บทย่อ
ดวง ตาสีเขียวมองร่างเปลือยของสาวน้อยตรงหน้าด้วยสายตาแค้นเคือง ดุดัน เธอถอยร่นหนีเขาอย่างหวาดผวา ตื่นกลัว ตกใจ ดวงหน้างามสั่นไปมาจนเส้นผมสลวยปลิวไสว เมื่อเห็นเขาถอดเสื้อผ้าทีละชิ้นๆ อย่างใจเย็น ปรางค์รวีพยายามถอดโซ่ตรวนที่จองจำอยู่ที่ข้อเท้า เพื่อที่เธอจะหนีอสูรร้ายที่กำลังย่างกรายขึ้นมาบนเตียง ในสภาพที่ไร้ซึ่งอาภรณ์“เธอ คิดเหรอว่าจะหนีฉันพ้น?..ไม่มีทาง..ผู้หญิงใจร้ายฆ่าได้แม้กระทั่งลูกของตัว เอง ไม่สมควรจะได้รับความปราณีจากฉัน..เธอจะต้องถูกจองจำจนกว่าเธอจะให้กำเนิด ลูกของฉัน เมื่อถึงตอนนั้นฉันจะส่งเธอไปลงนรกด้วยตัวของฉันเอง”เขา พูดเสียงเข้มกัดกรามทั้งสองข้างแน่น ใบหน้าคมแกร่งบึ้งตึง แววตาของเขาไร้ซึ่งแสงของคำว่าปราณี ปรางค์รวีอยากจะอธิบายให้เขาได้รับรู้เหลือเกินว่า สิ่งที่เขารับรู้ว่ามันผิดทั้งหมด เหตุการณ์ในครั้งนั้นเธอไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้น หากแต่คำพูดที่จะร้องค้านออกไป ถูกปิดสนิทด้วยริมฝีปากหนาที่ประทับลงมาอย่างป่าเถื่อน จาบจ้วงและดุดัน มือของเขาจับต้องร่างเปลือยของเธออย่างไม่ปราณี โหดร้าย ร่างกายสาวร้าวระบมไม่ต่างกับหัวใจที่ร้าวราน จะมีวันไหนบ้างที่เธอได้รับความรักจากเขา“จำใส่สมองของเธอไว้..ต่อไปนี้เธอคือทาสของฉัน ทาสของความใคร่ที่ไม่มีวันหนีพ้นหรือเป็นอิสระได้”เขา พูดกระซิบชิดเรียวปากนุ่มที่มีเลือดไหลซึมออกมา หญิงสาวเผยอปากที่จะปลดปล่อยคำอธิบายให้เขาฟัง หากแต่ผ้าผืนใหญ่ถูกนำมาปิดที่ริมฝีปาก มือทั้งสอง ข้างที่ว่างอยู่จึงเป็นสิ่งเดียวที่สามารถปกป้องตัวเองได้ เธอทุบร่างหนาไม่เลือกที่ มีแรงมากเท่าไหร่กระหน่ำไปที่ร่างหนามากเท่านั้น หากแต่...ข้อมือทั้งสองข้างของเธอกลับถูกมือหนารวบเอาไว้ ไม่เพียงเท่านั้นเธอยังถูกพันธนาการด้วยเชือกเส้นใหญ่ จับขึงกับซี่ของเตียงไม้หัวเตียง เธอหมดสิ้นอิสรภาพทันที น้ำตาไหลอาบเป็นทางเมื่อขาเรียวทั้งสองข้างของเธอแยกออกจากกัน และจากนั้นความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสได้เริ่มขึ้นเรื่องที่คุณน่าจะสนใจ
บทที่ 1 เสือร้าย 1
ตึกสูงระฟ้าตรงหน้าทำให้ปรางค์รวีต้องรีบเร่งฝีเท้าให้เร็วมากยิ่งขึ้น อีกสิบห้านาทีเธอจะต้องเข้าไปรายงานตัวกับแผนกบุคคล เป็นนักศึกษาฝึกงานคนแรกของบริษัททีทีอาร์ กรุ๊ป เธอถูกคัดเลือกจากหนึ่งในร้อยของนักศึกษาที่ยื่นความจำนงขอฝึกงานด้วย
“ทำไมมาช้าจังยัยปรางค์ นี่ได้เวลาแล้วนะ” ภัทราหันมาต่อว่าเพื่อนสนิท ที่วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในตัวอาคาร
“รถติดมากเลย นี่ก็รีบสุดๆ แล้วนะ” ปรางค์รวีพูดเสียงปนเหนื่อยหอบ
“ไปเถอะ กว่าจะรอลิฟต์อีกเดี๋ยวสายกันพอดี”
