เพื่อนพ่อหนู (ขอ) จีบนะคะ

57.0K · จบแล้ว
ไหมขวัญ
16
บท
7.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เพื่อนพ่อ ถ้าจะหล่อขนาดนี้ มีหรือจะปล่อยให้หลุดมือ “กาแฟค่ะ” หญิงสาววางแก้วกาแฟลงตรงหน้าชายหนุ่มแล้วยืนยิ้มรอ“มีอะไรหรือเปล่า” ธันน์ถามพลางปิดหนังสือพิมพ์ในมือ พับและวางมันลงบนโต๊ะ ก่อนจะยกกาแฟขึ้นดื่มระหว่างรอคำตอบจากคนที่ยืนนิ่งไม่ยอมขยับไปไหน“อร่อยกว่าปกติไหมคะ”ได้ยินคำถามธันน์ถึงกับขมวดคิ้วมุ่น เงยหน้ามองคนที่จ้องหน้าเขาด้วยสายตาเป็นประกาย หรือนี่คือเหตุผลที่หญิงสาวยังรอไม่ไปไหน “ก็นิดหน่อย” จะตอบว่ารสชาติปกติก็กะไรอยู่ เลยแบ่งรับแบ่งสู้ให้มีกำลังใจ“ว่าแล้วเชียว เพราะในกาแฟถ้วยนั้นมันเต็มไปด้วยความรักของลดาที่มีต่ออายังไงคะ ชงตามสูตรที่ป้าแต๋วบอกเปะๆ แต่ก็ถูกบอกว่าอร่อยกว่าปกตินิดหน่อย ดีใจมากค่ะ” พูดจบหญิงสาวก็หมุนตัวเดินฮัมเพลงกลับเข้าไปในห้องครัวอย่างอารมณ์ดี ผิดกับธันน์ที่ถึงกับสำลักกาแฟที่เต็มไปด้วยความรัก“ไม่น่าเลย” ชายหนุ่มส่ายศีรษะพลางหัวเราะ ก่อนจะยกมือปิดปากกลั้นยิ้มเมื่อลดาเดินกลับออกมาพร้อมกับชามข้าวต้ม“มาแล้วค่ะ ข้าวต้มแห่งรัก”“เรากำลังเล่นอะไรอยู่เนี่ย” ธันน์ถามหญิงสาวที่กำลังถอดผ้ากันเปื้อนพาดไว้ที่พนักเก้าอี้ แล้วนั่งลงคนข้าวต้มในชามของตัวเอง“ใครเล่นคะ ลดาจริงจังค่ะ จากนี้ไปลดาจะทำอาหารให้อาธันน์กินทุกมื้อ อยากจะกินอะไรบอกได้นะคะ ลดาจะทำให้กินเอง”

นิยายปัจจุบันนิยายรักนิยายรักโรแมนติกรักแรกพบโรแมนติกรักหวานๆ

ตอนที่ 1 แรกพบสบตา พาหัวใจหวั่น (1)

หลังจากที่เฝ้าเพียรพยายามเพียงสามปี ลดาก็สามารถคว้าใบปริญญาจากรั้วมหาวิทยาลัยเปิดชื่อดังมาครอบครองได้สำเร็จ แม้ผลการเรียนจะไม่ดีเลิศถึงกับได้เกียรตินิยม ครอบครัวของเธอก็ภูมิใจ เพราะตลอดระยะเวลาสามปีที่ผ่านมานั้นเธอทั้งเรียนและทำงานควบคู่กันไปด้วย เพื่อพอแบ่งเบาภาระของทางบ้าน ซึ่งก็ทำมันออกมาได้ดีทั้งสองอย่าง

“พ่อ...แม่...” ลดาฉีกยิ้มกว้างวิ่งเข้าไปหาท่านทั้งสองพร้อมกับโชว์ปริญญาบัตรในมือ สิ่งที่พยายามมาตลอดมันสำเร็จแล้ว ใครจะว่าใบปริญญาไม่สำคัญก็ช่าง แต่สำหรับเธอมันสำคัญที่สุด เพราะสิ่งนี้จะสามารถนำไปต่อยอดหางานหาเงินมาเลี้ยงบุพการีทั้งสองได้อย่างเต็มภาคภูมิ ไม่ใช่แค่ทำงานพาร์ทไทม์เหมือนที่ผ่านมาเท่านั้น “ลดาได้มันมาแล้วนะ นี่จ้ะ” เธอยื่นมันให้กับคนเป็นแม่ แล้วเข้าไปสวมกอดและหอมแก้มคนเป็นพ่อที่อ้าแขนรออย่างออดอ้อน

