นิยาย
ภรรยาไร้ใจ
เขารักเธอสุดหัวใจ แต่สิ่งที่ได้คือความเกลียดชัง ……… “โอ๊ย” ร่างสาวถูกเหวี่ยงไปบนเตียง จังหวะนั้นศีรษะเธอกระทบกับขอบเตียงพอดี “ฉันดีกับเธอทุกอย่าง ถนอมเธออย่างกับไข่ในหิน แต่สิ่งที่ฉันได้รับมันคือความว่างเปล่า เธอคงไม่ชอบใช่ไหม อยากเห็นอีกภาคของฉัน ถ้างั้นต่อไปนี้ฉันจะทำในเรื่องที่ตรงกันข้าม ให้เธอได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดซะบ้าง” อันโตรเนียลเล่พูดไปถอดเสื้อผ้าไป นาราลักษณ์ใจหวาดหวั่น เกรงกลัวขึ้นมาทันที “แล้วถ้าเธอคิดต่อต้านฉันล่ะก็ ฉันจะไปเอาน้องสาวเธออีกคน” เขาใช้เข่าก้าวขึ้นเตียงในสภาพไร้เครื่องนุ่งห่ม นัยน์ตาอ่อนโยนเปลี่ยนเป็นดุกร้าวกระด้าง “อย่านะ อย่าทำอะไรน้องฉัน ฉันยอมคุณทุกอย่าง” นาราลักษณ์ไม่มีทางเลือกให้เดิน นอกจากคำว่ายอม “เธอคงรักมันมากสินะ ถึงได้ยอมเจ็บขนาดนี้” ถามไปเจ็บหัวใจไป “ใช่ ฉันรักพี่พล รักมากด้วย ประโยคนี้ใช่ไหมที่คุณอยากได้ยิน” เธอตอบทั้งน้ำตา คนได้รับคำตอบน้ำตาตกในเช่นกัน “ความรักที่ฉันมีต่อเธอคงไม่มีค่าพอ งั้นฉันขอคืนก็แล้วกัน เพราะมันคงไม่มีประโยชน์ที่ฉันจะมอบความรักให้กับคนไม่เห็นคุณค่า” ไม่มีความเจ็บปวดใดเท่าครั้งนี้อีกแล้ว เจ็บลึกถึงแก่นใจ “ต่อไปนี้ เธอจะได้เห็นตัวตนใหม่ของฉัน ปีศาจที่ว่าร้าย ยังไม่ได้ครึ่งหนึ่งของฉันเลยรู้ไหม...แควก แควก”
พิศวาสทาสเสน่หา
“บ้าอำนาจชะมัด” หญิงสาวแอบบ่น กระแทกตัวลงนั่งริมสุดของขอบโซฟา ทิ้งระยะห่างจากเขาให้มากที่สุด “นี่แม่คุณ มานั่งใกล้หน่อยสิ นั่งไกลอย่างนั้นแล้วจะบริการฉันได้ยังไง ไม่เห็นเหรออาหารหมดถ้วยแล้ว” ถ้ารู้มาก่อนว่าคนที่จองห้องวีไอพีคือเขาคนนี้ เธอไม่ยอมเป็นพนักงานเสิร์ฟจำเป็นแน่นอน หญิงสาวเขยิบร่างกายเข้ามาอีกนิด ตักอาหารใส่ถ้วย ก่อนจะวางไว้ตรงหน้าเขาเหมือนเดิม “ป้อนด้วยสิ” เขาพูดอย่างอารมณ์ดี “ดิฉันมีหน้าที่คอยให้บริการอำนวยความสะดวกให้กับคุณ ตามที่เห็นสมควรนะคะ การป้อนอาหารเป็นนอกหน้าที่ของดิฉัน” สร้อยระย้าพูดด้วยน้ำเสียงค่อนข้างเข้ม จ้องมองอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ ชายหนุ่มกระตุกยิ้มกับท่าทีแสนพยศของเธอ ขยับร่างกายเข้ามาประชิดร่างบางอย่างรวดเร็ว โดยที่หญิงสาวไม่ทันตั้งตัว “ว้าย!!..ปล่อยนะ” หญิงสาวร้องเสียงหลง ผลักร่างหนาให้ออกห่าง แกะมือใหญ่ที่รัดเอวของเธอไว้แน่น แต่ยิ่งพยายามเอวของเธอก็ต้องถูกรัดแน่นมากยิ่งขึ้น ไม่เพียงเท่านั้นร่างงามลอยขึ้นเหนือเบาะ เนื่องจากเขาอุ้มร่างของเธอมานั่งบนตัก “พยศนักนะ” ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าปฏิเสธเขามาก่อน เห็นจะมีเพียงผู้หญิงกลิ่นกายเย้ายวนใจคนนี้ ยิ่งชิดใกล้เลือดในกายของเขาเดือดพล่าน ความต้องการปะทุขึ้นมาทันที เรียวปากใหญ่ปิดสนิทปากนุ่มที่กำลังจะอ้าปากต่อว่า ทำให้เขาสอดแทรกลิ้นร้อนชื้นเข้าไปภายในโพรงปากอย่างง่ายดาย เรียวลิ้นหนาตวัดพัดโบกกับลิ้นนุ่มที่ตื่นกลัวทำอะไรไม่ถูก เนื่องจากจูบนี้เป็นจูบแรกของชีวิตสาว สมองของเธอนั้นเริ่มมีกลุ่มหมอกควันสีขาวเข้ามาปกคลุม ความว่างเปล่ากำลังเข้ามาแทนที่ ไม่มีสตินึกคิด ความหวานนุ่มชวนหอมหวานที่เขาได้สัมผัส กระตุ้นความเป็นชายของเขาให้ตื่นจากการหลับใหล เสียงครางที่ดังทักท้วงในลำคอสาว เสมือนยากระตุ้นให้ความดันโลหิตของเขาเสียดทานกับความต้องการทางเพศ ร้อนรุ่มไปทั้งกาย มือใหญ่ลูบแผ่นหลังบางไปมา ก่อนจะวกมากอบกุมทรวงอกขนาดพอเหมาะกับฝ่ามือของเขา ไม่ใหญ่มากเกินไปจนล้นมือและไม่เล็กจนเสียอารมณ์
ภรรยาแสนร้ายของพายัพ
เมียใครที่ว่าร้าย ที่ว่าแน่ คงแพ้เมียพายัพแน่นอน เพราะหล่อนไม่ร้าย แต่หมัดและเท้าหนักมาก แต่ถึงกระนั้น ก็แพ้พายัพอยู่ดี จริงเหรอ... ............... "ฉันสัญญาค่ะว่า จะไม่ยุ่งทำแบบนั้นอีกแล้ว และขอโทษคุณด้วยค่ะ" หล่อนทำตาม "ยกมือไหว้ด้วย แล้วขอโทษใหม่" อังศุมาลีเริ่มหน้าตึง รู้ทันทีว่า เขาแกล้งตน แต่ถึงกระนั้นหล่อนไม่มีทางเลือก ทำตามคำสั่ง "ไหว้สวยๆ ด้วยนะ ถ้าไม่สวย ไม่ถูกใจ ไม่ให้ภาพนี้แน่ๆ" อังศุมาลียิ้มหวานมาก หวานเสียจนคนมองเห็นใจสั่นอย่างห้ามตัวเองไม่ได้ ส่งให้ดวงหน้าหล่อนมีความงดงาม ชวนมองมาก พายัพรีบยับยั้งความรู้สึกไหลลื่นให้อยู่กับที่ มองดูอังศุมาลียกมือไหว้ กล่าวคำขอโทษ "คราวนี้คืนรูปแม่ฉันได้หรือยังคะ" "ก็เดินมาเอาสิ" พายัพสะบัดรูปไปมา อังศุมาลีก้าวเดินไปหาร่างหนา แขนหล่อนยื่นออกไป หมายจับรูปในมือเขา ทว่าพายัพกลับชักมือหนี นำมือไขว้หลัง "นี่คุณจะผิดสัญญาเหรอ" อังศุมาลีถามเสียงขุ่น "ผิดสัญญาตรงไหนมิทราบ ฉันก็บอกอยู่นี่ว่า เดินมาเอาสิ แต่ไม่ได้บอกว่าจะให้ดีๆ นี่นา" พายัพเอาคืนอังศุมาลี ที่ทำกับตนไว้เจ็บแสบ ให้แค่ไหว้กับขอโทษมันดูน้อยไป ให้ร้อนหัวใจเล่นๆ ร่วมด้วย คงสนุกพิลึก "ถ้าอยากได้ก็ต้องพยายามหยิบเอง" ด้วยความโมโห อังศุมาลีก้าวเท้าไปหาร่างหนาใกล้กว่าเดิม ทุบอกเขาเต็มแรง จนคนถูกทำร้ายถึงกับเจ็บ ตกใจไม่คิดว่าหล่อนทำเช่นนี้ ยิ่งตกใจมากขึ้นกับการกระทำต่อมา ที่พายัพไม่ทันตั้งตัวเช่นกัน "โอ๊ย!" อังศุมาลีเหนี่ยวคอแข็งแรง ขยับตัวเข้าใกล้เขาอีกหน่อย เข่าสาวกระแทกเหมาะเหม็งตรงกล่องดวงใจพายัพ ที่ร้องโอดครวญจากความจุกเจ็บ ตัวงอ หน้าแดง รูปภาพในมือล่วงหล่นสู่พื้น อังศุมาลีรีบไปหยิบรูปภาพแสนรักทันที "ฉันไม่ลืมสัญญาที่ให้ไว้กับคุณเมื่อกี้นะ ที่ว่าจะไม่ยุ่งเรื่องคุณน่ะ แต่ไม่ได้บอกว่าจะทำไปจนกว่าเราหย่ากัน ฉันหมายถึงแค่วันนี้วันเดียว ให้คุณพักหายใจหายคอ พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ อ้อ...ขอบคุณนะสำหรับรูปแม่ของฉัน" อังศุมาลีบอกคนจุกแน่นไปทั้งตัว หัวใจเดือดดาลมาก แต่ทำอะไรหล่อนไม่ได้มากไปกว่า เก็บความแค้นไว้ ถูกทำร้ายตรงจุดนี้ เรี่ยวแรงพายัพไม่หลงเหลือ แค่ขยับตัวยังยาก เข่าอังศุมาลีหนักมาก พุ่งใส่เต็มแรง เกิดมาไม่เคยถูกผู้หญิงคนไหนเล่นงานเขาเช่นหล่อนมาก่อน คอยดูเถอะ พายัพเอาคืนเป็นสองเท่าแน่ "ฝากไว้ก่อนเถอะ ยัยตัวแสบ อูยย์"
เมียบำเรอในหัวใจ
ความรักกับความแค้น เหมือนมีเส้นบางๆ กั้นอยู่ เขาตั้งมั่นตั้งใจ ชำระแค้นหล่อนเต็มที่ พอถึงเวลานั้นจริง ตะวันฉายพ่ายแพ้ว่าจันทร์ ชนิดที่ว่า ย่อยยับ แล้วยังมีเด็กหญิงหน้าตาน่ารัก เจ้าของเสียงหวานใส ที่มาพร้อมกับความอ้อนแบบเกินล้าน ตะวันฉายแทบลืมความแค้น มีเพียงความรู้สึกเดียวที่ตระหนักในใจ รักหล่อนสุดหัวใจ... ... "ผู้หญิงแพศยา...เพล้ง" เจ้าของเสียงปาแก้วไวน์ในมือ กระทบกับฝาผนังห้องเต็มแรง ตามอารมณ์คุกรุ่นในหัวใจ กำปั้นทุบลงบนมินิบาร์หลายครั้ง ใบหน้าแดงก่ำจากพิษรักฝังอุรา สี่ปีแล้ว สี่ปีที่ตะวันฉายไม่เคยลืมว่าจันทร์ สตรีคนแรกที่เขารักหมดใจ รักแบบไม่เผื่อความเจ็บปวด เสียใจหรือผิดหวัง เพราะคิดว่า หล่อนไม่มีวันทรยศตน ผิดไปจากที่คิด... ว่าจันทร์มีชายอื่น หล่อนตีปีกจากไป ใช้ชีวิตคู่กับชายคนนั้น มิเพียงแค่นั้น ยังมีโซ่ทองคล้องใจ เป็นเด็กหญิงวัยสามปีกว่า ว่าจันทร์มีความสุข ในขณะที่ตะวันฉายทุกข์ทรมานใจ ผ่านมาหลายปี ความรู้สึกนี้เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน ใหม่สดยกไปจากจิตใจไม่ได้ และไม่มีวันบรรเทา หากไม่ได้ชำระแค้นหญิงชั่ว ชายเลวให้สาสมใจ ใครทำให้ตะวันฉายเจ็บ คนนั้นต้องเจ็บมากกว่าเขาร้อยเท่าพันทวี แก้แค้นสี่ปี ก็ยังมิสาย...
ตรวนเสน่หาคล้องใจ
“พี่ถามตรงๆ นะว่า น้องไหมเป็นลูกของพี่ใช่ไหม” ช่วงเวลาสั้นๆ ไม่กี่นาที เดือนแรมไม่ได้ตั้งตัว ไม่ได้เตรียมใจในหลายเรื่อง คำถามนี้ก็เช่นกัน เธอไม่คาดฝันว่าได้เจอณนนท์ ยิ่งเขาได้เจอไหมขวัญด้วยแล้ว เป็นเรื่องที่ไกลความคิดมาก การถูกตามแบบขวานผ่าซาก เธอจึงไม่ตระเตรียมคำตอบไว้ “พี่ถาม แรมต้องตอบ” “ไม่ใช่ น้องไหมไม่ใช่ลูกของคุณ” เดือนแรมตอบกลับ พยายามปั้นสีหน้าจริงจัง ดวงตาแน่วแน่ไม่สั่นไหว ทว่าการปั้นหน้านั้นทำง่าย นัยน์ตานี่สิ ยากเหลือเกิน “คุณเอาความมั่นใจมาจากไหน ถึงคิดว่าน้องไหมเป็นลูกของคุณ อย่าลืมสิว่า เราเลิกกันหลายปีแล้วนะ ฉันอาจมีสามีใหม่ที่พร้อมใช้ชีวิตคู่กับฉันจริงๆ ก็ไม่แปลกที่ฉันจะมีน้องไหม” เดือนแรมย้ำคำว่า พร้อมใช้ชีวิตคู่กับฉันจริงๆ พูดด้วยนัยน์ตาสั่นระริก ณนนท์ไม่ได้สนใจกับคำพูดเน้นหนัก เพราะตอนนี้ใขเขามุ่งอยู่กับเรื่องไหมขวัญ “เท่าที่พี่จำได้ พี่ไม่ได้เลิกกับแรมนะ อยู่ๆ แรมก็หนีพี่ไป พี่อยากรู้เหมือนกันว่า แรมทำอย่างนั้นทำไม” ณนนท์คล้ายยิงคำถามใส่ จ้องมองนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนที่ยังคงสวยและมีเสน่ห์เช่นเดิม เพิ่มเติมคือมีความกลัว หวาดระแวงจนเขาจับสังเกตได้ “ส่วนเรื่องที่แรมบอกว่ามีผัวใหม่ ถ้ามีจริง ทำไมน้องไหมถึงบอกว่า ไม่มีพ่อจนต้องแคะกระปุกออมสินเพื่อเอาเงินไปเช่าพ่อ ไปงานวันพ่อน่ะ แรมตอบคำถามนี้ได้ไหมล่ะ” เดือนแรมทำท่าอึกอักขึ้นมาทันที คำถามณนนท์ เธอตอบได้ ทว่าเลือกไม่ตอบ เพราะไม่อยากให้เขาเข้ามาวุ่นวายในชีวิตตน เขาไม่ต้องการเธอก็เท่ากับว่าไม่ต้องการลูกด้วย “จะด้วยเหตุผลอะไรก็ช่าง ฉันไม่จำเป็นต้องตอบคุณ เรื่องระหว่างคุณกับฉันจบไปตั้งนานแล้ว จะรื้อฟื้นทำไม” เดือนแรมต้องทำใจแข็งเข้าไว้ “ส่วนเรื่องพ่อของน้องไหม เขาตายไปตั้งแต่ฉันท้องได้สี่เดือน นี่แหละคำตอบของฉัน” ณนนท์ไม่เชื่อคำตอบเดือนแรมเลยสักนิด เขาก้าวเดินไปหาร่างสาวช้าๆ เธอถอยก้าวหนีร่างหนาก้าวต่อก้าว จนแผ่นหลังชิดผนังห้อง “แรมอย่าลืมสิว่า แรมโกหกไม่เก่ง แล้วพี่ก็จับพิรุธคนโกหกเก่งมาก ที่แรมพูดมาทั้งหมดเป็นเรื่องโกหก พี่จะถามดีๆ อีกครั้ง ถ้าแรมยังโกหกพี่อีกล่ะก็ ได้เห็นดีกันแน่” “คะ...คุณจะทำอะไรฉัน อย่าเข้ามานะ” เธอห้ามเสียงหลง หัวใจเต้นแรงมาก มองเขาด้วยใจหวาดหวั่น “ตอบคำถามพี่มาก่อนสิ ตอบถูกใจจะไม่ทำอะไร แต่ถ้าไม่ โดนดีแน่” ไม่วายขู่ ยิ่งโดนขู่ ใจเดือนแรมยิ่งทำงานหนัก “น้องไหมไม่ใช่ลูกของคุณ” แม้กลัวแต่ก็ตอบออกไป “ไม่ใช่ลูกของคุณ” เดือนแรมย้ำตอบสองครั้ง หมายให้ณนนท์เข้าใจและตระหนักตามคำตอบนั้น แต่ดูเหมือนว่า ณนนท์ไม่เชื่อเธอเลยสักนิดเดียว เขาจ้องมองแววตาติดสั่น และพยายามหลบสายตา “ตรวจดีเอ็นเอ” พูดแค่นี้เดือนแรมก็รู้ความหมาย ณนนท์ไม่ลดละ แถมก้าวเดินมาหาเธออีกหนึ่งก้าว ระยะห่างตอนนี้ประมาณสองศอก ใกล้มาก ใกล้จนเธอทำตัวไม่ถูก ขยับเท้าไปทางด้านข้างหลายก้าวเพื่อหนีร่างหนา “ไม่ตรวจ” จบคำพูดประโยคนี้ ณนนท์ประชิดตัวเดือนแรม รั้งเอวสาวด้วยลำแขนใหญ่ เธอตกใจจนตัวสั่น อ้าปากค้างไม่คิดว่าเขาทำเช่นนี้ มือดันอกกว้าง “ปะ...ปล่อยนะ” “ทำไมไม่ตรวจ กลัวเหรอ” “ไม่ได้กลัว” ตอนนี้เดือนแรมยิ่งกว่ากลัวเสียอีก กลัวมากที่สุดคือ กลัวใจตัวเอง “ไม่กลัวก็ตรวจสิ จะได้รู้กันไปเลยว่า น้องไหมเป็นลูกสาวของพี่หรือเปล่า” ณนนท์ตื้อไม่หยุดเพราะมั่นใจว่า ไหมขวัญเป็นลูกตน
ทัณฑ์บำเรอมาเฟีย
ทุกอย่างจบสิ้น ขาทั้งสองข้างปรินดาสั่น ร่างกายอ่อนเพลียมากเพราะนับตั้งแต่เครื่องบินขึ้นสู่รันเวย์ เธอตกเป็นนางบำเรอของฌอร์นนานหลายชั่วโมง และเวลานี้เธอก็ทนไม่ไหว ความเป็นหญิงร้อนฉ่าและเจ็บปวด ปรินดาหลับตาขับน้ำตาให้ไหลย้อนกลับไป ไม่อยากให้เขาเห็นความอ่อนแอของตน แต่เขาก็เห็นจนได้... “ถูกกระแทกแค่นี้ทำเป็นเจ็บ โดนฉันมาไม่รู้กี่ครั้งแล้วไม่ชินหรือไง” ไม่มีความอ่อนโยนในน้ำเสียงและแววตา เขามองปรินดาด้วยสายตาสมเพชมากกว่า “ลุกขึ้นแล้วตามฉันไปห้องน้ำ ฉันจะเอาเธอในห้องน้ำอีกรอบแล้วจะปล่อยให้เธอพัก” พูดจบก็ผละร่างอย่างไม่ใยดี เดินโทงๆ เข้าไปในห้องน้ำ ปรินดายันตัวลุกนั่ง เจ็บระบมไปทั้งกาย แต่ก็ต้องฝืนทำตามคำสั่ง ก้าวเดินแข้งขาสั่นไปยังสถานที่เดียวกับฌอร์น ทำหน้าที่บำเรอกามด้วยใจร้าวราน
อุ้มรักนางบำเรอนอกหัวใจ
ความทรงจำอันเลวร้ายในอดีต เธอจำฝังใจ และเมื่อเขากลับเข้ามาในชีวิต หญิงสาวที่เคยอ่อนแอ ยอมจำนนทุกอย่าง ลุกขึ้นสู้ชายใจร้าย ใจดำ ให้รู้ว่า เธอไม่ได้อ่อนแอ ไม่ได้เป็นเบี้ยล่างเขาอีกต่อไป เขาต่างหาก ที่ต้องสิโรราบ หมอบกราบแทบเท้าตน ...................... "ได้โปรด...อย่าทำเอย เอยกลัวแล้วค่ะคุณยักษ์" ณศรินทร์ ยกมือไหว้ขอความเมตตา กระเถิบตัวหนีร่างสูงใหญ่ที่กำลังถอดเสื้อผ้า นัยน์ตาเขาไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย พร้อมฆ่าเธอได้ทุกเมื่อ "เธอร่านไม่ใช่เหรอ ฉันคงทำให้เธอไม่อิ่ม เธอถึงได้เที่ยวร่านไปแบให้ใครต่อใคร วันนี้ฉันจะทำให้เธอกระอักอิ่มไปหลายวัน" ............... "ต่อให้คุณกราบเท้าฉัน ขอร้องอ้อนวอนฉัน ทำดีกับฉันต่างๆ นานา เพื่อให้ฉันอภัยคุณ บอกไว้นะว่า ต่อให้คุณกราบเท้าฉันจนมือทะลุลงไปใต้ภิภพ ทำดีกับฉันจนตัวตาย ฉันก็ไม่มีวันยกโทษ คุณต้องได้รับโทษที่ทำไว้กับฉัน ฉันจะทำให้คุณรู้สึกเหมือนหมาข้างถนน ที่ไม่มีใครต้องการ" ณศรินทร์กล่าวไว้
เชลยสวาทชีคร้าย
กชนิภา...ตกเป็นของชีคใจร้ายด้วยความผิดที่ไม่ได้ก่อ ชีคอัสวาน...เห็นเธอเป็นเพียงเครื่องระบายความแค้น ความแค้นที่ลดลงในทุกๆ วัน และมีความรู้สึกอื่นเข้ามาแทนที่ โดยไม่รู้ตัว... ... “อย่าทำอะไรพี่ชายฉันเลย ฉันไหว้ล่ะ พี่ชายฉันไม่ได้ลงมือข่มขืนด้วย อย่าลงโทษถึงตายเลยนะคะ” กชนิภาอ้อนวอนอัสวาน ยกมือไหว้ชีคผู้เหี้ยมโหดตามปากพูด อัสวานมองหญิงสาวที่กล้าต่อปากต่อคำกับตนทั้งที่พี่ชายตัวเองผิดด้วยสายตาแข็งกร้าว ก่อนยกมือเป็นสัญญาณให้ลูกน้องหยุดลากตัวชายทั้งสองคน “แลกกับอะไรล่ะ” กชนิภาเงยหน้ามองคนพูด “เงินเหรอคะ คุณต้องการเท่าไหร่ ฉันจะหามาให้คุณค่ะ” อัสวานกระตุกยิ้ม นัยน์ตาประกายความเจ้าเล่ห์ “เงินฉันมีเยอะ เยอะจนฉันใช้ไม่ไหว แล้วฉันจะต้องการเงินจากเธอทำไม” “แล้วคุณต้องการอะไร บอกฉันสิคะ ฉันจะรีบหามาให้คุณ ขอแค่คุณอย่าทำอะไรพี่ชายฉัน ฉันยอมทุกอย่าง” “ฉันอยากได้ของที่ฉันไม่มีมากกว่า” “อะไรคะ คุณต้องการอะไร” เมื่อมีโอกาส กชนิภารีบคว้า “ตัวเธอไงล่ะ ถ้าอยากให้พี่ชายเธอรอด เธอต้องเป็นนางบำเรอของฉัน” กชนิภาตกใจอ้าปากค้าง ดวงตาสั่นไหวเสมือนหัวใจที่เต้นเร็วแรง เธอไม่คิดว่าจะได้ยินประโยคนี้ ประโยคที่ทำให้ ร่างกายทุกสัดส่วนแข็งทื่อ อาการตกใจไม่ได้เกิดแค่กชนิภาคนเดียว ยศวินก็ตกใจไม่คิดว่า อัสวานจะยื่นข้อเสนอนี้ “ฮะซีนจัดการ” ของแบบนี้ต้องมีแรงกระตุ้น ฮะซีนรู้คำสั่ง เขาลากตัวยศวินเข้าใกล้กรงจระเข้ ยศวินออกแรงทั้งหมดที่มีดิ้นรนหนี แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรได้มาก ในที่สุดยศวินถูกลากไปถึงกรงสัตว์ร้าย ฮะซีนเปิดช่องตรงกรงกำลังทำแบบเดียวกับที่ฮาริมทำกับโอดิล “โรสช่วยพี่ด้วย พี่ยังไม่อยากตาย ช่วยพี่ด้วยโรส” ยศวินร้องตะโกนลั่น ความกลัวอาบทั่วจิตใจ ไม่สนใจว่าการที่ตนรอดตายจะแลกด้วยสิ่งใด “จัดการมันฮะซีน” อัสวานเปล่งเสียงคำสั่ง อาดีบเดินเข้ามาช่วยฮะซีนยกร่างยศวิน “ฉันยอมแล้ว ฉันยอมแล้ว” กชนิภาเสียงสั่น “ฉันยอมคุณแล้ว คุณก็ต้องรักษาสัญญาด้วย” อัสวานกระตุกยิ้ม พอใจกับคำตอบ ซึ่งเขามั่นใจเกินร้อยว่า เธอต้องยอม แล้วก็เป็นไปตามที่เขาคาดเดาไม่ผิดเพี้ยน “คนอย่างฉันพูดคำไหนคำนั้น” อัสวานบอกสาวปากกล้า ก่อนพยักหน้าให้ลูกน้องที่ปล่อยร่างยศวินกับอนันต์ คนเป็นพี่ชายรีบคลานมาหาน้องสาว กอดรัดร่างกชนิภาไว้แน่นแล้วเอ่ยขอบคุณเบาๆ โดยไม่นึกถึงใจคนเป็นน้องสักนิดว่า จะรู้สึกอย่างไร เสียใจมากแค่ไหนที่ต้องใช้ร่างกายแลกชีวิตพี่ชาย “งั้นคุณก็ปล่อยพี่ชายฉันสิ” “ปล่อยแน่ แต่ต้องหลังจากที่เธอทำตามข้อตกลงซะก่อน แล้วฉันถึงจะปล่อยตัวพี่ชายเธอ” “คุณกลัวฉันเบี้ยว แล้วคุณไม่คิดเหรอว่าฉันจะกลัวคุณผิดคำพูด” กชนิภาโต้กลับทันควัน “ฉันไม่เดือดร้อนนะ กับการไม่ไว้ใจฉันของเธอ เพราะคนที่ตายไม่ใช่ญาติพี่น้องของฉัน แต่เป็นพี่ชายเธอ” อัสวานยักไหล่พูด ไม่แยแสใครทั้งสิ้น “ฉันเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น ไม่มีตุกติกหรือเล่นแง่” กชนิภามองชายหนุ่มที่เป็นต่อตนทุกทาง อัสวานเหมือนผู้คุมเกม ไม่มีทางที่เธอจะต่อกรกับเขาได้ “ตกลงค่ะ คุณว่ายังไงฉันว่าตามนั้น” อัสวานกระตุกยิ้ม “ฉันจะให้พี่ชายเธอกับเพื่อนอยู่ที่นี่จนกว่าหน้าที่ของเธอจะเสร็จ แล้วฉันจะปล่อยมันสองตัว” กชนิภามองชายหน้าตาหล่อเข้มทว่าจิตใจโหดเหี้ยมทั้งน้ำตา เธอไม่เคยรู้สึกอดสูและตัวเองไร้ค่าเท่าวันนี้เลย แต่ถึงกระนั้นกชนิภาก็ไม่อาจต่อรองกับบุรุษที่ถือถ้วยรางวัลแห่งชัยชนะได้เลย กชนิภาเดินตามร่างสูงใหญ่ของอัสวานออกไปจากห้องใต้ดิน เพื่อทำหน้าที่นางบำเรอตามข้อตกลง
รักร้าว