ภัทราบ่นอุบ วันนี้ทั้งสองสาวต้องมารายงานตัวเป็นนักศึกษาฝึกงานที่นี่ หากแต่คนละบริษัท ภัทราฝึกงานในบริษัทประกันชีวิต ที่เช่าสำนักงานในอาคารแห่งนี้ ส่วนปรางค์รวีโชคดีได้ฝึกงานกับบริษัทเจ้าของตึก เพื่อนรักทั้งสองจึงนัดหมายเจอกันที่นี่
สองสาวยืนรอลิฟต์อยู่เกือบห้านาที หากแต่ลิฟต์ยังไม่เดินทางมาถึงชั้นล่าง ปรางค์รวีก้มมองดูนาฬิกาข้อมือหลายครั้ง ด้วยความกระวนกระวายใจ เหลือเวลาอีกไม่ถึงสิบนาทีเท่านั้นก้จะถึงเวลานัดหมายเข้ารายงานตัว เวลาที่เหลือน้อยนิด เธอจึงภาวนาขอให้ลิฟต์มาจอดถึงชั้นล่างเร็วๆ
ขณะเดียวกันประธานหนุ่มไฟแรงของบริษัททีทีอาร์ กรุ๊ป บุรุษที่มากด้วยเสน่ห์และเจ้าชู้อย่างร้ายกาจ เดินมายังลิฟต์โดยสารของอาคาร โดยมีลูกน้องคนสนิทที่เป็นทั้งคนไทยและอิตาลี เดินขนาบเจ้านายหนุ่ม ก่อนที่ทั้งหมดจะมาหยุดยืนหน้าลิฟต์สำหรับเจ้าของบริษัทดังกล่าวใช้งานได้เพียงคนเดียว
รังสรรค์เสียบการ์ดลงไปในช่องหน้าลิฟต์ ก่อนจะกดปุ่มเปิดลิฟต์ เมื่อลิฟต์เปิดออกทั้งหมดก็ก้าวเข้าไปภายใน ในช่วงจังหวะนั้นเอง ภัทราหันมามองทางด้านหลังเมื่อเห็นว่าลิฟต์อีกตัวเปิดอยู่ มีกลุ่มชายฉกรรจ์ยืนอยู่ภายใน เธอจับข้อมือของเพื่อนสาว ลากเดินเข้าไปในลิฟต์ ไม่ทันได้อ่านป้ายที่เขียนว่า “สำหรับผู้บริหารเท่านั้น” คนที่อยู่ภายในลิฟต์จะบอกก็บอกไม่ทัน เพราะประตูลิฟต์ปิดเสียก่อน
“โชคดีนะเนี่ยที่ลิฟต์ตัวนี้มาเสียก่อน ไม่งั้นไม่ทันแน่เลย”
ภัทราบ่นอีกตามเคย เอื้อมมือไปกดปุ่มชั้นที่เธอต้องการ หากแต่ไม่มีตัวเลขชั้นที่เธอต้องการ เพราะมีอยู่สามหมายเลขเท่านั้นคือ 46, 47, 48
“อ้าวแล้วเธอจะไปชั้นที่ยี่สิบสองได้ยังไงล่ะ มันไม่มีหมายเลขชั้นนั้นนี่” ปรางค์รวีเอ่ยถามเพื่อนรัก เมื่อนิ้วเรียวยาวเอื้อมมือไปกดปุ่มหมายเลขชั้นที่ต้องการ แต่ไม่มีหมายเลขชั้นที่ภัทราฝึกงานอยู่
“สงสัยเมื่อกี้รีบร้อนเลยเข้าลิฟต์ผิด ไม่เป็นไร.ถือว่าภัทรมาส่งปรางค์ก็แล้วกัน” ภัทราพูดด้วยรอยยิ้ม ลิฟต์บางอาคารแยกเป็นสัดส่วนชั้นคี่กับชั้นคู่ เธอจึงไม่ติดใจอะไรกับลิฟต์ตัวนี้
ปรางค์รวีมองไปรอบๆ ตัวลิฟต์ บุคคลที่อยู่ในลิฟต์ตัวนี้ดูน่าเกรงขาม แต่ละคนใบหน้านิ่งราวกับเป็นหุ่นยนต์ มีจุดเด่นอยู่คนเดียว ใบหน้าของเขาดูมีเสน่ห์น่าหลงใหล หล่อเหลาผิวขาว เส้นผมของเขาสีน้ำตาลประกายทองถูกจัดแต่งทรงอย่างสวยงาม หนวดเคราขึ้นบางๆ ที่สันแก้มทั้งสองข้าง โดดเด่นมากที่สุดคงเป็นดวงตาสีเขียว
เขาช่างหล่อบาดใจเธอยิ่งนัก หัวใจของปรางค์รวีเต้นรัวเมื่อได้ที่สบสายตาแสนเสน่ห์นั้น เหมือนมีแรงดึงดูดมหาศาล ยิ่งมองยิ่งร้อนวูบวาบ จนเธอต้องเบนหน้าหนีก่อนที่ร่างกายของเธอจะละลาย สติของเธอถูกดึงกลับมาเมื่อเพื่อนสาวเอ่ยถามคำถามบางอย่าง
