บทย่อ
“ผมจะกลืนกินคุณทั้งตัว” คาร์ลอสที่ถอนจูบออกมาอย่างอ้อยอิ่งบอกพลางจัดการเสื้อผ้าของทั้งตัวเองและหญิงสาวทิ้งกระจายบนพื้นอย่างคนใจร้อน“สวยเหลือเกิน” ชายหนุ่มครางเสียงพร่า จับเรียวแขนเล็กที่หญิงสาวยกขึ้นมาบดบังหน้าอกอวบอิ่มของตัวเองแล้วใช้ปากครอบครองดูดดึงราวกับทารกหิวกระหาย ขณะที่มือทั้งสองข้างก็สัมผัสลูบไล้ไปทั่วร่างบางอย่างถนัดถนี่ไม่ต้องเกรงใจเหมือนอย่างเมื่อคืน“คาร์ล...คะ...” กิ่งแก้วครางเสียงสั่นกระเซ้าบิดเร้าแอ่นอกขึ้นรับสัมผัส ที่ไม่ว่าชายหนุ่มจะแตะต้องลูบคลำส่วนไหนร่างกายของเธอก็เหมือนมันจะร้อนและวาบหวิวไปซะทุกที***วรรณกรรมสำหรับผู้ที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไป***สนใจเวอร์ชันกระดาษ เชิญทางนี้!
1 (1)
ทันทีที่ร่างสูงก้าวลงจากรถแท็กซี่ดวงตาสีน้ำตาลเข้มก็กวาดสายตามองบ้านสีขาวผ่านรั้วอัลลอยย์ตรงหน้า
บ้านหลังนี้เดิมทีเป็นของครอบครัวเขา แต่เมื่อหลายปีก่อนไมกาห์คนที่เป็นทั้งเพื่อนและเจ้านายขอซื้อเพื่อใช้เป็นเรือนหอ เพราะเป็นสถานที่ที่ทั้งสองผูกพันกัน แต่ตอนนี้ทั้งคู่ได้ย้ายไปอยู่ที่อังกฤษอย่างถาวรแล้ว บ้านหลังนี้จึงเก็บไว้เป็นที่พักเมื่อมาเมืองไทย
และตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้ที่นี่ไม่เปลี่ยนแปลงเลยแม้เขาไม่ได้กลับมาหลายปี แต่ก็อย่างว่าจ้างคนดูแลให้นี่นะและอีกอย่าง เขาไม่ได้มาหลายปี แต่ไมกาห์กับครอบครัวก็มาทุกปีอยู่แล้วนี่ ชายหนุ่มคิดพลางกระชับกระเป๋าเดินทางใบโตบนไหล่ ก่อนจะเบนสายตาไปยังบ้านที่อยู่ถัดออกไปอีกสองหลังแล้วถอนหายใจ
มันเป็นอดีตไปแล้ว...
คาร์ลอสบอกตัวเองก่อนจะหันมากดกริ่งหน้าบ้านแล้วยืนเอาไหล่พิงขอบรั้ว ก้มมองปลายรองเท้าหนังคู่เก่งที่เขี่ยเศษใบไม้ครู่หนึ่ง ก่อนจะชะเง้อคอมองผ่านรั้วเข้าไปภายในบ้าน เมื่อยังไรเงาคนที่จะมาเปิดประตูให้เขาก็กดมันซ้ำอีกครั้งคราวนี้เขากดค้างไว้จนกระทั่งเห็นร่างของชายสูงอายุคนหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบมาและท่าทางหัวเสียเล็กน้อยกับเสียงกริ่งที่ดังไม่ยอมหยุด
เมื่อเห็นคนที่มาก่อกวนกดกริ่งชนิดไม่เกรงใจทำให้ชายสูงวัยขมวดคิ้วมองชักสีหน้าไม่พอใจหนักกว่าเดิมจากตอนแรกนึกว่าเด็กเล่นซน แต่ที่ไหนได้ผู้ใหญ่ไร้มารยาทที่ไหนก็ไม่รู้
“มาหาใครครับ” คาร์ลอสกระตุกยิ้มเมื่อเห็นผู้สูงวัยกว่าถามเสียงเข้มพลางชักสีหน้าไม่พอใจกับการกระทำของเขาอย่างรู้สึกสนุกมากกว่าเกรงกลัว
