บทย่อ
ขัตติยะ...เพราะไม่อยากมีห่วงมาคล้องคอจึงคิดเกม 'แฟนกำมะลอ' ขึ้นมาเพื่อตบตามารดาพีรยา...เพราะรักและหนี้จึงยอมกระโดดลงไปร่วมเกม 'แฟนกำมะลอ' อย่างเลี่ยงไม่ได้“เธอทำอะไร”“อ้าว ก็นายให้ฉันแสดงความรักฉันก็ทำแล้วไง”“นี่แม่คุณ ฉันไม่ใช่ลูกชายหรือน้องชายของเธอนะ จะได้มาแสดงความรักโดยการกอด ลูบหัวลูบหลังอย่างนี้น่ะ”ขัตติยะดันร่างนุ่มนิ่มในอ้อมแขนออก แล้วยืดตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เท้าสะเอวเอียงคอมองหญิงสาวที่นั่งมองเขาตาเขียว ก่อนส่ายหน้า นี่เขาคิดผิดหรือคิดถูกที่มาเลือกยายลิงทโมนอย่างพีรยามาแสดงเป็นแฟนเนี่ย“ยังไงการกอดมันก็ถือได้ว่า เป็นการแสดงความรัก ต่อคนที่รักอีกวิธีหนึ่งละน่า”“แต่สำหรับคนเป็นแฟนกันมันต้องจูบ...เคยไหม จูบน่ะจูบ แล้วก็ต้องจูบตรงนี้ด้วย” ชายหนุ่มชี้ไปที่ริมฝีปากของตัวเอง พร้อมกับทิ้งตัวลงไปนั่งจนชิดกับหญิงสาวอีกครั้ง“ห๊า! จูบปากนายเนี่ยนะ..."
ตอนที่ 1 ตัวค้ำประกัน
“เฮ้ย! อะไรวะ เซ็งๆๆ ทำไมวันนี้มันมีแต่เสียกับเสียวะเนี่ย”
นางมดหรือใครๆ ในบ่อนแห่งนี้ ต่างรู้จักกันดีในนามเจ้มด ตะโกนโหวกเหวกโวยวายเป็นหมีกินผึ้งออกจากวงพนันอย่างหัวเสีย เหตุเพราะเงินกู้ก้อนสุดท้ายที่เพิ่งได้มาหายไปในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ทั้งที่นางตั้งใจจะนำมันมาต่อทุนคืนสักหน่อย แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อวันนี้มือตกมากอย่างไม่น่าให้อภัย
นางมดไม่ได้ทำให้บรรยากาศภายในบ่อนเสีย เพราะอาการเหล่านี้เป็นที่คุ้นตาดีของคนในบ่อนจึงไม่มีใครคิดที่จะสนใจ ใครมีเงินก็เล่นต่อ ส่วนใครหมดตัวก็เดินโวยวายออกไปบ้าง คอตกกลับบ้านไปบ้าง ซึ่งมันก็เป็นเรื่องปกติของเหล่าผีพนัน
“ว่าไงเจ้” ชายร่างใหญ่ยักษ์หน้าตาดุเหี้ยม ที่ทำหน้าที่คุมบ่อนและปล่อยเงินกู้ให้กับเหล่านักพนันถามนางมดอย่างคุ้นเคย
“ฉันอยากได้เงินเพิ่มน่ะ”
“ของเก่ายังไม่จ่ายเลยนะเจ้”
“เออน่า เจ้ขอเอาไปต่อทุนก่อน เดี๋ยวเล่นได้จะมาจ่าย”
“มันไม่ได้หรอก เครดิตของเจ้มันเต็มแล้ว”
บอกเสร็จชายหน้าเหี้ยมก็เดินเลี่ยงออกไปดูความเรียบร้อยในส่วนอื่น แต่นางมดก็ยังไม่ละความพยายาม
