บทย่อ
อนามิกา หญิงสาวที่ถูกเลิกจ้างงานต้องการแค่ไปเที่ยวพักผ่อนที่ลาสเวกัสตามคำชักชวนของเพื่อนรักไม่นานก็จะกลับ แต่ก็ดันเกิดเรื่องไม่คาดฝันทำให้เธอจำเป็นต้องทำงานที่นั่นต่อ แล้วจะทำอย่างไรเมื่อเธออยากอยู่และทำงานที่ลาสเวกัสแบบถูกกฏหมายกรีนการ์ดคือสิ่งที่เธอต้องการ และวิธีที่จะได้มันมาเธอกับเพื่อนคิดไม่ออกนอกจากการจ้างใครสักคนมาจดทะเบียนสมรสและผู้ชายที่ อนามิกา หาได้คือผู้ชายมอซอ หิวโซ ไม่มีกระทั่งเงินซื้อขนมปังกินเพราะเสียพนันจนหมดตัวแต่...ใครจะรู้ละว่าผู้ชายมอซอ หิวโซคนนั้นคือ เคเลอร์ วิล ดาเวนพอร์ต เจ้าของคาสิโนชื่อดังในลาสเวกัส
ตอนที่ 1 มืดแปดด้าน
ภายในคอนโดมิเนียมระดับกลางในลาสเวกัส ร่างบางบอบของอนามิกา อักษรจัญจ์หรือน้องนาง นั่งเอามือปาดน้ำตาที่รื้นขึ้นไม่ให้ไหล เธอเพิ่งวางสายจากป้าซึ่งเป็นญาติเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ได้พักใหญ่แล้ว คำสารภาพแบบหมดเปลือกของนางยังคงดังก้องอยู่ในโสตประสาทว่า โฉนดที่ดินทั้งหมดซึ่งก็หมายถึงทรัพย์สินทั้งหมดของครอบครัว ถูกเอาไปจำนองไว้กับเสี่ยปล่อยเงินกู้นอกระบบคนหนึ่ง รวมยอดทั้งหมดแล้วเป็นจำนวนเงินสูงถึงสองล้านบาท เงินทุกบาททุกสตางค์ถ้าเอาไปทำอะไรสักอย่างที่มันจำเป็นหรือมีประโยชน์สักนิดเธอจะไม่เสียใจเลย แต่นี่ป้าของเธอเอามันมาผลาญหมดไปกับพนันบอลที่เธอไม่เคยรู้เลยว่า คนเป็นป้าเล่นมานานเท่าไรแล้ว
ป้าของเธอเล่นพนันไม่เคยได้จึงไม่ได้จ่ายต้นจ่ายดอกมาสองเดือนแล้ว ในที่สุดก็อับจนหมดหนทางจึงจำต้องโทร.มาสารภาพพร้อมกับขอความช่วยเหลือ ตอนนี้ภาระอันหนักอึ้งจึงตกมาที่เธออย่างเลี่ยงไม่ได้ แล้วเมื่อตอนนี้เจ้าหนี้ก็เร่งรัดให้ใช้หนี้ เธอจะทำอย่างไรต่อไปดี ถามว่ามีเงินไหมก็มี แต่ก็มีแค่หลักแสน ไม่เพียงพอที่จะใช้หนี้อย่างแน่นอน
อนามิกามาที่ลาสเวกัสก็เพื่อเที่ยวพักผ่อนสมองหลังจากโดนจ้างออกจากงานที่ทำมาหลายปีดีดักด้วยจำนวนเงินก็เยอะพอตัว ตอนแรกคิดว่าจะหางานทำทันที แต่คิดไปคิดมาตั้งแต่เรียนจบเธอก็ทำงานตลอดไม่เคยได้หยุดเที่ยวพักผ่อนที่ไหนยาวๆ เลยสักครั้ง บวกกับอรณีเพื่อนสนิทที่ย้ายถิ่นฐานมาอยู่ลาสเวกัสถาวรกับสามีชาวต่างชาติได้ชวนมาเที่ยว แถมยังใจดีออกค่าตั๋วเครื่องบินให้ครึ่งหนึ่ง เธอจึงไม่คิดจะปฏิเสธ จัดการเดินเรื่องไปเที่ยวตามคำเรียกร้องของเพื่อนรักทันที