รักกันมาก แต่อยู่ด้วยกันไม่ได้ จุดเริ่มต้นของความรักคือความเข้าใจผิด และเมื่อเขารู้แจ้งเห็นชัดด้วยตัวเอง ความเกลียดชังในจิตใจแปรเปลี่ยนเป็นความรัก ที่อยู่บนพื้นฐานของความไม่ถูกต้อง ความรักหลบๆ ซ่อนๆ จึงเกิดขึ้น .......... เธอต้องเลือกระหว่าง ถูกใจกับถูกต้อง และเดินจากเตมินทร์ด้วยใจร้าวราน พร้อมกับสายใยรักระหว่างเขากับเธอ ...... “เธอชื่อสุดา เป็นเพื่อนหมวย” คนที่นั่งร่วมโต๊ะหันมองเตมินทร์เป็นตาเดียว “เพื่อนหมวยเหรอ” วิญญูถาม “อืมใช่ เพื่อนสนิทหมวย แต่ทางบ้านหมวยไม่ค่อยชอบเพราะจน” เตมินทร์บอกเพิ่มเติม “พี่สาวของสุดาทำงานที่นี่ด้วยนะคะ ชื่อสร้อยค่ะ” เสียงแทรกขึ้นมาเป็นเสียงฤดี ที่เรียกความสนใจให้สี่หนุ่มมาก “เป็นพีอาร์เหมือนฤดีไงคะ” “หึ...” เตมินทร์กระตุกยิ้ม ทำเสียงเหยียดจันทร์สุดาเบาๆ เพราะคิดว่า คงมีอาชีพเสริมไม่ต่างกับพี่สาว แต่คงลืมคิดไปว่า นักร้องที่นี่ไม่รับงานนอก แม้ว่าสร้อยสุดาเป็นพีอาร์คลับหรู เธอเคยมานั่งเอาใจหนุ่มๆ โต๊ะนี้สองครั้ง แต่ไม่เคยถูกหิ้วไปหาความสุขข้างนอก อาจเป็นเพราะหนุ่มกลุ่มนี้ มักเรียกใช้บริการ ‘เด็กนอก’ ที่รู้กันว่า อยู่ในสังกัดของมณีรัตน์ สวยเด็ดดวงทั้งสิ้น “ทำหน้า ทำเสียงแบบนี้ ทำให้ฉันคิดนะว่า นายไม่ชอบสุดา” สันติชัยที่นั่งอยู่ใกล้เตมินทร์ เห็นสีหน้าเตมินทร์พอดี เขาอดถามไม่ได้ “ก็แค่ไม่ชอบหน้า ไม่รู้ทำไม ตอบไม่ได้เหมือนกัน” คนถูกถามตอบตรง “แต่ถึงฉันไม่ชอบหน้า ฉันก็ไม่คิดว่าเป็นประเด็นหลัก เพราะไม่คิดเสวนากับสุดาอยู่แล้ว เจอหน้ากันก็แทบไม่คุยกัน” เตมินทร์เคยไปเจอเพื่อนวัชรีพรหลายคน หนึ่งในนั้นคือจันทร์สุดา ทุกครั้งที่เจอกันก็แค่ยิ้มทักทาย ไม่ได้พูดคุยกันสักคำ ต่างกับเพื่อนคนอื่นของวัชรีพรที่เตมินทร์สนทนาด้วย ดูเหมือนจันทร์สุดารู้ตัวว่า เตมินทร์ไม่ชอบหน้าตน เธอก็จะหลีกเลี่ยงไม่ร่วมคุยด้วย นั่งกินอาหารเงียบๆ คุยกับแค่เพื่อนของตัวเองเท่านั้น .... เมื่อความไม่ชอบหน้า กลายเป็นความรัก หัวใจสองดวงจึงร้าวระบมเพราะพิษรัก
คลั่งรักเมียบำเรอ
เขมนัทต์แทบจะตกเก้าอี้เมื่อรู้ว่า หญิงสาวคนต่อไปที่จะมาเป็นเมียบำเรอเขาคือใคร เธอคือเอมิกา สาวน้อยกะโปโลที่ไม่เคยอยู่ในสายตาเขาเลย เจอหน้ากันทีไร เมินใส่เสมอ กลืนน้ำลายตัวเองแทบไม่ทัน... เขาพบกับคำนี้ เมื่อได้พบกับเอมิกาในลุคใหม่... จากเดินหนีเป็นพุ่งใส่....ใส่แบบไม่ยั้งด้วย ........ “มานี่สิ” เสียงเขมนัทต์ดังทำลายความเงียบ เอมิกาก้าวเดินมาหาคนสั่งด้วยขาค่อนข้างสั่น แต่หัวใจสั่นหนักกว่า ยิ่งเดินเข้าใกล้เขา อัตราการเต้นของหัวใจก็ยิ่งเพิ่มทวี เอมิกามาหยุดยืนริมเตียง เธอหลุบตามองลำแขนใหญ่ที่ยกขึ้นสูง และเคลื่อนตัวมาจับเอวตน ก่อนเขาจะออกแรงรั้งร่างสาวมานั่งบนตัก เก็บกักเอมิกาไว้ด้วยอ้อมแขน ทั้งสองจึงชิดใกล้กันมากขึ้น มีเพียงผ้าขนหนูที่พันรอบอกเอมิกาเท่านั้นที่กั้นกลาง ว้าว... กลิ่นกายเอมิกาหอมมาก หอมกระตุ้นความกำหนัดเขาได้เป็นอย่างดี เขาไม่รู้สึกเช่นนี้มาก่อน ความรู้สึกที่ว่า เพียงแค่ได้สัมผัสกลิ่นกายเธอ อารมณ์ตนจะพลุ่งพล่าน ความกำหนัดถูกปลุกขึ้นมาทันใด เขมนัทต์กอดเอมิกาแน่นขึ้น กดจมูกลงบนหัวไหล่เธอ วินาทีนี้ร่างเธอสั่นสะท้าน หัวใจเต้นกระหน่ำ ความตื่นเต้นปกคลุมจิตใจ “หอมจัง” เขมนัทต์พูดหลังจากได้สูดดมความหอมที่คละเคล้ากันระหว่าง กลิ่นโลชั่นกับกลิ่นแป้ง “ไม่รู้ว่า ตรงอื่นจะหอมอย่างนี้ไหม ไม่แน่อาจหอมกว่าด้วยซ้ำไป” โอ้ว... ประโยคนี้ชวนใจสั่นตัวสั่นเหลือเกิน เอมิกาไม่ใช่เด็กน้อยถึงไม่รู้ว่า ความนัยในคำพูดเขมนัทต์คืออะไร แรงสั่นทำให้เจ้าของอ้อมแขนลอบยิ้ม
ดั่งลมต้องรัก
ลมพัดความรักมาสู่ใจ และลมพัดความรักเก่าหวนคืน ...... พันลภตัวแข็งทื่อตรงหน้าประตูบ้าน เมื่อเห็นสตรีดวงหน้าสวยหวาน แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางบางเบา แต่กลับทำให้เธอโดดเด่นสวยงามจับตา เป็นความงดงามไม่เคยเปลี่ยนแปลง แม้ว่าเวลาผันผ่านมานานหลายปีที่ไม่ได้เจอหน้ากัน อัญชิสานั่งบนโซฟา เธอส่งยิ้มให้เจ้าของบ้านที่ยังยืนอยู่จุดเดิม ราวกับถูกแช่แข็ง ร่างกายขยับเขยื้อนไม่ได้ ก่อนขยับสายตามองเด็กชายที่ไม่ทราบแน่ชัดว่าอายุเท่าใดข้างกายเธอ ใช่อัญชิสาจริงๆ ด้วย...พันลภครางในใจ นัยน์ตายังไม่ถอนจากใบหน้าเธอ “พี่พีท” เสียงหวานของอัญชิสาทำลายความเงียบ เธอส่งยิ้มให้พันลภกว้างขึ้น “ไอซ์” ชื่อเล่นนี้จำได้ขึ้นใจ “ไอซ์มาที่นี่ได้ยังไงครับ” อัญชิสายังไม่ตอบ เธอหันไปทางเด็กชาย ประโยคหนึ่งดังจากปากสาว เรียกความตกใจให้พันลภ ชนิดที่ว่า อ้าปากค้าง หัวใจแทบหยุดเต้น มองสองแม่ลูกสลับกันไปมา “น้องแชมป์ครับ ไหว้คุณพ่อพีทสิลูก” เด็กชายชณาทิปลุกขึ้นยืน เดินไปหาพันลภที่เอาแต่มองหน้าคนกำลังเดินมาหาตนนิ่ง “ลูกเหรอคะ เด็กคนนี้เป็นลูกชายพี่พีทหรือคะ” พันลภหันขวับมองต้นเสียง ที่ตกอยู่ในอาการตกใจไม่ต่างกับตน รวมถึงกลุ่มคนที่เดินมาสมทบ ทั้งหมดได้ยินคำถามประภาวรรณพอดี สายตาพุ่งตรงไปยังอัญชิสากับเด็กชายที่กล่าวอ้างว่า เป็นลูกชายพันลภ “ใช่ลูกพี่พีทจริงหรือคะ” “ใช่ค่ะ น้องแชมป์เป็นลูกพี่พีทกับไอซ์ค่ะ” อัญชิสาตอบแทน พันลภถึงกับทำอะไรไม่ถูก ปกติเขาไม่ใช่คนยอมรับเรื่องที่ไม่ใช่ ครั้งนี้เขาพูดไม่ออก ราวกับว่าลืมวิธีพูดก็ว่าได้ ยืนนิ่งมองหน้าอัญชิสาสลับกับมองหน้าประภาวรรณที่ตกอยู่อารามตกใจ พันลภสัมผัสได้ถึงความเสียใจในแววตาน้องสาวเพื่อนสนิท หัวใจเขาสั่นไหวขึ้นมาทันทีทันใด
สุดปรารถนา
“ฉันจะอ่อนโยนกับเธอให้เหมือนผีเสื้อมาบินมาเกาะเกสรดอกไม้” เขาเอ่ยชิดเรียวปากคู่สวย แล้วจูบซ้ำๆ ลงไปอีกหลายครั้ง สุดปรารถนาปรือตามองเขา อารมณ์เธอสั่นพร่า หวามไหวไปกับสัมผัสรัญจวน ที่เพียงแค่จุมพิต เธอรู้สึกเหมือนวิญญาณออกจากร่าง “เธอรู้ไหมว่า เวลาผีเสื้อบินมาดูดน้ำหวานจากเกสรดอกไม้ ผีเสื้อจะรู้สึกยังไง แล้วน้ำของเกสรดอกไม้จะหมดไปหรือเปล่า ว่าไงตอบฉันมาสิ ว่ารู้ไหม” “ไม่รู้ค่ะ” เธอตอบเสียงสั่น มองหน้าเขาในระยะห่างไม่ถึงคืบด้วยใจไหวหวั่นและขวยเขิน “แล้วอยากรู้ไหมว่า ผีเสื้อจะรู้สึกยังไงและน้ำหวานจะหมดไปหรือเปล่า” เขาถามต่อ แล้วดูเหมือนว่าอลงกตจะใจร้อนไม่เอาคำตอบ “ฉันจะทำให้เธอรู้ด้วยตัวเอง” สุดปรารถนาไม่เข้าใจคำพูดของอลงกต เธอจะรู้ได้อย่างไรในเมื่อไม่ใช่เกสรดอกไม้และไม่ใช่ผีเสื้อ ทว่าความสงสัยกลายเป็นความตกใจ เมื่อเขาลดตัวไปฝังหน้าอยู่กับความเป็นอิสตรีเพศโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว จะหนับขาก็ไม่ทัน จะดันหน้าเขาให้ถอยห่างก็ไม่ได้
วิวาห์ไร้เสน่หา
งานแต่งงานที่ไร้ซึ่งความรัก ทำให้หัวใจสองดวงต้องเจ็บปวด หนึ่งรักมั่นคงกับอดีตคนรัก อีกหนึ่งหลงรักสามีไร้หัวใจ .......... “วันนี้ฉันไปงานวันเกิดเพื่อนที่โรงแรม ฉันเห็นเธอเดินกับผู้ชายที่นั่นด้วย คนนี้ใช่ไหมที่เธอบอกว่าเป็นเพื่อนและไปเที่ยวคลับด้วยกัน” น้ำเสียงติดเข้มห้วน ใบหน้าเรียบตึง มองพราวพรรณตาขวาง “ใช่ค่ะ คนนั้นคือพี่ไอซ์ เขาเป็นรุ่นพี่และเพื่อนสนิทของพราวเอง” พราวพรรณตอบตามตรง ไม่มีอะไรต้องปิดบัง “เพื่อนแน่เหรอ” พุฒิวัตรถาม เขาไม่อยากเชื่อว่าสิ่งที่เธอพูดมาเป็นความจริง เพราะภาพที่เขาเห็นมันมีอะไรมากกว่านั้น “แน่สิค่ะ” พราวพรรณย้ำ ไม่เข้าใจว่าทำไมพุฒิวัตรถึงถามเรื่องปวีณวิชมากมายขนาดนี้ “เพื่อนที่ไหนเขาไปกันเที่ยวกันกลางค่ำกลางคืนสองต่อสอง เธอบอกความจริงฉันมาดีกว่าว่า หมอนั่นเป็นใคร” กระแสเสียงเข้มขึ้นกว่าเดิม นัยน์ตาคุกรุ่นไม่พอใจ “พี่ไอซ์เป็นเพื่อนพราวจริงๆ ค่ะ แล้วพราวไปกันหลายคน คุณเห็นแค่อยู่ในโรงแรม แต่ถ้าคุณเห็นตอนพราวอยู่ในคลับ คุณจะรู้ว่า พราวไม่ได้ไปกับพี่ไอซ์แค่สองคน” พราวพรรณอดทนอธิบายย้ำให้พุฒิวัตรฟัง “พราวไปงานเลี้ยงพร้อมเพื่อนอีกสองคนค่ะ คุณพุฒิไม่รู้จักเพื่อนพราวเลยเข้าใจผิดคิดว่าพราวไปกับพี่ไอซ์ จริงๆ แล้วพราวบังเอิญเจอพี่ไอซ์ด้วยซ้ำไป ไม่คิดว่าพี่ไอซ์จะมางานแต่งนี้ด้วย” “ก็ฉันไม่ได้อยากรู้จักเพื่อนของเธอ ฉันแค่อยากบอกกับเธอว่า ฉันไม่อยากถูกสวมเขา” พราวพรรณถึงกับหน้าชากับประโยคนี้ “ฉันไม่รู้หรอกนะว่า ความจริงผู้ชายคนนั้นมีความสัมพันธ์แบบไหนกับเธอ จะพี่ชาย เพื่อนหรือแฟน ฉันแค่อยากเตือนสติเธอ ตอนนี้เธอเป็นเมียฉันอยู่ ถึงแม้คนจะรู้ไม่กี่คนก็ตาม ฉันไม่อยากถูกสวมเขา คิดจะทำอะไรนึกถึงทะเบียนสมรสของเราด้วย ระงับความอยากไว้รอวันที่เราหย่ากันดีกว่า ซึ่งฉันคิดว่าคงไม่เกินปีหน้า เธอเข้าใจที่ฉันพูดใช่ไหม” เพี้ยะ... พุฒิวัตรพูดจบ เสียงฝ่ามือฟาดลงบนแก้มเขาเต็มแรงจนเกิดรอยนูนฝ่ามือ ใบหน้าคมคายหันไปตามแรงตบ ก่อนหันมองหน้าพราวพรรณด้วยสายตาวาวโรจน์ เพราะครั้งนี้เป็นครั้งแรกในชีวิตกับการถูกผู้หญิงตบหน้า “คุณเฉยชา ไม่เห็นฉันในสายตา ฉันทนได้ แต่มากล่าวหาว่าฉันมีชู้ ฉันไม่ขอทน” พราวพรรณระเบิดอารมณ์ใส่ เธอไม่คาดคิดว่าเขาจะคิดชั่วๆ แบบนี้ได้ “ฉันไม่เคยทำแบบนั้น แล้วฉันก็อธิบายให้คุณฟังไปแล้ว คุณจะเชื่อไม่เชื่อก็เรื่องของคุณ แต่อย่ามากล่าวหากัน มันมากเกินไป” “จะให้ฉันเชื่อได้ยังไงก็ภาพที่ฉันเห็นมันฟ้อง ว่าเธอกำลังมีชู้ เมื่อคืนก็ไปกับมัน คืนนี้ก็ไปกับมันอีก ไม่ใช่ว่าไปเที่ยวทะเลไปกับมันอีกนะ ติดใจอะไรมันหนักหนา มันทำเก่งกว่าฉันหรือไง เธอถึงได้อยากวิ่งเข้าหาชู้จนตัวสั่น” พุฒิวัตรไม่อั้นอารมณ์ เวลานี้มีทั้งความโกรธและความหึงหวงที่วิ่งเข้ามาในจิตใจโดยไม่รู้ตัว พุฒิวัตรกำลังเถียงกับตัวเองว่าความรู้สึกเขาตอนนี้คือ กลัวเธอสวมเขา ก็เท่านั้น
เลขาพาร์ทไทม์
กฎเหล็กของเศกภพคือ ไม่ยุ่งกับพนักงานในบริษัทในเชิงชู้สาว แต่พอรู้ว่า จันทร์หอมคือเลขาของเขา คำพูดที่ว่า กฎมีไว้ให้แหกก็ผุดขึ้นในหัว จะว่าไปเขาไม่ได้แหกกฎสักนิดเดียว เพราะเธอคือ เลขาพาร์ทไทม์ ... เศกภพชะงักเท้าเมื่อเห็นพนักงานเสิร์ฟสาวนั่งหลับบนโซฟา เขาควรไม่สนใจคนกำลังนอนหลับ แค่เดินไปหยิบมือถือที่ลืมมันไว้บนโซฟาตัวที่ตนนั่งอยู่ ซึ่งบังเอิญว่าอยู่ใกล้กับจุดที่เธอนั่งพอดี ‘แค่หยิบแล้วเดินออกไป’ เป็นเรื่องง่ายมาก เนื่องจากมือถือราคาหลายหมื่นของเศกภพไม่ได้ถูกเธอนั่งทับ แต่เหตุใดมิทราบได้ร่างสูงใหญ่ทรุดตัวลงนั่งบนโซฟา เว้นระยะห่างเพียงหนึ่งคืบ เป็นระยะห่างที่ใกล้กันมาก...ใกล้จนได้กลิ่นหอมจากตัวเธอ เกิดความร้อนรุ่มขึ้นมาทันใด กลิ่นกายเธอทำให้ใจเขาวุ่นวายคล้ายไม่อยู่กับตัว เตลิดไปตามอารมณ์ปรารถนาที่ผุดขึ้นในความรู้สึก ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากมาก ไม่เคยมีผู้หญิงคนใดปลุกความกำหนัดเขาได้รวดเร็วเท่าเจ้าหญิงนิทราคนนี้เลย เศกภพมองหน้าเนียนใสไร้เครื่องสำอาง จะมีเพียงลิปสติกสีชมพูอ่อนที่เคลือบบนริมฝีปากเท่านั้น ต่างกับพนักงานเสิร์ฟคนอื่นที่แต่งแต้มใบหน้าด้วยเครื่องสำอางแบบจัดเต็ม ความเป็นธรรมชาติบนดวงหน้าหวาน สะกดสายตาเขาได้เป็นอย่างนี้ มองเธอนิ่งนาน... “น่ารักดี” เศกภพเอ่ยโดยไม่รู้ตัว แก้มนวลเนียนถูกหลังมือใหญ่ลูบเบาๆ ดวงตาจับจ้องดวงหน้าแมวขี้เซาแล้วยิ้ม ขณะที่กำลังเพลินกับการมองหน้าสตรีแปลกหน้า ความตกใจเกิดขึ้นเมื่อเธอเริ่มรู้สึกตัว ใบหน้าขยับเล็กน้อย เปลือกตาคล้ายกำลังเปิด เศกภพชักมือกลับแทบไม่ทัน รีบคว้ามือถือที่วางข้างแมวน้อย จากนั้นก็รีบเดินออกจากห้อง อาการคล้ายคนทำผิดและกลัวถูกจับได้
อุ้มรักสามีไร้ใจ
"ยัยลูกหมา..." คือชื่อเรียกหล่อน จากปากสามีไร้ใจ ... เขาหมายตาน้องสาว แต่ดันได้พี่สาวมาเป็นแม่ของลูก ด้วยเล่ห์เหลี่ยมของลัดดา ทำให้เขากับครอบครัวไม่พอใจ แล้วนำความรู้สึกมาลงที่หล่อน หน้าที่หลักของหล่อนคือ อุ้มท้องลูกของเขา คลอดมาเมื่อไหร่ ถูกเฉดหัวออกจากบ้านเมื่อนั้น .... ธรรม์บดีมองรองเท้าที่วางเรียงหน้าประตู เขาสวมรองเท้าคู่ซ้ายมือสุด ก้าวเท้าเดินไปยังโรงจอดรถ เพื่อขับรถออกจากบ้าน อีกไม่กี่ก้าวจะถึงรถหรู สีหน้าเขาบึ้งตึงเมื่อเห็นกุลธิรัตน์ยืนอยู่ข้างรถ “คุณอิฐไม่ได้กินมื้อเช้า ลูกหมีกลัวว่าคุณอิฐจะหิว เลยทำแซนวิซให้ค่ะ” กุลธิรัตน์ส่งถุงใส่ของว่างให้สามีที่หลุบตามองแวบหนึ่ง มือใหญ่กระชากถุงจากมือหล่อนแรงมาก “สาระแนนัก ยัยลูกหมา” ธรรม์บดีหมุนตัวเปิดประตูรถ เขาโยนถุงในมือไปตรงเบาะด้านข้างคนขับ สอดตัวเข้าไปนั่งประจำที่ จากนั้นเขาขับรถออกจากบ้านทันที
พยาบาทพิศวาส
ความแค้นของกัลป์ฝังรากลึก เขาออกตามล่าตัวต้นเหตุที่ทำให้น้องสาวกลายเป็นคนเสียสติ แต่คนที่ต้องรับกรรมคือ น้องสาวของตัวการ "เธอเลือกเอาเองว่าจะนอนกับฉันคนเดียว หรือให้ลูกน้องฉันร่วมสนุกด้วย" ... “คุณอย่าทำอะไรฉันเลยนะ...ฮือ...ฉันไหว้ล่ะ...อย่าทำอะไรฉันเลย” ขวัญข้าวขอร้องทั้งน้ำตา ยกมือไหว้กัลป์ ทำท่าจะก้มลงกราบ “ถึงเธอจะกราบเท้าฉัน ฉันก็ไม่มีวันเปลี่ยนใจ กล้วยไม้น้องสาวของฉันก็คงทำแบบเดียวกับเธอ แต่พี่ชายเธอไม่มีความเมตตาปรานี แล้วฉันจะมีให้เธอได้ยังไง” ชื่อเล่นที่ดังจากปากชายน่ากลัวตรงหน้า ทำให้ขวัญข้าวตกใจอีกรอบ เพราะชื่อนี้เป็นชื่อเดียวกันกับหญิงสาวที่เธอส่งข้าวส่งน้ำให้นานเป็นสัปดาห์ มองดูเธอคนนั้นเผชิญชะตากรรมโหดร้าย แต่ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากช่วย ขวัญข้าวช่วยไม่ได้ต่างหาก “ฉัน...” ขวัญข้าวพูดไม่ออก “เธอรู้ไหมว่า ตอนนี้น้องสาวของฉันเป็นยังไง กล้วยไม้สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จำใครไม่ได้แม้กระทั่งตัวเอง พ่อกับแม่ของฉันต้องเจ็บปวดใจเมื่อเห็นสภาพลูก ร้องไห้จนไม่มีน้ำตาจะไหล ฉันเป็นพี่หัวใจแทบสลาย ไม่มีหลงเหลือแล้วกับคำว่าครอบครัวอบอุ่น ความสุขที่เคยมีกลายเป็นความทุกข์แสนสาหัส ทุกคนในบ้านเหมือนตกนรกทั้งเป็น กล้วยไม้ต้องหมดอนาคตเพราะพี่ชายสุดชั่วของเธอ แบบนี้ฉันจะเมตตาปรานีเธอได้ยังไง เธอตอบฉันมาสิว่า ฉันควรจะเมตตาเธอหรือเปล่า” กัลป์กล่าวเสียงเดือด ระเบิดน้ำเสียงจนเส้นเอ็นตรงลำคอขึ้น ดวงตาลุกโชนจากแรงโทสะที่โหมเข้าสู่จิตใจ นึกถึงสภาพของพรรณพฤกษาในกระท่อม อารมณ์ของเขาเพิ่มทวีคูณ อยากจะแล่เนื้อขวัญข้าว แล้วเอาเกลือทามองดูเธอตายอย่างช้าๆ ให้หายคับแค้นใจ แต่ถ้าทำเช่นนั้นดูเหมือนจะไม่สะใจมากพอ ครอบครัวของเธอจะต้องพบเจอเรื่องเลวร้ายเช่นเดียวกับตน “ฉันขอโทษ...ฮือ...ฉะ...ฉันขอโทษ...ฉัน” ขวัญข้าวเอ่ยคำขอโทษ รู้ทั้งรู้ว่า คำๆ นี้เขาอาจไม่ต้องการ แต่เธอก็อยากจะขอโทษที่ช่วยเหลือน้องสาวเขาไม่ได้ กัลป์ไม่สนคำขอโทษ เขาก้าวเดินมาหาขวัญข้าวราวกับราชสีห์จ้องเหยื่อ ก่อนจะกระชากแขนเธอสุดแรง ขวัญข้าวลุกขึ้นยืนตามแรงฉุด ไม่กี่อึดใจต่อมา ร่างอรชรถูกเหวี่ยงไปบนเตียงนอน พอแผ่นหลังขวัญข้าวสัมผัสกับที่นอน เธอรีบดีดตัวลุกขึ้นนั่ง กระเถิบตัวหนีกัลป์ ใบหน้าสวยหวานอาบไปด้วยความหวาดกลัว น้ำตาไม่เคยห่างหายไปจากแก้ม ปากสั่น ตัวสั่น “เธอหนีฉันไม่พ้นหรอก ฉันจะให้ลูกน้องสนุกกับเธอจนเธออิ่ม รับรองสำลักความสุขแน่ๆ เธอจะต้องโดนเหมือนที่กล้วยไม้โดน” กัลป์พูดเสียงเยียบเย็น กระตุกยิ้ม ก่อนจะตะโกนเรียกลูกน้องที่อยู่นอกห้องให้เข้ามาด้านใน “พวกมึงสนุกกันให้เต็มที่ แต่ระวังหน่อยนะ ระวังเธอจะตายคาเตียง” ขวัญข้าวเบิกตากว้างมองกลุ่มชายฉกรรจ์สี่คนที่เดินเข้ามาในห้อง ความกลัวพล่านในหัวใจ มองซ้ายมองขวาหาทางหนี แต่เธอจะหนีไปที่ใดได้ ไม่มีทางไหนที่จะหนีออกไปจากห้องนี้ได้เลย นอกจากประตูห้องบานนั้น ซึ่งมันก็อยู่ไกลในความรู้สึกของเธอเหลือเกิน ทั้งที่มันห่างแค่ไม่กี่เมตร ขวัญข้าวตระหนักวินาทีนี้เองว่า ความกลัวของกล้วยไม้เป็นอย่างไร ไม่แปลกที่กล้วยไม้สติจะหลุดลอย ผลกรรมที่คชาทำไว้กับน้องสาวของคนออกคำสั่ง กำลังส่งผลถึงเธอ ทั้งที่ขวัญข้าวไม่ได้เป็นคนกระทำ “ไม่นะ อย่าทำฉัน อย่าเข้ามา” ขวัญข้าวไม่เคยกลัวอะไรเช่นวินาทีนี้มาก่อน เธอกระโดดลงมายืนข้างเตียงอีกฝั่งหนึ่ง มองไปยังชายสี่คนที่เดินอ้อมเตียงมาทางตน ส่วนกัลป์ยืนกอดอกแล้วยิ้ม มองดูเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างสาแก่ใจ ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง รอดูผลงานเมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น “อย่าเข้ามา อย่า...กรี๊ด” ขวัญข้าวกรีดร้องเสียงดังลั่นห้อง เมื่อหนึ่งในสี่กระชากร่างเธอมากอด แล้วเหวี่ยงไปบนเตียง เธอแทบจะกลั้นใจตาย เพราะรู้ดีว่า ไม่อาจรอดจากเงื้อมมือของพวกเขาได้ เรื่องเลวร้ายที่สุดในชีวิตของเธอกำลังจะเกิดขึ้น เหมือนกับพรรณพฤกษาไม่มีผิด...
รอยจูบมัจจุราช
“เธอไม่รอดแน่ คราวนี้ฉันจะจูบเธอทั้งตัว” ... ลีออน สแตนฟอร์ด หนุ่มผู้ดีจากเมืองอังกฤษ เจ้าของฉายา ‘หมาล่าเนื้อ’ เพราะไม่มีเนื้อสมันรายใดหนีรอดเงื้อมมือเขาได้ เหยื่อรายใดที่ถูกจ้อง รายไหนรายนั้นก็มา ‘ทอดกายให้ลิ้มลอง’ มันง่ายราวกับปอกกล้วยเข้าปาก แต่เธอ...สมันน้อยแสนงามที่ชายหนุ่มหมายใจตั้งแต่แรกเห็น ว่าน่ากินที่สุด กลับทำให้เขาต้องใช้เวลา ‘ล่า’ นานที่สุดเช่นกัน! ‘เพียงจูบเดียว’ ที่ทำให้เดือนดารา สาวชาวไทยตกเป็นเหยื่อหมาล่าเนื้อโดยไม่รู้ตัว เธอถูก ‘หลอกล่อ’ ให้ติดกับดักที่ลีออนเป็นผู้ชักนำ กว่าจะรู้ตัวทุกอย่างก็สายเกินไป หญิงสาวตกลงไปในบ่วงเสน่หาของเขา ซาตานร้ายจนถอนตัวไม่ขึ้น ..............