“เดี๋ยวสิ ถ้าฉันอยากได้เครดิตเพิ่มต้องทำยังไง”
คนถูกเรียกหันมาเลิกคิ้วมองแล้วนิ่งไปพักใหญ่เหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะเอ่ยปากขึ้นว่า “งั้นตามมา แต่ไม่รับประกันนะว่าจะได้”
นางมดไม่คิดจะถามต่อให้มากความ รีบเดินตามชายหน้าเหี้ยมขึ้นไปชั้นบนสุด ซึ่งเป็นห้องทำงานของเจ้าของที่นี่อย่างอนล ที่จะเข้ามาดูความเรียบร้อยของบ่อนอาทิตย์ละครั้งเท่านั้น
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
เสียงเคาะประตูสามครั้งหนักๆ เป็นสัญญาณระหว่างคนภายใน ทำให้คนที่อยู่ในห้องเอ่ยปากอนุญาตทันทีโดยไม่ต้องถามไถ่ให้มากความ
“เข้ามา”
“ลูกค้าต้องการเครดิตเพิ่มครับ”
มือใหญ่ที่กำลังเปิดเอกสารหยุดชะงัก ใบหน้าเหลี่ยมเงยขึ้นพลางเลิกคิ้วมองนางมดที่ยืนก้มหน้าตัวลีบเล็กอยู่มุมห้อง
“แล้วมึงว่าไงไอ้หาญ มึงน่าจะรู้ดีว่าใครควรได้เพิ่มหรือไม่ได้เพิ่ม”
ไอ้หาญไม่ออกความเห็น แต่มันเดินไปกระซิบอะไรบางอย่างกับผู้เป็นเจ้านาย และนั่นทำให้อนลถึงกับเหยียดยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ นัยน์ตาเรียวเล็กฉายแววความพึงพอใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“ต้องการเท่าไหร่”
“ค่ะ...คะ”
“ฉันถามว่าต้องการเงินเพิ่มอีกเท่าไหร่”
“หะ...ห้าหมื่นค่ะ” พูดจบนางมดก็กลับไปก้มหน้ามองพื้นพรมราคาแพงด้วยใจเต้นระทึกตามเดิม ทั้งตื่นเต้นที่มายืนต่อหน้าเจ้าของบ่อนและตื่นเต้นกับการลุ้นว่าการขอเครดิตเพิ่มของนางในครั้งนี้จะสำเร็จหรือไม่ คิดแล้วมือแห้งเหี่ยวก็ไม่วายที่จะยกขึ้นปาดเหงื่อที่ซึมออกมาท่ามกลางห้องแอร์ที่เย็นฉ่ำ
“ห้าหมื่น เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ให้มันจำง่ายๆ หน่อย ฉันให้เจ้แสนหนึ่ง รวมกับของเก่าก็สามแสนพอดิบพอดี จำง่ายไหม”
คำว่า ‘แสน’ ทำให้ใบหน้าแห้งตอบเพราะการอดตาหลับขับตานอนอยู่กับการเล่นพนันติดต่อกันมานาน เงยขึ้นอย่างตกใจระคนดีใจ ร่างผอมแห้งถึงกับถลาไปยืนตรงหน้าอนลอย่างลืมตัว แล้วถามย้ำว่าที่ตัวเองได้ยินไม่ใช่เรื่องโกหก
“คุณบอกว่าจะให้เงินฉันเพิ่มแสนหนึ่งหรือคะ”
“ใช่!”