หลังจากมาเที่ยวชมเมืองที่ไม่รู้หลับอย่างลาสเวกัสได้ไม่ถึงอาทิตย์ อรณีที่ทำงานเป็นพนักงานร้านอาหารไทยเพื่อฆ่าเวลาจนกว่าจะมีโซ่ทองมาคล้องใจได้ใช้เวลาในช่วงกลางวันและวันหยุดพาเธอเที่ยว ก็มาลองชวนเธอไปทำงานที่ร้านด้วย เพราะคนกำลังขาด เมื่อเธอลองคำนวณรายได้ออกมาเป็นเงินไทยแล้วเยอะกว่าเงินเดือนจากที่ทำงานเก่าบวกกับอยากจะมีประสบการณ์ เธอจึงไปสมัครตามคำชักชวนของเพื่อนรัก และก็ได้ทำงานตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา จวบจนวันนี้ก็เกือบหนึ่งเดือนเข้าไปแล้ว
อีกสองเดือนวีซ่าท่องเที่ยวของเธอก็จะหมดลง แต่ก็ดันมีเรื่องหนี้จำนวนมหาศาลเกิดขึ้น เงินในบัญชีโอนให้คนเป็นป้าก็คงไม่พอ และทางเดียวที่จะมีเงินใช้หนี้จนหมดก็คือเธอต้องทำงานที่นี่ต่อไป แต่มันก็มีปัญหาที่เธอถือวีซ่าท่องเที่ยวซึ่งใกล้จะครบกำหนดกลับในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้แล้ว
“โอ๊ย! กลุ้ม! หัวจะระเบิดอยู่แล้ว”
อนามิกาสบถดังลั่นห้อง ขยี้ผมดำขลับของตัวเองแรงๆ ขณะที่ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงขนาดกลาง พลางกรอกตาไปมาก่อนจะถอนหายใจไล่ความสุขที่มีเพียงน้อยนิดให้มลายหายไปกับอากาศ เธอคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก ทั้งๆ ที่วันนี้เป็นวันหยุดงานแทนที่จะได้พักผ่อนกลับมีเรื่องให้คิดไม่หยุดไม่หย่อน เวรกรรมอะไรของเธอนักหนาเนี่ย
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“น้องนาง” เสียงเคาะประตูหนักๆ พร้อมเสียงเรียกจากอรณีที่เพิ่งกลับมาจากการช็อปปิ้งกับสามีทำให้อนามิกาสะดุ้งหลุดจากภวังค์ความคิด รีบผุดลุกขึ้นเดินไปที่ประตูพลางลูบหน้าตัวเองแรงๆ
“มาแล้วจ้า…กลับมาแล้วหรือ เร็วจัง”
“อื้อ…ไปเร็ว ฉันซื้อเค้กที่แกชอบมาฝาก และที่สำคัญ แกต้องมาช่วยฉันทำอาหารเที่ยงด้วย นี่ฉันอุตส่าห์ซื้อของสดกลับมาทำอาหารไทยที่ห้องเพื่อแกเลยนะ” อรณีเอ่ยก่อนจะเข้าไปลากร่างบางของเพื่อนรักไปที่ห้องครัว ซึ่งสามีผู้เป็นนายแพทย์หน้าตาใจดี บุคลิกอบอุ่นกำลังจัดเค้กช็อกโกแลตมาใส่จาน หลังจากที่เก็บเนื้อและผักสดต่างๆ เข้าตู้เย็นเรียบร้อยแล้ว
“คุณน้องเชิญนั่งครับ ผมกับอรซื้อเค้กที่คุณชอบมาฝาก ร้านนี้อร่อยมาก” คุณหมอแจ๊คหันไปพูดกับเพื่อนภรรยาด้วยรอยยิ้ม ซึ่งอนามิกาก็พยายามฉีกยิ้มให้ดูสดใส
“ขอบคุณค่ะ” เธอนั่งลงตามคำเชิญแล้วตักเค้กใส่ปาก ขณะเคี้ยวก็หันไปยิ้มให้กับเพื่อนรักและสามีอย่างบอกว่ามันอร่อยจริงด้วย จากนั้นอนามิกาไม่รู้ตัวหรอกว่าตักเค้กใส่ปากเพียงแค่คำสองคำก็ตกอยู่ในอาการเหม่อลอย ใช้ส้อมเล็กๆ ในมือจิ้มเค้กในจานจนพรุน ทำให้อรณีกับสามีเริ่มจับสังเกตได้
“ยัยน้อง” อรณีเรียกเพื่อนรักด้วยความเป็นห่วง แต่ไม่มีการตอบรับใดๆ ทั้งสิ้น อนามิกายังจมอยู่กับความคิดของตัวเอง “ยัยน้องนาง!”