บำเรอรักนายหัวเถื่อน
หล่อนไม่เสียใจที่ตกเป็นของผู้ชายที่เกลียดหล่อนเข้าไส้ แม้จะเป็นได้แค่เพียงดอกไม้ประดับเตียง แต่หล่อนก็ยอมพลีกายให้เขา หากมันจะลบล้างความผิดที่ตนทำไว้... .... “นี่แม่คุณ กอดฉันซะแน่นเดี๋ยวได้จมกันทั้งคู่” “ก็ฉันกลัวนี่” อริศราตอบตามตรง “พาขึ้นเรือได้แล้ว เดี๋ยวจม” “พาขึ้นแน่ แต่เธอต้องให้รางวัลที่ฉันลงมาช่วยเธอก่อน” เมืองแมนมีข้อต่อรอง “ถ้าไม่ให้รางวัลฉัน ฉันจะปล่อยให้เธอจมน้ำ” “คุณอยากได้อะไรล่ะ” ถามไปโดยไม่คิด ตอนนี้อริศราไม่คิดอะไรทั้งนั้น ขอเพียงได้ขึ้นไปจากน้ำเร็วๆ “จูบฉันสิ” เขาตอบ หญิงสาวตกใจกับรางวัลที่เขาต้องการ “ถ้าไม่จูบ ฉันปล่อยนะ” เพียงแค่เขาทำท่าจะคลายลำแขนออก อริศรากอดร่างแกร่งไว้แน่น ยื่นหน้าไปประกบปากหนาอย่างรวดเร็ว “จูบแล้ว” หล่อนบอก “จูบตอนไหน ฉันไม่เห็นรู้สึก” “ก็เมื่อกี้ไง” “เมื่อกี้เรียกจูบเหรอ ฉันรู้สึกแค่เธอเอาปากมาชนปากฉัน อย่างนี้ปล่อยให้จมน้ำดีไหมเนี่ย” “อย่านะ” หญิงสาวรีบบอก เมื่อเห็นเขาจะคลายแขนออกจริงๆ “ฉัน...ฉันจูบไม่เป็น” “งั้นฉันจะสอนให้ สอนแล้วต้องจำนะ เพราะถ้าเธอจูบไม่เป็นสับปะรด ฉันจะจับตัวพี่สาวเธอมาจูบแทน” ขู่ได้ขู่ดี ขู่เก่งยิ่งกว่าหมาเสียอีก... เหอะ...ขู่แบบนี้ ไม่ทำตามก็คงไม่ได้อีกตามเคย โรมานซ์แก้แค้น
ดั่งทรายต้องลม
ของบางอย่างมักเห็นค่า ในเวลาที่เสียมันไป .... “เปิ้ลจะมาอยู่บ้านหลังนี้ในฐานะเมียพี่อีกคนนะ” ความเจ็บช้ำที่พราวฟ้าได้รับน้อยไปใช่ไหม ปรินทร์ถึงได้โยนความรู้สึกนั้นเข้าจิตใจเธอมากขึ้น มันมากมายเสียจนพราวฟ้าคิดว่า ชาตินี้ทั้งชาติไม่รู้ว่าจะสลัดหลุดความร้าวรานใจได้หรือไม่ น้ำตาที่เพิ่งแห้งเหือดไปพักหนึ่ง ตอนนี้กำลังทำงานอีกครั้ง ไหลรินเป็นทาง ปรินทร์พูดออกไปแล้วก็นึกอยากตบปากตัวเอง เขาไม่ควรเอ่ยประโยคนี้เป็นประโยคแรก ควรเป็นคำพูดที่ทำให้ความเสียใจปัดออกไปจากหัวใจพราวฟ้ามากกว่า เขาไม่รู้สาเหตุว่า ทำไมปากเขาหนัก ขาตัวเองแข็งเช่นนี้ ได้แต่ยืนมองพราวฟ้าที่ร้องไห้อย่างน่าสงสาร “ถ้างั้นทรายจะไปจากที่นี่ค่ะ” ไม่มีผู้หญิงคนไหนทนได้ ทนเห็นผู้หญิงอีกคนเข้ามาอยู่ในฐานะเมียน้อย แค่นี้เธอก็เจ็บปวดมากพอแล้ว “ทรายอยู่ที่นี่ไม่ได้ค่ะ ไม่ได้แม้วินาทีเดียว” ปรินทร์ตกใจไม่คิดว่าพราวฟ้าจะตัดสินใจเช่นนี้ หัวใจเขาหล่นตุ๊บ ใจหายกับประโยคที่ได้ยิน “มันยากนักหรือไงที่จะอยู่ด้วยกัน พี่ก็ไม่เห็นว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโตอะไร ต่างคนต่างอยู่ก็หมดเรื่อง เปิ้ลเป็นผู้ดีพอ ไม่มารังควานทรายหรอก” ปากหนอปาก พูดไปโดยไม่ทันคิดอีกแล้ว และไม่เคยคิดไตร่ตรองว่า วาจาที่เอ่ยออกไปสร้างแรงสะเทือนเกิดขึ้นในใจพราวฟ้าหนักมาก “สำหรับคุณอาจไม่คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่ แต่สำหรับฉัน มันคือเรื่องใหญ่ที่สุดในชีวิตคู่ ไม่มีผู้หญิงคนไหนทนได้หรอกค่ะ คุณลองคิดกลับกัน ถ้าฉันพาผู้ชายมาอยู่ที่นี่อีกคนในฐานะผัวน้อย คุณจะรู้สึกยังไง ที่ฉันนอนกับคุณวันนึง นอนกับผัวน้อยวันนึง คุณคงมีความสุขมากสินะ” พราวฟ้าเถียงกลับ ปรินทร์นิ่งอึ้ง ตกใจ มองคนพูดนิ่ง พราวฟ้าเป็นคนไม่มีปากมีเสียง แทบจะไม่เถียงใครเลยทั้งสิ้น นับตั้งแต่อยู่กินกันมาวันนี้เป็นวันแรกที่เธอกล้าต่อปากต่อคำ และไม่หมดเพียงแค่นี้ “คุณเปิ้ลเป็นผู้ดีหรือคะ ผู้ดียังไงถึงได้ยอมเป็นเมียน้อยคนอื่น ผู้ดีจริงๆ เขาจะหยิ่งทระนงในศักดิ์ศรีของตัวเอง ไม่ทำตัวต่ำ ไม่ทำให้ตัวเองโดนติฉินนินทา จะคิดทำอะไรต้องใช้สติคิด นี่ต่างหากค่ะที่เรียกว่าผู้ดี ฉันคงอยู่ที่นี่ไม่ได้หรอกค่ะ เพราะฉันเป็นคนชั้นต่ำ ไม่เหมาะกับดงผู้ดี เชิญคุณอยู่กับคุณเปิ้ล ผู้หญิงที่คุณเลือก ส่วนฉันก็จะไปตามทางของฉัน” ปรินทร์อึ้งอีกรอบ เขามองเธอนิ่งงัน ไม่เพียงแค่พราวฟ้าตอบโต้กลับด้วยคำพูดเชือดเฉือน สรรพนามที่เรียกระหว่างกันก็เปลี่ยนไป มองพราวฟ้าที่เดินไปนั่งร้องไห้ริมเตียง “ก็ลองทำตามที่พูดสิ ฉันจะฆ่าเธอกับชู้ให้ตายคาที่เลย” ปรินทร์เสียงเข้มห้วน ความไม่พอใจคุกรุ่นในแววตา แค่จินตนาการว่าเธอมีความสัมพันธ์กับชายอื่น เขาก็แทบบ้า ความหึงหวงพล่านในอก “แค่ฉันพูดคุณยังโกรธ แต่คุณทำจริง คุณมีอะไรกับคุณเปิ้ลไม่พอ ยังพาเธอมาอยู่ที่นี่ แล้วคุณคิดเหรอว่าฉันจะทนได้ แล้วฉันก็ไม่ทนด้วย” พราวฟ้าพูดไปร้องไห้ไป “โธ่โว้ย! มันจะอะไรกันหนักหนา ทำไมเธอทนอยู่ที่นี่ไม่ได้ มันจะตายหรือไง” ปรินทร์หัวเสีย เมื่อเมียพูดไม่รู้เรื่อง ทำแข็งข้อใส่อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน “ฉันให้เธออยู่ที่นี่ก็บุญเท่าไหร่แล้ว อย่าเรื่องมากไปหน่อยเลย...รำคาญ” ปรินทร์กระแทกเสียงใส่ มองหน้าพราวฟ้าด้วยความไม่พอใจ เขาไม่คิดสักนิดเลยว่า เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความผิดของพราวฟ้า ความผิดอยู่ที่เขาเต็มๆ “ฮือ...ฮือ” พราวฟ้าร้องไห้หนักขึ้น ไม่กลั้นน้ำเสียง เธอปล่อยโฮออกมาราวกับว่า ไม่อาจกลั้นความเจ็บช้ำน้ำใจที่โถมใส่ได้อีก ปรินทร์ไม่เพียงแค่ทำร้ายจิตใจพราวฟ้า เขาไม่ถนอมน้ำใจเธอเลยสักนิด พร้อมเหยียบย่ำความรู้สึกให้จมพื้นดิน ขยี้หัวใจสาวจนแหลกลานคาเท้า “แล้วก็เลิกร้องไห้ซะที น้ำตาไม่ได้ช่วยอะไรเธอหรอกนะ เห็นแล้วหงุดหงิด น่าเบื่อชะมัด” ปรินทร์หัวเสียหนักมากขึ้น เขาเดินออกไปจากห้องทันทีที่พูดจบ ราวกับว่าไม่อยากคุยกับพราวฟ้าต่อ เพราะเกรงว่าจะยิ่งพูดกันไม่รู้เรื่อง ค่อยกลับมาพูดใหม่หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างอารมณ์เย็นลง พราวฟ้าไม่มีคำใดเอื้อนเอ่ย นอกจากน้ำตาที่รินไหลไม่หยุด คำสัญญาคำพูดของเขาที่ว่า ไม่คิดอะไรกับทิวาทิพย์มากไปกว่าเพื่อนก็ไม่ใช่ความจริง เขาเพียงแค่หลอกล่อให้เธอตายใจและเชื่อใจ ก่อนตลบหลังอย่างเจ็บปวดที่สุด ปรินทร์หมดรักเธอแล้ว หากยังมีความรักหลงเหลือ ปรินทร์จะไม่ทำเช่นนี้ มือเรียวสวยวางลงบนท้อง เธอลูบท้องเบาๆ ก้มหน้าลงบอกกล่าวกับอีกหนึ่งชีวิตในครรภ์ “พ่อไม่ต้องการแม่แล้ว เราไปอยู่กันสองคนนะลูก” เป็นการตัดสินใจอันแน่วแน่ของพราวฟ้า เมื่อเขาไม่เห็นค่า ไม่เห็นแก่ความรัก จะอยู่ให้ทุกข์ทรมานใจทำไม หากเธอไม่ดึงตัวเองออกจากความเจ็บปวด เธอก็ต้องจมอยู่กับความเสียใจไปตลอดชีวิต
ดั่งมนต์ต้องใจ
ยามเกลียด...เกลียดเข้าไส้ ถึงเวลารักเมื่อใด...คำว่าหมดทั้งใจยังน้อยไป ......... “โอ๊ย!” เสียงร้องเจ็บดังขึ้น ปรียาพรถูกเหวี่ยงไปบนพื้นห้อง “เธอกล้ามากนะที่สวมเขาให้ฉัน ฉันอยากรู้เหลือเกินว่าเธอต้องการเงินอะไรหนักหนาถึงกลับไปรับงาน เงินที่เธอสูบไปจากแม่กับยายของฉันไม่พอหรือไง หรือว่าทนความร่านของตัวเองไม่ไหว ผู้หญิงอย่างเธอหิวเงินไม่พอ ยังหิวผู้ชายอีก ทุเรศที่สุด ฉันไม่น่าแต่งงานอีตัวอย่างเธอเลย” “เพี้ยะ” ความอดทนของมนุษย์มีขีดจำกัด ปรียาพรเป็นปุถุชนธรรมดาระงับความโกรธไม่ได้ ยิ่งเขามาดูถูกซ้ำๆ อย่างนี้ เธอจะไม่ทนอีกต่อไป ฟาดฝ่ามือลงบนแก้มยุรนันท์ แม้กลัวเขา แต่เธอก็ทำ “อย่ามาดูถูกกันให้มากนะ ถ้าฉันไม่ดี ฉันมันร่าน หิวผู้ชาย ไม่คู่ควรกับคุณ งั้นเราเลิกกัน พรุ่งนี้ไปหย่ากันที่อำเภอ แล้วต่างคนต่างไป จะได้ไม่ต้องทนอึดอัดกันอีก” ปรียาพรคิดว่าทางดีที่สุด ทว่ายุรนันท์ไม่คิดเช่นนั้น เขาคิดว่าเธอมีเป้าหมายใหม่ ถึงได้พูดขอหย่า กำแพงแห่งความโกรธที่ว่าสูงแล้ว ตอนนี้สูงมากขึ้นหลายเท่า ใบหน้าเขาแดงก่ำ ดวงตาลุกโชนด้วยแรงแห่งโทสะ มองปรียาพรอย่างดุดัน ก้าวเดินมาหาภรรยาด้วยท่าทางคุกคาม “เธอกับครอบครัวตั้งใจเข้ามากอบโกยเงินทองจากฉัน จัดฉากเรื่องคืนนั้น ทั้งที่เธอก็รู้เต็มอกว่าเราไม่มีอะไรกัน แต่เธอก็ไม่พูดแย้ง พ่อกับแม่เธอก็เอาแต่พูดว่าฉันต้องรับผิดชอบ ทั้งที่รู้เต็มอกว่า ผู้หญิงเน่าๆ อย่างเธอไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบ นอนด้วยครั้งสองครั้งคงไม่สึกหรอเพราะผ่านงานมาโชกโชน ซึ่งเธอก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร แล้วจะมาพูดว่าฉันดูถูกเธอได้ยังไงห๊า” ยุรนันท์ตะเบ็งเสียงจนเธอตกใจ “ถ้าฉันไม่ดี เราก็เลิกกัน หย่ากันไปเลย” ปรียาพรคิดหาหนทางไม่ออกนอกจากวิธีนี้ เขาจะได้ไม่ต้องทนอยู่กับภรรยาที่คิดว่าเป็นอดีตโสเภณี เธอเองก็จะได้ไม่ต้องเจ็บปวดซ้ำซาก “หย่าเหรอ” เขาทวนคำเสียงเย็น “ฉันหย่าแน่ เรื่องอื่นฉันพอยอมรับได้ แต่เรื่องสวมเขานี่ไม่ไหว แต่ก่อนหย่าฉันอยากลองสักครั้ง อยากรู้ว่าทำไมมีแต่ผู้ชายอยากดมดอกไม้เน่าๆ กันนัก แค่ฉันเดินผ่านก็จะอ้วกแล้ว ดอกไม้ไร้กลิ่นหอมอย่างเธอคงไม่ทำให้ฉันมีความสุขหรอก แต่ฉันก็อยากลอง” ยุรนันท์จ้องมองปรียาพรไม่วางตา นัยน์ตาเขามีพลังแห่งความโกรธมิเปลี่ยนแปลง ปรียาพรตกใจ หัวใจเธอเต้นแรงมาก คำพูดเขาไม่ต้องแปลความหมาย ยิ่งทำให้ความหวาดกลัวอาบทั่วจิตใจ อยากอธิบายให้ยุรนันท์เข้าใจ แต่ด้วยอารมณ์เขาตอนนี้พูดมากแค่ไหนก็คงไม่ฟัง ไม่เข้าไปในหู ทางเดียวคือต้องเอาตัวรอดออกจากห้องนี้ ทว่าความคิดเธอช้าไป...
พิษรักนางบำเรอ
เธอมันก็แค่พี่เลี้ยงของลูก คนรับใช้ในบ้าน และนางบำเรอส่วนตัวของเขา ไม่ว่าทำดีแค่ไหน สิ่งที่ตอบแทนคือความเย็นชา หมางเมิน เขาจะเห็นค่าของเธอก็แค่ตอนอยู่บนเตียง แต่พอเมียเก่าเขาหวนมา เขาและลูกก็พร้อมที่จะเขี่ยเธอให้พ้นบ้าน ........... “แล้วเธออยากแต่งงานเหมือนเพื่อนเธอไหมล่ะ” เป็นคำถามแทงใจดำไอรีณเหลือเกิน คนถูกถามนิ่งงัน หัวใจเจ็บระบมขึ้นมาทันใด “ว่าไง อยากแต่งหรือเปล่า” เลอันโดรดันกายสาวให้ห่างตัวเล็กน้อย จับดวงหน้าหวานแต่ดูเศร้าให้หันมาเผชิญหน้ากับตน ไอรีณหลุบสายตาต่ำ ไม่กล้าปริปากตอบคำถามเขา ทั้งที่เธอมีคำตอบอยู่แล้วในใจ คงไม่มีสตรีคนใดในโลกที่ไม่อยากเข้าพิธีวิวาห์กับชายที่ตนรัก เธอเองก็ปรารถนาเช่นกัน แต่ชาตินี้คงไม่มีวันนั้น เพราะรู้แก่ใจดีว่าคนที่เธอรักไม่มีวันแต่งงานกับเธอแน่ “ฉันถามทำไมไม่ตอบ” “อยากแต่งค่ะ” ไอรีณตอบเสียงเบา ไม่สบตาเขา “แต่งกับใคร ฉันถามไม่ได้ยินหรือไง” เขาเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ ปลายจมูกโด่งคลอเคลียผิวแก้มสาว ก่อนจะกดจมูกสูดดมความหอมเข้าไปเต็มปอด ลากปากไปเรื่อยจนถึงกลีบปากสีชมพูอ่อน “ตอบฉันมาสิ...ถ้าไม่ตอบจะจูบให้ขาดใจเลยนะ” เป็นคำขู่ชวนวาบหวามเหลือเกิน ไอรีณตัวสั่นในอ้อมกอดอบอุ่น สมองเธอเริ่มปั่นป่วน หัวใจเต้นแรงทุกครั้งที่อยู่ในวงแขนนี้ นิ่งถูกเขาเล้าโลมเพียงแผ่วเบา หัวใจและอารมณ์ก็เตลิดไปไกล “แต่งกับ…” เธอหยุดพูด ไม่กล้าเปล่งเสียงตอบ “กับใคร” เลอันโดรไม่หยุดอยากรู้ “ตอบมาเร็วสิ” “กับคุณค่ะ” ไอรีณตอบไปที่สุด หน้าเธอเห่อร้อน ความอายเกลื่อนดวงหน้า อยากจะเขกหัวตัวเองที่กล้าหาญตอบคำถามออกไป เพราะสิ่งที่เธออาจได้รับกลับมาคือ เสียงหัวเราะเย้ยหยันตามด้วยคำพูดเหน็บแนม ....
ทะเลเถื่อน
อุบัติเหตุคืนนั้น คือจุดเริ่มต้นระหว่างเขาและเธอ ความแค้นดั่งรากไม้ยึดเหนี่ยวใจ จะแปรเปลี่ยนเป็นรักได้หรือไม่ พรหมลิขิตเท่านั้นเป็นผู้กำหนด ... หลังจากการลงทัณฑ์จบสิ้น ร่างสาวเปลือยเปล่าคุดคู้ มือข้างซ้ายจับตรงของสงวน มือข้างขวาจับช่วงท้อง ทั้งจุกและเจ็บร้าว น้ำตารินไหลเป็นทาง เขาไม่ปรานีเธอสักนิดเดียว ทำรุนแรงทุกท่วงท่า กระแทกกระทั้นแต่ละครั้งดุเดือด ทำราวกับว่าเธอเป็นตุ๊กตายาง ไม่มีความรู้สึกใดใด เขากระทำด้วยความโกรธ แค้นและชิงชัง “จะร้องไห้หาสวรรค์วิมานอะไร เธอเจ็บแค่นี้ไม่ตายหรอก เจ็บน้อยกว่าที่ฉันเจ็บด้วยซ้ำ แล้วอย่าทำเป็นสำออย จำใส่หัวไว้ว่า เธอไม่ใช่นางเอกเจ้าน้ำตา เธอคือแม่มดใจหยาบช้า” นัยน์ตาณคุณโหดด้วยไฟแค้นลุกท่วม ยากดับได้ “จำเอาไว้อย่างหนึ่งว่า นี่แค่เริ่มต้น เธอจะเจ็บแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าท้อง คลอดเมื่อไหร่ เธอไสหัวออกไปจากที่นี่เมื่อนั้น”
ซ่อนรักร้าย
เสียงร้องตกใจดังจากปากพรรณพิลาศ เมื่อชมัศชัยที่เดินสะดุดขาตัวเอง ส่งผลให้ร่างเขาถลาไปข้างหน้า เหมาะเจาะเหลือเกินว่า พรรณพิลาศอยู่ตรงหน้าเขาพอดี อ้อมแขนแข็งแรงรัดร่างนุ่มนิ่มที่ไม่ทันตั้งตัว ถอยหลังไปเพียงสองก้าวร่างสาวเสียหลักเอนตัวลงไปบนพื้น โดยมีร่างหนาทาบทับริมฝีปากเขาและเธอสัมผัสกันอย่างไม่ตั้งใจ ต่างฝ่ายต่างตกใจ ทำอะไรไม่ถูก เหมือนทุกสรรพสิ่งรอบกายหยุดนิ่ง ดวงตาทั้งคู่ขยายกว้างตามความรู้สึก หัวใจสองดวงเต้นเร็วและแรงวินาทีนี้เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น และยังไม่ทันที่สองร่างผละห่างกัน ประตูห้องเปิดออก สมบูรณ์กับไชยาที่กำลังเดินเข้ามาในห้องชะงักเท้า ตกใจกับภาพที่เห็น แต่คนที่ตกใจกว่าคือสองเจ้านายลูกน้องสาว“นี่แน่ะ” พรรณพิลาศใช้กำปั้นชกไปตรงแก้มของชมัศชัยเต็มแรง“โอ๊ย!” ชมัศชัยร้องเจ็บดังลั่น ก่อนที่เขาจะถูกสาวเจ้าผลักจนหงายหลัง พรรณพิลาศทั้งโกรธและอาย เธอจึงชกชมัศชัยไปที่ท้องหนึ่งครั้ง จากนั้นก็มองซ้ายมองขวาหาอะไรบางอย่าง มือสวยคว้านาฬิกาตั้งโต๊ะมาเขวี้ยงใส่ตัวพ่อเลี้ยงที่กลิ้งตัวหลบ ก่อนลุกขึ้นยืน“ไอ้ทุเรศ ลามก บ้ากาม” พรรณพิลาศพูดไปด้วยหาข้าวของใกล้มือปาใส่ร่างชมัศชัยไปด้วย ไม่สนใจว่าสิ่งของที่ตนขว้างไปนั้นคืออะไร “คุณคิดแต๊ะอั๋งฉันใช่ไหม นี่แน่ะ คุณต้องโดนสั่งสอนซะบ้าง”“ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันสะดุดขาตัวเอง”ชมัศชัยบอกพรรณพิลาศ กระโดดหลบสิ่งของที่เธอปาใส่ไม่ยั้ง แม้แต่ปากกาก็เป็นอาวุธได้สมบูรณ์กับไชยามองหน้ากัน ก่อนหันไปมองพรรณพิลาศที่ใจกล้ามาก ฉวยอะไรได้ก็ปาใส่ตัวพ่อเลี้ยงที่หลบอย่างเดียว ก้มมองดูพื้นห้องที่เวลานี้เกลื่อนไปด้วยสิ่งของหลายอย่าง นาฬิกาตั้งโต๊ะ โทรศัพท์ไร้สาย แฟ้มเอกสาร ตะกร้าใส่เอกสารที่เวลานี้เอกสารเกลื่อนพื้น กล่องใส่ปากกา แจกันดอกไม้ และตอนนี้เธอกำลังคว้าโน้ตบุ๊กราคาหลักหมื่นปลายๆ ขึ้นมา“อย่านิชา มันแพง” ชมัศชัยร้องเสียงหลง มองโน้ตบุ๊กที่เธอชูขึ้นเหนือหัว กำลังทุ่มใส่เขา“ไม่สนโว้ย” แล้วเธอก็ไม่สนใจจริงๆ“อย่า” ชมัศชัยร้องเสียงหลงอีกครั้ง แต่ก่อนที่พรรณพิลาศจะทำข้าวของพังพินาศมากกว่านี้ สมบูรณ์กับไชยามาถึงตัวเธอเสียก่อน สมูบรณ์จับโน้ตบุ๊กในมือสาว ไชยาจับตัวเธอไว้ ก่อนปล่อยให้เป็นอิสระเมื่อเห็นโน้ตบุ๊กปลอดภัย “เธอทำของเสียหายมากเลยนะ ยายพังพินาศ เจอหน้าทีไรพังทุกที”“สมน้ำหน้า คุณอยากลวนลามฉันก่อนทำไมล่ะ”พรรณพิลาศเถียงสู้ มองหน้าเจ้านายเขม็ง ไม่เกรงกลัวบารมีเขาสักนิดเดียว“ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ได้ตั้งใจ ฉันสะดุดขาตัวเอง ถ้าฉันตั้งใจล่ะก็ ป่านนี้คงจับเธอปล้ำไปแล้ว อีกอย่างนะ คนอย่างฉันไม่ลดตัวปล้ำเธอหรอก รสนิยมฉันสูงพอ” พูดแบบนี้ดูถูกกันชัดๆ“โฮะ...อย่างกับตัวเองหล่อตายล่ะ” พรรณพิลาศเบ้ปาก “จะบอกอะไรให้นะ คุณน่ะก็แค่หล่อ แค่รวย แต่ตัวเหม็นยิ่งกว่าขี้ควายซะอีก ปากก็เหมือนด้วย เมื่อกี้ฉันอั้นลมหายใจจะแย่ ดีนะที่พี่ติ๊กกับพี่ค่อมเข้ามาซะก่อน ไม่งั้นฉันอ้วกใส่หน้าคุณแน่ ซึ่งรสนิยมฉันก็ไม่ชอบผู้ชายมีกลิ่นตัวซะด้วย มันชวนอ้วกมากกว่ามีอารมณ์”พรรณพิลาศต่อปากต่อคำ อันที่จริงแล้วชมัศชัยไม่มีกลิ่นตัวสักนิดเดียว ร่างกายเขามีกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ที่สาวใดได้เข้าใกล้เป็นต้องลุ่มหลง แต่ที่พูดออกไปเพื่อให้เขาเสียความมั่นใจ เหมือนกับเขาพูดให้เธอรู้สึกว่า ไม่มีค่าในสายตาเขาแม้แต่นิดเดียว
อ่อยดีนัก...รักซะให้เข็ด
“เรื่องแค่นี้ทำไมจะไม่กล้า หันหลังมาสิจะได้ทาให้” เธอยิ้ม หันหลังให้เขา ใจปรายรดาก็เต้นไม่เป็นจังหวะจากความตื่นเต้นและประหม่าเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่มือชายสัมผัสกับผิวกายตน ยิ่งเป็นมือชายที่ตนพึงพอใจด้วยแล้ว ความรู้สึกเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวความตื่นเต้นไม่ได้เกิดกับปรายรดาคนเดียว ใครจะคิดว่าแดเนียลเล่ เสือหนุ่มแห่งกรุงโรมจะประหม่ากับการทาผิวให้หญิงสาวผู้นี้ ผิวนุ่มละเมียดมือของเธอกำลังทำให้เลือดลมในกายเขาผิดปกติ ชายหนุ่มผู้คว่ำหวอดมองผิวกายขาวนวลเนียนไปก็ใจสั่นไป คิดเลยเถิดไปว่าผิวกายที่อื่นจะนุ่มมืออย่างนี้หรือไม่ โดยเฉพาะแตงโมสองลูกด้านหน้า อยากรู้เหลือเกินว่า ยามจับบีบหรือคลึงเคล้นจะสนุกมือมากแค่ไหน คิดแล้วใจก็สะท้าน วาบหวิวไปทุกสัดส่วน“เอ้าเสร็จแล้ว” แดเนียลเล่รีบทาจะได้เสร็จเร็วๆ“ข้างหน้ากับขา ฉันทาเองค่ะ”ปรายรดาหันมาบอกหนุ่มรูปงาม ก่อนยิ้มให้ จากนั้นก็ขยับตัวนั่งหันข้างให้แดเนียลเล่ บรรจงบีมครีมทาผิวลงบนฝ่ามือแล้วลูบไล้ไปตามลำคอ เนินอก บ่าและหัวไหล่ ก่อนลากต่ำมายังช่วงท้องไร้ไขมัน เทครีมอีกครั้งเพื่อทาแขนทั้งสองข้าง จากนั้นก็มาถึงส่วนขา เธอยกเท้ามาวางตรงริมโต๊ะตัวเตี้ย ส่งผลให้แดเนียลเล่มองเห็นขาเพรียวสวยของเธอแบบใกล้ชิดหญิงสาวช่างยั่วปรายตามองหน้าแดเนียลเล่ขณะลูบไล้ครีมกันแดดบนเรียวขาของตนช้าๆ ทาไปจนถึงปลายเท้าแล้วขึ้นมาสู่โคนขา เธอยิ้มน้อยๆ ส่งสายตาหวานฉ่ำให้ แดเนียลเล่เห็นหน้าตาและกิริยาอันมีจริตของปรายรดาแล้วรู้สึกร้อนผ่าวตรงเป้ากางเกงที่เต้นเร้าไปตามอารมณ์ของเขา อารมณ์ที่เปรียบเสมือนถูกเติมด้วยเชื้อไฟเสน่หาแม่งเอ๊ย!...ยั่วเก่งชะมัด
คุณหมอ...อย่าใจร้าย
ความสัมพันธ์กับคนแปลกหน้าทำให้เธอ...ท้องไม่มีพ่อ....................“คูน...คุณ” ชมพลอยทรุดตัวนั่งใกล้ร่างหนาที่หันมองเธอด้วยสายตาแปลกใจ เธอทักทายเขาด้วยภาษาสากล “คูณนอนกับช้านม้าย ฉันซิงนะ”บุรุษที่ชมพลอยเข้าไปทักคือ ภาคินทร์ ภักดีธำรง หรือหมอธาม ในวัยสามสิบปีที่มาเรียนแพทย์เฉพาะทางเพิ่มเติมในประเทศเยอรมัน เขายังคงมองหน้าคนเสนอตัวให้ด้วยสายตาตกใจปนประหลาดใจ เขาพบเจอผู้หญิงที่ชวนไปหลับนอนหลายคน ทว่ากลับไม่มีใครสักคนที่บอกให้รู้ว่า ครองพรหมจรรย์ ในตอนนั้นภาคินทร์คิดว่า สาวสวยตรงหน้าเมาจึงพูดในเรื่องตรงกันข้ามกับการกระทำผู้หญิงบริสุทธิ์คงไม่ชวนผู้ชายหลับนอนด้วย“วันไนท์สแตนด์งาย...สนใจไหม”“ได้สิ”ภาคินทร์ยิ้มและตอบรับทันที อาจเป็นเพราะเขาถูกใจในความสวยงามบนใบหน้า ผิวขาวลออตา และรูปร่างที่น่าฟัดอย่าบอกใคร ภาคินทร์เหมือนผู้ชายทั่วๆ ไป กิเลสตัณหาเกิดขึ้นได้หากเจอคนถูกใจ
ทาสรักนายเหมือง
ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างจักรินทร์ จะถูกบุหลัน คนรักที่กำลังจะแต่งงานในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าทอดทิ้งไปกับชายอื่นที่ไม่มีอะไรเทียบเขาได้ แล้วไม่ได้ทิ้งเปล่าเสียด้วย เธอหอบทรัพย์สมบัติไปด้วยหลายรายการ สร้างความเจ็บปวด คับแค้นใจให้เขาไม่น้อย เป็นความแค้นที่เขาสาบานว่า จะต้องได้รับการสะสางแต่แล้วก็เหมือนโชคเข้าข้างจักรินทร์ เมื่อสวรรค์ส่งอิงฟ้า หลานสาวของบุหลันมาให้เขาชำระแค้นแทนอาสาวถึงที่ เขาจึงลงทัณฑ์อิงฟ้าด้วยเพลิงพิศวาส ที่จักรินทร์ไม่รู้ตัวเลยว่า ไฟนั้นกำลังลุกลามไหม้ตัวเขาเอง
เทพบุตรฤาซาตาน
อย่า...อย่าทำอย่างนี้กับลัยลา อย่า” เสียงของเธอร้องห้ามชายร่างใหญ่ที่ดึงทึ้งชุดราตรีราคาแพงอย่างไร้ความปราณี“คิดเหรอว่าฉันจะยอมให้ผู้หญิงแพศยาอย่างเธอไปแต่งงานกับผู้ชายดีดีอย่างนั้น อย่างเธอมันต้องเจอแบบฉัน”น้ำเสียงแข็งกระด้างของจาร์ฟาลอดจากปากหนา ก่อนที่จะตั้งหน้าตั้งตากระชากชุดราตรีแสนสวยที่ถูกตัดเย็บอย่างประณีตต่อไปไม่สนใจเสียงกรีดร้อง อ้อนวอนและมือนุ่มที่พยายามปัดป้อง จนกระทั่งเรือนกายสวยเปล่งปลั่งของบุหลันกระจ่างเต็มสองตา เรียกเลือดลมให้พลุ่งพล่านในร่างหนา“อย่าทำลัยลาเลยนะคะ ลัยลากลัวแล้ว” เธอพยายามอ้อนวอนเทพบุตรที่บัดนี้กลายร่างเป็นซาตานร้าย“กลัวเหรอ?” เขาถามเสียงสูง “ผู้หญิงที่ไม่รู้จักพออย่างเธอกลัวเป็นด้วยเหรอ อย่างเธอคงไม่มีคำว่ากลัวในสมอง คงจะมีแต่คำว่าไม่รู้จักพอเท่านั้น ห่างหายผัวเก่าไปนานเป็นปี มารำลึกลีลาของฉันหน่อยเป็นไง ไม่แน่นะคราวนี้เธออาจจะติดใจ ไม่หนีฉันไปเหมือนครั้งก่อนก็ได้”จาร์ฟาพูดจบก็คลานขึ้นไปบนเตียงขนาดใหญ่ของเขา ตะครุบข้อเท้าเล็กที่กระเถิบหนีแล้วลากเข้ามาหาร่างของตน ก่อนจะทาบทับเก็บกักอิสรภาพของบุหลัน“ฉันจะทำให้เธอมีความสุขจนกระอักเลยคอยดู”เขากัดฟันพูด ก่อนจะโน้มใบหน้าลงทัณฑ์สาวแสนสวยที่เขารักสุดหัวใจด้วยจูบอันแสนหนักหน่วง ดุดันไร้ความปรานีจนกลีบปากสาวเจ็บร้าว
รสรักเสน่หา