“จริงเหรอคะ! โอ๊ย...ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ ที่เมตตาคนแก่ เดี๋ยวฉันจะรีบหามาคืนนะคะ”
นางมดละล่ำละลักบอกพลางยกมือไหว้ชายหนุ่มรุ่นลูกอย่างนอบน้อม ราวกับเขาเป็นเจ้าชีวิตหรือผู้มีพระคุณ
“แต่...เงินจำนวนสามแสนมันไม่ใช่น้อยๆ เลยนะ ฉันว่ามันน่าจะมีอะไรค้ำประกันสักเล็กน้อย ก็ยังดีว่าไหม” อนลเอ่ยพลางยกเท้าขึ้นพาดบนโต๊ะแล้วกระดิกอย่างสบายใจ หากสายตาก็คอยเหลือบมองลูกหนี้อย่างเจ้าเล่ห์
“ค้ำประกัน! ฉะ...ฉันจะเอาอะไรมาค้ำล่ะคะ บ้านก็เช่าเขาอยู่ รถหรือว่าที่ดินก็ไม่มี จะมีก็แต่มอเตอร์ไซค์เก่าๆ ของลูกชายคันเดียวเท่านั้นแหละค่ะ” คนที่เพิ่งดีใจได้ไม่ถึงห้านาทีถึงกับหน้าเสีย เงินจำนวนมากที่เกือบจะมาอยู่ในมืออยู่แล้วกำลังจะหลุดลอยไปเพราะสิ่งค้ำประกันที่ว่านี้
“ไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งของก็ได้”
“คุณหมายความว่า...” นางมดถามอย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่ชายหนุ่มกำลังบอกเป็นนัยๆ
“มีลูกสาวไม่ใช่เหรอ นั่นแหละตัวค้ำประกันชั้นดีเลยล่ะ”
“ตะ...แต่ฉันคิดว่านังต้นข้าวมันคงไม่พอใจและไม่เต็มใจแน่ๆ ถ้ามันรู้ว่าฉันจะเอาตัวมันมาค้ำประกันกับคุณ” ถึงจะอยากได้เงินจำนวนมากนั้นจนตัวสั่น แต่นางมดก็ยังไม่กล้าตกปากรับคำ ไม่ใช่เพราะว่ารักและเอ็นดูลูกนอกไส้ ติดจะไม่ค่อยถูกกันเสียด้วยซ้ำ แต่เป็นเพราะนางรู้จักนิสัยไม่ยอมคนของลูกเลี้ยงดีว่าถ้าหญิงสาวรู้เรื่องนี้เข้า มีหวังต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแน่ๆ
“เต็มใจหรือไม่ มันไม่สำคัญ แต่มันสำคัญตรงที่ว่าถ้าไม่มีสิ่งค้ำประกัน เงินก็ไม่ต้องเอาและหนี้เก่าก็ใช้มาซะ ทุกอย่างจบ” ชายหนุ่มผายมือพลางยักไหล่เหมือนไม่แยแสอะไร แต่ใครจะรู้ว่าสิ่งที่เขาทำอยู่มันกำลังต้อนนางมดให้จนมุม
“ตะ...ตกลงค่ะ ฉันจะเอานังต้นข้าวเป็นตัวค้ำประกัน”
‘หนี้เก่า’ เป็นสิ่งที่นางกลัวจนตัดสินใจนำลูกเลี้ยงมาเป็นตัวค้ำประกันอย่างไม่ลังเล
“ดีมาก ไอ้หาญเอาเงินให้เจ้เขาไปต่อทุนซักแสนซิ”
สิ้นเสียงสั่งชายร่างใหญ่หน้าเหี้ยมนามว่าหาญก็หยิบซองสีน้ำตาล ที่ข้างในบรรจุเงินจำนวนหนึ่งแสนบาทไปยื่นให้กับนางมดแบบรวดเร็วทันใจ
นางมดรับและเปิดดูข้างในแล้วต้องตาโต เงินแบงก์พันเรียงเบียดเสียดกันอยู่ในซองเป็นตับ แค่นี้สำหรับนางก็ถือว่าคุ้มแล้วกับการเอาตัวลูกเลี้ยงมาค้ำประกัน