อรณีตัดสินใจลุกขึ้นไปเขย่าร่างบางพร้อมกับตะโกนเรียกข้างหู เท่านั้นแหละ คนเหม่อลอยถึงกับสะดุ้งสุดตัว จนเผลอสะบัดส้อมในมือทิ้ง ดีที่อรณีไวพอที่จะหลบทันไม่อย่างนั้นคงโดนทิ่ม
“อะ…อะไรหรือ แกถามอะไรฉันนะยัยอร โทษที ไม่ทันฟัง” บอกพลางยิ้มแหยๆ ก่อนก้มลงไปเก็บส้อมขึ้นมาวางบนโต๊ะ ขนมที่ชอบกินแทบจะไม่อยากกลืนลงท้อง มันตื้อไปหมด อรณีเห็นอาการของเพื่อนรักแล้วต้องถอนหายใจก่อนจะขยับเก้าอี้มานั่งข้างๆ
“แกมีอะไรหรือเปล่า ทำไมใจลอยได้ขนาดนี้”
“ปะ…เปล่านี่ ฉันสบายดี” อนามิกาปฏิเสธเสียงสูง แต่ก็ไม่กล้าสบตาที่หรี่มองอย่างรู้ทันของอรณี
“ฉันไม่เชื่อ ถึงฉันกับแกจะไม่ได้อยู่ด้วยกันมานานหลายปี แต่แกอย่าลืมสิว่า แกกับฉันโตมาด้วยกัน แกเป็นอย่างไรทำไมฉันจะไม่รู้ อาการเหม่อลอย และปากแข็งว่าไม่มีอะไรของแกนี่แหละ มันเหมือนมีกระดาษที่เขียนคำว่าฉันกำลังมีปัญหาแปะอยู่ที่หน้าผาก บอกมา แกมีปัญหาอะไร”
อนามิกากลืนน้ำลายลงคอมองหน้าเพื่อนที่กำลังเลิกคิ้วรอคอยคำตอบอย่างใจจดจ่อ ก่อนจะหันไปมองคุณหมอแจ๊คที่นั่งส่งยิ้มอบอุ่นมาให้พร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อยเป็นการบอกว่าให้เธอเล่าปัญหาของตัวเองออกมาเถอะ ในเมื่อคนทั้งสองอยากรู้ เพราะเป็นห่วง เธอก็จะเล่า อย่างน้อยก็อาจจะมีไอเดียดีๆ ในการแก้ปัญหาบ้างก็ได้
“ป้าฉันโทรมาสารภาพว่า ท่านแอบเอาโฉนดที่ดินทั้งหมดไปจำนองกับเสี่ยเกษมเพื่อเอาเงินไปเล่นพนันบอลจนหมด และตอนนี้เขามาทวงหนี้ เพราะป้าฉันไม่ส่งต้นส่งดอกเขามาสองเดือนแล้ว ถ้าไม่ส่งเดือนนี้อีกมีหวังที่ดินหลุดลอยไม่มีแม้ที่ซุกหัวนอนแน่ๆ”
อรณีที่รู้จักครอบครัวของอนามิกาดี ฟังแล้วถึงกับอ้าปากค้างกะพริบตาปริบๆ อย่างตกใจ และไม่อยากจะเชื่อว่าป้าผู้แสนดีของเพื่อนรักจะเล่นพนันบอล
“ฉะ…ฉันช็อคนะแก เล่นเอาพูดไม่ออก ไม่อยากจะเชื่อแต่ก็ต้องเชื่อ แล้วป้าแกเอาเงินเขามาเท่าไรล่ะ”
อรณีถามพร้อมกับภาวนาว่าอย่าให้เป็นอย่างที่เธอคิดเลย แม้ครอบครัวของอนามิกาจะไม่ได้ร่ำรวยมาก แต่ก็พอมีที่ดินอยู่บ้างสองสามที่ ถ้าเอาโฉนดที่ดินทั้งหมดไปจำนองหมดนั่นมันก็คงได้เงินค่อนข้างเยอะอยู่ แต่ดูเหมือนคำภาวนาของเธอจะไม่ได้ผล เมื่อเห็นอนามิกาเม้มริมฝีปากเอาไว้แน่นพร้อมก้มหน้าบอกยอดเงินเสียงแผ่ว