“ลูกพ่อเก่ง”

“เก่งเหมือนพ่อไงคะ” หญิงสาวรีบปล่อยลูกอ้อน จนคนเป็นพ่ออดไม่ได้ที่จะหัวเราะและโยกศีรษะได้รูปของลูกสาวอย่างเอ็นดู

“มัวป้อนลูกยอกันอยู่นั่นแหละ ไปข้างนอกได้แล้ว ทุกคนรอถ่ายรูปอยู่” ญดามองค้อนสองพ่อลูกแล้วเดินนำทั้งคู่ออกไปยังสนามที่ที่ถูกจัดไว้สำหรับให้ผู้คนได้ถ่ายภาพวันแห่งความสำเร็จและน่ายินดีไว้เป็นที่ระลึกไปหาบรรดาญาติพี่น้องเพื่อนฝูงทั้งของตัวเองและลูกสาวจับกลุ่มรอกันอยู่ ส่วนบรรยากาศภายในมหาวิทยาลัยเธอกับลูกสาวถ่ายเก็บไว้แล้วตั้งแต่เมื่อวาน ซึ่งเป็นวันซ้อมใหญ่แล้ว

“ไปกันค่ะ” ว่าแล้วลดาก็เดินควงแขนคนเป็นพ่อไปด้วยท่าทีสดใสร่าเริง ความเหนื่อยความล้า ความง่วงจากการที่ต้องตื่นนอนแต่เช้ามืดมลายหายไปจนหมดสิ้น

เมื่อไปถึงลดาก็ยกมือไหว้ผู้ที่สูงวัยกว่า ไม่ว่าจะเป็นลุงป้าน้าอาที่ต่างสละเวลาเดินทางมาแสดงความยินให้กับเธอ บางคนเดินทางมาจากต่างจังหวัดก็มี จุดนี้ทำให้เธอซึ้งในน้ำใจของทุกคนเป็นอย่างมาก “สวัสดีค่ะทุกคน”

“ยินดีด้วยนะจ๊ะ”

“ขอบคุณค่ะ” ลดายกมือไหว้น้าสะใภ้แล้วรับดอกไม้ช่อใหญ่มาถือเอาไว้ หลังจากนั้นทุกคนต่างทยอยก็เอาของมาให้ บ้างก็เป็นดอกไม้ บ้างก็เป็นตุ๊กตาเพื่อแสดงความยินดีหอบแทบไม่ไหว จนเธอต้องแบ่งไปให้คนเป็นพ่อและแม่ช่วยถือ

“นี่จากฉัน” ปฐมาซึ่งเป็นเพื่อนสนิทมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม แม้ตอนนี้จะเรียนกันคนละมหาวิทยาลัยแต่ก็ยังติดต่อกันตลอดนำมงกุฎดอกไม้ไปสวมที่ศีรษะ

“ขอบใจมาก”

“แล้วนี่ของยายฟ้า มันไม่ว่างเลยฝากของมาให้แทน” ปฐมายื่นกล่องของขวัญของฟ้ารุ่งที่ติดธุระมาไม่ได้ให้อีกชิ้น ลดารับไปแล้วสั่นเบาๆ พร้อมกับเอียงหูเข้าไปฟังใกล้ๆ อย่างสงสัยว่าข้างในมันคืออะไร

“อะไรเนี่ยเบาแต่สั่นแทบไม่ได้ยินเสียง แถมกล่องนิดเดียว” ลดาแกล้งบ่น

“ก็มันบอกว่าโทษฐานที่จบก่อน หมั่นไส้เลยให้กล่องเล็กๆ พอ” ปฐมาบอกเสียงกลั้วหัวเราะ และยื่นมือไปขอกล่องของขวัญที่เพิ่งให้เพื่อนไปกลับมาสั่นดู ทั้งที่ก่อนหน้าถือมาตั้งนานไม่คิดจะสั่นและไม่ได้อยากรู้ว่าข้างในมันคืออะไร พอลดาพูดก็เลยเกิดความอยากรู้ขึ้นมาเสียอย่างนั้น “ตุ๊กตามั้ง” เธอคาดเดาจากน้ำหนัก

“ตุ๊กตาอะไรจะเล็กขนาดนี้พวกกุญแจตุ๊กตาเหรอ” ลดาพูดพลางขมวดคิ้วมองกล่องของขวัญขนาดเล็กที่แม้แต่จะใส่ตุ๊กตาตัวละสามสิบเก้าบาทยังไม่ได้