“ตูม” ร่างของอักษราที่ยังไม่ได้สติ แล้วยังจะถูกมัดมือมัดเท้าและปิดปาก ถูกโยนลงมาจากเรือด้วยมือของเจ้าของเกาะ ลูกน้องทั้งสามมองตากันไปมา อยากจะไปช่วยสาวน้อยผู้น่าสงสารใจจะขาด แต่ถ้าช่วยมีหวังพวกเขาต้องโดนบาทาของเจ้านายแน่นอนอักษรารู้สึกตัวเมื่อร่างกายกระแทกกับผืนน้ำ น้ำเค็มๆ ซึมผ่านเนื้อผ้าเข้ามาในปากและจมูกจนเธอเกิดอาการสำลัก เปลือกตาสาวเปิดขึ้นในเวลาต่อมาแต่ก็ต้องหลับลงอีกครั้ง เพราะน้ำทะเลเข้าไปในดวงตาของเธอจนเกิดความแสบ อักษรารีบทะลึ่งตัวขึ้นเหนือน้ำ โดยไม่รู้ว่าเวลานี้ตนเองตกอยู่ในสภาพอย่างไร“อื้อๆ อื้อๆ” ทันทีที่ขาทั้งสองข้างยืนอยู่บนทรายใต้น้ำ และรู้ว่าตัวเองถูกพันธนาการไว้ด้วยเชือกทั้งข้อมือและเท้า ปากก็เช่นกันหาได้มีอิสระถูกปิดทับด้วยผ้าผืนใหญ่“อ๊าย!” ความที่ข้อเท้าเล็กถูกมัดด้วยเชือก ส่งผลให้เธอยืนได้ไม่ถนัดนัก เสียการทรงตัวจนร่างคะมำลงไปในผืนน้ำ แต่เธอก็พยายามยืนขึ้นอีกแต่สุดท้ายก็เป็นเหมือนเดิม อักษราจึงเลือกที่จะนั่งลงบนผืนทรายใต้น้ำที่มีความลึกประมาณครึ่งเมตรอักษรานั่งมองร่างสูงใหญ่ ผิวคล้ำน่าเกรงขาม ใบหน้าของเขามีหนวดเคราขึ้นเล็กน้อย ดวงตาคมกริบมองมายังเธอด้วยสายตาไม่เป็นมิตร เขากระโดดลงมาจากเรือเร็วก่อนจะเดินลุยน้ำทะเลมาหาเธอ“ไง ตื่นแล้วเหรอ นึกว่าจะตายเพราะยาสลบซะแล้ว”เสียงห้าวใหญ่พูดขึ้น ในขณะที่มาหยุดยืนเท้าเอวตรงหน้าเธอ อักษราเงยหน้ามองชายหน้าตาน่ากลัวที่จ้องหน้าเธอราวกับจะกินเลือดกินเนื้ออย่างหวาดกลัว ไม่เข้าใจว่าเขาทำเช่นนี้กับเธอทำไม จะถามก็ไม่ได้เพราะปากถูกปิดด้วยผ้าผืนใหญ่
เมียวัยละอ่อน
“มีเมียเด็กต้องหมั่นตรวจเช็คร่างกาย ไม่ต้องนึกอายเป็นลูกผู้ชายต้องกล้า อย่าไปตะแบงในเมื่อเรี่ยวแรงโรยรา ร่างกายไม่ไหวก็ต้องอาศัยโด๊บยา มีคู่นอนอ่อนกว่าก็ต้องหายาบำรุง”“หนูไม่เป็นไรค่ะ เจ็บนิดเดียว”“ไหนขอฉันดูหน่อยสิ” ด้วยความเป็นหมอและเป็นห่วงแม่ตาหวาน เขาปลดเข็มขัดนิรภัย เอี้ยวตัวมาดูหน้าผากของหล่อน ส่งผลให้ทั้งคู่ใกล้ชิดกันไปโดยปริยาย “โนนิดนึง ฉันขอโทษนะที่ขับไม่ระวัง”ตาหวานไม่ได้สนใจคำพูดเตศวร ตอนนี้หล่อนแทบไม่เป็นตัวของตัวเอง หัวใจเต้นเร็วถี่แรงด้วยความตื่นเต้น สัมผัสจากเขาช่างอบอุ่นเหลือเกิน มือใหญ่ที่จับมือตนให้ออกห่างหน้าผากที่ปูดโน แม้ว่าจะเพียงแค่แวบเดียวหล่อนก็รู้สึกได้ ไหนจะกลิ่นน้ำหอมผู้ชายที่พอสูดกลิ่นเข้าไป เป็นกลิ่นหอมที่ไม่แรงมาก มีกลิ่นอำพันผสมกับแมกไม้ ทำให้รู้สึกเคลิ้ม ชวนหลงใหล เซ็กซี่ ดูมีเสน่ห์ดึงดูดเพศตรงข้าม แน่นอนว่า ตอนนี้กลิ่นน้ำหอมของเตศวรกำลังดึงดูดใจตาหวานอยู่ หล่อนหลับตาแล้วสูดดมกลิ่นกายเขาเข้าปอด หลงลืมความเจ็บไปจนสิ้นโห...กลิ่นโคตรหอมเลยเตศวรมองหน้าตาหวานที่ทำหน้าตาเคลิบเคลิ้มแล้วอมยิ้ม อันที่จริงตาหวานก็ไม่ใช่เด็กๆ แม้ว่าจะเป็นหญิงสาวตัวเล็ก หล่อนเป็นสาวเต็มตัวกำลังบรรลุนิติภาวะในอีกไม่กี่วัน รูปร่างจากภายนอกดูมีน้ำมีนวล ไม่ใช่เด็กกะโปโลที่เขาเคยเห็นเมื่อสองสามปีก่อน ใบหน้าเครื่องเคราของหล่อนก็ชวนมอง โดยเฉพาะริมฝีปากที่น่าเอาปากไปประกบจูบน่าเอาปากไปประกบจูบ...เขาคิดแบบนี้กับตาหวานตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ปกติเขาจะเห็นหล่อนเป็นคนที่ไม่รู้จักโต ทว่าตอนนี้กลับมีความคิดว่า หล่อนโตเต็มวัยเหมือนมีแรงดึงดูดที่ประสานกับความคิดตัวเอง ใบหน้าเขาโน้มไปใกล้ดวงหน้าตาหวาน ใกล้เข้าไปอีกนิด ชิดเข้าไปอีกหน่อย ระยะห่างใบหน้าของทั้งคู่ ห่างกันไม่ถึงคืบ ช่วงขณะนั้นตาหวานลืมตาขึ้นพอดีดวงตาตาหวานขยายกว้างด้วยความตกใจ เป็นความตกใจที่ทำให้หล่อนทำอะไรไม่ถูก นั่งนิ่ง หายใจถี่แรงเช่นเดียวกับหัวใจที่เต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ ไม่รู้ว่าจะดึงหน้าหนีหรือจะขยับหน้าเข้าใกล้ดีแปร๊น!เตศวรกับตาหวานตกใจกับเสียงบีบแตรที่ดังลั่นถนน เป็นนายแพทย์หนุ่มที่ดึงตัวเองกลับมานั่งที่เดิม แล้วรีบขับรถทันที ส่วนตาหวานนั่งอมยิ้ม หน้าแดงระเรื่อ ทั้งเขินทั้งอายกับเหตุการณ์เมื่อครู่ ยังแอบเสียดายว่า เสียงแตรรถยนต์คันหลังไม่น่าดังขึ้นเลย ไม่เช่นนั้นป่านนี้หล่อนคงรู้จัก ‘จูบแรก’ ไปแล้วเฮ้อ...เสียดายจัง
หัวใจใต้ปีกรัก
“แม้จะเหนื่อยกายแค่ไหน ขอเพียงมีพี่หนึ่งอยู่เคียงข้าง แก้วก็ไม่กลัวอะไรอีกแล้ว แม้กระทั่งความตาย”ประโยคซึ้งของแก้วกาญจน์“พี่แก้วทำเพื่อผมมามากแล้ว ต่อไปนี้ผมจะทำทุกอย่างให้พี่แก้วบ้าง แม้ว่าผมจะเหน็ดเหนื่อยแค่ไหน ใช้ความพยายามมากเพียงใด ผมก็จะนำหัวใจดวงใหม่มาให้พี่แก้วให้ได้”คำมั่นสัญญาของกันตธร“พี่เหนื่อยแค่ไหนพี่ไม่ห วั่น ขอเพียงกลับมาบ้านแล้วเห็นรอยยิ้มของแอม แค่นี้พี่ก็หายเหนื่อย มีพลังขึ้นเป็นกอง ไม่หวาดหวั่นว่าหนทางข้างหน้าจะเป็นเช่นไร กายพี่ ใจพี่มอบให้แอมเสมอ”โชคอนันต์ ชายหนุ่มที่ทำทุกอย่างเพื่อคนที่ตนรัก“พี่โชคเป็นคนที่แอมรักและดีกับแอมมาตลอด ไม่ว่าจะชาตินี้หรือชาติไหน หัวใจของแอมจะเป็นของพี่ตลอดไป”บุษย์รินทร์ หญิงสาวแสนดี
นางบำเรอดื้อรัก
“ไอ้ชั่ว ไอ้เลว ไอ้...” “จุ๊ๆๆ อย่าด่าผัวมากสิจ๊ะเมียจ๋า ด่ามากลูกดกนะ” เขายิ้ม มะปรางยิ้มไม่ออก ได้แต่ร้องฮึ่มๆ ในใจ “มาให้ผัวชื่นใจหน่อยเร็ว เป็นเดือนแล้วนะที่ไม่ได้กกเมีย คิดถึงที่สุดเลย”นับตั้งแต่ความสัมพันธ์ครั้งนั้น ก้องเกียรติกับมะปรางไม่มีอะไรเกินเลยกันอีก ทุกครั้งที่เจอหน้ากันมะปรางเป็นฝ่ายเดินหนี หลีกเลี่ยงการพูดคุย พอเกิดเรื่องในไร่กอบกุล ก้องเกียรติก็วิ่งวุ่นดูแลจัดการ ทั้งเรื่องงานศพคนงานในไร่ ให้เงินเยียวยาครอบครัวคนตาย และเรื่องคดีความ ส่วนมะปรางก็ต้องกลับมาเรียนหนังสือ ส่งผลให้ทั้งสองห่างกันโดยปริยาย“ใครเมียแก ฉันไม่ใช่เมียแก”“ทำไมจะไม่ใช่ ลืมแล้วเหรอว่าเราสนุกกันมากแค่ไหน เสียงครางเธอดังจนแก้วหูฉันแทบแตก ดูเธอมีความสุขจนกระอัก” เขาเอาความจริงมาพูด มะปรางหน้าแดงซ่าน อายก็อาย เจ็บใจก็เจ็บใจ “คืนนี้เรามาสนุกกันดีกว่า ฉันอยากเต็มแก่แล้ว”“ไม่นะ อย่าทำอะไรฉัน ถ้าแกฉันทำล่ะก็ ฉันจะแจ้งตำรวจมาลากคอแกเข้าคุก” มะปรางขู่ หวังว่าเขาจะกลัว แต่ไม่เลย ไม่เลยสักนิด
พิศวาสทาสหัวใจ
หัวใจของริคคาร์โด้เต้นไม่เป็นจังหวะ ยามเมื่อได้เห็นหน้านักศึกษาฝึกงานคนใหม่ที่กระตุกหัวใจช้ำๆ ของเขาได้ทันทีทันใด แล้วยิ่งได้เห็นริมฝีปากสีชมพูระเรื่อที่คลี่ยิ้มอ่อนหวานของเธอด้วยแล้ว ช่างยั่วยวนเสียจนเขาแทบอยากจะคว้าร่างเธอมาจูบให้หนำใจแต่เอ...ทำยังไงหนอถึงจะได้จูบปากจิ้มลิ้มคู่นั้น แล้วเขาก็ไม่นิยมกินเด็กด้วย แต่คิดไปคิดมาเด็กคนนี้ก็น่ากินใช่หยอกหรือว่าจะเปลี่ยนแนวดี ริคคาร์โด้ถึงกับคิดไม่ตก
คุณหลานที่รัก
หล่อนคือหลานสาวที่เขาอยากจับทำเมียสามเวลา"อย่ายั่วให้มากนักนะ ระวังเถอะ อาจะจับทำเมีย""ก็จับทำเมียสักทีสิคะ มาลีพร้อมแล้วค่ะ"หื่นมาหื่นกลับ มาลีไม่โกงคุณอาค่ะ“คุณอาคะ วันนี้มาลีมีท่าเต้นกับชุดใหม่มาอวดคุณอาด้วยค่ะ” คนพูดยกมือจับสายรัดเสื้อคลุม ทำท่าคล้ายจะดึงปมให้คลายออกจากกัน “คุณอาอยากดูไหมคะ”“เอาสิ” ริชาร์ทตอบกลับ มองอัญญ์มาลีที่กำลังดึงสายเสื้อคลุมให้ปมคลายออกจากกันด้วยความตื่นเต้น แล้วพอสาบเสื้อคลุมแยกออกจากกัน ก่อนที่มันจะหลุดออกจากกายหล่อน เขารู้สึกได้เลยว่า เลือดกำเดาแทบพุ่งออกมาจากจมูกโอ้...พระเจ้า เขาถึงกับครางในใจ
อ้อมกอดมัจจุราช
“คุณทอร์ช คุณจะทำอะไรฉัน อย่านะ ลุกขึ้นจากตัวฉันเดี๋ยวนี้”มือที่ยังเป็นอิสระทุบไปยังอกกว้างของเขาจนดังอึกๆ เจ้าของอกแกร่งไม่มีอาการสะทกสะท้านแต่อย่างใด รู้สึกรำคาญมือน้อยๆ ของเธอจนเขาต้องจับมันรวบไว้ในมือแข็งแรง“จะทำอะไรน่ะเหรอ ถามโง่ๆ ก็จะปล้ำเธอน่ะสิ เธอยั่วยวนคนงานของฉันจนหัวปั่นเกือบทุกคน ฉันก็เลยอยากจะรู้ว่าเธอมีอะไรดี พวกมันถึงได้หลงเธอหนักหนา ถึงขนาดตามก้นเธอไปไร่ของไอ้ท๊อป สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น พิสูจน์ด้วยตัวของฉันเองนี่แหละดีแล้ว ร่านดีนักก็จะสนองให้หายอยาก จะได้ไม่ไปยั่วคนอื่นให้เขาฉิบหายเหมือนฉัน”เสียงของเขานั้นช่างเหี้ยมเกรียมจนเธอใจหล่นไปกองยังปลายเท้า และยิ่งสีหน้าของเขาด้วยแล้ว เพลงมีนาอยากจะตายเสียให้ได้“อย่าคุณทอร์ช...อย่า ฉันไม่ใช่น้องหนู แควกๆๆๆ กรี๊ดดดดด...แควก”คำร้องห้ามของสาวใต้ร่างดูเหมือนจะไร้ผล เพราะตอนนี้อาการหน้ามืดด้วยไอแห่งแรงโทสะมันปกคลุมสมองและจิตใจของเขาจนสิ้น เสื้อผ้าของเธอจึงถูกกระชากติดมือมา แล้วเขาก็ใช้เศษผ้าที่มีความยาวมากที่สุด มัดข้อมือเล็กทั้งสองข้างเอาไว้ ล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนใหญ่ของตนออกจากกระเป๋ากางเกง นำผ้าผืนนั้นมาปิดปากสาวที่แผดเสียงกรีดร้องไม่หยุด มัดปมผ้าไว้ด้านหลังศีรษะสาว“อื้อ อื้อๆๆ” เธอทั้งดิ้นทั้งส่งเสียงร้อง แต่เสียงนั้นไม่อาจหลุดออกมาได้ เพราะมีผ้าผืนใหญ่ปิดปากของเธออยู่ อีกทั้งร่างกายยังถูกร่างหนาคร่อมทับ ทำให้เธอหมดสิ้นอิสรภาพอย่างสิ้นเชิง ดวงหน้าสาวตอนนี้เปื้อนสีเลือด เนื่องจากร่างกายส่วนบนของตนเองเหลือเพียงบราตัวสวยที่ห่อหุ้มดอกบัวงดงามไว้เท่านั้น และเวลานี้เขาก็ก้มมองความอวบใหญ่ตาเป็นมัน“เธอได้อิ่มแน่ เพลง...ฉันจะทำให้เธอคลานลงเตียงเลย”ปากหนาพูด มือใหญ่ค่อยๆ บรรจงถอดบราสีชมพูหวานออกจากร่างสาว ไม่กี่วินาทีบงกชคู่สล้างก็เปิดเผยต่อสายตาร้อนแรงของกวินภพ
ดอกไม้ในมือมาร
"เธออย่าลืมสิว่าเธอเป็นคนยินยอมที่จะเป็นดอกไม้บนเตียงของฉันเองนะ ฉันไม่ได้บังคับไม่ได้ข่มขู่อะไรเธอเลย เพราะฉะนั้นอย่าสะดีดสะดิ้ง อย่าทำเป็นเล่นตัว ฉันใช้เวลานอนกับเธอไม่นานหรอก สองสามชั่วโมงก็เสร็จแล้ว ไม่ช้ำ ไม่บุบสลาย ฉันจะทะนุถนอมเธอให้เหมือนกับดอกไม้ล้ำค่า แต่ถ้าเธอยังอิดออดโก่งค่าตัวล่ะก็ รับรองได้คลานกลับไปที่บ้านแน่นอน" "ฉันล่ะสมเพชคุณจริงๆ อยากได้ฉันมาเชยชมถึงขนาดทุ่มเทเงินทองและสติปัญญาด้านเลวมาบีบบังคับฉัน เพราะคิดว่าดอกไม้อย่างฉันบริสุทธิ์ไม่เคยถูกผู้ชายดม คุณคิดผิด ที่แสตนลี่ย์เค้าดอดอมฉันจนนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว คุณก็ได้แต่ดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมเหลืออยู่น้อยนิดเท่านั้น" "ฉันไม่สนใจว่าเธอจะเป็นดอกไม้ที่ถูกไอ้แสตนลี่ย์ดอมดมแล้ว นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เธอไม่มีวันเป็นดอกไม้ของใครได้อีก นอกจากฉันเพียงคนเดียว" เสียงห้าวคำรามพูด ถลึงตาใส่อย่างน่ากลัว
ดอกไม้ลายมังกร
เพียงแค่ได้เห็นลูกสาวของศัตรู ดวงตามังกรผู้เย่อหยิ่งลุกโชนไปด้วยความปรารถนา ความสวยที่ไม่เป็นรองใคร ความผุดผ่องของผิวพรรณเรียกความกระหายในเพลิงสวาทให้ลุกโชน และยิ่งเห็นรอยสักรูปดอกเลยที่มีมังกรเลื้อยพันด้วยแล้ว เขาย้ำอยู่ในใจตั้งแต่นั้นมาว่า เธอต้องเป็นของเขา เป็นดอกไม้ของมังกรคนเดียวเท่านั้น“อยู่บนเตียงกับฉันไม่ต้องทำอะไรมาก แค่นอนแบให้ฉันกระซวกอย่างเดียวก็พอถ้ารับไม่ไหวก็ออกไปจากห้องของฉันได้เลย แล้วก็เตรียมตัวจัดงานศพให้พ่อและญาติโกโหติกาของเธอได้เลย แม่ดอกไม้หยำฉ่า"เสียงของมังกรดังขึ้นในความสลัวของห้องที่มีเพียงแสงไฟสลัวจากหัวเตียงย้ำให้คนตัวเล็กเห็นว่า เธอไม่มีวันปฏิเสธเขาได้เลยสักครั้งเดียว“คะ...คุณอยากจะทำอะไรฉันก็เชิญ”น้ำเสียงแผ่วเบาค่อนข้างสั่นลอดออกมาจากปากอิ่ม แล้วพอสิ้นเสียงนั้น มุมปากของมังกรกระตุกขึ้นข้างหนึ่ง ถอดเสื้อคลุมออกจากร่าง ก้าวไปหยุดริมเตียง กระชากร่างสาวจนเธอปลิวมาปะทะอกแกร่งของเขา“พูดง่ายๆ อย่างนี้ค่อยชื่นใจหน่อย จะได้ไม่ต้องเหนื่อยแรง แต่จะให้ดีกว่านี้ถ้าเธอแก้ผ้าคอยฉันบนเตียงโดยที่ฉันไม่ต้องเสียเวลาถอดมันเอง แควกๆๆ” เสื้อผ้าชุดสวยถูกกระชากออกจากร่างกายของดอกเหมยอย่างแรง จนกระทั่งร่างสาวไร้อาภรณ์สมใจมังกรผู้โหดเหี้ยม ก่อนจะโยนร่างเปลือยที่เขาปรารถนาลงบนเตียงตามด้วยร่างหนาทาบทับ...
สามีไร้รัก
เธอชื่อพรนับพัน ที่แปลว่า มากด้วยพรแต่เธอปรารถนาเพียงแค่พรเดียวคือขอให้ได้ความรักจากใครสักคน...แค่คนเดียวก็พอ......................การแต่งงานที่ไร้ซึ่งความรักจากคนที่ขึ้นชื่อว่าสามีนำความปวดร้าวทั้งกายและใจให้เธอไม่น้อยพรนับพันหวังว่า พรที่เธอขอจะสัมฤทธิ์ผลในสักวันหนึ่งวันที่สามีไร้รัก จะรักเธอสุดหัวใจ.......................“ว้าย! พี่พี” ความตกใจที่ชุดนอนขาด และความเจ็บจาการถูกมือใหญ่ตะปบทรวงอกสาวแล้วขยำอย่างแรง ความเจ็บทำให้เธอนิ่วหน้า“ใช่ ฉันเอง ผู้ชายที่เธออยากได้เป็นผัวจนตัวสั่น อยากได้เพราะให้ตัวเองสบาย”พีรภัทรเค้นเสียงพูด มองเธอด้วยความเกลียดชังอย่างล้นเหลือ“ไม่ค่ะ ไม่ใช่อย่างนั้น” พรนับพันปฏิเสธเสียงสั่น ความกลัวเข้าแทรกในจิตใจ การกลับมานอนบ้านของเขาครั้งนี้ คงไม่ได้กลับมาเฉยๆ แน่ แล้วยิ่งท่าทางที่บอกถึงความโกรธสุมใจ ยิ่งทำให้พรนับพันหวาดหวั่น เนื้อตัวสั่นราวกับนกเปียกน้ำฝน “มันไม่ใช่อย่างที่พี่พีคิดนะคะ”“เธอนี่แสดงละครเก่งจริงๆ ทำหน้าตาใสซื่อ ทำอย่างกับว่าตัวเองเป็นนางฟ้า แต่แท้จริงแล้วเธอน่ะยิ่งกว่าขี้โคลนซะอีก เน่าเหม็นไปทั้งตัวจนฉันไม่อยากแตะต้อง” เขานำตัวมาคร่อมร่างสาว คำรามเสียงใส่อย่างน่ากลัว “ฉันก็เลยต้องดื่มเหล้าย้อมใจ ไม่งั้นคงกระเดือกเธอไม่ลง”“พี่พีจะทำอะไรหมิว อย่าทำหมิวแบบนี้เลย หมิวกลัว”ลูกนกร้องไห้ เธอรู้ดีว่า เรื่องอย่างว่าระหว่างสามีภรรยาเป็นเรื่องปกติ ทว่าสิ่งที่พรนับพันกำลังเผชิญตอนนี้มันไม่ใช่เรื่องปกติ เขากำลังกระทำต่อเธอด้วยความโกรธแค้น ที่หญิงสาวไม่รู้ว่า เหตุใดอารมณ์เขาจึงเป็นเช่นนี้ เธอทำอะไรให้เขาโกรธหนักหนา“อย่าทำเป็นไม่เคยไปหน่อยเลย ทั้งที่ถูกขย่มมานับครั้งไม่ถ้วน” ค่ำนี้พีรภัทรได้เจอกับพลอยพรรณขณะกำลังนั่งดื่มกับเพื่อนอีกสองคนในผับมารูแอล เขาได้รู้ความจริงอีกหนึ่งเรื่องของพรนับพัน เป็นเรื่องที่ทำให้อารมณ์ของเขาเกิดหงุดหงิดขึ้นมาทันใด
เจ้าสาวมัจจุราช
“เธอบอกว่าไม่สนใจใช่ไหมว่า เธอทนได้แม้ว่าฉันจะเกลียดเธอมากแค่ไหน อยากเป็นเมียของฉันมากถึงขนาดทนได้ทุกอย่างใช่ไหม”เขาถามเสียงเรียบ ใบหน้าถมึงทึง ดวงตาแข็งกร้าว ท่าทางของเขาเวลานี้ไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย สายตาคุกคามของกรกวินทร์ทำให้เธอร้อนไปทั้งตัว และมีความกลัวอาบไปทั่วจิตใจ“ใช่ ฉันทนได้ ฉะนั้นคุณก็เลิกฝันได้แล้วว่าฉันจะหย่าให้คุณ” เธอตอบทั้งที่ใจหวาดหวั่น“ดี” เขาพูดเสียงหนักสืบเท้ามาหาร่างเล็กเนิบๆ “ในเมื่อเธออยากเป็นเมียของฉันจนตัวสั่น รู้ทั้งรู้ว่าฉันเกลียด ฉันก็จะช่วยสมนาคุณยอมเป็นผัวเธออย่างสมบูรณ์ให้ ดูสิว่าเธอจะทนได้สักกี่น้ำ”ดวงตาของแพรวพรรณรายเบิกกว้าง ดวงหน้าสาวซีดเผือดกับประโยคที่ได้ยิน ก้าวเท้าไปยังด้านข้างเพื่อออกตัววิ่งหนีร่างสูงใหญ่ที่โผเข้ามาใกล้ แต่ทว่าเธอก็แพ้ความไวของเขาที่อ้าแขนโอบรัดร่างเล็กไว้แน่น ก่อนจะก้าวเดินไปยังเตียงนอน ไม่สนใจว่าเธอจะร้องและดิ้นหนีเพียงใด“ปล่อยนะ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะคุณทัช คุณจะมาทำแบบนี้กับฉันไม่ได้นะ ว้าย!”เธอร้องโวยวายเสียงดัง ก่อนที่เสียงอุทานตกใจจะดังตามมา เมื่อเขาเหวี่ยงร่างของเธอลงไปบนเตียง โดยร่างหนาคร่อมทับรวบข้อมือเล็กทั้งสองข้างด้วยมือใหญ่ของเขาเพียงมือเดียว“ทำไมจะทำไม่ได้ ในเมื่อเธออยากเป็นเมียฉันจนตัวสั่น ฉันก็จะสนองให้ สนองอย่างหนักให้ลืมโลกไปเลย” เขาพูดเสียงเยาะ “สิ่งที่เธอจะได้รับจากฉันไม่ใช่ความสุข แต่เป็นความทุกข์ต่างหาก ฉันจะทำให้เธอตกนรกเหมือนกับที่ฉันเป็น”กรกวินทร์ตั้งใจเอาไว้ว่า จะไม่มีความสัมพันธ์ทางกายระหว่างเขากับแพรวพรรณราย เพราะลำพังแค่ทะเบียนสมรสที่ผูกมัดอย่างแน่นหนาก็มากจนเต็มกลืนแล้ว แต่ทว่าวันนี้เขายอมเปลี่ยนความตั้งใจจากความโกรธที่ครอบงำและความแค้นใจที่เธอไม่ยอมหย่า ประกอบกับคำพูดถือดีของเธอ ทำให้ต้องสั่งสอนที่เธออวดดีกับเขา และสิ่งที่เขาจะมอบให้มันคือความทุกข์ ไม่ใช่ความสุข“คุณทัช ปล่อยฉันนะ ปล่อยฉันสิ อย่าทำอะไรบ้าๆ นะ”
หนี้รักทาสเสน่หา
พิตตนันท์ถอยร่นจนแผ่นหลังชิดกับผนังปูน โดยมีร่างของชายหนุ่มที่ก้าวย่างเข้ามาใกล้ดั่งมัจจุราช แววตาของเขาทำให้เธอกลัวอย่างบอกไม่ถูก กลัวจนเธอไม่สามารถบรรยายออกมาได้“อย่าทำอะไรต้นข้าวเลย..ต้นข้าวกลัวแล้ว”เธอพูดทั้งน้ำตา ตอนนี้กัณติพัฒน์หาได้มีความสงสารและเมตตาไม่ เพราะว่าเขาถูกความโกรธและแรงโทสะ รวมทั้งความหึงหวงครอบงำ“มานี่”มือแกร่งกระชากร่างบางของเธออย่างแรง ลากจูงไปที่ห้องนอนของเขาก่อนจะโยนร่างบางไปบนเตียงกว้าง โดยมีร่างของเขาทาบทับอยู่“เธอจะได้รู้จักความสุขจนแทบกระอัก ได้รู้จักความเจ็บปวดและทรมานอย่างที่ไม่เคยเจอ และนี่คือการตอบแทนที่เธอทอดร่างกายให้คนอื่นเชยชม”เขากัดฟันพูด ดวงตาลุกโชนด้วยความโกรธ มือหนากระชากชุดคลุมของเธอออก แม้ว่ามันจะหนาแต่ก็ไม่ใช่อุปสรรคสำหรับเขา เพราะเพียงครู่เดียวเสื้อคลุมตัวสวยถูกฉีกขาดกระจุยลงไปอยู่ที่พื้น ตามด้วยชุดนอนตัวบางของเธอเป็นชิ้นต่อไป“ไม่..อย่า..คุณกันไม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่”เธอกรีดร้องเสียงดังเมื่อความแข็งแกร่งของเขาคืบคลานเข้าไปในร่างกายเธออย่างรุนแรง กัณติพัฒน์ไม่สนใจเสียงที่แผดร้องและเสียงสะอื้นของพิตตนันท์ เพราะตอนนี้เขานึกเพียงสิ่งเดียวคือต้องการลงโทษเธอให้สาสม กับความเสียใจและผิดหวังของเขา แรงเคลื่อนไหวเริ่มทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ตามอารมณ์ของเขา ร่างกายสาวแทบแหลกสลาย ไม่ว่าจะเป็นทรวงอกอวบที่ถูกเขาบีบเคล้นจนแหลกคามือ ปลายถันที่เขาดูดกลืนและกัดมันเจ็บจนเธอน้ำตาเล็ด รอยฝากรักตามร่างกายกระจายไปทั่ว พิตตนันท์ไม่รู้ว่าเวลาที่โหดร้ายผ่านไปนานเท่าไหร่ หญิงสาวเองไม่อยากสนใจไม่อยากรับรู้ ขอเพียงเขาหยุดการกระทำที่ป่าเถื่อนนี้เร็วๆ ก็พอ
สวาทรักอสูรร้าย
"คนอย่างเธอความเจ็บปวดแค่นี้มันยังน้อยเกินไป เธอต้องเจ็บเหมือนกับที่มินามิเจ็บ และต้องเจ็บยิ่งกว่าหลายร้อยเท่า ฉันจะทำให้เธอตายอย่างช้าๆ แต่ทุกข์ทรมานแสนสาหัส เธอจะไม่ได้ยินหรือสัมผัสกับความอ่อนโยนเมตตาจากฉัน สิ่งที่ฉันจะมอบให้เธอมีเพียงความเกลียดชังเท่านั้น จำใส่กะโหลกไว้" เรียวเหวี่ยงร่างงามไปที่เตียงนอนอย่างแรง มือหนาจับที่ข้อเท้าของเธอไว้แน่นเมื่อรู้ว่าเธอกำลังกระเถิบตัวหนี "หนีสิ หนีเลย ถ้าเธอหนี คนที่ตายเป็นคนแรกคือแม่ของเธอ ฉันจะให้แม่เธอตายเหมือนหมูเหมือนหมาข้างถนน เหมือนกับที่เธอฆ่าแม่ของฉัน" ดวงตาเขาเปล่งแสงแรงกล้าของความอาฆาต เมื่อนึกถึงข้อนี้อยากจะฆ่าหญิงสาวตรงหน้าให้ตายตามมารดาและคนที่เขารัก แต่ความตายอาจจะไม่ทำให้เขาสะใจ นอกจากกระกระทำต่อไปนี้ที่สะใจเขามากที่สุด ทรรศิกาหยุดดิ้นรนขัดขืน เขาจึงปล่อยข้อเท้าของเธอให้เป็นอิสระ จัดการปลดเปลื้องเสื้อผ้าต่อหน้าเธอ ความกลัวเริ่มเกาะกินจิตใจของเธอมากขึ้นเรื่อยๆ อยากจะวิ่งหนีออกไปจากที่นี่ แต่เมื่อนึกถึงมารดา ทำให้เธอก้มหน้ารับชะตากรรมที่กำลังจะเกิดขึ้น
วิวาห์ร้อนซาตานร้าย
"น่าสรรเสริญเมียฉันจริงๆ เลย พูดมาได้ว่ารักผู้ชายคนอื่นต่อหน้าผัวตัวเอง แต่ไม่เป็นไร ฉันจะทำให้เธอลืมไอ้สิงหานั่นไปตลอดชีวิต" พูดจบร่างหนาก็เดินเข้ามาใกล้ร่างของธัญชนก เหวี่ยงร่างสาวลงบนที่นอนหนานุ่ม โรยด้วยกลีบกุหลา มือแข็งแรงฉีกกระชากชุดเจ้าสาวราคาเรื่อนแสนอกจากร่างงามอย่างไม่ปรานี แรงกระชากทำให้ผิวเนื้อของเธอแสบ ทิ้งล่องรอยปื้นแดงจากการเสียดสีของเนื้อผ้ากับผิวเนื้อ บราเซียแบบเกาะอกกับอันเดอร์แวร์ก็มีชะตากรรมไม่ต่างกับชุดแต่งงาน ถูกดึงทึ้งขาดวิ่นติดมือหนา เมื่อปราการท่อนล่างถูกกำจัดออกไป ร่างสาวเปลือยเปล่าก็ปรากฏต่อหน้าต่อตา เจ้าบ่าวผู้โหดร้าย กฤตยศมองร่างไร้อาภรณ์ทับร่างเปลือยสาวนั้นทันทีและเริ่มลงมือสร้างความเจ็บปวดทางใจกับเธอ....
เงารักอสูร
ความรักครั้งแรกที่ตายจากทำให้เขา คาลิเอโป สัญญากับตัวเองไว้ว่าจะไม่มอบหัวใจให้ผู้หญิงคนไหนอีกตลอดชีวิตจนกระทั่ง ญาดา เข้ามาในชีวิตของเขาด้วยความไม่ตั้งใจ
เปลวไฟอสูร
ริมฝีปากหนาเคล้าคลึงเรียวปากนุ่ม เกี่ยวรัดแรกเร้าเรียวลิ้นนุ่ม อย่างหนักหน่วงและดุดัน ร่างบางเริ่มสั่นสะท้านในอ้อมกอดของปกรณ์ ที่ไม่รู้ว่ามาจากพิษไข้ที่เริ่มคุกรุ่นขึ้นมาอีกครั้ง หรือเป็นเพราะรสจูบอันสะท้านทรวงของเขา
แค้นรักเพลิงพายุ
ความรักที่เขามีให้เธอหมดหัวใจแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธแค้น ชิงชัง และรังเกียจ เมื่อรู้ความจริงอันเจ็บปวดว่า ผู้หญิงอันเป็นที่รักเคยขายตัวเป็นโสเภณีมาก่อน ความเจ็บปวดที่เขาได้รับมากเป็นเท่าทวีคูณเมื่อเธอทรยศหักหลัง เขาจึงทำทุกอย่างให้เธอรู้จักกับคำว่า...นางบำเรอ!