เมื่อตกลงเงื่อนไขกันต่ออีกเล็กน้อยนางมดก็เดินถือเงินหน้าบานออกจากห้องไป และแน่นอนเงินจำนวนนี้ก็จะถูกนำไปต่อทุนในวงพนันด้านล่างนี้เอง ตอนนี้ภายในห้องทำงานสุดหรูจึงเหลือแค่ไอ้หาญกับผู้เป็นนายที่จะมีการสั่งงานเพิ่มเติม
“วันนี้และพรุ่งนี้ปล่อยให้มันเล่นได้ไปก่อน แต่ในวันมะรืนนี้ให้ทยอยเอาเงินทุกบาททุกสตางค์ของกูคืนมาให้หมด แล้วหลังจากนั้นหนึ่งอาทิตย์ให้พวกมึงไปเรียกเก็บคืนทั้งต้นทั้งดอกทันที โดยไม่มีข้อต่อรองหรือข้อยกเว้นใดๆ ทั้งสิ้น”
“ครับนาย” ไม่ต้องอธิบายซ้ำหลายครั้งให้มากความ ไอ้หาญคนรู้ใจที่ทำงานร่วมกันมานานน้อมตัวรับคำสั่งแล้วเดินออกไปพร้อมปฏิบัติหน้าที่ในทันที ปล่อยให้เจ้านายจอมวางแผนนั่งเหยียดยิ้มอย่างสะใจอยู่ภายในห้องเพียงลำพัง
พีรยาเป็นหญิงสาวรูปร่างเล็กกะทัดรัดแต่สิ่งที่ผู้หญิงควรจะมีกลับไม่เล็กอย่างที่ควรจะเป็น อกเป็นอก เอวเป็นเอว สะโพกเป็นสะโพกบวกกับหน้าตากลมมนเครื่องหน้ากระจุ๋มกระจิ๋มปากนิดจมูกหน่อย นั่นทำให้หญิงสาวสะดุดตาตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็น และที่ยิ่งไปกว่านั้นหญิงสาวเป็นคนเดียวที่กล้าปฏิเสธคำเชิญชวนของเขา แถมยังด่าสาดเสียเทเสียทันทีที่เขาแสดงตัวให้เธอรู้ว่าเป็นใครและยิ่งใหญ่ขนาดไหน คราวนี้แหละเธอไม่รอดมือเขาแน่ อนลคิดอย่างหมายมาด
ณ โรงแรมสุดหรูแห่งหนึ่งใจกลางกรุงเทพฯ ภายในห้องสี่เหลี่ยมกว้างใหญ่ถูกตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์หรูหราสมราคาแสนแพง ร่างใหญ่ที่นอนกอดก่ายร่างบอบบางด้วยสภาพเปลือยเปล่าบนเตียงขนาดคิงไซส์ มีอันต้องสะดุ้งตื่น ดีดตัวลุกขึ้นนั่งแทบจะทันที ที่เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือที่เขาตั้งไว้เป็นพิเศษสำหรับผู้เป็นแม่ดังขึ้น และแน่นอนถ้าเขาไม่รีบรับชะตาอาจขาดโดยไม่รู้ตัว
ทันทีที่กดรับสายคุณนายสมรก็ไม่ได้ให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอย่างขัตติยะได้ตั้งตัวนางสวดยับชนิดที่ชายหนุ่มได้แต่อ้าปากค้างฟังอย่างเดียว และก่อนวางสายนางยังกำชับไว้ว่ากลับให้ถึงบ้านภายในครึ่งชั่วโมง ดังนั้นสิ่งที่ชายหนุ่มพอจะทำได้นั่นก็คือตอบรับว่า ‘ครับ’ แล้วรีบกระโจนลงจากเตียงนอนไปเข้าห้องน้ำอย่างทำเวลา
“จะกลับแล้วเหรอคะ”
“ครับ” ชายหนุ่มตอบโดยไม่คิดจะหันไปมองหญิงสาวที่นั่งตัวเปลือยเปล่าอวดหน้าอกหน้าใจมหึมาของตนอยู่บนเตียงกว้าง เพราะเขายังคงวุ่นอยู่กับการแต่งตัว ที่มีเวลาอยู่จำกัดอย่างเร่งรีบ