“ไม่รู้สิ ถาม มันก็ไม่บอก”

“คงไม่ใช่ของขวัญพิลึกๆ นะ” ลดาทำหน้าแหยงๆ กลัวโดนเพื่อนแกล้ง นั่นเป็นเหตุผลหนึ่งที่เธอไม่แกะมันตอนนี้ที่นี่

“นั่นละที่ฉันกลัว” ปฐมาพูดพลางหัวเราะอย่างเห็นด้วย ไม่แน่ของข้างในมันอาจจะเป็นอะไรที่นำมาใช้ประโยชน์ไม่ได้เลย เผลอๆ เป็นของที่เปิดมาแล้วแตกโพละใส่หน้า คนอื่นไม่ทำแต่สำหรับคนอย่างฟ้ารุ้งต้องบอกว่าไม่แน่

“ลดาลูก ซุ้มว่างแล้วมาถ่ายภาพรวมกับทุกคนหน่อยเร็ว” ญดาที่ยืนอยู่กลางซุ้มดอกไม้กวักมือเรียกลูกสาวและทุกคน

ลภชัยเดินเอากล้องไปวานให้คนที่ยืนอยู่แถวนั้นถ่ายภาพรวมกลุ่มให้ และภาพถัดไปจะเป็นภาพรวมญาติปฐมาจึงอาสาเป็นตากล้องให้ และเมื่อเก็บภาพตรงซุ้มดอกไม้อีกไม่กี่ภาพ ทุกคนก็แยกย้ายไปมุมอื่นบรรยากาศอื่น ที่มีทั้งภาพกลุ่มและเดี่ยวผลัดกันจนเป็นที่พอใจ บางคนมีธุระเลยขอตัวกลับบ้านก่อน ทำให้ตอนนี้จึงเหลือแค่ปฐมา ชลธีและนรีนาถ ซึ่งเป็นน้องชายและน้องสะใภ้ของลดา

“มองหาอะไรคะ” ลดาเดินเข้าไปถามคนเป็นพ่ออย่างสงสัยเมื่อเห็นท่านยืนชะเง้อคอมอง โทร.แล้ววาง วางแล้วโทร.เกือบจะตลอดเวลาขณะที่เธอและทุกคนสนุกกับการถ่ายภาพ

“เพื่อนสนิทพ่อน่ะ มันบอกว่ามาถึงแล้ว แต่ป่านนี้ยังไม่โผล่เลย” ลภชัยบ่นและกดต่อสายหาเพื่อนรักอีกครั้ง ก่อนเขาจะทำหน้ายุ่งเมื่ออีกฝ่ายตัดสาย “หมายความว่าไงกดทิ้ง”

“เพื่อนพ่อเขาอาจจะกำลังหาที่จอดรถอยู่มั้งคะ” เพราะดูจากจำนวนรถของผู้คนที่มาร่วมงานรับปริญญาบัตรของนักศึกษาในวันนี้แล้ว ต้องบอกเลยว่าเยอะมาก และการจะหาที่จอดรถนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกัน

“ลดา...” ปฐมาเรียกพร้อมกับวิ่งเข้ามาลากตัวเพื่อนรักไปเข้าเฟรม “ฉันยังไม่ได้ถ่ายภาพคู่แกเลย”

“นั่นสิ พ่อก็รีบตามมานะคะ” เธอบอกคนเป็นพ่อก่อนจะเดินตามแรงลากของเพื่อนไป

ลภชัยพยักหน้า ก่อนจะลองโทรศัพท์หาเพื่อนรักอีกครั้ง “มึงอยู่ไหนเนี่ย โทร.ตั้งหลายสายก็ไม่ยอมรับ ไม่พอยังตัดสายทิ้งอีก” ลภชัยบ่นอุบเมื่อคราวนี้เพื่อนรักรับสาย

“อยู่ข้างหลัง” อีกฝ่ายบอกเสียงกลั้วหัวเราะพร้อมกับตบบ่าคนที่บ่นตนผ่านโทรศัพท์เบาๆ

“อ้าวเฮ้ย! ไอ้บ้านี่”