“สองล้าน”
บรรยากาศในห้องครัวเงียบสงัดชนิดที่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงหายใจของกันและกัน สองสามีภรรยาหันมามองหน้ากันก่อนจะหันไปมองอนามิกาอย่างเห็นใจ และสุดท้ายก็เป็นอรณีเอ่ยทำลายความเงียบ
“แล้วแกคิดจะทำอย่างไรล่ะ เงินไม่ใช่น้อยๆ เลยนะ นี่ป้ารักแกเล่นหนักขนาดนี้เลยหรือเนี่ย”
“คงเล่นหวังจะเอาคืนแหละ แต่ยิ่งเล่นก็ยิ่งเสียยิ่งจม สุดท้ายเงินจำนวนมหาศาลก็สูญ ฉันคิดว่าก่อนอื่นคงต้องโอนเงินในบัญชีไปให้แกไปใช้ในส่วนที่ค้างเอาไว้เสียก่อน จากนั้นฉันคงต้องทำงานทยอยส่งกลับไปใช้หนี้ ฉันอยากจะอยู่ทำงานที่นี่ต่อ ถ้ากลับเมืองไทยตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะหางานได้หรือเปล่า และไม่รู้ว่าได้เงินเดือนมากพอที่จะแบ่งมาใช้หนี้ไหม”
อนามิกาบอกอย่างกลุ้มใจ ไม่รู้จะจัดการอย่างไรดีกับชีวิตที่ต้องเปลี่ยนแปลงชั่วพริบตา จากที่แค่จะมาเที่ยว และลองทำงานเล่นๆ ฆ่าเวลากลับกลายเป็นต้องจริงจังกับมันขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“แกก็ทำไปสิ เจ้าของร้านเขาก็ไม่ได้ว่า เขายังไม่รู้นี่ว่าแกจะอยู่ที่นี่แค่สามเดือน” อรณีพูดเองก็อึ้งเอง ก่อนจะหันขวับไปมองเพื่อนรักที่มองมาแล้วพยักหน้าอย่างต้องการบอกว่านั่นแหละคือปัญหา
“ฉันลืมนึกไปว่าแกถือวีซ่าท่องเที่ยว กำหนดอยู่ที่นี่ได้แค่สามเดือน เอาอย่างไรดีคุณหมอช่วยคิดหน่อยสิ จะบินกลับเมืองไทยแล้วขอเข้าอเมริกาอีกที ฉันว่ายุ่งยาก เปลืองค่าเครื่องด้วย” อรณีบ่นพึมพำพลางใช้มือลูบคางอย่างใช้ความคิดอยู่นาน จนคุณหมอแจ๊คที่นั่งเงียบมาตลอดแสดงความคิดเห็นบ้าง
“ถ้าคุณน้องอยากอยู่ที่นี่นานๆ และถูกกฎหมายนะ มีทางเดียวคือจดทะเบียนสมรสกับคนที่นี่ แน่นอนต้องเป็นคนอเมริกัน พอได้กรีนการ์ดก็สบายแล้ว คุณมีทางออกที่ดีกว่านี้ไหม” คุณหมอแจ๊คหันไปถามภรรยาสาวที่อ้าปากค้าง
‘ใช่! มันยังมีวิธีนี้อีกวิธีหนึ่งนี่นา แม้มันจะไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องนักก็ตาม แต่ตอนนี้ไม่มีทางเลือกแล้ว’
“อย่างที่คุณหมอบอกนะแก รู้สึกว่า วิธีนี้เขาจะนิยมทำกัน มีทั้งที่จดทะเบียนสมรสจริงๆ และจ้างจด แล้วแกมาอยู่ที่นี่ถูกใจหนุ่มอเมริกันบ้างเปล่า ถ้าเกิดมีและคิดจริงจังก็จับเขาจดทะเบียนสมรสไปเลย”