“ปรางค์ มีคนพูดกับฉันหลายคนนะว่าเจ้าของบริษัทที่เธอจะไปฝึกงานด้วย ชื่อเสือ ชื่อดุน่าดูเลย ปรางค์ว่าเขาจะหน้าตาเป็นยังไง”
เจ้าของดวงตาสีเขียวมรกตสะดุดชื่อเล่นที่สองสาวกล่าวถึง เพราะชื่อเสือ เป็นชื่อเล่นของเขาเช่นกัน คราแรกเขาก็ไม่แน่ใจว่าจะใช่ตนเองหรือไม่ แต่พอมาวิเคราะห์อะไรหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นชั้นที่คนถูกถามไปนั้นก็เป็นชั้นที่ตั้งบริษัทของตน เขาคิดว่า เสือ ที่ทั้งคู่พูดถึงนั้นคือตนแน่นอน
วิตโตริโอเลือกที่จะเงียบและโบกมือให้รังสรรค์ที่กำลังจะอ้าปากพูดให้หุบปาก เพราะต้องการรู้ว่า คำตอบที่กำลังจะถูกขับออกมาจากปากของสาวสวยร่างเล็กว่าเป็นอย่างไร
ปรางค์รวีทำท่าคิดได้น่ารัก ใสซื่อจนคนที่มองดูเธออยู่ถึงกับเคลิ้ม เขาไม่เคยพบผู้หญิงคนไหนยิ้มได้สวยอย่างนี้มาก่อนเลย เวลาเธอยิ้มทำให้ดอกไม้ที่เหี่ยวเฉา คืนชีพได้อย่างไม่น่าเชื่อ
“อืม อายุก็คงหกสิบกว่าๆ อ้วนลงพุง หน้าตาดุๆ เหมือนกับชื่อกระมัง อ้อ...มีเขี้ยวสองข้างด้วย เอาไว้คอยขย้ำลูกน้องที่ทำงานไม่ได้ดั่งใจ” ปรางค์รวีตอบเพื่อนด้วยการคาดเดา เธอคาดคะเนจากหลายประการ บริษัทแห่งนี้เติบโตมากกว่า 34 ปี เพราะฉะนั้นเจ้าของบริษัทน่าจะอายุประมาณหกสิบปีอย่างแน่นอน ส่วนลักษณะท่าทางและองค์ประกอบต่างๆ เธอพูดโดยไม่ได้ทันคิด พูดเล่นๆ สนุกปาก หากแต่เจ้าของชื่อกับไม่ตลกด้วย เขาถึงกับลมออกหู กัดกรามแน่นเมื่อได้ยินถ้อยคำที่ดูถูกเขาอย่างหนัก ไม่เคยมีใครกล้าหยามเขามากขนาดนี้มาก่อนเลย
“แก่ขนาดนั้นเลยเหรอปรางค์ แต่ก็น่าจะใช้เนอะ”
“ปรางค์ว่าน่าจะใช่นะ ชื่อเสือก็ต้องหน้าดุเสียงเข้มสมกับชื่อ ถ้าชื่อแมวหรือหนูก็ว่าไปอย่าง ไม่ต้องปั้นหน้าดุ คอยแต่วิ่งหนีเสืออย่างเดียว” สองสาวหัวเราะอย่างชอบใจ
ต่างจากคนรอบข้างที่เริ่มร้อนๆ หนาว ๆ แทนปรางค์รวีที่สาธยายรูปร่างหน้าตาของเจ้านายหนุ่มมากอารมณ์ ที่ไม่รู้ว่าต้องเจอกับอะไรบ้างหากได้พบกับคุณเสือ ตัวจริงเสียงจริง
ปรางค์รวีและภัทราก้าวออกมาจากลิฟต์เมื่อถึงชั้นที่ 46 พอก้าวออกมาทั้งสองก็ตกเป็นเป้าสายตาของพนักงานที่อยู่ด้านนอกลิฟต์ เนื่องจากลิฟต์ตัวนี้ไม่มีพนักงานคนไหนหรือว่าบุคคลอื่นกล้าใช้ รู้ดีว่าเป็นของผู้บริหารระดับสูง แล้วสองนักศึกษาสองคนนี้ใช้บริการลิฟต์ตัวนี้ได้อย่างไร
“ปรางค์ ฉันไปก่อนนะ เจอกันตอนเที่ยงนะเพื่อน”
ปรางค์รวีและเพื่อนสนิทแยกกันที่หน้าลิฟต์ ปรางค์รวีเดินตรงไปที่แผนกบุคคลเพื่อรายงานตัว ส่วนภัทราก็ไปยังลิฟต์อีกตัว
ภายในลิฟต์
“เสก ไปสืบมาสิว่าผู้หญิงที่วิจารณ์ฉันฝึกงานที่แผนกไหน ถ้าจะให้ดีย้ายมาฝึกงานเป็นผู้ช่วยเลขาของฉัน”
น้ำเสียงทรงอำนาจของวิตโตริโอสั่งการรังสรรค์ คนรับคำสั่งรีบทำตามคำสั่งทันที นึกหวาดหวั่นกับสาวน้อยแสนสวยคนนี้ยิ่งนัก สงสัยงานนี้เจออ่วมแน่