“ไม่ได้มาหาใครครับ แต่จะมาขออาศัยบ้านหลังนี้สักเดือนสองเดือน” คำตอบที่ได้รับทำให้ชายสูงวัยตวัดสายตามองชายหนุ่มร่างสูงในชุดเสื้อยืดสีดำกางเกงยีนรองเท้าหนังผมยาวประบ่าใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเคราแถมสวมแว่นกันแดดสีดำนั่นยิ่งทำให้ใบหน้ารกๆ นั้นดูน่ากลัวจนเขาเองไม่กล้าเข้าใกล้ เว้นระยะห่างจากรั้วบ้านพอสมควร ก่อนจะมองเลยไปที่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่บนหลัง แล้วถอนหายใจ นักท่องเที่ยวหาที่พักอย่างนั้นหรือ แล้วหลงมาที่นี่ได้ยังไง
“ไม่ได้หรอกคุณ นี่มันบ้านส่วนบุคคลไม่ใช่บ้านเช่า ไปหาเอาที่อื่นเถอะ” ว่าพลางโบกไม้โบกมือไล่แล้วหมุนตัวจะเดินกลับเข้าบ้านไปทำงานของตัวเองต่อ
“นี่ลุงจำผมไม่ได้จริงๆ เหรอครับ” หน้าตาก็ฝรั้งฝรั่งถึงจะพูดไทยปร๋อก็เถอะ แต่ไม่คิดว่าจะเล่นมุกคนรู้จัก ลุงพงษ์คิดพลางหันไปยิ้มแยกเขี้ยวใส่นักท่องเที่ยวจอมตื๊อ
“ผมไม่เคยรู้จักมักจี่กับฝรั่ง”
“แม้แต่เจ้าของบ้านหลังนี้อย่างนั้นหรือครับ” ยังไม่ทันที่ลุงพงษ์จะได้ตอบเสียงตะโกนถามจากใครบางคนก็ดังมาจากรถหรูที่วิ่งมาชะลอหน้าบ้าน
“มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าคะลุง” การถูกขัดจังหวะการสนทนา ทำให้คาร์ลอสเอี้ยวตัวไปมอง แล้วชะงักใจกระตุกวูบเมื่อเห็นหน้าตาของหญิงสาวที่นั่งคู่คนขับชัดๆ
เขาจำเธอได้ดีไม่เคยลืม แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะลืมเขาไปแล้ว
“ไม่หรอกครับแค่นักท่องเที่ยวหลงทาง” ลุงพงษ์บอกพลางปรายตามองร่างสูงของนักท่องเที่ยวที่ตัวเองคิดว่าน่าจะหลงทางเล็กน้อย และฝ่ายนั้นทำเพียงยักไหล่ไม่ได้คัดค้านอะไร
“อย่างนั้นเหรอคะ งั้นแก้วไปนะคะ” กิ่งแก้วบอกพลางขมวดคิ้วเพ่งมองนักท่องเที่ยวหลงทางร่างใหญ่ที่คลับคล้ายคลับคลาคุ้นตาเหมือนเคยเห็นที่ไหนจนกระทั่งสายตาถูกกั้นด้วยกระจก
“ลุงรู้จักด้วยหรือครับ” คาร์ลอสทำเสียงหึขึ้นจมูกพร้อมกับหมุนตัวมองตามรถหรูแล้วยิ้มเหยียด
“รู้จักสิ ก็คุณแก้วเธอเป็นเพื่อนกับเจ้าของบ้านนี่ครับ คุณเองก็รีบไปหาที่พักเถอะลุงช่วยอะไรไม่ได้หรอก ตื๊อไปก็เปล่าประโยชน์ มะรืนนี้เจ้าของบ้านเขาก็จะกลับมาแล้ว” บอกเชิงไล่และจะหมุนตัวกลับเข้าบ้านอีกครั้งอย่างไม่สนใจหรอกว่านักท่องเที่ยวหลงทางคนนี้จะไปหาบ้านพักที่ไหนต่อ
“แสดงว่ามาก่อนเข้าบ้านไม่ได้ใช่ไหมครับลุง” ชายหนุ่มถามกลั้วหัวเราะพลางถอดแว่นกันแดดออกมาถือเอาไว้ นั่นทำให้ลุงพงษ์หยุดชะงักหันกลับมามองหน้านักท่องเที่ยวจอมตื๊อแบบชัดๆ