“พูดง่ายนะ แกอยู่กับฉันเกือบจะตลอดเวลาแล้วเห็นฝรั่งหน้าไหนมาสนใจฉันไหมล่ะ”
“นั่นเพราะแกไม่สนใจมากกว่า อย่างจอห์นอย่างไรล่ะ มองตามแกตาละห้อย” อรณีหมายถึงเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งที่แสดงออกว่าสนใจเพื่อนรักของเธออย่างออกนอกหน้า แต่ทว่าสาวเจ้ากลับไม่เล่นด้วย หนุ่มฝรั่งนามว่าจอห์นเลยได้แค่มองตามอนามิกาตาละห้อย ไม่กล้าจะแหยม เพราะเคยโดนหญิงสาวตบหน้าหันมาแล้ว หลังจากที่บังอาจมือไวลามปามถึงเนื้อถึงตัว
“ฮึ! ไอ้ผู้ชายขี้หลี ปากว่ามือถึงพรรค์นั้นน่ะหรือ ฝันไปเถอะว่า จะได้เห็นขาอ่อนฉัน” หญิงสาวสะบัดหน้าพรืด เมื่อคิดถึงตอนที่ฝรั่งหน้าจืดอย่างจอห์นเข้ามาบอกว่าชอบ และพยายามบังคับจูบเธอแล้วอารมณ์มันพุ่งปรี๊ดทุกที ไม่เข้าใจผู้ชายพวกนี้จริงๆ ทำไมถึงกล้าทำอะไรอย่างนี้ คิดว่าผู้หญิงง่ายทุกคนหรืออย่างไรกัน
“แต่นอกจากจอห์นแล้วก็มีลูกค้าที่ร้านหลายรายไม่ใช่หรือที่ให้ทิปแกพร้อมนามบัตรน่ะ” อรณีพูดอย่างที่รู้ และเห็นบ่อยครั้ง แต่อนามิกาก็หาเหตุผลมาแย้งอีกจนได้
“เชื่อสิ มีแต่พวกจอมเจ้าชู้ หนีเมียมาหลีสาว หรือไม่ก็พวกหัวงูทั้งนั้นแหละแก” เอ่ยจบอนามิกาก็หันมามองหน้าเพื่อนสนิท แล้วสองสาวก็ถอนหายใจออกมาพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ในเมื่อเป็นอย่างนี้ก็เหลืออีกทางเลือกหนึ่ง ที่ไม่รู้จะเวิร์คหรือเปล่า
“ถ้าอย่างนั้น แกก็ต้องจ้างผู้ชายอเมริกันสักคนมาจดทะเบียนสมรสด้วยแล้วล่ะ”
รถเฟอร์รารี่สีดำที่มีคนนำมาจอดไว้เมื่อหลายวันก่อนถูกขับออกจากสนามบินเมืองลาสเวกัสที่ถูกเรียกขานว่าเมืองแห่งบาปสู่คอนโดฯ หรูที่เจ้าของรถหรูอย่างเคเลอร์ วิล ดาเวนพอร์ต หนุ่มนักธุรกิจชื่อดังของนิวยอร์กเลือกมาพักร้อนยาวพร้อมกับมาดูธุรกิจคาสิโนที่เขาได้รับรายงานจากผู้ดูแลว่า กำลังประสบปัญหาเรื่องมีลูกค้าขาจรมาเล่นสกปรกในบ่อนของเขา
ตระกูลดาเวนพอร์ตหันมาจับธุรกิจด้านมืดนี้เมื่อหลายปีก่อนโดยการซื้อกิจการคาสิโนซึ่งใกล้ปิดกิจการมาบริหาร ด้วยเม็ดเงินจำนวนมหาศาล และการบริหารจัดการที่ดีทำให้กิจการฟื้นตัวได้ในเวลาไม่นาน กลายเป็นคาสิโนที่ขึ้นชื่อว่าหรูหราครบวงจรไม่แพ้คาสิโนชื่อดังอื่นๆ ในลาสเวกัส