ก็ว่าจะไม่ (รัก) ร้าย
“คุณจะพาฉันออกมาทำไม ฉันจะไปจัดการพวกนั้น” กรรัมภาดิ้นไปมา ไม่ยอมเดินตามแรงจูง“เธอมีสติหน่อยสิ เมาจนไม่รู้ตัวหรือไงว่าทำอะไรอยู่” กันต์ณธีร์ไม่สนใจ เขาลากกรรัมภามาถึงรถยนต์ของตน ก่อนพูดเตือนสติ “อย่าลืมสิว่า เธอเป็นดารา เป็นคนของประชาชน จะไปชก ไปต่อยหรือถีบคนอื่นแบบนี้ไม่ได้ รู้ไหมว่าคนเขาจะมองเธอยังไง แล้วถ้ามีคนถ่ายคลิปไว้แล้วเอาไปลงในเน็ต เธอจะเสียหายมากนะ”“ก็ช่างคนอื่นสิ ฉันรู้ตัวหรอกน่าว่าทำอะไรอยู่” กรรัมภาเถียงสู้ แม้ว่าในใจก็หวั่นกับคำพูดเขา พูดง่ายๆ คือเธอไม่ได้คิดในเรื่องที่เขาเตือน “อีกอย่างพวกนั้นมาหาเรื่องจี้ก่อน หาเรื่องเพื่อนฉันก็เหมือนหาเรื่องฉัน ฉันก็เลยต้องจัดการ”“ทำตัวอย่างกับคนไม่มีสมอง ชอบใช้กำลังมากกว่าใช้สติ” กันต์ณธีร์ต่อว่าตามตรง ก่อนเปิดประตูรถ “ขึ้นไป ฉันจะไปส่งที่บ้าน”“ไม่ขึ้น จะเข้าไปลุยต่อ” กรรัมภาแข็งใส่ ปิดประตูรถหรูดังปัง กันต์ณธีร์ส่ายหน้าเปิดประตูรถอีกครั้ง“ถ้าไม่ขึ้น เจอดีแน่”“ทำไม คุณจะทำอะไรฉัน” น้ำเสียงไม่มีความเกรงกลัว แถมยังเชิดหน้าใส่“ก็ทำอย่างนี้ไงล่ะ” เขาประคองแก้มทั้งสองข้างของเธอไว้ ก่อนแนบปากลงบนปากจิ้มลิ้มที่กำลังเถียงสู้ ม่านตาสาวขยายกว้าง ความตกใจอาบไปทั่วความรู้สึก กรรัมภาไม่คิดว่า กันต์ณธีร์จะลงโทษตนด้วยวิธีนี้ นี่เธอเสียจูบแรกให้กับชายหนุ่มที่ไม่ชอบหน้าตนหรือนี่ ดีที่ว่าเขานำรถมาจอดด้านในสุดที่ค่อนข้างลับตาคน หากจอดจุดอื่นมีหวังภาพนี้ว่อนเน็ตแน่วินาทีนี้กันต์ณธีร์เหมือนไม่รู้ตัวว่าทำอะไร เขาคิดแค่ว่าต้องการสั่งสอนและหยุดกรรัมภาไม่ให้ไปมีเรื่องกับน้ำเพชร เขารู้ว่าเธอดื้อ รั้นไม่ยอมคน พูดให้หยุดคงไม่ได้ผล วิธีนี้เป็นวิธีเดียวที่นึกออก และเมื่อได้จูบนางร้ายหมายเลขหนึ่ง เหมือนเขาหยุดตัวเองไม่ได้ ยิ่งได้กลิ่นแอลกอฮอล์ที่เธอดื่มไปก็ยิ่งหักห้ามใจไม่ได้ คล้ายกับว่าต้องมนต์เสน่ห์อย่างไรอย่างนั้น เขาส่งปลายลิ้นเข้าไปในโพรงปากสาวกระหวัดลิ้นเล็กที่ตกอยู่ในอาการประหม่าและตกใจ“เฮ้ย!” กันต์ณธีร์อุทานตกใจ รีบรวบร่างสาวไว้ในอ้อมแขน เมื่ออยู่ๆ กรรัมภาเป็นลม “อะไรวะ จูบนิดเดียวดันเป็นลม”เขาอุ้มร่างสาวไปวางไว้บนเบาะนั่งข้างคนขับ ปิดประตูแล้วเดินอ้อมไปนั่งประจำที่คนขับ ไม่นานนักก็ขับรถยนต์ออกจากลานจอดรถ ตรงดิ่งไปยังบ้านของเธอ
เพลิงรักเพลิงแค้น
เธอคือผู้หญิงที่เขาชังน้ำหน้ามีค่าเวลาอยู่บนเตียง...
หัวใจรักจอมทมิฬ
หัวใจแข็งแกร่งของเขากำลังสั่นคลอน เมื่อได้เชยชมดอกไม้สดเช่นเธอ
สะใภ้รสแซบ
หมดยุคที่ลูกสะใภ้ถูกแม่สามีกดขี่ ประภาพรรณสะใภ้ยุคใหม่จึงปฎิวัติการโขกสับของแม่สามีจอมซ่าส์ จนได้รับฉายาว่า สะใภ้รสแซบ งานนี้ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ใครจะอยู่ใครจะไปเดี๋ยวคงได้รู้กัน.......................................เสื้อผ้าของเธอถูกกระชากอย่างแรงด้วยมือหนาของสามีที่ถูกความหึงหวงเข้าครอบงำ ประภาพรรณไม่ยอมให้เขาทำร้ายเธอง่ายๆ ทั้งทุบทั้งตีและหยิกไปตามร่างกายของเขาไม่ยั้ง แต่ความเจ็บกายที่เขาได้รับ มันน้อยกว่าเจ็บที่หัวใจ“ปล่อยมิวนะนายพัน ปล่อยมิว นายพันกำลังเข้าใจมิวผิดนะ นายพันฟังมิวก่อน”เธอพยายามร้องบอกเขา ทว่าพันกรหน้ามืดตาลายจนไม่ได้ยินเสียงอะไรทั้งสิ้น เมื่อกระชากเสื้อผ้าท่อนบนของเธอหมดทุกชิ้นแล้ว เขาจึงใช้มือใหญ่รวบข้อมือเล็กเอาไว้ ใช้มืออีกข้างหยิบกุญแจมือขึ้นมาหนึ่งอัน แล้วคล้องติดกับข้อมือทางด้านซ้ายของประภาพรรณอีกด้านคล้องติดกับเสาเตียงอัลลอยด์ ใช้กุญแจมืออีกอันหนึ่งคล้องข้อมือเล็กทางด้านขวาทำลักษณะเดียวกันกับข้างซ้าย นั่นเท่ากับว่าตอนนี้ประภาพรรณอยู่ในท่าถูกขึงพืด“คราวนี้เธอได้สำลักความสุขแน่ๆ ฉันจะทำให้เธอลืมชู้ของเธอเลย”น้ำเสียงเข้มเอ่ยขึ้นอีกครั้ง แล้วลงมือจัดการกับกางเกงของเธอเป็นลำดับต่อไป ด้วยการยกตัวขึ้นมาเล็กน้อย ปลดตะขอกางเกงของเธอ รูดซิปลงจนสุด เลื่อนตัวลงมาด้านข้างเพื่อจัดการถอดมันออก ทว่าสาวแสบอย่างประภาพรรณไม่ยอมง่ายๆ ตวัดปลายขาแตะไปยังร่างของสามีเต็มรัก กระทบกับอกกว้างของเขาดังผลัก พันกรจึงใช้ขาข้างหนึ่งกดเรียวขาสวยเอาไว้ แล้วจัดการถอดกางเกงยีนส์พร้อมชั้นในสาวให้หลุดออกจากร่างอย่างทุลักทุเล“นายพันอย่าทำมิวแบบนี้นะ ปล่อยมิวเดี๋ยวนี้ ฟังมิวอธิบายก่อน เรื่องมันเป็นแบ...”น้ำเสียงของเธอขาดหายทันทีที่เขาใช้ผ้าพันคอลายสวยที่ตั้งใจซื้อมาฝากเธอ ปิดทับปากสวยแล้วผูกปลายไว้ด้านหลังศีรษะของภรรยา ปิดเสียงร้องเสียงค้าน เสียงอธิบายลงโดยพลัน“ต่อไปนี้อย่าหวังว่าจะได้เจอกับมัน เธอจะต้องถูกขังลืมไว้ที่นี่ ฉันจะไม่ให้เธอออกไปจากห้องนี้ ถ้าฉันฆ่าชู้ของเธอได้เมื่อไหร่ ฉันจะถ่ายรูปศพมันให้ดูต่างหน้า”พันกรพูดเสียงจริงจัง ขยับตัวลุกขึ้นไปยืนอยู่ริมเตียง จัดการถอดเสื้อผ้าของตนเองอย่างไม่รีบร้อน มองดูรอยจ้ำตรงคอตาไม่กระพริบ ยิ่งมองแรงโทสะและความหึงยิ่งโหมกระหน่ำ
ลิขิตรักพญามาร
“ว้าย!!..” เธอร้องได้เพียงเท่านั้น ก่อนที่ปากของหยาดน้ำค้างจะถูกมือใหญ่ของใครบางคนปิดเอาไว้ ลำแขนอีกข้างรัดร่างน้อยไว้แน่น ก่อนจะลากไปที่พุ่มไม้รกข้างทาง“อย่าดิ้น อย่าร้อง ไม่งั้นจะจับปล้ำมันตรงนี้แหละ” เสียงที่พูดชิดเรียวหูสะอาด ทำให้เธอรู้ว่าเจ้าของเสียงนั้นคือใคร..เหมันต์ วิเศษเดโช เขาดันร่างเล็กให้แผ่นหลังแนบชิดกับต้นไม้ใหญ่ขนาดสี่คนโอบ ใช้ลำแขนกักร่างบางเอาไว้“ปล่อยนะ” หญิงสาวพูดเสียงเบาทว่าหนักแน่น เธอไม่กล้าพูดเสียงดังมาก เพราะกลัวว่าคนที่เดินผ่านไปผ่านมาจะได้ยิน“ไปกล่อมพ่อหรือกล่อมลูกมาล่ะ ถึงได้อ้อยอิ่งเป็นชั่วโมงแบบนี้” น้ำเสียงของเหมันต์เขียวเหมือนกับใบหน้าที่เขียวคล้ำด้วยความโกรธ“มันเรื่องของฉัน..คุณไม่เกี่ยว..เราไม่มีอะไรต่อกันแล้ว คุณก็ได้ในสิ่งที่คุณต้องการแล้วนี่ จะมาเอาอะไรกับฉันอีก ปล่อยนะ ฉันจะกลับที่พัก” หยาดน้ำค้างพยายามดิ้นรนหนีพันธนาการที่รัดร่างอยู่ แต่ทว่าลำแขนของเขานั้นหาได้คลายออกไม่ ยิ่งรัดแน่นมากกว่าเก่า เมื่อได้ยินวลีของเธอ“ทำไมผมจะไม่เกี่ยว ในเมื่อน้ำค้างเป็นเมียของผม..เป็นเมีย หรือว่าจำไม่ได้ว่าเราสองคนมีความสุขกันมากแค่ไหน” เขาเท้าความหนหลังให้เธอได้ฟัง ฝ่ายหญิงนิ่งเงียบกับคำพูดของเขา เธอไม่เถียงว่ามีความสุขมากแค่ไหนเวลาได้อยู่ใกล้ชิดกับเรือนกายที่แสนแข็งแรงและอบอุ่น หากแต่ความทุกข์และความเสียใจที่เธอได้รับนั้นมันก็มากมายเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นความสุขหรือว่าความทุกข์ เธอก็ไม่มีวันลืมเช่นกัน และไม่มีทางจะกลับไปจมกับความทุกข์อีกแล้ว“ฉันไม่ใช่เมียคุณ..ถ้าคุณคิดว่าการที่เรามีอะไรกันแล้วฉันจะเป็นเมียคุณ พี่ว่านก็ต้องเป็นสามีของฉันเหมือนกัน” หยาดน้ำค้างคิดว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุด วิธีที่เขาไม่มีทางมายุ่งเกี่ยวกับเธออีก อ้อมแขนที่รัดร่างนิ่มคลายออกโดยอัตโนมัติ หัวใจของคนที่ฟังเต้นเร็ว ดวงตาคมเข้มสีดำเรืองแสงในความมืดที่โรยตัวไปทั่วบริเวณ บ่งบอกอะไรหลายอย่างในแววตา เสียใจ ไม่คาดฝัน ไม่แน่ใจ
บ่วงแค้นแสนหวาน
“ปล่อย...ปล่อยค่ะคุณกล้า” เธอร้องออกมาในที่สุด หลังจากที่ดึงสติกลับมาและเริ่มดิ้นรนออกจากวงแขนที่รัดรึงเธออยู่“ไม่ปล่อยมีอะไรไหม” เขาไม่พูดเปล่าหลุบสายตาโลมเลียไปทั่วดวงหน้าหวาน ต่ำลงถึงลำคอระหง เนินอกคู่สวยที่โผล่ล้นออกมากจากคอเสื้อชุดนอน มันเคลื่อนไปมาตามแรงจังหวะการหายใจของหญิงสาวที่เร็วและแรง ความร้อนรุ่มแผ่กระจายพร้อมกับความตื่นตระหนกตกใจ เมื่อปลายจมูกโด่งคลอเคลียแก้มนวลแผ่วเบา ไล้ไปมาโดยไม่ทิ้งน้ำหนัก อัลลิยาหลบปลายจมูกโด่งเป็นพัลวัน มือนุ่มนิ่มเริ่มมีเรี่ยวแรงดันแผงอกแกร่ง หวังจะให้ร่างสูงออกห่างกายตน แต่ดูเหมือนว่าร่างสูงจะไม่ขยับออกห่าง ยิ่งรัดแน่นมากยิ่งขึ้น“คุณกล้า ปล่อยยาเถอะคะ คุณกล้าเมาแล้วนะคะ”เธอพยายามเตือนสติของเขา กลิ่นวิสกี้ที่เธอสูดดมเข้าไป แปลความหมายได้ไม่ยากว่า ตอนนี้เขากำลังเมาไม่ได้สติ หญิงสาวจึงเรียกสติของเขาให้กลับคืนมา“ฉันดื่มวิสกี้ไปแค่สองสามแก้ว ไม่ทำให้ฉันเมาหรอก และที่ทำอยู่นี่สติของฉันครบถ้วนทุกอย่าง” กล้าตะวันพูดถูก สติของเขายังครบถ้วนสมบูรณ์ ไม่มีอาการเมาอย่างที่เธอพูดเลยแม้แต่น้อย“ถ้าคุณกล้ารู้ตัว ปล่อยยานะคะ ยาจะขึ้นไปนอนแล้ว”เธอพูดเสียงสั่น ตอนนี้เธอเริ่มหวาดกลัวเขาเป็นเท่าตัว เมื่อได้ยินคำพูดของเขา คนขาดสติมักทำอะไรที่ไม่รู้ตัว คนเราไม่อาจถือโทษโกรธได้ แต่นี่เขาทำเพราะความตั้งใจ ความน่ากลัวจึงโอบล้อมอยู่รอบกายเธอ สัญชาตญาณของอัลลิยาบอกว่า ตนเองกำลังได้รับอันตราย“ปล่อยเหรอ ปล่อยแน่แต่หลังจากนี้” มนต์สะกดที่มีอานุภาพมากล้น สะกดให้อัลลิยายืนนิ่ง ดวงตาทั้งสองข้างเบิกกว้างด้วยความตกใจ มือและขาทั้งสองข้างของเธอสั่น หัวใจดวงน้อยนั่นเล่า เต้นแรงและดังโครมครามมากที่สุดที่เธอเคยรู้สึกได้ เมื่อริมฝีปากหยักสวยได้รูปของกล้าตะวันประกบทับเรียวปากบางอย่างจาบจ้วง เอาแต่ใจ
ชู้
มื่อทัศน์เทพมีลูกไม่ได้ เขาจึงวางแผนให้พี่ชายฝาแฝดเป็นพ่อเชื้อแทนตน แต่ทว่าพูดดีก็แล้ว ทั้งขอร้องและอ้อนวอน แทนไทก็ไม่ใจอ่อน ไม่ยอมทำตามที่น้องชายเอ่ยปาก งานนี้ทัศน์เทพจึงยัดเยียดความเป็นสามีให้พี่ชาย และให้ภรรยาของตนมีชู้โดยไม่รู้ตัว “เฮ้ย…อะไรวะเนี่ย” แทนไทอุทานเสียงหลงเมื่อรู้ว่า ตนเองอยู่บนเตียงนอน เขาจะไม่ตกใจเลยหากตนไม่ได้อยู่ในสภาพตัวล่อนจ้อน แถมสาวข้างกายที่นอนหลับพริ้มก็มีสภาพไม่ต่างกับเขา ที่ร้ายไปกว่านั้นเธอเป็นน้องสะใภ้ของเขา คนที่กำลังนอนหลับสบายบนเตียง งัวเงียตื่นเมื่อได้ยินเสียงดังของใครบางคน และเมื่อเธอลืมตาเต็มตา รอยยิ้มก็ระบายบนใบหน้าสวยที่ทำให้คนมองถึงกับตื่นตะลึง ใจเต้นแรงและเร็ว “ทำไมวันนี้พี่เทพถึงได้หนวดเครารกอย่างนี้ล่ะคะ” นุชจรีเอ่ยถามคนที่คิดว่าเป็นสามีของตัวเอง แต่แล้วคิ้วได้รูปเป็นธรรมชาติของเธอก็ต้องขมวดยุ่ง เมื่อเห็นว่าชายตรงหน้าไม่ใช่สามีของตน ถึงแม้ว่าหน้าตาจะเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน “ว้าย! คุณเป็นใคร คุณไม่ใช่พี่เทพนี่” นุชจรีตกใจดีดตัวลุกขึ้นนั่ง ไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองอยู่ในสภาพเช่นไร ทำให้ทรวงอกสล้างเบ่งบานเต็มสองตาแทนไทที่มองความสวยงามตรงหน้าตาไม่กระพริบ “ว้าย!” เธออุทานตกใจอีกรอบเมื่อมองตามสายตาของชายแปลกหน้าที่หน้าตาเหมือนทัศน์เทพทุก กระเบียดนิ้ว ต่างกันตรงชายตรงหน้ามีหนวดเครา สีผิวคล้ำกว่า ร่างกายบึกบึนกำยำกว่า เขาโดดเด่นกว่าทัศน์เทพมากนัก แล้วพอรู้ว่าตัวเองอยู่ในสภาพใด เสียงกรีดร้องของนุชจรีก็ดังลั่น “กรี๊ดดดดดดด”
แค้นรักข้ามภพ
เมื่อวิญญาณสองดวง ซึ่งผูกความรักและความแค้นจากอดีตชาติ เวียนว่ายมาพบกันในชาติภพปัจจุบัน เรื่องราวที่ค้างคาจำต้องได้รับการสะสาง ทว่าจะสะสางกันเช่นไร? คุณเท่านั้นที่จะรู้คำตอบ!
รักร้อนเพลิงเสน่หา
เธอคือน้องสาวของชายหนุ่มที่ช่วงชิงคนรักของเขาไป รัฐภาคย์จึงตอบแทนการกระทำของพี่ชายของลลิลด้วยการย่ำยีทั้งกายและหัวใจ โดยไม่รู้ตัวเลยว่า เพลิงเสน่หากำลังหลอมละลายความแค้นให้กลายเป็นรัก
รุ้งเคียงตะวัน
สิ่งที่หทัยชนกได้รับรู้ ทำให้เธอแทบล้มทั้งยืน ร่างกายแข็งประดุจหินที่ถูกถ่วงลงไปอยู่ในน้ำที่เย็นจัด ร่างทั้งร่างเย็นเฉียบ ระบบประสาทภายในร่างหยุดทำงานในฉับพลัน หัวใจเสมือนมีใครมาบีบและกดทับ หนำซ้ำยังถูกเข็มที่เปรียบเสมือนความรักทิ่มแทงซ้ำๆ ไปทั่วก้อนเนื้อที่เต้นระส่ำ แล้วยังถูกซ้ำเติมด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจที่ตอนนี้แปรสภาพเป็นน้ำกรดชั้นเลิศราดรดซ็ำลงไป หัวใจของเธอสูญสลาย หมองไหม้จนยากจักกลับคืน สามีกับเพื่อนสนิท โอ้....เป็นไปได้อย่างไร มันเป็นไปได้อย่างไร หทัยชนกกำลังคิดว่านี่ไม่ใช่เรื่องจริง ไม่ใช่เรื่องจริง "ไม่จริงใช่ไหมตะวัน มันไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหม?" เสียงคล้ายกับคนละเมอลอดผ่านเรียวปากของหทัยชนกที่เอ่ยถามสามี ตะวันมองหน้าภรรยาสาวนิ่ง น้ำตาแห่งความสำนึกผิดไหลรินก่อนจะพยัคหน้าแทนคำตอบ เท่านั้นเองร่างของภรรยาผู้แสนดีก็ทรุดฮวบลงทรุดนั่งลงกับพื้น ปล่อยเสียงร้องไห้โฮลั่นห้อง "ฮือๆ .. ทำไมทำอย่างนี้กับรุ้ง ทำไมต้องเป็นเดียร์ ทำไม?" ความรู้สึกเสียงใจของหทัยชนกจะน้อยกว่านี้ หากคนที่เป็นภรรยาน้อยของสามีไม่ใช่เกวลิน...เพื่อนรักของเธอ
มนตราเสน่หามายาพิศวาส
“จะเดินอีกนานหรือเปล่า?...ฉันมาเหนื่อยๆ ไปเอาน้ำมาให้ดื่มหน่อยสิ” เขาสั่งเสียงเข้ม มนตรามองหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง อยากจะเข้าไปตะบันหน้าหล่อๆ ให้หายเจ็บใจ แต่พอนึกถึงใบหน้าของพี่สาวเมื่อครู่ที่ทำเหมือนจะร้องไห้ หากเธอไม่ช่วยเหลืองานในครั้งนี้ มนตราจึงเดินกระแทกส้นเท้าไปหยิบน้ำให้ซูเปอร์สตาร์ง่อยคนนี้กิน มือทำงานปากบ่นไม่ยอมหยุด ‘น้ำก็อยู่ในตู้เย็นก็ไปหยิบกินเองสิ อยู่ใกล้ๆ แค่นี้เองยังหยิบไม่ได้อีก มันน่าเอาน้ำร้อนให้กินจริงๆ เลย’ มนตราเดินกลับมาหาวิศรุตอีกครั้ง พร้อมกับแก้วน้ำเย็น “นี่ค่ะน้ำเย็นๆ ชื่นใจ” เธอกระแทกเสียงพูดดีที่ไม่กระแทกแก้วน้ำตามอารมณ์ “ใครบอกว่าฉันอยากดื่มน้ำเย็น ฉันอยากดื่มน้ำธรรมดามากกว่า” เธอชักสีหน้าไม่พอใจ แต่ก็เดินไปจัดเตรียมน้ำที่เขาต้องการ “เชิญดื่มน้ำธรรมดาได้แล้วค่ะคุณเทวดา” มนตราพูดประชด “ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ตอนนี้อยากกินน้ำอุ่นๆ มากกว่า” คนที่ถูกใช้เริ่มหมดความอดทน งานนี้ชายเรื่องมากได้เจอดีแน่ รู้จักฤทธิ์แม่น้อยไปซะแล้ว ไม่ช้าไม่นานน้ำนักสิบแก้วก็มาวางลงตรงหน้าวิศรุต “นี่ค่ะน้ำ อยากดื่มน้ำแบบไหนเลือกหยิบได้เลย มีทั้งน้ำเย็น น้ำใส่น้ำแข็ง น้ำร้อน น้ำอุ่นน้อย น้ำอุ่นมาก น้ำหวานสีแดง และสีเขียว กาแฟร้อน กาแฟเย็น น้ำธรรมดา ส่วนแก้วนี้น้ำก๊อก”
ทัณฑ์เสน่หาชีคทมิฬ
“เธอกับพ่อแม่เธอหลอกฉัน” เสียงเขาเข้มห้วน ดวงตาแววโรจน์จากความโกรธที่ถูกหลอก“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพ่อแม่พรีมค่ะ พรีมขอร้องท่านเองค่ะ พรีมอยากสบาย อยากมีชีวิตที่ดีเลยสวมรอยเป็นปริมค่ะ” พรวิภาแก้ตัว หล่อนยอมรับผิดไว้คนเดียว “คุณพ่อคุณแม่ไม่ยอม พรีมก็ดื้อรั้นอยากมา พรีมผิดเองค่ะท่านชีค”“อยากสบายงั้นเหรอ” น้ำเสียงเขายังคงเช่นเดิม “ต่อไปนี้อย่าคิดเลยว่าตัวเองจะสบาย ฉันไม่เลี้ยงคนที่หลอกลวงฉันให้สุขสบายแน่นอน ฉันจะทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับที่เธอหวังไว้”ใบหน้าจาฟาห์ตอนนี้น่ากลัว แต่ไม่เท่ากับเรื่องที่เขาทำต่อจากนี้ มือใหญ่กระชากแขนเล็ก ก่อนจะเหวี่ยงร่างอรชรไปบนเตียง“เธอเสนอตัวเป็นผู้หญิงบนเตียงของฉัน เธอไม่ผิดหวังแน่ ฉันจะสนองเธอให้ถึงใจ” ปากพูดมือก็กระชากชุดสวยจนขาดติดมือ “แควก...แควก”“ไม่ค่ะท่านชีค...ไม่” คำร้องห้ามดูไร้ประโยชน์ ตอนนี้เขากำลังลงทัณฑ์หล่อนตามอารมณ์คุกรุ่นในจิตใจ โดยที่พรวิภาไม่อาจห้ามปรามหรือระงับการกระทำของเขาได้เลย
อุ้งมือพิศวาสซาตาน
“ฉันเอง จะตกใจอะไรหนักหนา ไม่มีใครเข้ามาในห้องนี้ได้นอกจากฉันอยู่แล้ว”เขาพูดเสียงไม่สบอารมณ์ มองใบหน้านวลที่ส่องกระทบกับแสงสีส้มจากหลอดนีออนแล้วพาใจสั่น ดวงหน้าหวานยามต้องแสงสีนี้ผสมผสานกับความเห่อร้อนจากความอาย ทำให้เธอเกิดความงดงามราวกับภาพวาดจากจิตรกรชั้นเอก เขาเผลอไผลหลงมองนิ่งงัน ลืมความไม่พอใจเรื่องที่เธอผลักร่างของตนจนสิ้น“ตาขอโทษค่ะ” เธอก้มหน้างุด ข่มความอายเมื่อเขามองเธอไม่วางตา เอ่ยคำขอโทษต่อเจ้าหนี้รายใหญ่ของบิดา เขาจะว่าเธอก็ไม่ถูกเพราะทีแรกเธอนอนคนเดียวในห้องนี้ แล้วตื่นมาเจอใครอีกคนอยู่ด้วยก็ต้องตกใจเป็นธรรมดา“ทำหน้าที่เธอให้ดี แล้วฉันจะให้อภัย” สิ่งที่เขาต้องการมีเพียงแค่นี้คือหาความสุขจากร่างสาวอวบอิ่ม ที่ทำให้เขาคิดถึงมาตลอดทั้งวันอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ซาตานซ่อนรัก
“วันนี้ครีมหนีผมไม่พ้นหรอก เกลียดผมมากไม่ใช่เหรอ แต่ทำไมร่างกายของครีมมันถึงต้องการผมล่ะ ดูสิ สู้มือไปทุกส่วนเลย”เขาพูดพร้อมส่งรอยยิ้มร้ายกาจแกมถากถางให้กับเธอ บีบเคล้นทรวงอกที่เด้งรับน้ำหนักอย่างหนักมือ ดีดดึงปลายถันที่ชูช่อสวย จนเธอบิดเร่าร่างด้วยความกระสันซ่านพิมวดีรู้สึกเสียใจกับคำพูดและการกระทำของเขามาก จะโทษเขาฝ่ายเดียวก็ไม่ถูก จริงอย่างที่นายแบบหนุ่มพูด ปากก็บอกว่าไม่ แต่ทว่าร่างกายและอารมณ์กลับไม่ได้เกลียดเขาตามที่พูดออกไป“ครีมเกลียดคุณ เกลียดที่สุดในโลก”พิมวดีอยากจะตะโกนบอกเขาว่า รักเขาที่สุดในโลก แต่ทว่าความเสียใจ ความผิดหวังในตัวของคนรักทำให้เธอพูดประโยคนี้ออกมาอีก ทั้งมือยังผลักดันร่างใหญ่ ทุบตีไม่หยุด ร่างกายก็ขยับดิ้นไปมาเพื่อให้ตัวเองได้ค้นพบกับอิสรภาพคำพูดของหญิงสาวเสมือนน้ำมันที่ราดรดบนกองเพลิง ให้ไฟกองเล็กกลายเป็นไฟลูกมหึมา แล้วมันก็พร้อมจะเผาผลาญร่างสาวให้มอดไหม้เป็น เถ้าถ่าน ภาพของความสนิทสนมระหว่าง ธนเดชกับพิมวดีที่ชายหนุ่มเห็น มันติดตา บาดหัวใจเขามากมายเหลือเกิน มากจนความหึงหวงเข้ามาสู่หัวใจหนุ่มอีกรอบ“ผมไม่สนว่าครีมจะเกลียดผมหรือเปล่า ผมสนแต่เพียงว่าครีมต้องเป็นของผมคนเดียวเท่านั้น”“อย่าทำครีมเลยนะคะ ครีมขอร้อง”เธอพูดทั้งน้ำตา เว้าวอนเสียงเครือสั่น ถ้อยคำของคนที่เธอรักทำให้หญิงสาวตกใจถึงขีดสุด ยิ่งเขาจับกระโปรงถลกขึ้นสูงแล้วจับเรียวขาสาวแยกออก ทุกอย่างมันสายเกินไปแล้ว แรงน้อยนิดของเธอไม่อาจต้านทานพายุอารมณ์ของเขาได้
ซาตานร้อยเล่ห์
“นี่ปล่อยเลยนะ มากอดฉันทำไม ปล่อยนะปล่อย ไอ้บ้ากาม ไอ้จิตหื่น ไอ้งูเหลือมลามก”พิมพิชชาตะโกนร้องโวยวายด่าทอติณณพัฒน์เสียงดังลั่นห้อง มือเล็กดึงมือใหญ่ที่กอบกุมทรวงอกของเธอออก เมื่อไม่ได้ผลจึงเปลี่ยนมาดึงลำขาแข็งแรงที่ก่ายกอดร่างของเธอให้ออกห่าง แต่ก็ไม่ได้ผลอีกเช่นกันติณณพัฒน์กำลังเคลิ้มกับความฝันแสนหวาน เขาฝันว่าตัวเองกอดร่างของเทพธิดาแสนสวยอยู่ ทั้งลูบทั้งคลำทั้งหอมแก้ม ผิวของเทพธิดานุ่มมือจนเขาไม่อยากถอยห่าง ทรวงอกของเธอนั้นอวบใหญ่ล้นมือเขายิ่งนัก กลิ่นกายสาวหอมหวนดั่งเขาหลงเดินอยู่ในสวนดอกไม้ใหญ่ แต่พอลืมตาตื่นขึ้นมาพบว่าเทพธิดาแสนสวย คือแม่คลองแสนแสบขี้งก เขาถึงกับอึ้งไปชั่วครู่ แทนที่เขาจะนำแขนขาของเขาออกห่างจากร่างสาว กลับกลายเป็นว่าเขารัดแน่นมากกว่าเดิม ออกแรงบีบทรวงอกมากขึ้นไปอีก“ทำไมหมอนข้างคืนนี้มันนุ่มนิ่มจริงๆ เลย เต็มไม้เต็มมืออีกด้วย กลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มยี่ห้ออะไรเนี่ย ห๊อมหอม ชื่นจั้ยชื่นใจ”ไม่เพียงแค่พูดเท่านั้น เขายังกดปลายจมูกฝังลงบนผิวแก้มเนียนปลั่งแรงๆ หนึ่งครั้งเหมือนจะแกล้งเธอ ฝ่ายที่ถูกหอมรีบนำฝ่ามือมาถูบนผิวแก้มที่ถูกเขาหอมไปเมื่อครู่ แสดงความรังเกียจเต็มที่ ตวัดสายตามองชายหนุ่มที่หลับตาพริ้ม ริมฝีปากแย้มยิ้มจนแก้มแทบปริ เขาแกล้งหลับนี่นา อย่างนี้มันแกล้งกันชัดๆ เลย เธอจึงแหวใส่ชายหนุ่มเจ้าเล่ห์ทันที“นี่ไม่ต้องทำมาแกล้งหลับแกล้งละเมอเลยนะ ฉันรู้ทันคนลามกอย่างคุณดี คิดเหรอว่าฉันจะยอมคนมักมากอย่างคุณ เจ้าเล่ห์นักมันต้องเจออย่างนี้”ความเขินอายกลายเป็นความโกรธที่ถูกเขาล่วงเกิน สมองเริ่มประมวลหาวิธีแก้ไขสถานการณ์ ร่างกายที่กระดิกไปไหนแทบไม่ได้ทำให้ เธอต้องใช้อวัยวะที่เคลื่อนไหวได้และสามารถทำให้เขาเกิดความเจ็บปวดอวัยวะที่ว่านั้นคือศีรษะเธอกระแทกศีรษะของเธอไปที่ใบหน้าบริเวณ โหนกแก้มของเขาอย่างแรง ทำให้ติณณพัฒน์เกิดความเจ็บ คลายมือออก จากทรวงอกนุ่ม เธอรีบปัดลำแขนหนาให้ออกห่างพ้นกาย จากนั้นก็จับขาที่พาดอยู่บริเวณขาของเธอออก ใช้จังหวะที่เขายังเจ็บอยู่พลิกร่างใหญ่ให้นอนราบบนที่นอน ร่างเล็กรีบคร่อมร่างหนาเอาไว้ทันที ใช้นิ้วพิฆาตคือนิ้วชี้กับนิ้วหัวแม่มือจับไปที่ยอดอกของเขา จากนั้นก็บิดจนสุดแรงเกิด ใบหน้าของติณณพัฒน์ในความมืดนั้นเหยเก ฉายชัดความเจ็บเต็มที่พลางร้องตะโกนออกมาสุดเสียง ยิ่งเขาร้องเธอยิ่งบิดมากตามเสียงร้องของเขา“โอ๊ยๆๆ แม่คลองแสนแสบ เดี๋ยวหัวนมฉันหลุดกันพอดีปล่อย พอแล้วจ้ะ พอแล้ว ยอมแล้ว โอ๊ยๆๆ”
คุณอาขา
“คุณอาขา” เจ้าของเสียงหวานหยดย้อยดังกังวาน “ที่นี่ตอนดึกๆ อากาศหนาวจังเลยนะคะ ดูสิคะขนบนแขนของกุ๊กลุกพรึบเลยค่ะ”สาวน้อยวัยดรุณีถลกแขนเสื้อโค้ทขึ้นสูง แล้วยื่นลำแขนให้ชายหนุ่มข้างกายดูขนเส้นเล็กบนลำแขนที่ลุกชันตามอากาศหนาวเหน็บ ด้วยความหนาวเย็นนี้เองทำให้สาวร่างเล็กเบียดชิดผู้ปกครองวัยกำหนัดเพื่อหาไออุ่นอย่างเสียมิได้ ทั้งที่เธอสวมชุดกันหนาวแบบเต็มยศแล้วก็ตาม“ชะ...ใช่ค่ะอากาศมันเริ่มหนาวแล้ว หนาวมากๆ ด้วยค่ะ”เสียงใหญ่พูดขึ้น พยายามข่มอารมณ์บางอย่างที่แล่นพล่านในร่างกาย เธอหนาว...แต่เขากลับรู้สึกร้อน ร้อนรุ่มไปหมดทั้งตัว จนอยากจะถอดเสื้อผ้าออกจากกายแล้วใช้ความเย็นของอากาศดับไฟในร่าง ยิ่งเธอเบียดชิดร่างกายหาไออุ่น อุณหภูมิความร้อนยิ่งเพิ่มมากขึ้น ธาตุไฟในร่างแตกซ่านจะไม่ให้เขาเกิดอาการเช่นนี้ได้อย่างไร ก็เธอเล่นเบียดกระแซะกายหาไออุ่นอย่างเด็กขาดความอบอุ่น ดอกอุบลที่อยู่ภายใต้เสื้อโค้ทสัมผัสกับท่อนแขนกำยำของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ‘จะทนได้สักกี่น้ำวะเนี่ย’ คนปากแข็งพล่ามในใจ ปรายตามองณัฏฐลักษณ์ สาวน้อยวัยยี่สิบเอ็ดปี เด็กในปกครองตามันระยับที่โจนาธานปรารถนาจะพุ่งเข้าใส่วันละหลายๆ รอบ
เทพบุตรหัวใจมหากาฬ
“เธอไปนอนกับมันมาใช่ไหม? ฉันคนเดียวไม่พอสำหรับเธอหรือไง?”เสียงเข้มตะคอกถามสาวร่างสวยที่เขาเพิ่งเหวี่ยงลงไปบนเตียง เกิดมาเขาไม่เคยอยากฆ่าใครเท่าผู้หญิงตรงหน้ามาก่อนเลย ทว่าความรักที่มีต่อเธอนั้นมีมากกว่าที่เขาจะลงมือทำดังใจคิด“แล้วถ้าใช่ คุณจะทำไมฉัน ทีคุณไปนอนกับผู้หญิงคนอื่น ฉันยังไม่เคยว่าเลยสักคำ” วราลีตอบโต้กลับอย่างไม่เกรงกลัว ทั้งๆ ที่ในใจรู้สึกหวั่นๆ ไม่น้อยกับหน้าตาและท่าทางของเขา“อ๋อ!!...” เขาลากเสียงยาว “เธอเอาคืนฉันอย่างนั้นสิ?”“ก็แล้วแต่จะคิด ฉันห้ามความคิดคุณไม่ได้หรอก”พูดจบก็วาดลำขาเพื่อลงจากเตียง ทว่ามือใหญ่กลับจับหัวไหล่ของเธอเอาไว้แน่น ก่อนจะจับร่างสาวกดลงไปนอนราบบนที่นอน“เธอกล้ามากนะที่ทำกับฉันแบบนี้ เสี้ยนมากใช่ไหมถึงได้ต้องให้ผู้ชายคนอื่นมาระบายความใคร่ให้” เขากัดฟันพูด คร่อมร่างสาวเอาไว้ด้วยท่าทางคุกคาม“มันจะแปลกอะไรที่ผู้หญิงอย่างฉันจะให้ผู้ชายคนอื่นระบายความใคร่ให้ไม่ได้ ในเมื่อคุณก็ไม่เคยหยุดอยู่กับฉันคนเดียวอยู่แล้ว ถือว่าเราหายกันก็แล้วกัน”เธอพูดอย่างไม่ใส่ใจ ไม่คิดจะอธิบายให้ผู้ชายที่อยู่ในอารมณ์โกรธ ปะปนกับความหึงหวงได้รับรู้ความเป็นจริง ในเมื่อเขาคิดอย่างไรก็ให้เขาคิดเช่นนั้นตามใจชอบ“อย่าหวังว่าจะไปจากฉันง่ายๆ ลืมแล้วหรือว่าเธออยู่กับฉันเพราะอะไร ในเมื่อเธอร่านมากถึงขนาดมีฉันคนเดียวไม่พอ ฉันก็จะสนองเธอให้เป็นสามเท่า เอาให้ลืมรสชาติครั้งนี้ไม่ลงเลย แควกๆๆ...”“กรี๊ดดดดดดด ไม่นะ ไม่”สิ้นเสียงใหญ่เสียงหวีดร้องของเธอก็ตามมา เสื้อผ้าตัวสวยราคาแพงของเธอถูกกระชากออกจากร่างด้วยมือใหญ่ของเฟอเดอริโก จนมันขาดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ก่อนที่เกมรักเกมสวาทจะเริ่มต้นขึ้น...