ชายสูงวัยหรี่ตามองพร้อมกับเดินมาจนชิดประตูรั้ว พิจารณาเจ้าของร่างสูงที่ยืนยิ้มกริ่มยักคิ้วให้ตนอย่างคนขี้เล่น “คุณคาร์ล!” ลุงพงษ์อุทานเสียงหลงและมันมาพร้อมความรู้สึกประหลาดใจ ไม่คิดว่านักท่องเที่ยวหลงทางจะเป็นคาร์ลอส นี่ถ้าไม่ถอดแว่นจ้างให้เขาก็ไม่มีทางรู้ ก็ดูสิผมเผ้าหนวดยาวรุงรังบดบังความหล่อเหล่าที่ตนเคยเห็นจนหมด
“บราโว้...ผมมีที่ซุกหัวนอนแล้ว” ชายหนุ่มบอกอย่างอารมณ์ดี ผิดกับผู้สูงวัยที่ยิ้มแหยๆ แล้วรีบกุลีกุจอเปิดประตูต้อนรับชายหนุ่มอย่างรู้สึกผิด
“ขอโทษนะครับ ไม่คิดว่าคุณคาร์ลจะมาก่อนกำหนด แถมไว้หนวดเคราซะลุงจำไม่ได้”
“ผมแกล้งลุงไปอย่างนั้นเองแหละ” บอกพลางเดินเข้าบ้าน ที่สภาพไม่ต่างกับเมื่อหลายปีก่อนเลย ทั้งนี้เพราะไมการ์คนที่เป็นทั้งเจ้านายและเพื่อนได้ว่าจ้างคนมาดูแล และหนึ่งในนั้นคือลุงพงษ์ที่พักประจำอยู่ที่นี่ ส่วนอีกคนคือแม่บ้านที่ไปกลับคอยมาดูแลทำความสะอาดภายในบ้าน เตรียมพร้อมให้เจ้าของบ้านมาพักได้ทุกเมื่อ
“ลุงสบายดีนะครับ” คาร์ลอสหันมาถามสารทุกข์สุกดิบของคนสวนอย่างไม่ถือตัว
“สบายดีครับ ทำงานกับต้นไม้ดอกไม้ไม่มีปากมีเสียง สบายยิ่งกว่าสบายอีกครับ” ชายสูงวัยบอกเสียงกลั้วหัวเราะ นั่นทำให้คาร์ลอสหัวเราะตามพร้อมกับเอ่ยปากล้อ “มิน่าลุงถึงอยู่เป็นโสดมาจนทุกวันนี้” เขาซึ่งเป็นคนจัดหาและว่าจ้างลุงพงษ์เองจึงรู้ประวัติแกดี
ผู้สูงวัยไม่ว่าอย่างไรได้แต่หัวเราะชอบใจ ก่อนแกจะขอตัวไปทำงานต่อเมื่อเดินมาถึงบริเวณที่แกยังทำงานค้างเอาไว้ “มีอะไรเรียกใช้ผมได้ตลอดนะครับ”
คาร์ลอสพยักหน้ารับน้อยๆ ในขณะที่ลุงพงษ์ผละออกไปเปิดน้ำรดต้นไม้ต่อ ชายหนุ่มยืนเหมือนชั่งใจอยู่ครู่ ก่อนจะเดินต่ออีกสองสามก้าวแล้วหยุดถอนหายใจเฮือกใหญ่หมุนตัวเดินตรงมาหาผู้สูงวัยที่กำลังขะมักเขม้นทำงานคล้ายกับคนข้องใจอะไรบางอย่าง
“ลุงครับ” ทันทีที่ได้ยินชายหนุ่มเรียกลุงพงษ์ก็รีบปิดน้ำวิ่งมาหา “ว่าไงครับ อ้อ คงจะเป็นกุญแจห้อง ผมนี่ก็ลืม เดี๋ยวๆ นะครับผมจะไปเอาให้” พูดจบผู้สูงวัยก็จะวิ่งกลับไปที่ห้องพักเพื่อเอากุญแจห้องทุกห้องที่ตนเป็นคนเก็บรักษาเอาไว้มาให้ชายหนุ่ม ทว่าคาร์ลอสกลับร้องห้ามเอาไว้เสียก่อน
“กุญแจห้องผมมีอีกชุดอยู่แล้ว”
“อ้าว หรือครับ” ผู้สูงวัยทำหน้างงๆ “ถ้างั้นคุณคาร์ลมีอะไรให้ผมรับใช้หรือครับ”
คาร์ลอสอ้ำๆ อึ้งๆ อยู่ครู่หนึ่ง ความอยากรู้มีมาก ก่อนจะถามออกไปในที่สุด