนถึงทุกวัน
“ผมไม่คิดว่าทุกคนจะดูออก”
“มีแต่เจ้าตัวเท่านั้นละมั้งที่ดูไม่ออก ถึงปากจะจิกจะกัดยังไง แต่สายตาที่แกใช้มองบุษทุกครั้งมันกลับตรงกันข้าม”
“และนายควรเลิกมันซะ มันไม่ผลดีกับตัวเอง มีแต่จะทำให้ทุกอย่างเลวร้ายลงกว่าเดิม” อริสราออกโรงเตือนอีกครั้ง
อริญชย์มองหน้าคู่แฝดกับพี่สาวสลับกันไปมา ก่อนจะเดินกลับมาทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิมด้วยสีหน้าที่คิดไม่ตก “แล้วผมควรทำไงล่ะครับสาวๆ”
“เอาแบบจริงจังเลยนะ แกควรเดินหน้าจีบยายบุษซะ” คู่แฝดแนะนำ
“พี่เห็นด้วยกับซายด์ และเริ่มจากตอนนี้เลย ไปตามบุษมากินข้าว”
“ผมเนี่ยนะ” ชายหนุ่มชี้มาที่ตัวเอง
“ใช่ ถ้าจะเริ่มมันก็เริ่มจากวันนี้และตอนนี้แหละ ไปลุก”
อโรชาผลักเข้าที่ไหล่กว้างของน้องชายแรงๆ ไปทีหนึ่งแล้วดึงเก้าอี้ประจำตำแหน่งออกมานั่ง
“แต่ผมไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดีนี่”
“แค่ขอโทษและบอกเขาให้มากินข้าวแค่นี้มันก็เป็นการเริ่มต้นที่ดีแล้วนะพี่ว่า”
อโรชาบอกพลางตักข้าวในโถใส่จานน้องชายและของตัวเอง จากนั้นก็เลื่อนมันไปให้น้องสาว
“ผมจะลองดู”
“ดีมาก!”
สองพี่น้องตะโกนตามหลังร่างสูงที่เดินไวๆ ออกไปตามบุษบันมากินข้าว แล้วหันมายิ้มและแตะมือกันอย่างชอบใจ ก็จะไม่ให้ชอบใจได้ยังไงก็ในเมื่อทั้งสองอยากได้บุษบันมาเป็นคนในครอบครัวจะตายไป ตอนนี้ความหวังใกล้เข้ามาอีกก้าวแล้วละ