“บ่นๆ แหกตาดูบ้างว่ารถเยอะอย่างกับกองทัพมด กว่าจะเข้ามาได้ กว่าจะหาที่จอดรถอีกรู้งี้นั่งรถเมล์มาดีกว่า ระยะทางแค่กิโลเดียวใช้เวลาเดินทางเป็นชั่วโมงสองชั่วโมง เสียเวลาฉิบหาย” ธันน์บ่นอย่างหงุดหงิด นอกจากรถจะติดแล้วอากาศก็ร้อนบรรลัย มีแต่มลพิษจากควัน ทำเอาคนบ้านไร่อย่างเขาหายใจหายคอไม่สะดวกเอาเสียเลย

“บ่นเข้าไป ต้องเข้าใจวันนี้มันวันงานนี่หว่า”

“ไม่วันงานรถก็ติดเป็นปกติหรือเปล่าวะ” ไม่ใช่เขาไม่เคยใช้ชีวิตเมืองกรุง สมัยเรียนมหาวิทยาลัยรถติดอย่างไรทุกวันนี้มันก็ยังติดอย่างนั้น และดูเหมือนจะหนักขึ้นอีกด้วย

“เอ่อน่า มันจะไปไหนมาไหนสะดวกรวดเร็วถนนว่างโล่งเหมือนที่บ้านไร่ของมึงได้ยังไงวะ นานๆ มาทีอย่าบ่นให้มันมากนัก ไปๆ ทุกคนรออยู่” ว่าแล้วลภชัยก็พยักหน้าเรียกให้เพื่อนรักเดินตามไปหาทุกคนที่กำลังสนุกกับการถ่ายภาพ

“แม่ ไอ้ธันน์มันมาแล้ว” ลภชัยสะกิดบอกภรรยาที่รับหน้าที่เป็นตากล้อง

“อ้าว คุณธันน์สวัสดีค่ะ นึกว่าจะไม่มาเสียแล้ว เป็นยังไงบ้างคะ งานที่ฟาร์มเป็นไปได้ด้วยดีนะคะ” ญดายกมือไหว้เพื่อนสนิทของสามีที่อายุมากกว่า แล้วพูดคุยทักทายถามสารทุกข์สุกดิบกันตามประสาคนที่ไม่ได้เจอกันนาน แต่ถึงอย่างนั้นก็พอรู้ข่าวคราวของอีกฝ่ายจากสามีที่ติดต่อกับเพื่อนคนนี้ตลอด

“ครับ หลังจากวางแผนและปรับเปลี่ยนหลายๆ อย่างมันก็ดีขึ้นตามลำดับ ผลประกอบการเป็นที่น่าพอใจ” ธันน์บอกอย่างภูมิใจ หลังจากที่สามารถทำให้ฟาร์มม้าของคนเป็นพ่อที่ต้องเกือบจะขายทิ้ง เพราะขาดทุนกลับมารุ่งเรืองได้อีกครั้ง “ว่างๆ ก็ไปเที่ยวได้นะครับ ยินดีต้อนรับ”

“หาเวลาก่อน มีโอกาสเมื่อไหร่ไปแน่นอน” ลภชัยเอ่ยแทรกขึ้น “แต่ตอนนี้มึงมานี่ มารู้จักหลานก่อน...ลดา” ว่าแล้วก็กวักมือเรียกลูกสาวที่ยืนคุยอยู่กับเพื่อนให้มาหา

“คะพ่อ” ลดาเดินยิ้มเข้ามาหาบุพการีทั้งสองแล้วรอยยิ้มนั้นก็ค้างเติ่งเมื่อเงยหน้าขึ้นไปสบดวงตาสีนิลของคนที่ยืนอยู่ข้างๆ บุพการี แล้วยกมือขึ้นทาบหน้าอกข้างซ้ายที่หัวใจมันเต้นรัวเร็วผิดปกติ จนรู้สึกลมหายใจติดขัดขึ้นมาทันทีเมื่ออีกฝ่ายยิ้มให้ จนต้องคว้ามือของปฐมาที่ยืนข้างๆ มาจับเอาไว้

“เป็นอะไร” ปฐมากระซิบถามเมื่อรู้สึกได้ถึงแรงบีบจากเพื่อนรัก แต่ยังไม่ทันจะได้คำตอบลภชัยก็แนะนำคนที่เพิ่งมาใหม่ให้ลูกสาวและทุกคนได้รู้จัก

“นี่อาธันน์เพื่อนรักพ่อ ธันน์นี่ยายลดาลูกสาวฉัน”