รักร้อนเพลิงพิศวาส
“ไม่นะ อย่านะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ คุณได้พระคืนไปแล้วนี่ ปล่อยฉันไปเถอะ ฮือ...อย่าทำอะไรฉันเลย อย่าทำฉันเลย”หมอนวดสาวยังคงอ้อนวอนไม่หยุด มีหรือที่รัฐภูมิจะใจอ่อน เมตตาสาวตรงหน้าง่ายๆ เขาปล่อยเธอแน่ แต่ไม่ใช่ตอนนี้และเวลานี้ สิบแปดมงกุฎอย่างจันยาวีร์ต้องเจอคนอย่างเขา ร้ายมาร้ายกลับและเพิ่มความร้ายมากเป็นร้อยเท่า เท้าเล็กพยายามถีบ กระแทกไปที่ร่างหนาดูเหมือนว่าจะถีบลมมากกว่า มันไม่ช่วยอะไรเลยจริงๆ เพราะตอนนี้เขาขึ้นมานั่งคร่อมร่างเธออีกครั้งหนึ่งแล้ว“ยานี้จะทำให้ร้อนรุ่มอย่างมากมาย เลือดในกายเธอจะสูบฉีดจนเธอกระสับกระส่าย กระหายไปด้วยความใคร่แบบสุดๆ เธออยากจนแทบจะถ่างขารอให้ผู้ชายมากระทุ้ง ขอให้มีความสุขกับความร่านที่กำลังจะเกิดขึ้นกับเธอนะ ยาออกฤทธิ์เต็มที่เมื่อไหร่ ฉันจะมาสนองตอบความอยากให้เธอเอง รับรองถึงอกถึงใจไปสามโลก หมอนวดอย่างเธอคงผ่านศึกมาไม่ใช่น้อย คงมีวิธีบังคับความร่านของตัวเองนะ ฉันขอตัวไปอาบน้ำก่อน แล้วเจอกันนะแป้ง”จันยาวีร์เม้มปากเป็นเส้นตรงแน่น เพื่อไม่ให้เขานำยานั้นใส่เข้าไปในปากของเธอ ทว่ามันไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาเลยที่จะทำให้ปากของเธอเปิดอ้าออก เพียงแค่รัฐภูมิใช้ฝ่ามือบีบไปบนแก้มของเธอทั้งซ้ายขวาอย่างแรง หญิงสาวระบมปวดแก้มไปหมด แรงบีบที่มากมายทำให้ปากที่เม้มค่อยๆ คลายตัวออก จนในที่สุดปากของเธอก็อ้าออก ชายหนุ่มหน้าดุรีบใส่ยาปลุกเซ็กส์เข้าไปในช่องปากสาวบังคับให้เธอกลืนมันลงไปด้วยการนำฝ่ามือใหญ่มาปิดทับที่ริมฝีปาก ยาที่อยู่ในปากไม่ได้ถูกกลืนลงไปในลำคอ แต่มันละลายเมื่อสัมผัสโดนความชื้นของน้ำลายที่อยู่ภายใน ความขมของเม็ดยาที่เริ่มละลายในปาก ทำให้สาวเจ้าร้องไห้ออกมาทันที คิดในใจว่าเธอจะต่อต้านยาประเภทนี้ได้อย่างไรรัฐภูมิกระตุกยิ้มอย่างพอใจ ขยับร่างกายลงมายืนอยู่ริมเตียง มองดูร่างสาวที่ร้องไห้ตัวโยนด้วยความสะใจ เจอแค่นี้มันยังน้อยไป ริอาจเข้ามากระตุกหนวดเสือถึงที่ ไม่ถูกเสือขย้ำกินก็คงเป็นไม่ได้ เสืออย่างเขาฆ่าได้หยามไม่ได้อยู่แล้ว เขาหมุนตัวก่อนจะขยับร่างกายเดินไปยังห้องน้ำ อาบน้ำอย่างสบายใจ ผิวปากอย่างอารมณ์ดี
บำเรอพิศวาสจอมมาร
“มานั่งตรงนี้สิ” เขาใช้ฝ่ามือตบบนเบาะข้างตัวเบาๆ หญิงสาวมองมือหนาแล้วปฏิเสธออกไปอย่างนุ่มนวล“ดิฉันไม่อาจเอื้อมค่ะ ดิฉันยืนอยู่ตรงนี้ดีแล้ว และมั่นใจว่าคนอื่นๆ ในทีมก็ยืนที่จุดนี้เหมือนกัน” เธอตอบอย่างชาญฉลาด“ดิฉันไม่อาจเอื้อมเหรอ” เขาพูดทวนประโยคด้วยโทนเสียงสูง มองร่างอรชรตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า นัยน์ตาสีฟ้าคู่นั้นโลมเลียอย่างเห็นได้ชัด ยกยิ้มขึ้นข้างหนึ่ง เอ่ยประโยคที่ทำให้คนฟังชาวาบไปทั้งกาย“แต่ฉันจำได้ว่า ผู้หญิงที่ไม่อาจเอื้อมตรงหน้านี้ เคยแก้ผ้ามาประเคนให้ฉันถึงเตียง อย่างนี้เรียกว่าอาจเอื้อมหรือเปล่า ตกลงเธอจะมาหรือไม่มา ถ้าไม่มาก็เชิญออกไปจากห้องของฉัน แล้วพาทีมเธอกลับไปด้วย เพราะฉันก็ไม่ต้องการทีมอารักขาชุดนี้อยู่แล้ว แค่คนของฉันก็พอ”น้ำเสียงทรงอำนาจพูดราบเรียบแต่ทว่าหนักแน่น เธอรู้ว่าดีกว่าใครว่า เขาพูดจริงทำจริงเสมอ และคำสั่งแกมข่มขู่ในครั้งนี้เป็นเรื่องที่เธอจะปฏิเสธไม่ได้ เพราะจะส่งผลต่องานที่ตระเตรียมกันมาเป็นเวลาหลายเดือนต้องพังลง ซึ่งณัฐกานต์คงยอมให้เป็นเช่นนั้นไม่ได้ งานจะมาพังเพราะเธอไม่ได้เท้าเล็กก้าวเดินไปยังโซฟาตัวนั้นตามคำสั่งของแอรอน ณัฐกานต์เลือกที่จะนั่งชิดด้านริมแทนที่จะนั่งข้างร่างหนาตามที่เขาต้องการ แอรอนใช้ฝ่ามือตบเบาะแรงๆ อย่างขัดใจ หญิงสาวสะดุ้งแต่พยายามนั่งนิ่ง แม้ในใจหวาดกลัว“รังเกียจฉันมากหรือไง ถึงได้นั่งห่างกันเป็นวาขนาดนี้” แอรอนพูดเสียงดัง ด้วยความไม่พอใจ ดวงตาคมเปล่งประกายไปด้วยแรงโทสะ“เปล่าค่ะ...ดิฉันไม่ได้รังเกียจคุณแอรอน แต่คิดว่านั่งตรงนี้น่าจะเหมาะกว่า”เธอพูดเสียงนุ่มแลดูสั่น หัวใจเต้นรัวเป็นทวีคูณ เมื่อร่างสูงใหญ่เป็นฝ่ายขยับร่างเข้ามาใกล้และใกล้ จนกระทั่งชิดกับร่างของตนลำแขนข้างหนึ่งตวัดร่างเล็กเข้ามาในอ้อมแขน มืออีกข้างจับแก้มเนียนสวยแล้วบีบบังคับให้ดวงหน้าสวยหันมาเผชิญหน้ากับตน ให้เธอได้มองเห็นดวงตากรุ่นโกรธ เหมือนลูกระเบิดที่พร้อมจะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อหญิงสาวสะบัดตัวหนีด้วยความตกใจ ไม่ใช่รังเกียจ เธอจะรังเกียจอ้อมแขนของเขาได้อย่างไรเพราะอ้อมกอดนี้เป็นอ้อมกอดที่อบอุ่นที่สุด เป็นอ้อมกอดของคนที่เธอรักสุดหัวใจ“ทีหลังฉันสั่งให้นั่งตรงไหนก็ต้องนั่งจำไว้...และนี่คือโทษของเธอที่ขัดคำสั่งของฉัน”การลงโทษของเขาทำให้ณัฐกานต์เบิกตากว้าง ตกใจกับการกระทำของแอรอน ริมฝีปากหนาได้รูปฉกจูบเรียวปากบางสวยอย่างรวดเร็ว ไม่ทันให้หญิงสาวตั้งตัว บดเคล้าเร่าร้อนและรุนแรงรักแสนรัก แค้นแสนแค้น โหยหา คิดถึง หลากหลายความรู้สึกที่เขามีต่อเธอ ถูกถ่ายทอดลงไปบนเรียวปากสีชมพูที่เผยอรับลิ้นหนาแทรกผ่านเข้าไปในช่องปากหวานล้ำโดยไม่รู้ตัว เนื่องจากอารามตกใจทำให้ปากสาวตั้งใจจะเปิดปากร้องค้าน และนั่นเป็นโอกาสให้เขาได้ลิ้มรสหวานในโพรงปากของเธอ ลิ้นใหญ่สอดรัดเกี่ยวกระหวัดหาความหวานจากปากของเธออย่างดื่มด่ำ เพียรหารสชาติพิเศษให้สมกับเวลาสี่ปีที่เขาไม่ได้สัมผัส
เล่ห์รักไฟสวาท
“อ้าปากซิ” เขาพูดเสียงเบา ยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้ ทำให้สาวเจ้าตกใจเล็กน้อย ผงะศีรษะออกห่างใบหน้าคม หากแต่มือใหญ่ที่จับที่ท้ายทอยรั้งให้กลับคืนมาตำแหน่งเดิม ความใกล้ชิดที่แนบสนิทเรียกความเขินอายให้กับเธอได้อย่างไม่ยาก“อ้าปากซิ” เขาสั่งอีกรอบ หญิงสาวทำตามที่เขาสั่งอย่างว่าง่าย ในใจมีแต่คำถามว่าให้เธออ้าปากทำไม คิมหันต์ยิ้มก่อนจะเฉลยคำถามที่ค้างคาใจของปิ่นปักดวงตาสวยงามเบิกกว้างด้วยความตกใจ เมื่อเขาเลื่อนใบหน้าเข้ามาชิดใกล้ ก่อนที่จะทาบทับกลีบปากแสนนุ่มของเธอ ความตกใจเปลี่ยนเป็นความพิศวงงงงวย เมื่อปลายลิ้นหนาที่แทรกซอนเข้ามาในโพรงปากอิ่ม กำลังพันเกี่ยวแลกรัดลิ้นนุ่มอย่างกระหาย หัวใจสาวเต้นระทึกหวามไหวในอก ความรู้สึกนี้เหมือนกับว่าเธอเคยได้รับมาก่อน อ้อมกอดนี้เหมือนกับว่าเธอเคยได้อิงซบไออุ่น มันก็คงใช่เมื่อคืนที่เขาอาจจะจูบเธอกอดเธอแบบนี้หัวใจของคนที่จูบเต้นแรงไม่แพ้ผู้หญิงที่เขากอดรัด จูบแรกที่เขาสัมผัสเมื่อคืนว่าหวานแล้ว จูบเธอในวันนี้ยิ่งหอมกว่า หวานกว่า ละมุนลิ้นยิ่งกว่า ทุกความรู้สึกเพิ่มทบทวี เขานึกหวงริมฝีปากของคนที่เขาบอกว่าเกลียดขึ้นมา ไม่อยากให้ชายใดครอบครอง ได้สัมผัสลิ้มรสความหวานหอม จากเรียวปากบางนี้เหมือนเขา
ไฟแค้นซาตาน
เขาร้อนแรงดั่งไฟที่พร้อมจะแผดเผาแมงเม่อย่างเธอให้ดับดิ้นในพริบตาความแค้นที่ลุกโชนในใจเขา ทำให้เธอต้องตายทั้งเป็นและติดอยู่กับคำว่า"นางบำเรอ"
โซ่เสน่หาชีคทมิฬ
“ปากเธอทั้งหวานทั้งหอมเลย” ฟาฎิลปล่อยปากสาวให้เป็นอิสระเพื่อให้อนัญญาได้หายใจ ทั้งที่ไม่อยากทำสักเท่าไหร่“คอยดูนะ ถ้าฉันขึ้นไปจากสระได้เมื่อไหร่ ฉันจะชกหน้าคุณ จะชกเป็นร้อยทีเลย”อนัญญาอยากทำตามปากว่าตอนนี้เลย แต่ก็ทำไม่ได้เพราะหล่อนอยู่ในน้ำ กลัวจมน้ำก็กลัว อยากอัดหมัดใส่หน้าฟาฎิลก็อยากทำ และที่สำคัญหญิงสาวเขินอายที่ถูกชีคหนุ่มขโมยจูบแรกไปแบบไม่ทันตั้งตัว พวงแก้มขึ้นเลือดฝาดส่งผลให้ใบหน้าหล่อนชวนมองมากขึ้น“จูบหนึ่งครั้งถูกชกหนึ่งทีก็คุ้มนะ งั้นฉันต้องจูบเธอบ่อยๆ ซะแล้ว” ฟาฎิลพูดไปยิ้มไป“จะบ้าเหรอ ฉันไม่ให้คุณจูบหรอก ถ้าคุณจูบฉันอีกล่ะก็ฉันจะชกหน้าคุณให้ดั้งหักเลยคอยดู” หล่อนขู่ “แล้วก็จะกัดลิ้นคุณให้ขาดด้วย”“เธอไม่มีวันได้กัดลิ้นฉันหรอก” อนัญญาใจชื้นเพราะคิดว่าเขากลัวคำขู่ตน ทว่าคำพูดประโยคต่อมา ทำให้หล่อนถึงกับตกใจ “เพราะครั้งหน้าฉันจะจูบเธอแบบไม่สอดลิ้น”
เมียไม่ปรารถนา
คุณานนท์เมา...ใช่ เขาต้องการให้แอลกอฮอล์ดับความทุกข์ ความผิดหวัง ความเสียใจ และอาการเจ็บใจ แค้นฝังรากลึกให้หลุดออกไปใจบ้าง วันนี้เขากับครอบครัวเสียหน้าหนักมาก ต้องตกเป็นขี้ปากชาวบ้านที่ต้องนำเรื่องนี้ไปพูดคุยกันสนุกปาก คงไม่มีใครคิดว่า คนอย่างคุณานนท์จะถูกทิ้งกลางอากาศ ถูกทิ้งในวันสำคัญของชีวิตด้วยไม่แค้นก็แปลก แล้วความแค้นทั้งหมดก็กำลังไปลงที่เจ้าสาวที่ไม่ปรารถนา“หลับสบายเลยนะ” เขาพูดเสียงต่ำ มองดวงหน้าหวานที่นอนหลับพริ้มบนเตียง “ตื่น!”คุณานนท์ตะโกนเสียงดัง เขาไม่เพียงแค่ส่งเสียงเรียกเธอ มือใหญ่คว้าผ้าห่มแล้วเหวี่ยงมันไปกองบนพื้น และนั่นทำให้เขาเห็นเรือนร่างสาวมีเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวพันกายเสียงอันแผดดัง ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศที่กระทบผิวกาย ส่งผลให้ลัลณ์ลนินตื่น เธอเอี้ยวตัวมาทางด้านหลังแล้วต้องสะดุ้งตัวลุกขึ้นนั่งเมื่อเห็นร่างสามียืนไม่มั่นคงนักริมเตียง“พี่กล้า”“แหม แต่งตัวรอให้ฉันมาเอาเธอเลยเหรอ รู้หน้าที่ดีนี่” น้ำเสียงติดอ้อแอ้ ทำให้เธอรู้ว่า เขากำลังเมา“ไม่ใช่ค่ะ ไม่ชะ...ว้าย!” ลัลณ์ลนินยังไม่ทันพูดจบประโยค คุณานนท์ก็โถมร่างดันร่างเล็กให้นอนลงบนที่นอน โดยมีร่างเขาทาบทับ “พี่กล้าลุกคะ ลุก”“ไม่ลุก” คุณานนท์ตอบเสียงดังฟังชัด “เธอลืมแล้วเหรอว่าเราแต่งงานกันแล้ว ไม่ใช่เรื่องแปลกนี่ที่เราจะมีอะไรกัน จริงไหม”ใช่ เขาพูดถูก ไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าการแต่งงานมาจากความรักและความเต็มใจของทั้งสองฝ่าย แต่นี่ไม่ใช่ งานวิวาห์ที่ทั้งเขาและเธอไม่ปรารถนาให้เกิดขึ้น เรื่องแบบนี้ก็ไม่น่าเกิดขึ้นเช่นกัน ยิ่งตอนนี้ด้วยแล้ว กลิ่นแอลกอฮอล์ที่ฟุ้งตามร่างหนา เป็นอีกสัญญาณหนึ่งให้รู้ถึงความไม่ปลอดภัย“ไม่ค่ะ ไม่” ลัลณ์ลนินพูดด้วยความกลัว เธอกำลังกลัวคุณานนท์ ลางสังหรณ์บอกเธอว่า ตนเองกำลังไม่ปลอดภัย เธอดิ้นรนไปมา ดิ้นทั้งที่รู้ว่า หนีไม่พ้น
ทัณฑ์รักอสูรร้าย
ดวง ตาสีเขียวมองร่างเปลือยของสาวน้อยตรงหน้าด้วยสายตาแค้นเคือง ดุดัน เธอถอยร่นหนีเขาอย่างหวาดผวา ตื่นกลัว ตกใจ ดวงหน้างามสั่นไปมาจนเส้นผมสลวยปลิวไสว เมื่อเห็นเขาถอดเสื้อผ้าทีละชิ้นๆ อย่างใจเย็น ปรางค์รวีพยายามถอดโซ่ตรวนที่จองจำอยู่ที่ข้อเท้า เพื่อที่เธอจะหนีอสูรร้ายที่กำลังย่างกรายขึ้นมาบนเตียง ในสภาพที่ไร้ซึ่งอาภรณ์“เธอ คิดเหรอว่าจะหนีฉันพ้น?..ไม่มีทาง..ผู้หญิงใจร้ายฆ่าได้แม้กระทั่งลูกของตัว เอง ไม่สมควรจะได้รับความปราณีจากฉัน..เธอจะต้องถูกจองจำจนกว่าเธอจะให้กำเนิด ลูกของฉัน เมื่อถึงตอนนั้นฉันจะส่งเธอไปลงนรกด้วยตัวของฉันเอง”เขา พูดเสียงเข้มกัดกรามทั้งสองข้างแน่น ใบหน้าคมแกร่งบึ้งตึง แววตาของเขาไร้ซึ่งแสงของคำว่าปราณี ปรางค์รวีอยากจะอธิบายให้เขาได้รับรู้เหลือเกินว่า สิ่งที่เขารับรู้ว่ามันผิดทั้งหมด เหตุการณ์ในครั้งนั้นเธอไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้น หากแต่คำพูดที่จะร้องค้านออกไป ถูกปิดสนิทด้วยริมฝีปากหนาที่ประทับลงมาอย่างป่าเถื่อน จาบจ้วงและดุดัน มือของเขาจับต้องร่างเปลือยของเธออย่างไม่ปราณี โหดร้าย ร่างกายสาวร้าวระบมไม่ต่างกับหัวใจที่ร้าวราน จะมีวันไหนบ้างที่เธอได้รับความรักจากเขา“จำใส่สมองของเธอไว้..ต่อไปนี้เธอคือทาสของฉัน ทาสของความใคร่ที่ไม่มีวันหนีพ้นหรือเป็นอิสระได้”เขา พูดกระซิบชิดเรียวปากนุ่มที่มีเลือดไหลซึมออกมา หญิงสาวเผยอปากที่จะปลดปล่อยคำอธิบายให้เขาฟัง หากแต่ผ้าผืนใหญ่ถูกนำมาปิดที่ริมฝีปาก มือทั้งสอง ข้างที่ว่างอยู่จึงเป็นสิ่งเดียวที่สามารถปกป้องตัวเองได้ เธอทุบร่างหนาไม่เลือกที่ มีแรงมากเท่าไหร่กระหน่ำไปที่ร่างหนามากเท่านั้น หากแต่...ข้อมือทั้งสองข้างของเธอกลับถูกมือหนารวบเอาไว้ ไม่เพียงเท่านั้นเธอยังถูกพันธนาการด้วยเชือกเส้นใหญ่ จับขึงกับซี่ของเตียงไม้หัวเตียง เธอหมดสิ้นอิสรภาพทันที น้ำตาไหลอาบเป็นทางเมื่อขาเรียวทั้งสองข้างของเธอแยกออกจากกัน และจากนั้นความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสได้เริ่มขึ้นเรื่องที่คุณน่าจะสนใจ
อสูรร้อนซ่อนรัก
เขาคืออสูรร้ายสำหรับเธอ เป็นบุคคที่ไม่น่าเข้าใกล้และควรถอยห่างเป็นที่สุด แต่ทำไมยิ่งถอยหนี เขายิ่งวิ่งเข้าใส่ แถมยังกระโจนร่างเข้าหาราวกับว่าเธอคือสมันเนื้อนุ่มที่น่าลิ้มลอง และไม่มีวันหยุดล่าหากไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ เมื่อโดนรุกหนักและมีเหตุจำเป็นที่ต้องยอมเป็นของเล่นของเขา ลูกแมวน้อยจึงจำยอมและจำใจทอดกายให้เขาเชยชม แต่ยิ่งชิดใกล้ เร่าร้อนด้วยเพลิงเสน่หา ความรู้สึกบางอย่างก็เบ่งบานในใจของทั้งคู่ไม่รู้ตัว
จอมใจอสูร
“จะร้องไห้โศกาอะไรนักหนา?..จะเป็นจะตายอะไรขนาดนั้น..แค่ฉันมีผู้หญิงคนใหม่ที่ดีกว่าเธอ สดกว่าเธอ” อัคราพูดเมื่อรวิษาปิดบานประตูเสื้อผ้า หลังจากที่จัดเสื้อผ้าเข้าตู้เรียบร้อยแล้ว“...........” คำตอบที่เขาได้รับคือความเงียบ รวิษาไม่ตอบคำถามเขาพร้อมกับเบี่ยงตัวหนี เพื่อออกไปจากห้องนี้ให้เร็วที่สุด หากแต่มือหนาจับที่ข้อมือบางไว้แน่น ก่อนที่เธอจะเดินผ่านร่างสูงของเขาไป รวิษาพยายามบิดข้อมือเพื่อให้หลุดพ้นจากแรงบีบกระชับ จนเธอเจ็บระบมที่ข้อมือ“ทำเป็นสะดีดสะดิ้งไปได้..ทำอย่างกับว่าฉันไม่เคยจับต้องตัวเธอ..ลืมไปแล้วหรือว่าฉันทำมากกว่าจับข้อมือของเธออีก” อัคราพูดด้วยสีหน้าและน้ำเสียงเยาะเย้ย มุมปากของเขายิ้มน้อยๆ เหมือนผู้มีชัย“ปล่อยเถอะค่ะ..คุณไม่กลัวคุณแจนเห็นหรือไง?”“ทำไมต้องกลัว..เพราะตอนนี้มานะกำลังพาแจน ไปเอาของที่เค้าลืมไว้ที่บ้าน..กว่าจะกลับมาก็คงดึก” เขาพูดพร้อมกับกระชากร่างของเธอเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด รวิษาพยายามดิ้นรนหนีจากอ้อมแขนที่รัดร่างเธอเหมือนกับงูที่ยิ่งดิ้นรนหนี ก็ยิ่งเพิ่มแรงรัดมากยิ่งขึ้น“ปล่อย..ปล่อย”“ยังมีเวลาอีกหลายชั่วโมงกว่าแจนจะมา ฉันว่า..เรามาหาอะไรเล่นสนุกๆ ฆ่าเวลากันดีกว่า”อัคราเหวี่ยงร่างบางลงไปที่เตียงนอนกว้างอย่างแรง ตามด้วยร่างกายหนาที่ทาบทับร่างบาง พร้อมกับริมฝีปากที่ฉกจูบเธออย่างจาบจ้วงรุนแรง บังคับให้เธอเผยอปากรับเรียวลิ้นหนาสะอาดอย่างไม่ยากเย็น ปลายลิ้นหนาสอดรัดเรียวลิ้นบางพัวดันดูดดึง และเกี่ยวรัดอย่างเอาแต่ใจ ครั้นเมื่อเธอส่ายหน้าสะบัดหนีริมฝีปากที่รุกราน มือหนากลับจับมั่นที่ท้ายทอยบังคับให้เธอตอบรับจูบที่ดุดันของเขา
จอมเผด็จการที่รัก