การเจริญเติบโตแบบก้าวกระโดดนี้ก็ก่อให้เกิดปัญหาตามมา อย่างที่กำลังประสบอยู่ในขณะนี้ คู่แข่งบางรายส่งคนมาเล่นสกปรกเพื่อทำลายชื่อเสียง และฐานความน่าเชื่อถือของลูกค้าที่มีทั้งขาจรและขาประจำ ทั้งนี้ด้วยเหตุผลทั้งมวลที่พอจะคิดได้คงเป็นเพราะคาสิโนของเขาไปข้ามหน้าข้ามตาคาสิโนที่อื่นๆ จนเป็นเหตุให้เกิดการหมั่นไส้
ปัญหานี้ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นครั้งนี้เป็นครั้งแรก หากแต่ระยะหลังๆ มันเกิดขึ้นค่อนข้างบ่อย แต่ทุกครั้งที่ผ่านมาเขาคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องธรรมดาของการพนัน เมื่อเขาจับตัวคนร้ายได้จึงไม่ได้ลงโทษอย่างเด็ดขาด พวกมันถึงได้ฮึกเหิม กล้าส่งคนมาลองของอยู่เรื่อยๆ เห็นทีคราวนี้คงต้องมีการเชือดไก่ให้ลิงดูเสียแล้วจะได้หลาบจำเสียบ้าง
ร่างสูงใหญ่ ใบหน้าคมสันดูสดชื่นขึ้นหลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุดเดินทางเป็นเสื้อยืดกางเกงยีนเก่าๆ อย่างที่ชอบใส่ ชายหนุ่มเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กบางเฉียบ แต่ราคาแพงระยับมากดรับสายโทร.เข้า ขณะที่อีกมือกำลังสาละวนอยู่กับการเช็ดเรือนผมสีน้ำตาลที่เพิ่งสระเสร็จใหม่ๆ
“ว่าอย่างไรวะ โทร.จิกอย่างกับเป็นเมีย” เคเลอร์แซวลูคัส เทมเพสต์ที่เป็นทั้งหุ้นส่วนและเพื่อนรัก ทั้งยังรับหน้าที่ทำงานแทนเขาในช่วงพักร้อนยาวร่วมกับเอลีเนอร์น้องสาวต่างมารดาของเขา ทำให้ต้นสายรีบสวนมาด้วยน้ำเสียงติดรำคาญ
“นี่ถ้าน้องสาวแกไม่มาแง้วๆ ให้โทร.หาแกนะ จ้างให้ฉันก็ไม่โทร.ให้เปลืองเวลาเปลืองค่าโทรศัพท์…” ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะพูดจบประโยค โทรศัพท์ก็ถูกเปลี่ยนมือไปอยู่ในมือของคนที่เขาบอกว่ามาแง้วๆ
“พี่เคถึงที่พักแล้วหรือคะ” เอลีเนอร์ถามเสียงหวานติดจะอ้อนนิดๆ อย่างที่ชอบทำเวลาจะขออะไรจากคนในครอบครัวไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่หรือพี่ชาย ดังนั้นมันจึงทำให้ปลายสายตอบกลับพลางยิ้มใส่โทรศัพท์อย่างรู้ทัน
“เพิ่งมาถึงได้สักพัก แล้วให้ลูคัสโทร.หาพี่มีอะไรหรือเปล่า” สิ้นเสียงถามจากผู้เป็นพี่ชายเอลีเนอร์ก็พูดเรื่อยเปื่อยจนสุดท้ายก็วกเข้ามาที่จุดประสงค์จริงๆ