“สะ...สวัสดีค่ะ” ลดายกมือไหว้พร้อมกับเอ่ยทักเสียงตะกุกตะกัก และยิ่งคนที่พ่อแนะนำว่าเป็นเพื่อนรักหญิงสาวถึงกับตาพร่าเม้มปากยื่นมือไปจับแขนของปฐมาแล้วเขย่าแรงๆ

“สวัสดีสาวน้อย ไม่ได้เจอกันนานมาก...เจออีกทีโตเป็นสาวแล้ว” ธันน์รับไหว้และทักทายลูกสาวของเพื่อนรักที่วันนี้โตเป็นสาวสวยสะพรั่งชวนมอง “เอ่อ...อาเพิ่งมาถึงและรีบมากเลยไม่มีอะไรติดไม้ติดมือมาแสดงความยินดีด้วยเลย แต่ยังไงก็ยินดีด้วยนะกับความสำเร็จในวันนี้”

“ขอบคุณมากค่ะ” ลดายกมือไหว้เพื่อนพ่ออีกครั้ง ซึ่งอีกฝ่ายก็ยิ้มรับก่อนจะหันไปรับไหว้ปฐมาแล้วหันไปคุยกับน้าชายและน้าสะใภ้

“แก...” ลดาเขย่าแขนของปฐมาหากสายตานั้นยังจับจ้องมองตามเพื่อนรักของพ่อตาปรอย

“อะไร”

“หล่อลาก...” ลดาลากเสียงยาว “ทำไมผู้ชายอายุมากแล้วถึงหล่อกระชากใจได้มากมายขนาดนี้นะ” เธอหันมาพูดกับเพื่อนรักด้วยน้ำเสียงและสีหน้าติดจะเสียดายระคนผิดหวัง เพราะขึ้นชื่อว่ารุ่นเดียวกับพ่อแล้วมีหรือจะยังโสด

“ใคร...เพื่อนพ่อแกน่ะเหรอ”

ลดาพยักหน้ารับ “อื้อ ไม่น่าเชื่อเนาะว่าอายุขนาดนี้แล้วยังดูหล่อ...เท่...สมาร์ต...ได้ขนาดนี้” ว่าพลางทำตาปรือหวานเยิ้มอย่างไม่เก็บอาการ

“นี่แกจะเล่นของสูงเลยเหรอ” ปฐมาถามพลางมองเพื่อนที่เหมือนตกอยู่ในวังวนเสน่หาของผู้สูงวัยกว่าแล้วยิ้มแหยๆ

“ไม่ต่ำกว่าร้อยแปดสิบ”

“เว้ย! ฉันไม่ได้หมายถึงส่วนสูง แต่หมายถึงแบบชอบเพื่อนพ่อที่อายุมากกว่าตั้งหลายปีอะไรแบบเนี้ย สองรอบกว่ามั้งนั่น” ปฐมาคาดเดาจากอายุของพ่อเพื่อนรัก ซึ่งเมื่อเทียบกันแล้วถือว่าธันน์หน้าตายังดูเด็กกว่าอายุค่อนข้างมากเลยทีเดียว

“ฉันก็กรี๊ดกร๊าดไปอย่างนั้นแหละ ดูหุ่นดูหนังหน้าสิแก คิดว่าอย่างนี้จะโสดเหรอ ไม่มีทาง” ลดาบอกอย่างเสียดายแกมหมั่นไส้และอิจฉาผู้หญิงที่ได้เป็นภรรยาของเพื่อนพ่อขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

“ก็ว่างั้นแหละ รุ่นนี้คงเหลือถึงมือเราหรอก มองหาคนรุ่นราวคราวเดียวกันดีกว่าว่าไหม” ปฐมาแนะนำ ก่อนจะหัวเราะเมื่อลดามองเพื่อนของพ่อตัวเองอย่างไม่ละสายตา ก่อนจะเอ่ยเตือนอย่างเป็นห่วง “อย่าริคิดปีนต้นงิ้วเชียวนะ”

“อย่างฉันเนี่ยนะ ไม่มีทาง” ลดาบอกพลางเชิดหน้า “อ่านกินไปงั้นแหละ เข้าใจปะ อาหารตาอาหารใจน่ะ”

“จ้าๆ กินก็กินเงียบๆ เนียนๆ หน่อยนะแก เจ้าตัวเขาจับได้ละ จะหาที่ซุกหน้าไม่ทัน” ปฐมาเตือนด้วยความหวังดี เพราะถ้าถูกจับได้ขึ้นมา คนที่จะอายมากที่สุดก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แถมดีไม่ดีจะโดนคนเป็นพ่อด่าเข้าให้