“ว้าย!…” เธอส่งเสียงอุทานด้วยความตกใจไม่ดังมาก หลังจากที่รู้สึกเหมือนกับว่าร่างของตนเองนั้นชนกับอะไรบางอย่างที่ใหญ่และแข็งแรงมาก เนื่องจากแรงประทะส่งผลให้ร่างอวบอัด กระเด็นลงไปนั่งจ้ำเบ้าบนพื้น“อู้ย…ก้นจะหักหรือเปล่าเนี่ย”รสสินาบ่นอุบ ใช้มืออีกข้างคลำบั้นท้าย ส่วนอีกข้างยันตัวเองให้ลุกขึ้นยืน พอลุกขึ้นยืนเหยียดตรงเธอก็ตั้งใจว่าวีนใส่คนที่ทำให้ตนเองต้องระเห็จไปอยู่บนพื้น แต่เจ้ากรรม ยังไม่ทันที่เธอจะเอ่ยวาจาอันใดออกไป ปากบางๆ ก็ขยับไม่ออก ดวงตาสาวตะลึงพรึงเพริดเมื่อเห็นชายตรงหน้าโอ๊ยๆๆ หล่อชะมัดเลย…นั่นคือสิ่งที่รสสินาบอกกับตัวเองในวินาทีแรกที่เห็นชายตรงหน้า“ชนคนอื่นแล้วไม่คิดจะขอโทษหน่อยเหรอ มัวแต่ยืนจ้องหน้าทำตาหวานใส่ฉันอยู่ได้” พอได้ยินเสียงคนหน้าหล่อปากไม่หล่อตามเท่านั้น สติของรสสินาก็กลับมาทันที“อ้าว…พูดอย่างนี้ก็สวยน่ะสิ คุณต่างหากที่ชนฉัน ฉันเดินมาตามทางอยู่ดีๆ คุณเลี้ยวมาชนฉันเองนะ”“เธอต่างหากที่มาชนฉัน ฉันเดินมาตามทางของฉันอยู่ดีๆ เธอเดินก้มหน้าก้มตาเดินไม่ดูทางมาชนฉันเองนะจะมาโทษฉันไม่ได้”“แต่คุณก็น่าจะหลบฉันสิ ถ้าเห็นว่าฉันไม่หลบ นั่นหมายความว่าคุณจงใจชนฉันเพราะฉะนั้นคุณผิด” รสสินาเถียงไม่ยอมแพ้ แก้ลำจนตัวเองไม่มีความผิด โยนความผิดให้หนุ่มรูปหล่อตรงหน้าแทน “เข้าใจหรือเปล่าว่าคุณผิด ผิดๆๆๆๆ เพราะฉะนั้นคุณต้องขอโทษฉันตามหลักสากล ไม่มีข้อโต้เถียงใดๆ ทั้งสิ้น”ถ้าเขาพูดดีๆ กับเธอสักหน่อย ขอโทษขอโพย ช่วยพยุงเธอให้ลุกขึ้นยืนอย่างกับสุภาพบุรุษทั่วๆ ไป เธอจะไม่วีนใส่เขาเลย แต่นี่ไม่ใช่แล้วรสสินาจะปล่อยไว้ทำไมถึงจะหล่อขั้นเทพแค่ไหนเธอก็ไม่เว้น“เธอเอาอะไรคิดเนี่ย ตัวเองผิดแล้วยังจะมาพูดให้ฉันผิดให้ได้เลยนะ แค่ขอโทษมันก็จบแล้ว เธอต้องขอโทษฉันเดี๋ยวนี้ไม่งั้นเห็นดีกันแน่”“ไม่” รสสินากระแทกเสียงพูด ไม่หลบสายตาแข็งกระด้างของเขา “ฉันไม่ผิด ฉันไม่ขอโทษ คุณนั่นแหละที่ต้องขอโทษฉัน” เธอยังยืนกรานคำเดิม แม้ว่าตัวเองจะผิด“ไม่” เสียงใหญ่กระแทกเสียงพูดบ้าง “ฉันไม่ผิด ฉันไม่ขอโทษ เธอนั่นแหละที่ต้องขอโทษฉัน” อลาริคทวนคำตามประโยคที่หญิงสาวพูด ทำให้สาวผู้ไม่ยอมคนถึงกับเลือดขึ้นหน้า“หน้าตาก็หล่อ แต่ทำไมนะนิสัยถึงไม่หล่อเหมือนหน้าเลย ตกลงคุณจะไม่ขอโทษฉันใช่ไหม?” รสสินาถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง หลังจากที่ต่อว่าต่อขานเขาหอมปากหอมคอ“ใช่ ฉันไม่ผิด ฉันไม่ขอโทษเด็ดขาด”เขายืนกรานคำเดิม นึกอยากจะหวดก้นสาวตรงหน้าขึ้นมาตงิดๆ ไม่เคยมีใครกล้าทำน้ำเสียงและกล่าววาจาต่อว่าเขาอย่างเธอมาก่อนเลย แถมยังจ้องตาเขาอย่างไม่เกรงกลัวด้วย อยากจะสวนกลับไปว่า ‘เธอหน้าตาก็ไม่สวย ปากก็เลยไม่สวยตามรูป’ แต่ก็ยั้งๆ ปากเอาไว้ เพราะไม่ต้องการตอกย้ำรูปลักษณ์ภายนอกของเธอ“แน่นะ” เธอถามย้ำ“แน่สิ” อลาริคกอดอกตอบ“ถ้าอย่างนั้นฉันจัดให้งามๆ โทษฐานไม่ยอมขอโทษฉัน”อลาริคที่ไม่ทันตั้งตัว ไม่คิดว่าสาวตรงหน้าจะร้ายกาจขนาดนี้ เลยเจอร้องเท้าหนังที่เธอสวมใส่กระแทกเท้าของตนอย่างแรง จนเท้าของเขาชาไปหมด ไม่เพียงเท่านั้นเธอยังปราดเข้ามาจับตรงบั้นเอวทั้งสองข้างของเขางอเข่าแล้วยกขึ้นสูงกระแทกไปยังใจกลางร่างกายโดนกล่องดวงใจเขาอย่างจัง อลาริคตัวงอ หน้าเขียวทันที แต่ทว่าสาวแสบไม่ได้หยุดเพียงเท่านั้น ยังใช้หมัดเสยปลายคางจนอีกฝ่ายหน้าหงาย“รู้จักฤทธิ์แม่น้อยเกินไปแล้ว สมน้ำหน้า”พูดจบเธอก็แลบลิ้นใส่อลาริคที่นั่งกุมของรักของหวง มองร่างของสาวตัวดีที่ทำร้ายเขาไปอย่างเคียดแค้น แต่ก็ทำอะไรมากไม่ได้เพราะเขาไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะยืน ลูกน้องคนสนิทก็ไม่ได้ติดตามมาด้วย จึงได้แค่คาดโทษสาวที่วิ่งจู๊ดเข้าไปในห้าง
ชิงรัก
ความอิจฉาน้องสาวต่างมารดาคือจุดเริ่มต้นของแผนการ “ชิงไอศูรย์” มาเป็นของตน เธอจึงใช้เล่ห์เหลี่ยมง่ายๆ คือวางยานอนหลับเขา พอตื่นขึ้นมาก็จะติ๋งต่างว่า เขากับเธอมีอะไรกัน ทว่าแผนเกิดผิดพลาด ยาที่ผสมในไวน์กลับเป็นยาปลุกเซ็กซ์ ผลที่ออกมาคือ ไอศูรย์มีความสัมพันธ์ทางกายกับเธอจริงๆ ในที่สุด ชเนตตีได้แต่งงานกับเขาตามตั้งใจ ทว่าผลที่ออกมา ไม่ได้เป็นไปตามที่คิดไว้“เนยใส่อะไรในแก้วไวน์ของพี่ใช่ไหม ไม่อย่างนั้นพี่จะไม่มีวันอยู่ในสภาพแบบนี้” เขาถามอีกครั้งเมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบ เสียงที่ถามเข้มห้วน ใบหน้ายังคงเรียบตึง สายตาถมึงทึงใส่ร่างอวบที่ย่นคอหนีน้ำเสียงแผดกร้าว “ตอบพี่มา”“ใส่อะไร เนยไม่รู้เรื่อง…ฮือ…พี่เจย์ทำผิดแล้วอย่ามาโทษว่าเนยวางยาพี่นะ…ฮือ” เธอยังคงปากแข็งต่อไป หลบสายตาแข็งกร้าวพัลวัน
ปรารถนารักซาตาน
"อย่านะ คุณอย่าทำกับบัวแบบนี้นะ อย่า" "ทำไมจะทำไม่ได้ ในเมื่อฉันซื้อเธอมาแล้วทำไมฉันจะทำอย่างนี้กับเธอไม่ได้" "ฉันไม่เอาเงินของคุณก็ได้ ฉันจะหาเงินมาใช้คุณเอง ปล่อยฉันสิ ปล่อยฉัน" "หามาให้ฉัน หามาจากไหนล่ะ หามาจากไหน? มีปัญญาหามาใช้หรอเงินตั้งสามแสนนะ" "ขายตัวไง ในเมื่อฉันขายตัวให้คุณได้ แล้วทำไมฉันจะขายตัวให้คนอื่นไม่ได้" "ฝันไปเถอะว่าเธอจะเอาตัวไปเร่ขายให้ใครได้ มีปัญญาออกไปจากห้องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ ในเมื่อฉันล้างหนี้ให้เธอได้ อย่าคิดนะว่าฉ้นจะทำให้พ่อเลี้ยงของเธอ เค้าหาหนี้มาให้เธออีกไม่ได้ เธอรู้จักฉันน้อยเกินไปแล้ว ในเมื่อฉันถนอมเธอดีๆ เธอไม่ชอบ อยากจะเจ็บตัวก็เอา แอมโตนิโอจัดให้ได้ทุกรูปแบบอยู่แล้ว" ใบหน้าของเขาตอนนี้น่ากลัวยิ่งนัก มีทั้งความเข้มจัดแห่งความโกรธ นัยน์ตาที่มีพื้นที่สีขาวแปรเปลี่ยนเป็นสีดำก่ำ ส่องสะท้อนกับดวงตาสีเขียว ยิ่งทำให้เขาดูเหมือนอสูรกายยิ่งนัก หัวใจของคนที่มองนั้นเต้นแรงแทบไม่เป็นจังหวะ กลัว หวาดหวั่นกับความเจ็บปวดที่ตัวเธอเองคิดว่าต้องได้รับจากเขาคนนี้ เจ็บทั้งกายและหัวใจ
โปรดเถิดรัก
“ทุกอย่างมันเป็นแค่เกมไม่ใช่หรือคะ”“ไม่ใช่ค่ะ มันไม่ใช่เกม มันคือความรักค่ะ” ..........“น้องปราชญ์คือลูกของพี่ใช่ไหม” ณดลถามเสียงสั่น ลุ้นกับคำตอบ“ใช่หรือไม่ใช่ ก็ไม่เกี่ยวกับพี่โปรด”“ทำไมจะไม่เกี่ยว ในเมื่อคืนนั้นเรานอนด้วยกัน พี่จำได้ว่านอนหลายท่าด้วย หรือรักจะเถียงพี่ว่ามันไม่จริง” ณดลทวนความหลัง ลักษิณาหน้าร้อนผ่าว“รักไม่รู้ ตอนนั้นพี่ก็รู้ว่ารักโดนวางยา แล้วพี่ก็เมามากด้วย พี่โปรดจะจำได้ไง”“จำได้สิคะ เรื่องของรัก พี่จำได้ทุกเรื่องค่ะ แม้ว่าผ่านมากี่ปีพี่ก็จำได้ไม่ลืม” เขาพูดเสียงหวาน เป็นน้ำเสียงที่หล่อนฟังแล้ว หัวใจวูบไหวขึ้นมาทันใด “ว่าไงคะ น้องปราชญ์ใช่ลูกของพี่หรือเปล่า”“ไม่ใช่ น้องปราชญ์ไม่ใช่ลูกพี่โปรด” หล่อนยืนกรานคำเดิม“แน่ใจนะว่าไม่ใช่” ณดลถามย้ำ ก้าวเท้ามาหาร่างงามที่ถอยร่นหนี “มารื้อฟื้นความทรงจำหน่อยเป็นไง คืนนั้นรักบอกว่าจำอะไรไม่ได้ วันนี้ ตอนนี้รักมีสติทุกอย่าง พี่จะทำให้รักจำความสุขของเราวันนี้ไปจนวันตาย”พูดจบ ลำแขนกำยำของณดลก็สวมกอดสาวสวย รัดแน่นจนหล่อนดิ้นไม่หลุด ตกอยู่ในอารามตกใจ ไม่คิดว่า ณดลจะทำเช่นนี้“พี่อยากจูบรักมากเลยรู้ไหมคะ” เขาพูดเสียงหวานชิดเรียวปากสั่นระริก “พี่ขอจูบหน่อยนะคะ”ณดลไม่รอให้หล่อนตอบรับหรือปฏิเสธ ริมฝีปากเขาบดเบียดเรียวปากนุ่มทันที ปิดกลั้นเสียงที่ตอบโต้ ควานหารสหวานอันละมุนภายในช่องปากสาว ลักษิณาตัวแข็งทื่อกับจูบแรกในรอบหกปี
โสเภณียอดรัก
"ไอ้ชั่ว ไอ้เลว ชอบรังแกผู้หญิง""ใช่ ฉันมันชั่ว มันเลงว แต่ผู้ชายเลวๆ คนนี้ไม่ใช่เหรอที่เธออยากได้เป็นผัวจนตัวสั่น"
พันธะเสน่หามาเฟีย
เพราะเตกิล่าสองแก้วในคืนนั้นทำให้หล่อนมีลูกแฝด โดยที่ไม่รู้ว่าพ่อเด็กเป็นใคร............ “ใครเป็นพ่อของไทเกอร์ ไลออน” เอเดนถามเสียงเครียด จ้องมองคนเดียวที่ให้คำตอบตนได้เขม็ง “จะลูกใครก็ช่าง ไม่ใช่ลูกของคุณก็แล้วกัน” แม้ว่าคนตอบคำถามใจหวั่นไหวกับสายตาและท่าทางของเอเดน ทว่าหล่อนก็ฝืนทำน้ำเสียงให้นิ่ง ไม่ให้เขาจับพิรุธได้ “แต่ฉันคิดว่า ฉันคือพ่อของสองแฝด” เขามั่นใจเต็มร้อย “อะไรที่ทำให้คุณคิดว่า ลูกของฉันเป็นลูกของคุณ เพราะคนที่บอกได้ว่า เสือกับสิงห์เป็นลูกใครคือฉันคนเดียว” “หน้าตาสองแฝดเหมือนฉันเด๊ะ ใครๆ ยังพูดกันหลายคน แล้วฉันก็จำกลิ่นตัวเธอได้ เมื่อคืนตอนที่ฉันกอดและจูบเธอ ฉันถึงได้แน่ใจว่า ผู้หญิงที่ฉันนอนด้วยคืนนั้นคือเธอ” เอเดนไม่เคยมั่นใจอะไรเท่านี้มาก่อน เขาพยายามหาคำตอบหลายครั้ง และมาแน่ใจในคืนวันฝนพรำที่เขาประทับริมฝีปากบนกลีบปากหล่อน “ฉันนอนกับผู้หญิงมาเป็นร้อย กลิ่นของผู้หญิงแตกต่างกันไป แต่น่าแปลกฉันจำกลิ่นผู้หญิงที่แต่งหน้าแฟนตาซีคนนั้นได้ดี โดยเฉพาะกลิ่นเตกิล่าที่มาจากปากผู้หญิงคนนั้น เธอรู้ไหมว่ามันซาบซ่านไปถึงทรวงเลย” ดวงดาราใจเต้นไม่หยุด และเต้นรัวโครมครามในอก หล่อนแน่ใจมาสักพักแล้วว่า เอเดนคือพ่อของเตชินท์และเตมีย์ ผลผลิตที่ได้มาจากความสัมพันธ์ทางกายแบบคู่นอนคืนเดียวหรือวันไนต์สแตนด์กับชายแปลกหน้า ทว่าความจำเป็นบางอย่างทำให้หล่อนต้องเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ “คุณจำผิดคนแล้ว ฉันไม่เคยแต่งหน้าแฟนตาซี ไม่เคยดื่มเตกิล่า แล้วลูกของฉันก็ไม่ใช่ลูกของคุณ เสือกับสิงห์เป็นลูกของพี่แฟรงค์ ไม่ใช่ลูกคุณ” ดวงดาราปฏิเสธเสียงแข็ง “กล้าไหมล่ะ กล้าตรวจดีเอ็นเอไหม จะได้รู้กันไปเลยว่าไทเกอร์กับไลออนเป็นลูกใคร” ดวงดาราถึงกับอึ้งกับประโยคนี้ ถ้าหากตรวจดีเอ็นเอความจริงต้องปรากฏแน่นอน “ว่าไงล่ะ กล้าไหม ถ้ากล้าไปกันเลย พาลูกไปตรวจดีเอ็นเอ”เอาซี้ กล้าตรวจไหมล่ะหล่อน 5555
แผนลวงบ่วงซาตาน
“รดาไม่รู้จะติดต่อกับคุณคีย์ยังไง?..ก็เลยออกไปโดยพลการ..แล้วทำไมข้าวของถึงกระจัดกระจายอย่างนี้ล่ะคะ?” ลำแขนหนารั้งร่างบางเข้าหาตัวเขา ก่อนจะรัดร่างบางไว้แนบอก“ก็เป็นเพราะรดาไง..ฉันกลับมาไม่เห็นใครเลยหงุดหงิดก็เลยไปลงที่ข้าวของพวกนี้ เวลาฉันอารมณ์ไม่ดีมักขาดสติเสมอ”ชายหนุ่มพูดเหมือนเตือนสติให้เธอรู้ว่า อย่าขัดใจเขาหรือทำให้เขาหงุดหงิด ไม่เช่นนั้นเธอจะเป็นเหมือนของใช้พวกนี้ ที่แตกหักอย่างไม่มีชิ้นดี“รดาขอโทษค่ะ”เธอก้มหน้างุดตอบ เมื่อปลายจมูกของเขาเริ่มสูดดมไปตามผิวเนื้อบริเวณหัวไหล่ ของเธอ ขึ้นสูงไปตามลำคอและหยุดสูดดมความหอมที่แก้มเนียนสีชมพูเข้มอย่างหนักหน่วง“เธอต้องถูกทำโทษ..รดาข้อหาที่ทำให้ฉันหงุดหงิด”เสียงของเขาห้าวพร่า แทะเล็มไปตามผิวแก้มมาที่เรียวปาก กัดเบาๆ ที่กลีบปากนุ่มด้านล่าง ส่งผลให้หญิงสาวถึงกับสั่นสะท้านและหนาวเหน็บ“ฉันอยากอาบน้ำ..และบทลงโทษของเธอจะเกิดขึ้นที่นั่น”ดวงตาหวานสวยเบิกโพรงเมื่อได้ยินคำพูดของเขา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาจะลงโทษเธอด้วยวิธีไหน ไม่ทันที่หญิงสาวจะคัดค้านร่างบางถูกช้อนอุ้มด้วยลำแขนหนา ก้าวเดินอย่างรีบเร่งไปที่ห้องนอน เดินผ่านเข้าไปในห้องน้ำ เพื่อเริ่มบทลงโทษที่เร่าร้อน
รักร้อนเพลิงริษยา
‘เพี๊ยะ!!...เพี๊ยะ!!...เพี๊ยะ!!...’ ร่างของณิชาถูกผลักลงไปที่พื้น ใบหน้าบวมช้ำที่แก้มมีรอยฝ่ามือทับซ้อนกันหลายแห่ง ที่มุมปากทั้งสองข้างมีเลือดซึมออกมา ลูกน้องทั้งสามไม่มีใครกล้าเข้าไปห้ามปราม ถึงแม้ว่าจะสงสารณิชาจับใจ เพราะเขาไม่เคยเห็นเจ้านายของใครทำร้ายผู้หญิงมากขนาดนี้ อย่างมากก็แค่ตบทีสองทีเป็นการสั่งสอน แต่นี่มันไม่ใช่แค่การสั่งสอน เหมือนกับระบายอารมณ์ที่คั่งค้างมาทั้งวัน ยิ่งมาได้ยินคำพูดที่กวนโทสะด้วยแล้ว เจ้านายของเขาจึงระงับอารมณ์ไม่อยู่“เธอกล้ามากนักที่ตบหน้าฉัน...ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าตบฉันเลย” เสียงของเขาตวาดลั่น“ก็มีซะสิ...ไอ้หน้าตัวเมียรังแกได้แม้กระทั่งผู้หญิง” ณิชาลุกขึ้นยืนตวาดออกไปอย่างไม่ยอมแพ้ วาจาที่ถูกเอ่ยออกไปทำให้ร่างของรัฐกฤตญ์สั่นด้วยความโกรธ เขาไม่เคยรู้สึกโกรธใครมากเท่านี้มาก่อน ยิ่งเป็นผู้หญิงด้วยแล้ว ณิชาเป็นคนแรกที่กล้าว่าเขารุนแรงขนาดนี้ ‘อย่างนี้มันต้องสั่งสอนให้รู้สึก...ว่าอย่าบังอาจมาว่าคนอย่างเขา’ ร่างของณิชาถูกลากไปตามพื้นพรม จุดหมายปลายทางคือห้องนอนที่เธอนอนเมื่อคืน ก่อนที่ร่างของเธอจะถูกโยนลงบนที่นอนอย่างแรง พร้อมกับเสียงประตูที่ถูกปิดอย่างแรง ดินแดน วิทยาและอุดมมองหน้ากัน รู้ว่าหญิงสาวที่อยู่ข้างในจะถูกลงโทษยังไง ก่อนที่พวกเขาทั้งสามจะเดินออกไปจากห้องชุดของเจ้านายมีเพียงอย่างเดียวที่เขาได้ยิน คือเสียงหวีดร้องของณิชาที่ดังลอดออกมาเท่านั้นณิชาร้องสุดเสียงเมื่อมือหนาของเขา กระชากเสื้อผ้าของเธออย่างแรงสองสามครั้ง ก่อนที่มันจะขาดออกจากกัน บางส่วนอยู่ในมือของเขาและบางส่วนอยู่ที่เตียงนอน ณิชาคว้าผ้าห่มที่อยู่ใกล้มือ มาปกปิดท่อนบนที่ไร้อาภรณ์ มีเพียงเสื้อในที่ขาดแหว่งตามแรงกระชาก แต่มันก็ไม่สามารถปกปิดอะไรได้เลย ร่างของณิชากระเถิบหนีร่างของเขาที่เดินเข้ามาที่เตียงอย่างหวาดกลัว ข้อเท้าบางลูกจับด้วยมือหนาแล้วถูกลากเข้ามาหาเขา“คุ...คุณจะทำอะไรฉัน?” ณิชาพูดอย่างหวาดๆ รัฐกฤตญ์ยิ้มมันเป็นรอยยิ้มที่เธอไม่ชอบเลย ยิ้มมุมปาก หากดวงตาเปล่งประกายด้วยความโกรธ“จะกลัวทำไมเก่งนักไม่ใช่เหรอ?...เก่งให้ตลอดสิ...” รัฐกฤตญ์พูดพร้อมกับถอดเสื้อผ้าของเขาออก จนเหลือแต่ร่างเปล่าเปลือย จ้องมองร่างของณิชาอย่างไม่วางตา ณิชาเองที่เป็นฝ่ายเบือนหน้าหนีเขา เพราะเธอไม่เคยเห็นผู้ชายเปลื้องผ้าต่อหน้ามาก่อน นี่เป็นครั้งแรก“ออกไปนะอย่าเข้ามา...บอกให้ออกไป” ของที่อยู่ใกล้มือณิชาถูกโยนออกไปปะทะร่างของเขา แต่มีสิ่งเดียวที่เป็นของหนักนั่นก็คือนาฬิกาตั้งโต๊ะที่ทำจากไม้ ลอยไปโดนที่หางคิ้วของเขาอย่างแรง“โอ๊ย...” รัฐกฤตญ์ใช้มือของเขาคลำที่หางคิ้ว มีความรู้สึกชานิดๆก่อนจะสัมผัสกับน้ำเหนียวๆที่อยู่บริเวณนั้น ลดมือที่คลำที่หางคิ้วมาดู น้ำเหนียวๆที่ว่านี้คือเลือด ดวงตาของรัฐกฤตญ์มองที่ฝ่ามือที่มีเลือดอยู่ สลับกับใบหน้าที่ซีดเซียวของณิชา เมื่อรู้ว่าเธอทำร้ายเขาถึงกับเลือดตกยางออก“เธอ...เธอกล้ามากนักที่ทำฉันถึงขนาดนี้” เสียงกราดเกรี้ยวดังลั่นไปทั่วห้อง“คนอย่างคุณโดนแค่นี้มันยังน้อยเกินไป...ถ้าฉันฆ่าคุณได้...ฉันก็จะฆ่า” ณิชาตวาดกลับไปเสียงดังไม่แพ้กัน ตอนนี้รัฐกฤตญ์โกรธและโมโห จนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว สิ่งที่เขารับรู้ตอนนี้ก็คือต้องสั่งสอนผู้หญิงคนนี้ให้หลาบจำว่าอย่างมาลองดีกับเขา
มนตร์พิศวาสอสูร
บัณฑิตาหนีการคลุมถุงชนมาไกลถึงกรุงลอนดอน คิดว่าจะรอดพ้นจากการถูกบังคับ แต่โชคชะตากลับเล่นตลกกับเธอ เมื่อมาเจอ “ผู้ชายในคืนนั้น” คืนที่เธอสูญเสียพรหมจรรย์ เขาพันธนาการเธอไว้ด้วยความสิเน่หาอันเร่าร้อน“คุณเป็นใคร”“จำผัวตัวเองไม่ได้หรือไง ผัวที่พรากความสาวเธอน่ะ” เขาพูด ก้าวเท้าเดินมาหาสาวสวยที่อยากกกกอดมากที่สุดในจักรวาล บัณฑิตาถอยร่นหนีเสือร้ายหมายขย้ำตน “ฉันคิดถึงเธอมากเลยรู้ไหม มามะมาให้กอดให้หอมหน่อยเร็ว”“หยุดนะ...ว้าย!” บัณฑิตาตกใจสุดขีด กรีดร้องออกมาดังลั่นเมื่อลำแขนใหญ่ของเขารัดตัวเธอไว้ ไม่เพียงแค่นั้น ปากเขายังพรมจูบไปทั่วดวงหน้าหวานที่ส่ายหน้าหนีพัลวัน“ฉันรอคอยวันนี้มาเป็นปี รอวันที่จะได้พบหน้าเธออีกครั้ง” เขาพูดระยะเผาขน หัวใจคนฟังเต้นไม่เป็นจังหวะ ไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจกับประโยคที่ได้ยิน “ฉันบอกกับตัวเองมาเสมอว่า ถ้าได้เจอเธออีก ฉันไม่มีวันปล่อยเธอไป ฉะนั้นเรามาสนุกกันให้หายคิดถึงดีกว่านะ”เหยื่อติดกับแล้ว ราชสีห์หนุ่มไม่มีวันปล่อยเธอเด็ดขาด...