“แล้วเก่งจะมาหาลักษณ์อีกเมื่อไหร่ล่ะคะ” ลักษณ์หรือลักษณ์นาราคู่ควงคนล่าสุดของชายหนุ่มเอ่ยเสียงออดอ้อน
“เอาไว้ผมโทรหาอีกทีแล้วกัน...แล้วนี่เอาไปชอปปิงแก้ขัดไปก่อน ไว้วันหลังผมจะพาไปกินข้าวนะครับ” ขัตติยะหยิบเงินจำนวนหนึ่งออกจากกระเป๋าหนังราคาแพง แล้ววางลงบนมือของหญิงสาว ก่อนจะก้มลงจูบปากอวบอิ่มนั้นเป็นการส่งท้าย แล้วรีบหันหลังเดินออกจากห้องไปอย่างเร่งรีบ
“แกมาช้าไปสิบนาที” คุณนายสมรที่นั่งหน้าเชิดรอลูกชายตัวดีตั้งแต่เช้ายันสายเอ่ยทักเสียงเข้ม
“แม่คร๊าบบบ จากนู้นมานี่มันไม่ใช่แค่ร้อยสองร้อยเมตรนะครับ” ขัตติยะโอดครวญพร้อมกับพาร่างสูงของตัวเองเข้าสวมกอดผู้เป็นแม่อย่างออดอ้อน เผื่อมันจะทำให้คนที่นั่งหน้าตึงอยู่บนโซฟาอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง
“ไม่ต้องมาแก้ตัว เมื่อคืนแกหายหัวไปไหนมา บ้านช่องไม่ยอมกลับ เดี๋ยวนี้ชักเอาใหญ่แล้วนะ”
“โธ่แม่ นานๆ ทีนะครับ ไม่ใช่ทุกวันสักหน่อย อย่าบ่นไปเลยน่า และอีกอย่างผมก็ผู้ชายนะครับท้องไม่ได้”
“ก็ใช่ซี้...แกเป็นผู้ชายท้องไม่ได้ แต่อย่าลืมนะว่าแกสามารถทำให้ผู้หญิงท้องได้”
ประโยคนี้ทำให้ขัตติยะถึงกับนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งเหมือนกัน แต่พอคิดว่าตัวเองไม่เคยเผลอไผลและมีความรอบคอบป้องกันทุกครั้ง เรื่องทำนองนี้คงไม่มีทางเกิดขึ้นกับเขาแน่นอน
“ผมไม่เคยพลาด!” เขาบอกย้ำผู้เป็นแม่ด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ก็ดี๊! ฉันจะได้สบายใจ ที่ไม่ต้องรับผู้หญิงใจแตกมาเป็นสะใภ้ รู้ไว้เลยนะตาเก่ง ผู้หญิงที่จะมาเป็นสะใภ้ของบ้านกิตติกร จะต้องเป็นคนนิสัยและจิตใจดี ที่สำคัญต้องรักแก่จากใจใช่ที่ทรัพย์สมบัติที่แกมีอยู่”
“เรื่องนั้นผมทราบดีครับ และผมสัญญาว่าจะไม่ทำให้คุณแม่ผิดหวังแน่นอน”
“ดีมากจ้ะ และก่อนที่แกจะหาผู้หญิงอย่างนั้นเจอ แม่ก็อยากแนะนำให้รู้จักกับลูกสาวของเพื่อนแม่เอาไว้ เผื่อจะเป็นคนที่ใช่...น้องปาล์มเพิ่งกลับมาจากเมืองนอกเป็นผู้หญิงน่ารักนิสัยดี…” และก่อนที่ผู้เป็นแม่จะร่ายคุณสมบัติอันเลิศหรูของน้องปาล์มอะไรนั่นมากไปกว่านี้ ขัตติยะยกมือขึ้นเป็นการห้ามและพูดแทรกขึ้น
“พอก่อนครับคุณแม่ ผมว่านี่คงไม่ใช่การแนะนำให้รู้จักกันธรรมดาหรอกมั้งครับ เหมือนคุณแม่อยากได้เธอมาเป็นลูกสะใภ้” ขัตติยะคาดเดาเสียงอ่อน
“ก็เออน่ะสิ” คุณนายสมรยอมรับหน้าตาย