“เอลีนขอเบอร์มือถือเบอร์นี้กับที่อยู่ที่ลาสเวกัสหน่อยสิ เผื่อเอลีนทนคิดถึงพี่ไม่ไหวจะได้โทร.หา หรือไม่ก็ไปหาถึงที่เลย”
“ไม่!”เคเลอร์ตอบแบบไม่ต้องคิดให้เสียเวลา ถ้าใครได้ยินคงคิดว่าแค่เบอร์โทรศัพท์ก็หวงน้อง แต่ที่จริงไม่ใช่เลย เขามีโทรศัพท์สองเครื่อง เครื่องแรกเขาไว้ใช้ทั่วไปเรียกได้ว่าแจกทุกคนที่รู้จัก และจะปิดเครื่องทันทีที่ได้เวลาพักร้อนยาว ส่วนอีกเครื่องเขาใช้ติดต่อเฉพาะกับคนในครอบครัวหรือคนสนิท และคนเหล่านั้นก็คือพ่อ แม่ และลูคัสเท่านั้น
แต่เอลีเนอร์เป็นกรณียกเว้น ถึงจะเป็นน้องสาว แต่เขาไม่คิดจะให้เบอร์โทรศัพท์เครื่องนี้ ทั้งนี้ก็เพราะถ้าให้ไปแล้วมันจะรู้ไปถึงเพื่อนของน้องสาวอย่าง ‘ซาร่า’ นางแบบสาวที่กำลังมีชื่อเสียงโด่งดัง ช่วงระยะเวลาหนึ่งเขาและเธอเคยคบกัน แต่ผ่านไปไม่กี่เดือนก็ต้องเลิกรากันไป เพราะไปกันไม่ได้ในหลายๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความคิด การใช้ชีวิต และอีกหลายๆ อย่างที่แม้จะพยายามปรับจูนแล้วก็ดูประโยชน์
ทั้งนี้คงเป็นเพราะเขาปรับอยู่ฝ่ายเดียวเลยไม่ได้ผล อีกทั้งการคบในครั้งนั้น เขาเองก็ไม่ได้รู้สึกพิศวาสในตัวซาร่ามากมาย แต่ติดที่ว่าเอลีเนอร์ขอร้อง และคะยั้นคะยออยากให้พี่ชายกับเพื่อนรักที่หลงรักพี่ชายของตัวเองลงเอยกัน เขาก็เลยยอมใจอ่อนลองคบๆ ไป สุดท้ายก็ไม่รอด
ทว่าการเลิกราครั้งนั้น ซาร่ากลับไม่ยอมรับ และไม่ยอมเลิกรา นางแบบสาวยังคอยตามเกาะแกะ และเที่ยวบอกคนอื่นรวมไปถึงนักข่าวไปทั่วว่า ยังเป็นแฟนกับเขาอยู่ เขาซึ่งเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นคนรู้จัก และเป็นเพื่อนรักของน้องสาวจึงนิ่งเฉยไม่ตอบโต้ให้เสียหน้า แต่เมื่อเป็นอย่างนั้นไม่ว่าจะเป็นความสงบสุขหรือความเป็นส่วนตัวก็อย่าหวังว่าจะมี หากนางแบบสาวรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน ดีไม่ดีพรุ่งนี้อาจจะโผล่มาเคาะประตูหน้าห้องก็เป็นได้
“พี่เค เอลีนเป็นน้องสาวพี่นะคะ และเอลีนพยายามขอเบอร์มือถือเบอร์นี้ทั้งกับพี่ และคุณพ่อคุณแม่มานานมาก แต่ไม่มีใครยอมให้เอลีนเลยสักคน แต่กับลูคัสที่เป็นแค่เพื่อนพี่กลับให้เขาเฉยเลย”
“เราน่าจะรู้ดีว่าเพราะอะไร เอาเป็นว่า ถ้าอยากติดต่อพี่ให้บอกลูคัสแล้วกัน”
“ถ้าอย่างนั้นที่อยู่ก็ได้” เธอยังไม่เลิกตื๊อ