พิศวาสทาสซาตาน
เท้าเล็กนำพาร่างสมส่วนมาหยุดยืนริมระเบียง มือของเธอประสานกันและยกขึ้นระดับอก หลับตาภาวนาขอพรกับเทพวอร์ค แต่แทนที่เธอจะนึกถึงเทพเจ้าแห่งความสุขสมหวัง เกตุกัญญากลับนึกถึงปีศาจเดฟ...“คุณ...” และเมื่อลืมตาขึ้นมา คนที่เธอนึกถึงก็มาอยู่ตรงหน้า เดฟลอยตัวอยู่เหนืออากาศ เกตุกัญญาตกใจไม่น้อยเพราะระยะเวลาที่หลับตาขอพรนั้น เพียงไม่กี่วินาที และช่วงไม่กี่วินาทีนั้น เดฟก็ปรากฏกายตรงหน้าเดฟคือปีศาจจริงๆ“คุณเปลี่ยนใจแล้วใช่ไหมเกรซ” เดฟเอ่ยถามอย่างรู้ใจ“ค่ะ” เกตุกัญญาตอบ “คุณจะทำให้พรของเกรซเป็นจริงได้แน่นะคะ”เธอถามย้ำราวกับว่าต้องการความมั่นใจ เพราะสิ่งที่สูญเสียไป ไปแล้วไปลับไม่กลับมา แล้วมันต้องคุ้มกับการที่ต้องสูญเสียไป“แน่สิ ผมไม่โกหกคุณหรอก”“คุณทำแบบนี้กับผู้หญิงทุกคนที่ขอพรในเรื่องความรักหรือเปล่าคะ”เธอเริ่มสงสัย เดฟเสนอข้อแลกเปลี่ยนนี้มา มันทำให้เกตุกัญญาคิดว่า เขาต้องทำกับหญิงสาวรายอื่น ที่ต้องยอมพลีกายให้ปีศาจเพื่อให้ตนเองได้สมหวังกับความรักเดฟส่ายหน้าช้าๆ และคลี่ยิ้ม “ไม่ ผมไม่เคยทำแบบนี้กับใคร คุณเป็นคนแรกและจะเป็นคนสุดท้ายในชีวิตของปีศาจอย่างผม”หัวใจของเกตุกัญญาเต้นถี่แรงและพองโตกับประโยคคำพูดของปีศาจคุณเป็นคนแรกและจะเป็นคนสุดท้าย
เทพบุตรจอมทมิฬ
เธอคือผู้หญิงที่เขาไม่คิดจะรักจอมทมิฬเช่นเขาจึงกำจัดความเธอเป็นเพียง...นางบำเรอส่วนตัวเท่านั้น
รักร้อนเพลิงปรารถนา
หัวใจที่ไร้ซึ่งความรักทำให้เธอเจ็บปวดทั้งกายและใจความปรารถนาที่ลุกโชน ทำให้เขารู้จักคำว่า..."รักแท้"
วิวาห์พยศใจ
จอมทัพ…ไม่คิดมาก่อนว่า ยุคสมัยนี้จะมีการคลุมถุงชนอยู่อีก จนกระทั่งได้พอบเจอกับตัวเอง ครั้งแรกที่รู้เขาค้านหัวชนฝา ตั้งท่าจะไม่ยอมท่าเดียว ทว่าคนเป็นปู่ก็มีลูกเล่นแพรวพราว ทำให้เขาจำยอมวิวาห์ได้สำเร็จ“ทำไมฉันต้องห่วงตัวเองด้วย เธอต่างหากที่ต้องห่วงตัวเอง”“ฉันเองไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง เพราะฉันรับมือพวกคุณได้ทุกรูปแบบ ฉันหน้าหนาหน้าทนเหมือนกับที่พวกคุณต่อว่าฉัน ฉันจึงคิดว่า คุณน่าจะห่วงตัวคุณเองมากกว่าค่ะ เรื่องที่คุณวาดหวังไว้มันจะไม่สำเร็จ คุณหวานก็จะเป็นแม่สายบัวรอเก้อ ไม่มีทางมายืนแทนตำแหน่งของฉัน ส่วนคุณก็ต้องทนอึดอัดตายอยู่กับฉัน ผูกมัดตัวเองด้วยทะเบียนสมรสที่ฉันไม่มีวันเซ็นชื่อลงในใบหย่าให้” น้ำเสียงเธอนิ่งเรียบ แต่เฉือนหัวใจคนฟัง เขารู้ดีว่าศรัญญามีความอดทนมากแค่ไหน มิเช่นนั้นคงไม่มายืนเถียงเขาฉอดๆ อย่างนี้ “แต่ฉันคิดว่า ไม่…” เขาเอ่ยเสียงหนัก เน้นในคำสุดท้าย “อีกไม่นานฉันจะต้องสมหวัง เป็นเธอซะเองที่ผิดหวัง ผิดหวังในทุกเรื่องที่เธอคิดไว้ เรื่องต้าร์ ฉันขอสั่งเธอว่า ให้อยู่ห่างๆ เพื่อนฉันไว้ ฉันไม่อยากเห็นเพื่อนฉันตกต่ำคว้าเธอมาเป็นเมีย แค่เธอเป็นเมียฉันก็เต็มกลืนจะแย่ ชีวิตฉันวิบัติก็เพราะเธอ”งานวิวาห์ที่ไม่ได้มาจากความเต็มใจจะลงเอยเช่นไร เขาและเธอเท่านั้นที่รู้
พิศวาสทาสคนเถื่อน
เพลิง…ชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยปมในอดีต ความเจ็บปวดจากภรรยาที่หนีตามชู้ยังไม่เคยจืดจางในใจเขา จนจิตใจของพ่อเลี้ยงหนุ่มด้านชา ไม่เคยมองเห็นหญิงสาวคนใดมีค่ามากไปกว่า ดอกไม้ประดับเตียง พอดอมดมจนพอใจก็โยนทิ้ง จนกระทั่งมาเจอเธอ ธันย์ณิชา ดอกไม้ดอกสวยที่ไม่ได้มีดีแค่ความสาว เธอยังมีเสน่ห์ปลายจวักอันยอดเยี่ยม และนั่นทำให้ความคิดของเขาเปลี่ยนไปตลอดกาล“มื้อนี้ทำอะไรให้ฉันกิน”“มื้อนี้วุ้นทำปลาสามรสให้พี่เพลิงทานค่ะ แล้วยังมีไข่เจียวกุ้งสับทรงเครื่องกับแกงจืดไว้ให้พี่เพลิงซดคล่องคอ” เธอบอกเมนูอาหารที่ทำสุดฝีมือ “ไข่เจียวกุ้งสับทรงเครื่อง วุ้นจำสูตรมาจากทีวี วุ้นเพิ่งทำเป็นครั้งแรกด้วย อร่อยไม่อร่อยยังไง พี่เพลิงติวุ้นได้นะคะ วุ้นจะได้เอาไปปรับปรุง”“ฉันกลายเป็นหนูทดลองของเธออีกใช่ไหมเนี่ย”เพลิงพูดติดตลก แต่ก็ยอมเป็นหนูทดลองให้เธอแต่โดยดี ลงมือทานอาหารที่ธันย์ณิชาบอกว่า เพิ่งทำครั้งแรกเป็นจานแรก โดยมีแม่ครัวแสนสวยนั่งลุ้นอยู่ใกล้ๆ“เป็นไงคะ อร่อยไหมคะ”“มันแปลกๆ เพราะปกติฉันเคยกินแต่ไข่เจียวหมูสับ” เพลิงตอบตามความรู้สึกของตนเอง “แต่รสชาติอร่อย กลมกล่อม มีกลิ่นหอมของต้นหอมซอยด้วย ฉันชอบ”คนทำอาหารยิ้มกว้างกับคำชม แต่ก็ต้องหุบยิ้ม ใบหน้าแดงซ่านเมื่อเขาพูดประโยคต่อมา“ฉันยอมเป็นหนูทดลองให้เธอแล้ว คืนนี้เธอต้องเป็นหนูทดลองอุปกรณ์ใหม่ของฉันด้วยนะ ตกลงไหม”เพลิงส่งสายตาประกายวับวาว เป็นสายตาที่ไม่เคยส่งให้หญิงสาวคนใดมาก่อน มันเต็มไปด้วยความปรารถนาที่พร้อมจะลุกโชนได้ทุกครั้งที่ชิดใกล้เธอ รวมถึงตอนนี้ด้วย“ค่ะ” เธอตอบสั้นๆ ด้วยกิริยาเหนียมอาย คนที่มองเห็นแทบจะกระชากร่างเล็กมากอดจูบให้หายอยาก แต่ก็ต้องกลั้นความรู้สึกเอาไว้ รวบยอดทีเดียวตอนค่ำพร้อมอุปกรณ์เซ็กซ์ชิ้นใหม่ที่เพิ่งส่งถึงมือเขาตอนสายดีกว่า
จอมใจภาวินทร์
ความแค้นที่สะสมเป็นเวลาหลายปีกำลังถูกสะสาง “หล่อน” ที่ไม่เคยสำนึกผิดกับการกระทำของตัวเองกำลังถูก “เขา” ลงทัณฑ์ วิธีการลงโทษขอเขาไม่ธรรมดา นอกจากจะทำให้ครอบครัวเธอหมดเนื้อหมดตัว เขายังทำให้หล่อนมาอยู่ในฐานะนางบำเรอ ที่ยิ่งนับวันความเร่าร้อนของจำเลย จะยิ่งทำให้โจทก์หวั่นไหว และโขกสับหล่อนยิ่งกว่าทาส ทาสสวาทที่ไม่ธรรมดา...เพราะฤทธิ์เดชยิ่งกว่าพริกร้อยเม็ด!“ถ้าเธอไม่หยุดทำให้ฉันปวดหัว ฉันจะจูบเธอต่อหน้าคนงาน” ภาวินทร์ขู่เสียงเขียว จ้องมองสาวตรงหน้าที่ยืนเท้าเอว ไม่มีทีท่าเกรงกลัวเขาแม้แต่น้อย“ถ้าคุณจูบฉันต่อหน้าคนงาน ฉันก็จะจูบพี่ชาตรีต่อหน้าคุณเหมือนกัน” เจอย้อนแบบนี้เข้าไป ภาวินทร์ถึงกับอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าเธอจะยอกย้อนเช่นนี้ ก่อนจะหันไปมองชาตรี ลูกน้องคนสนิทที่สะดุ้งสุดตัวเมื่อรู้ว่าตนเข้าไปอยู่สงครามประสาท“เธอกล้าเหรอ” ภาวินทร์เสียงเข้มกว่าเก่า“คุณก็ลองทำดูสิ แล้วคุณจะรู้ว่าฉันทำจริงหรือไม่จริง” เอมิกาท้ากลับ เชิดหน้าใส่ “ฉันทำให้คุณดูตอนนี้เลยก็ได้นะ มามะ พี่ชาตรีจ๋า มาให้เอมจูบหน่อย”ผู้พูดเดินตรงไปหาชาตรีที่ก้าวถอยหนีด้วยความกลัว เขาไม่ได้กลัวว่าเอมิกาจะจูบตนจริงๆ แต่กลัวแววตา ท่าทางของเจ้านายตัวดีต่างหาก กลัวว่าเท้าหนักๆ ของเจ้านายจะประเคนใส่หน้าตน ภาวินทร์ถึงกับทนไม่ไหว ตะเบ็งเสียงเรียกสาวแสบดังลั่น“เอมิกา!” ไม่พูดเปล่า เขาก้าวฉับๆ ไปหาร่างแน่งน้อย ก่อนจะจับหล่อนพาดบ่า เดินลิ่วๆ ไปบ้านพัก เดินไปตีก้นหล่อนไปด้วย ไม่สนใจเสียงร้อง และกำปั้นน้อยๆ ที่ทุบหลังเขาไม่หยุด “ร้ายนักนะ ร้ายอย่างนี้เดี๋ยวจะทำให้คลานลงจากเตียงเลยคอยดู”มาดูกันสิว่า คดีนี้ใครจะชนะระหว่าง โจทก์หนุ่มสุดหล่อกับจำเลยสุดสวย ใครคือผู้ชนะ
สะใภ้สุดขั้ว แม่ผัวสุดขอบ
จะกี่หมัดก็ไม่หวั่น กี่ยกก็ไม่กลัว เธอจะ Knock Out ด้วยหัวใจติดปลายนวมภัทรียายินดีสานต่อค่ายมวยและรับผิดชอบหนี้สินรุงรังต่อจากพ่อซึ่งเสียชีวิตแต่ ณ วันนี้หนี้สินสามปีที่ผัดผ่อนมาตลอดทำให้เธอมืดแปดด้านไม่ว่าความหวังแสนริบหรี่แค่ไหน เธอก็คว้าไว้อย่างไม่รอช้าไม่เว้นแม้แต่การเป็นภรรยาหลอกๆต่อให้ต้องโดนแม่สามีดูถูกทุกขณะ น้องสาวสามีจ้องเหยียดชาติกำเนิดทุกครั้งที่เจอหน้าภัทรียาก็ไม่หวั่นเกรงแม้แต่น้อย เพราะเธอคือ...‘มะปราง ลูกจ่าดาบ ศิษย์จอมทอง’ นักมวยสาวหุ่นกระชากใจหนุ่มๆหากไม่เพราะกำลังจะถูกแม่จับคลุมถุงชน ธัชธรรมจึงต้องเลือกใช้วิธีสิ้นคิดจ้างนักมวยสาวหมัดหนักที่กำลังร้อนเงินมาเป็นภรรยากำมะลอจดทะเบียนจริง อยู่ด้วยกันจริง...และทำท่าว่าจะต้องอยู่ด้วยกันอีกนานรออีกอย่างเดียวเท่านั้น...รอให้สะใภ้กำมะลอยอมเป็นภรรยาตัวจริงของเศรษฐีหนุ่มหล่อ
ปรารถนาแห่งรัก
เขาคือเจ้าหนี้ผู้หล่อเหลา ส่วนเธอคือลูกหนี้ผู้น่าสงสาร
เล่ห์รักคุณอาที่รัก
คุณอาคะ คุณอาช่วยเกาหลังให้ลูกน้ำทีสิคะ ลินคั๊นคัน"นลินธราไม่พูดเปล่า ยังหันหลังให้ร่างหนาแล้วถลกเสื้อยืดสีชมพูหวานแหววขึ้นสูงเพื่อให้ชายหนุ่มเกาได้อย่างสะดวก แต่คนที่ไม่สะดวกจะเกาหลังให้แม่สาวน้อยแรกแย้มถึงกับสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ยามที่มองเห็นแผ่นหลังเนียนสวย "เร็วสิคะ ลูกน้ำคันจะแย่อยู่แล้ว คุณอาช่วยดูด้วยนะคะว่ามีมดหรือเปล่าเมื่อกี้ปีนต้นมะม่วงสงสัยมดจะเข้าไปกัด"ตอนนี้เอนริโกอยากจะมียาดมสักสิบหลอดเพราะผิวขาวเนียนสวยที่ตนเห็น ทำให้ดวงตาของเขาพร่าไปหมด หัวใจเจ้ากรรมก็ดันเต้นซะแรง รู้สึกวิงเวียนแปลกๆ ทั้งที่เคยเห็นแผ่นหลังของสตรีมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่มีครั้งไหนที่เขาจะรู้สึกเช่นนี้มาก่อนเลย แถมยังกล้าๆ กลัวๆ ที่จะทำมือไปสัมผัสแผ่นหลังของเธอ‘โอ๊ย...กูจะเป็นลม’เขาครางในใจ
นิยายรักฉบับสาวคลับเอส
พวกเธอ"สาวคลับเอส"กุหลาบยามราตรีสวย เผ็ด เด็ดและเร่าร้อนพวกเขา"ปีศาจยามราตรี"หล่อ รวย เต็มไปด้วยไฟราคะเมื่อเขาและเธอโคจรมาพบกันไฟราคะก็ลุกโชนความปรารถนาที่ไม่มีวันสิ้นสุดก็อุบัติขึ้น
เทพบุตรร้อนรัก
เขาตกอยู่ในความมืดมิดทั้งกายและใจและเธอคือแสงสว่างนำทางความรัก ความเสน่หาและความแค้นจึงอุบัติขึ้น
จางม่านอวี้ นางสนมล่มเมือง
ด้วยหน้าที่ทำให้จางม่านอวี้ต้องมายืนอยู่ในตำแหน่งพระสนมทั้งที่รู้ว่าไม่คู่ควรกับตำแหน่งนี้ และเชื่อว่านางจะไม่เป็นที่พอพระทัยของฮ่องเต้แต่คงไม่มีใครคาดคิดว่า พระสนมนอกสายตาที่ไม่มีความงามเฉิดฉายจะเป็นนางสนมล่มเมือง ที่ฮ่องเต้ องค์ชายและแม่ทัพหนุ่ม หวังชิงดวงใจนาง
โซ่พิศวาสใยเสน่หา
หล่อ สปอร์ต ใจดี ลีลาเด็ด ทับแล้วร้อง แต่ถ้าท้องก็รับนี่คือสโลแกนประจำตัวของเขา นานโอ การ์รัซซีโน่ หนุ่มใหญ่สุดเร้าใจ นานๆ ทีที่นานโอจะรู้สึกว่า หัวใจตัวเองถูกเหวี่ยงออกจากตัว ไปอยู่กับสาวน้อยหน้าหวานหุ่นสะบึ้ม นมเป็นนม บั้นท้ายดินระเบิด ที่ทำให้เขาแทบอยากจะพุ่งตัวเข้ากอดรัด ฉีกกระชากชุดว่ายน้ำที่แทบจะปิดไอ้ก้อนกลมๆ สองก้อนไม่มิด หลุบตามองสะโพกก็ใจสั่น อยากเอามือบีบขยำให้หนำใจ “เอ่อ...ฉันใส่แล้วไม่สวยหรือคะ คุณถึงได้จ้องขนาดนี้” วารุณีถามด้วยความประหม่าระคนขวยเขิน เมื่อเห็นนานโอจ้องมองตาไม่กระพริบ นานโอได้ยินคำถามแล้วอยากจะบ้า ถ้ารูปร่างของวารุณีใส่ชุดว่ายน้ำชุดนี้ไม่สวย เขาคงเลิกผลิตชุดว่ายน้ำขาย “สวยสิ สวยมากด้วย” นานโอตอบ ยิ้มเจ้าเล่ห์ “ฉันอยากเห็นตอนเธอไม่ใส่ชุดว่ายน้ำด้วย อยากรู้ว่า จะสวยกว่าตอนนี้ไหม” 5555 เอาล่ะสิ งานนี้วารุณี สาวไร้ประสบการณ์จะทำยังไง เมื่อเจอหนุ่มใหญ่ปากหวาน มือไวใจไว ไม่รู้ว่า ใครกันแน่จะติดบ่วงใคร ต้องติดตามกันค่ะ
เมียเด็กจอมมาเฟีย
เซ็กซ์...สำหรับเขาคือการคลายเครียด วันไหนเครียดมากก็หลายครั้ง วันไหนเครียดน้อยสองครั้งเป็นอย่างต่ำ แต่พอมาเจอกระต่ายน้อยหน้าตาเย้ายวน เขาถึงกับเสพติดเธออย่างถอนตัวไม่ขึ้น “วันนี้สามครั้งแล้วนะคะ” กระต่ายน้อยบอกราชสีห์ที่กำลังขย้ำเธออีกรอบ “ครั้งที่สี่จะเป็นไรไป” เขาตอบหน้าตาเฉย และพร้อมทำภารกิจสวาทอีกครั้ง
เดิมพันรักจอมมาเฟีย
“ตำแหน่งพี่เลี้ยงไม่ค่อยเหมาะกับเธอสักเท่าไหร่ ลองมาอยู่ในตำแหน่งเมียของฉันไหมล่ะ รับรองว่าจะติดใจจนไม่อยากลงจากเตียง.............ฟรานเซสโก้ เดอมาร์ชี มาเฟียหนุ่มกลัดมันรักอิสระ ไม่ชอบการผูกมัด ไม่คิดมีใจให้หญิงใด เขาคิดเสมอว่า “ผู้หญิงคือเครื่องบรรณาการทางเพศ” มีไว้เชยชม แต่ไม่ได้มีไว้รักใคร่ เมื่อเสร็จกิจทุกอย่างก็จบ แต่แล้วจู่ๆ ความรักก็หล่นโครม ใส่แบบไม่ทันตั้งตัว เขาจึงคิดอยาก “ผูกมัด” แม่หมัดหนักที่อัดใจเขาซะน่วม ด้วยการ “ไล่จูบ” ทุกครั้งที่เจอหน้า โดยไม่หวั่นกำปั้นหนักๆ เพราะ “เดิมพัน” ที่หวังจะได้นั้นมันคุ้มแสนคุ้ม.............ไลลา นักมวยหมัดหนักต้องมารับหน้าที่ดูแล “ลูกชายมาเฟีย” ที่ร้ายทั้งพ่อทั้งลูก ปวดหัวกับลูกชายไม่พอ ยังต้องมา “ใจเต้นระทึก” กับคนเป็นพ่อ ที่อยู่ใกล้ครั้งใดต้อง “เปลืองตัว”เสมอ และโดยไม่รู้ตัวเขาก็ “ปราบ” เธอจนไม่เหลือคราบเก่งกาจ แล้วไลลาจะหนีรอดเงื้อมมือมาเฟียหนุ่มได้อย่างไร ในเมื่อเขา “กัดไม่ปล่อย” และเห็นเธอเป็นกวางน้อยแสนเชื่อง ที่อยากขย้ำกินใจแทบขาด
รักร้อนเพลิงพยาบาท
ความพยาบาทของเธอ ทำให้ทุกคนต่างสะพรึงกลัวยกเว้นเขา...รัฐรวินทร์ที่จะใช้ความรักทั้งหมดสลายความพยาบาทในใจเกวลิน..................................เขาคือทายาทตระกูลอัครธนากุล ตระกูลมหาเศรษฐีของเมืองไทยเธอคือหญิงสาวชาวบ้านธรรมดาที่ไร้พิษสง แต่ก็ไม่ใช่ว่า เป็นลูกไก่ในกำมือ..................................“เพี้ยะ!” ฝ่ามือเล็กฝาดลงไปบนแก้มรัฐรวินทร์เต็มแรง จนเกิดรอยฝ่ามือบนผิวแก้มเขา“เธอกล้าตบหน้าฉันเหรอ” เขาถามเสียงเข้ม แววตาลุกโชนด้วยความโกรธ“ก็ใช่น่ะสิ ก็คุณอยากปากหมาทำไม แค่นี้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ” เกวลินตอบด้วยทีท่าไม่เกรงกลัว ทว่าความเป็นจริงนั้นไม่ใช่ ในใจเต้นรัวจากความกลัวชายตรงหน้าที่อาจบีบคอเธอตายได้“สองครั้งแล้วนะ สองครั้งแล้วที่เธอตบหน้าฉัน เธอจำไม่ได้หรือว่า เธอตบหน้าฉันครั้งแรก เธอต้องเจอกับอะไรบ้าง เธอคงอยากจะกระอักเป็นครั้งที่สองใช่ไหม” เขาถามเสียงเหี้ยม แววตาไร้ซึ่งความปราณี“แค่นี้ฉันก็กระอักเลือดมากพอแล้ว จะโดนอีกสักหน่อยคงไม่เป็นไร อีกอย่างคนอย่างคุณ มันก็หน้าตัวเมียอยู่แล้ว รังแกคนไม่มีทางสู้ เอาสิ เอาเลย ตบฉันเลย แตะฉันก็ได้ หรือว่าจะถีบฉัน ฉันก็ยินดี ฉันจะไม่ร้องขอชีวิตจากคุณ แต่ฉันจะจำทุกอย่างที่คุณทำกับฉัน แล้ววันหนึ่งฉันจะเอาคืนคุณอย่างสาสม”ตาต่อตา ฟันต่อฟัน เกวลินพูดโดยปราศจากความเกรงกลัวรัฐรวินทร์ ชายหนุ่มที่กุมชีวิตตนกับครอบครัวไว้ในอุ้งมือ อุ้งมือของคนที่ไม่เคยให้คำว่า เมตตาปราณีกับตน
โซ่รักใยพิศวาส
“ฉันท้อง”“แล้วไง...แน่ใจเหรอว่าลูกฉัน”..............................โปรย...................“ฉันท้อง” เพชรหอมกลั้นใจบอกชายตรงหน้า ชายหนุ่มที่หล่อนรักสุดหัวใจ ยอมมอบกายมอบใจให้ทั้งที่ยังไม่แต่งงาน คนได้ยินเลิกคิ้วสูง สีหน้าแปลกใจเล็กน้อย ก่อนเหยียดยิ้ม “แน่ใจเหรอว่าเป็นลูกฉัน” ราซิเอลโล่ตวัดผ้าห่มออกจากตัว ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะคว้าชุดคลุมที่พาดอยู่ปลายเตียงมาสวมทับเรือนกายเปล่าเปลือย “ฉันจำได้ว่า ฉันป้องกันทุกครั้งไม่มีพลาดแน่นอน”เจ็บ! “ไม่ใช่ว่าฉันจะไม่คิดรับผิดชอบเธอนะ แต่ฉันมั่นใจว่า ฉันป้องกันตัวเองดีมาก ดูอย่างเมื่อคืนสิ ฉันเมาฉันยังใส่ถุงยางเลย ลูกในท้องเธอ ไม่ใช่ลูกฉัน...ฉันมั่นใจ” เพราะความมั่นใจของเขา ทำให้หล่อนแบกความเสียใจ ความทุกข์และลูกในท้องกลับเมืองไทย โดยที่ราซิเอลโล่ไม่รู้สักนิดว่า ความแน่นอนคือสิ่งไม่แน่นอน
เมียลับบำเรอแค้น
ตอนเธออยู่ทำร้ายจิตใจต่างๆ นานาตอนเธอจากไป...เขาเหมือนคนกำลังจะตายเขาเห็นเธอเป็นเพียงดอกไม้ริมทางที่จะเด็ดมาดอมดมเมื่อไหร่ก็ได้ และเหยียบย่ำน้ำใจเธออย่างแสนสาหัส ทำให้เธอเจ็บปวดกับคำว่า “เมียลับ” แต่ความทุกข์ทรมานที่ได้รับแลกกับความสุขของมารดา...พวงชมพูยอม ……………… “ได้ข่าวมาว่า ตอนที่ฉันไม่อยู่ เธอไปแรดกับผู้ชายคนอื่นใช่ไหม” คนถูกถามตัวสั่น ไม่กล้าสบตาร้อนแรงของปราณปวิชที่แทบจะประหารเธอทางสายตา “ฉันถามไม่ได้ยินหรือไง ตอบมา” พวงชมพูสะดุ้งสุดตัว ตัวเนื้อสั่นไปหมด ปากแข็งขึ้นมาราวกับถูกหินถ่วง “ฉันถามไม่ได้ยินหรือไง ฮะ” คราวนี้เสียงเขาตะเบ็งจนเธอสะดุ้ง ใบหน้าอาบไปด้วยความตกใจและหวาดกลัวเมื่อเห็นสีหน้าเขาตอนนี้ “ชม...ชมไปบ้านพี่ทัชมาค่ะ แต่เราไม่ได้มีอะไรกันอย่างที่คุณปราบเข้า...ว้าย!” มือใหญ่จับท่อนแขนเล็กไว้แน่น ก่อนเหวี่ยงร่างงามไปบนที่นอน “ฉันเคยบอกเธอแล้วใช่ไหมว่า ตราบใดที่เธอเป็นนางบำเรอของฉัน เธออย่าริอ่านไปร่านกับผู้ชายคนอื่น ในเมื่อไม่ฟัง เธอก็ต้องได้รับบทเรียน” ม่านตาพวงชมพูขยายกว้าง เมื่อเขาหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง “ไม่ค่ะ ไม่เอา ไม่เอาแบบนี้” พวงชมพูพูดเสียงสั่น กระเถิบตัวหนีเสือร้ายขี้โมโหที่พร้อมขย้ำตนให้ตายคาเตียง ทั้งที่รู้ว่า ไม่อาจหนีรอดจากเงื้อมมือเขาได้ “อยากเจ็บตัวเอง ช่วยไม่ได้” เขาคำรามเสียงเข้ม แววตาจ้องมองพวงชมพูประหนึ่งสัตว์ร้ายจ้องมองเหยื่อ ก้าวสามขุมไปหากวางน้อยที่กำลังหาทางเอาตัวรอด
นกหงส์หยกข้าใครอย่าหมาย
เกิดอีกกี่ชาติถึงจะได้เป็นเมียองค์รัชทายาท ในเมื่อชาตินี้มีโอกาส คนที่ทะลุมิติมาเป็นนกหงส์หยกในตอนกลางวัน กลางคืนเป็นสาวผู้เลอโฉม ธิดาดอยหรือเหมยจึงไม่พลาดโอกาสทอง จับองค์รัชทายาทเป็นผัว เอ๊ย! ไม่ใช่ เป็นเมียองค์รัชทายาทถึงจะถูก เมื่อสาวเปรี้ยวปากจัดเดินเหยียบเปลือกกล้วยแล้วพลาดท่าหล่นตูมลงในน้ำ แต่พอเธอตะกายขึ้นมาเหนือน้ำ เธอก็พบว่า ตนเองอยู่ในยุคจีนโบราณสมัยราชวงศ์หมิง ซ้ำร้ายเธอยังกลายเป็นนกหงส์หยกขององค์รัชทายาทที่เปี่ยมไปด้วยอำนาจและถูกขนานนามว่าโหดเหี้ยมที่สุด แต่ในความเหี้ยมโหดก็มีความมุ้งมิ้งกระดิ่งแมวซ่อนอยู่ โชคชะตาไม่ได้เล่นตลกกับเธอเพียงแค่นั้น การทะลุมิติที่ผิดแปลก แถมยังแปลกประหลาด กลางวันเธอจะเป็นนกหงส์หยกตัวน้อยนิดแต่น่ารัก ยามพระอาทิตย์ลาลับเธอจะกลางร่างเป็นสาวผู้เลอโฉมที่สะกดใจองค์รัชทายาทตั้งแต่แรกเห็น เพราะการเห็นเธอครั้งแรก แสนจะไม่ธรรมดา แสงตะวันลับขอบฟ้าคือเวลาที่องค์รัชทายาทอ่านตำราเกี่ยวกับการปกครองอยู่ภายในห้องบรรทม ระหว่าที่เขากำลังนั่งอ่านตำรา เขาตวัดสายตามอไปยังกรงนกหงส์หยก นกเร่ร่อนบินมาเกาะขอบไม้ตรงศาลาริมสระบัวที่เขามักมานั่งพักผ่อน ความเชื่องและความน่ารัก องค์รัชทายาทตึงจับมันใส่กรง ให้อาหารและน้ำ ก่อนนำมาวางไว้ในห้องบรรทม ดวงตาองค์รัชทายาทค่อยๆ เบิกกว้าง เมื่อนกหงส์หยกในกรงกำลังมีรูปลักษณ์เปลี่ยนไป เขาลุกขึ้นยืน สะบัดศีรษะหลายหน ขยี้ตาหลายครั้ง หยิกตัวเองด้วย เพื่อให้แน่ในว่า ภาพที่เห็นไม่ใช่ความฝัน แต่มันคือความจริง ความจริงที่เหนือความคาดหมายและไม่น่าเป็นไปได้ นกหงส์หยกกลายเป็นคน “เฮ้ย!” องค์รัชทายาทร้องดังลั่น มองนกหงส์หยก เอ๊ย! ไม่ใช่สิ ตอนนี้กลายเป็นสตรีที่มีความงามล้ำเลิศ สรีระทรวดทรงงดงามไม่แพ้กัน มีส่วนเว้าส่วนโค้งที่เรียกเลือดลมให้เดือดพล่าน ส่วนกรงนกก็พังเป็นเศษไม้ชิ้นเล็กชิ้นน้อย “ว้าย!” ธิดาดอยหรือเหมยตกใจไม่แพ้กัน เมื่อเห็นว่าร่างกายของตนปราศจากเสื้อผ้า และตอนนี้ตกอยู่ในสายตาของหนุ่มรูปงาม ที่ตอนนั้นตนเป็นนกกำลังบินอยู่เหนือต้นไม้ พอเห็นความงามของบุรุษที่นั่งอยู่ในศาลา เธอก็รีบบินลงมาเกาะบนขอบไม้มองดูความหล่อของเขาในระยะใกล้ “เจ้า...เจ้าทำไมถึงเป็นคน” เออนั่นสิ ทำไมถึงเป็นคนได้หว่า จำได้ว่าเป็นนกหงส์หยกนี่นา
เมียลับนายหัว
ทับแล้วร้อง...ท้องก็รับ “ลูกของฉัน ฉันก็ต้องรับผิดชอบ แม้ว่าจะไม่อยากได้เธอเป็นเมียก็ตาม” “แล้วคุณเคยถามฉันไหมว่า ฉันอยากได้คุณเป็นผัวหรือเปล่า ฉันจะบอกอะไรให้นะ ผัวอย่างคุณน่ะ...ผัวเฮงซวย” ............................... สิงหนาทก้มมองดูเด็กหญิงอายุราวห้าปี ผิวขาวอมชมพู รูปร่างอวบน่าฟัดน่ากอด สวมใส่ชุดคอจีนสีขาวฟ้า ใบหน้าเด็กหญิงชวนมองยิ่งนัก ตาโต แก้มป่อง ริมฝีปากแดงอมชมพู “แม่ไปไหนครับ” สิงหนาทย่อตัวลงถามเด็กหญิง “แม่ไปหาผัวใหม่” เด็กวัยห้าขวบตอบเสียงใส ยิ้มแป้น แต่คนได้รับคำตอบกลับยิ้มไม่ออก “ไปไหนนะครับ” เขาถามซ้ำ “แม่ไปหาผัวใหม่ น้ายูบอกว่าผัวเก่าแม่เฮงซวยค่ะ” เด็กหญิงขนมตอบตามที่น้องสาวมารดาบอก โดยไม่รู้ว่า คำตอบของตนนั้นกำลังทำให้เสือร้ายโมโห “หนอย...ห่างผัวไม่กี่ปี ริอยากมีผัวใหม่ ฝันไปเถอะ”
นางบำเรออุ้มรัก
แควก...แควก“กรี๊ด! อย่าค่ะ อย่าทำรวีแบบนี้...ฮือ”เสียงเสื้อผ้าฉีกขาดดังขึ้น ตามด้วยเสียงกรีดร้อง อ้อนวอนของณัฐรวี ทว่าคนกระทำหาได้ฟังเสียงหล่อน เขายังคงออกแรงฉีกเสื้อผ้าจนขาดติดมือมาอีกหลายครั้ง ทั้งเนื้อทั้งตัวหล่อนเหลือเพียงชุดชั้นในท่อนบนและท่อนล่าง“รวีกลัวแล้ว ต่อไปรวีจะไม่ใส่ชุดนี้อีก...ฮือ...พี่เมฆอย่าทำอะไรรวีเลยนะคะ” กระแสเสียงสั่นเครือ เจ้าของประโยคคำพูดน้ำตาไหลอาบแก้ม ยกมือไหว้ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ตรงหน้าด้วยท่าทางหวาดกลัว“เธอไม่มีสิทธิ์ใส่ชุดนี้ ชุดนี้ฉันซื้อให้แก้วตา ไม่ได้ซื้อให้เธอใส่” เสียงเขาเดือดดาล ก่อนกระชากแขนเรียวเล็กสุดแรง ร่างณัฐรวีลอยขึ้นตามแรงฉุด “อย่าเอาตัวเธอไปเทียบกับแก้วตา เธอมันก็แค่เศษดินเศษหญ้าที่รองมือรองเท้าฉัน เป็นได้แค่นางบำเรอ แต่แก้วตาคือว่าที่เมียฉัน จำใส่หัวไว้”พูดจบ ณัฐรวีรับรู้ถึงแรงเหวี่ยง เสี้ยววินาทีต่อมา ร่างงามกระทบกับที่นอนเต็มแรง หล่อนเจ็บไปทั้งตัว แต่นี่มันเป็นแค่ความเจ็บปวดเริ่มต้น ความปวดร้าวระบมร่างกายและจิตใจกำลังตามมาชุดใหญ่ เป็นความเจ็บปวดที่ไม่เคยชาชินสักครั้ง