“นิสัยจะดีและน่ารักจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้” ชายหนุ่มบ่นขึ้นลอยๆ
“น่ารักสิแม่เคยเจอน้องมาแล้วครั้งหนึ่ง”
“ก็แค่ครั้งเดียวแสดงละครตบตาหรือเปล่าก็ไม่รู้”
“แล้วแกจะเอายังไง คนโน้นก็ไม่ดีคนนี้ก็ไม่เอา เอ๊ะ! หรือว่าแกเป็นเกย์ห๊าตาเก่ง” คุณนายสมรมองลูกชายอย่างคาดคั้น
“เฮ้ย! จะบ้ากันไปใหญ่แล้ว ผมผู้ชายทั้งแท่งนะครับแม่” ขัตติยะปฏิเสธหน้าตาตื่น ไม่คิดว่าคนเป็นแม่จะคิดไปไกลขนาดนี้
“ไม่ได้เป็นเกย์ งั้นอย่าบอกน่ะว่าแกมีแฟนแล้ว”
เมื่อได้ยินการคาดเดาต่อมาของคนเป็นแม่ ขัตติยะนิ่งคิดเล็กน้อย ว่านี่เป็นการดีก็ได้ที่แม่เขาคิดอย่างนี้ ก่อนจะรับสมอ้าง “ยอมรับก็ได้ครับ...เป็นอย่างแรกมากกว่า อย่างที่คุณแม่พูดมาแหละครับว่าผมมีแฟนแล้ว และคุณสมบัติของเธอตรงตามที่คุณแม่ต้องการเป๊ะ” คนถูกกล่าวหาว่าเป็นเกย์รีบปฏิเสธหน้าตาตื่นพร้อมกับแก้ข้อกล่าวหา โดยการรีบเออออห่อหมกไปตามการคาดเดาอย่างแรกของผู้เป็นแม่ทันที
“จริงเหรอ! แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก ปล่อยให้แม่แอบเข้าใจผิดๆ”
“กะ...ก็ผมไม่คิดว่าแม่จะหาผู้หญิงให้ผมนี่ครับ กะว่าถ้าพร้อมแต่งเมื่อไหร่จะพามาเซอร์ไพรส์ทีเดียวเลย” พูดจบชายหนุ่มก็หัวเราะกลบเกลื่อน ภาวนาให้ผู้เป็นแม่เชื่อเรื่องโกหกที่เขาแต่งขึ้นแบบสดๆ ร้อนๆ และเลิกคิดเรื่องที่จะจับคู่ให้เขาด้วยเถิด
“แก่นี่มันน่าตีจริงๆ เลย เอาเป็นว่าเรื่องของแกกับหนูปาล์มแม่ตัดใจก็ได้ แต่เรื่องนัดกินข้าวสิ้นเดือนนี้ยังคงต้องมี และวันนั้นแกก็ต้องอยู่” คุณนายสมรกำชับ แม้จะเสียดายลูกสาวของเพื่อนสนิท แต่นางก็ไม่อยากจะเข้าไปบงการชีวิตของลูกชายมากมายนัก แค่รู้ว่ากำลังคบอยู่กับผู้หญิงดีๆ แค่นี้นางก็ดีใจแล้วละ
“คร๊าบบบ แล้วทีนี้ผมขอตัวขึ้นไปพักผ่อนได้หรือยังล่ะครับ”
“ยัง! เพราะแม่เพิ่งคิดอะไรดีๆ อย่างหนึ่งออกแล้วล่ะ คืองี้นะวันที่พวกเรานัดกินข้าวกันที่บ้าน มันก็ตรงกับวันอาทิตย์พอดี แม่ว่าวันนั้นแกน่าจะถือโอกาสเปิดตัวแฟนแกกับแม่และทุกคนไปเลยดีกว่านะ เพราะที่จริงเพื่อนของแม่คนนี้เขาก็หวังจะได้แกไปเป็นเขยเหมือนกัน ถ้ารู้ว่าแกมีแฟนแล้วเขาจะได้ตัดใจยังไงล่ะ นะตกลงตามนี้แล้วกัน”
“ห๊า! พามาเปิดตัว ผะ...ผมว่าไม่ดีมั้งครับ คือเธอต้องทำงานคงจะไม่ว่าง” ขัตติยะอุทานเสียงหลง เริ่มตระหนักแล้วว่าเขากำลังหาเรื่องใส่ตัวเองแล้วไหมล่ะ
“ก็แม่บอกแล้วไงว่าวันนั้นเป็นวันอาทิตย์”
“แต่ว่า...”