“ไม่ พี่ต้องการความเป็นส่วนตัว แค่นี้นะ ขอพี่คุยกับลูคัสหน่อย”
“แต่พี่คะ”
“เอลีเนอร์ ปุษยา”
เอลีเนอร์รู้ดีว่าถ้าพี่ชายเรียกชื่อตัวเองอย่างนี้แสดงว่าอีกฝ่ายเริ่มที่จะไม่พอใจแล้ว ดังนั้นเธอจึงคืนโทรศัพท์ให้กับเจ้าของ แล้วเดินออกจากห้องไปด้วยสีหน้าบึ้งตึง
“ว่าอย่างไร” ลูคัสทักขึ้น
“ก็เรื่องเดิม แกห้ามใจอ่อนให้เบอร์โทร. และที่อยู่ฉันกับยัยเอลีนเด็ดขาด เข้าใจไหม”
“รู้น่า เรื่องคาสิโนแกคิดว่าจะทำอย่างไร” ลูคัสเปลี่ยนโหมดหันมาคุยเป็นงานเป็นการ
“ช่วงแรกคิดว่าคงต้องแฝงตัวเข้าไปเป็นลูกค้าดูลาดเลาก่อน กันพลาด พอรู้ตัวว่า มันเป็นใครค่อยจัดการถอนรากถอนโคนทีเดียว” เคเลอร์บอกเสียงเหี้ยม นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มแข็งกร้าวขึ้นทันที
“ที่จริงแกให้ลูกน้องจัดการก็ได้นี่หว่า ระดับแกคอยสั่งการและดูอยู่ห่างๆ จะไม่ดีกว่าเหรอ”
“ไม่ล่ะ เรื่องนี้ดูเหมือนมันจะยืดเยื้อมานานเกินไปแล้ว ฉันอยากจัดการให้มันจบๆ ซะที และอีกอย่างแกก็น่าจะรู้ดีนี่ว่าอย่างฉันน่ะชอบลงไปสัมผัสและรับรู้ปัญหาด้วยตัวเองมากกว่าจะนั่งชี้นิ้วสั่ง คิดซะว่าหาอะไรทำแก้เซ็ง นอกจากนั้นฉันจะทำให้ไอ้พวกที่มันมาก่อความรำคาญให้กับฉัน มันจะเป็นอย่างไง” บอกพลางแสยะยิ้ม
“โอเค ตามใจล่ะกัน ถ้าต้องการความช่วยเหลือ อย่าลืมรีบโทร.มาบอก แล้วก็ระวังตัวด้วยล่ะ”
“เรื่องที่คาสิโนมีปัญหา แม่บุษกับยัยเอลีนต้องไม่รู้นะ เพราะแกก็รู้ดีใช่ไหมว่า สองคนนี้ไม่เห็นด้วยกับการทำธุรกิจด้านนี้” เคเลอร์ย้ำเรื่องที่เขาเป็นห่วงที่สุด เพราะถ้าขืนแม่กับน้องสาวรู้ปัญหา มีหวังโดนสั่งให้วางมือแน่ๆ และถ้าแม่บุษได้เอ่ยปากขึ้นมา แม้แต่พ่อของเขาที่ว่าแน่ก็ไม่กล้าขัด
“รู้น่า แค่นี้นะมีงานมีการต้องทำ ไม่ได้ว่างขนาดไปเข้าคาสิโนได้เหมือนใครบางคน”
“ขอบใจ ทำงานให้ดีล่ะ เดี๋ยวจะหาสาวๆ ที่ลาสเวกัสไปฝากสักคน แค่นี้แหละ ฉันไปหาอะไรกินก่อน” วางสายเสร็จ ชายหนุ่มก็โยนผ้าเช็ดตัวลงตะกร้าอย่างแม่นยำ ใช้มือปัดผมให้เข้าทรงลวกๆ จากนั้นจึงเดินไปหยิบกระเป๋าเงินกับโทรศัพท์มือถือก่อนจะเดินผิวปากออกจากห้องลงไปหาอะไรใส่ท้องประทังความหิวที่ซุปเปอร์มาเก็ตใกล้ๆ และซื้ออาหารตุนติดห้องไว้ ตู้เย็นจะได้ไม่โล่งจนเกินไป