“หรือว่าเรื่องทั้งหมดที่เล่ามา มันเป็นเรื่องที่แกแต่งขึ้นเพื่อหลอกแม่เท่านั้นห๊า! แต่ที่จริงแล้วแกเป็นเกย์” คุณนายสมรหันมาหรี่ตามองลูกชาย ที่นั่งอยู่ข้างๆ อย่างจับผิด
“โธ่แม่…ผมมีแฟนแล้วจริงๆ...ก็ได้ๆ ครับ วันนั้นคุณแม่เตรียมตัวพบว่าที่ลูกสะใภ้ผู้เพียบพร้อมได้เลย” ขัตติยะครางออกมาอย่างอ่อนใจ เมื่อคนเป็นแม่พยายามจะยัดข้อหาให้เขาเสียเหลือเกิน
“โล่งอก...แล้วแม่จะรอ ที่จริงแกน่าจะพามาทำความรู้จักกับแม่ก่อนด้วยซ้ำนะ”
“โอ๊ย! ไม่ได้หรอกครับช่วงนี้เธอไม่ว่างเลย เอาเป็นวันนั้นแหละดีแล้วครับ” ขัตติยะรีบบอกปัดเป็นพัลวัน
“ก็ได้ รอมาได้ตั้งนาน รออีกสักนิดจะเป็นไรไป...แล้วนี่แกกินข้าวเช้ามาหรือยังล่ะ”
“ยังเลยครับ แม่โทรเรียกผมก็ตรงเข้าบ้านเลย”
“แม่ก็รอแกอยู่...งั้นก็ขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าซะให้เรียบร้อย แล้วลงมาทานข้าวพร้อมกันนะ...เดี๋ยวแม่จะไปดูในครัวก่อนว่าต้องสั่งทำอะไรเพิ่มอีกหรือเปล่า”
“ครับ” ขัตติยะรับคำพลางเดินถอนหายใจขึ้นห้องด้วยท่าทีอ่อนระโหยโรยแรง เขายังคิดไม่ออกเลยว่าจะไปหาผู้หญิงที่ดีพร้อมทั้งกายและใจได้จากที่ไหน ถ้าญาตาวีผู้หญิงที่เขาเคยรักข้างเดียวมานานหลายปี ยังอยู่ก็ดีสิ จะได้ขอความช่วยเหลือ แต่น่าเสียดายมันเป็นไปไม่ได้ เพราะเธอแต่งงานและได้ย้ายไปอยู่บ้านสามีที่เป็นนักธุรกิจได้หลายปีแล้ว เหลือไว้ก็แต่ยายลิงทโมนเพื่อนรุ่นน้องคนสนิทของหญิงสาวอย่างพีรยาเอาไว้เท่านั้น และดูท่าจะไม่มีประโยชน์และช่วยเหลืออะไรเขาไม่ได้สักนิด
แต่ก็เอาเถอะ กว่าจะถึงวันนั้นก็เหลือเวลาอีกตั้งอาทิตย์กว่าๆ ฟ้าอาจจะเห็นใจดลบันดาลให้เขาเจอผู้หญิงดีๆ แบบที่ผู้เป็นแม่ต้องการสักคนก็ได้ หรือไม่ก็ระหว่างนี้เขาก็อาจจะเฟ้นหาเอาจากผู้หญิงในสังกัดดูว่าใครที่พอจะแสดงบทบาทอันแสนดีนี้ได้แนบเนียนบ้าง