บทย่อ
เขารักเธอสุดหัวใจ แต่สิ่งที่ได้คือความเกลียดชัง ……… “โอ๊ย” ร่างสาวถูกเหวี่ยงไปบนเตียง จังหวะนั้นศีรษะเธอกระทบกับขอบเตียงพอดี “ฉันดีกับเธอทุกอย่าง ถนอมเธออย่างกับไข่ในหิน แต่สิ่งที่ฉันได้รับมันคือความว่างเปล่า เธอคงไม่ชอบใช่ไหม อยากเห็นอีกภาคของฉัน ถ้างั้นต่อไปนี้ฉันจะทำในเรื่องที่ตรงกันข้าม ให้เธอได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดซะบ้าง” อันโตรเนียลเล่พูดไปถอดเสื้อผ้าไป นาราลักษณ์ใจหวาดหวั่น เกรงกลัวขึ้นมาทันที “แล้วถ้าเธอคิดต่อต้านฉันล่ะก็ ฉันจะไปเอาน้องสาวเธออีกคน” เขาใช้เข่าก้าวขึ้นเตียงในสภาพไร้เครื่องนุ่งห่ม นัยน์ตาอ่อนโยนเปลี่ยนเป็นดุกร้าวกระด้าง “อย่านะ อย่าทำอะไรน้องฉัน ฉันยอมคุณทุกอย่าง” นาราลักษณ์ไม่มีทางเลือกให้เดิน นอกจากคำว่ายอม “เธอคงรักมันมากสินะ ถึงได้ยอมเจ็บขนาดนี้” ถามไปเจ็บหัวใจไป “ใช่ ฉันรักพี่พล รักมากด้วย ประโยคนี้ใช่ไหมที่คุณอยากได้ยิน” เธอตอบทั้งน้ำตา คนได้รับคำตอบน้ำตาตกในเช่นกัน “ความรักที่ฉันมีต่อเธอคงไม่มีค่าพอ งั้นฉันขอคืนก็แล้วกัน เพราะมันคงไม่มีประโยชน์ที่ฉันจะมอบความรักให้กับคนไม่เห็นคุณค่า” ไม่มีความเจ็บปวดใดเท่าครั้งนี้อีกแล้ว เจ็บลึกถึงแก่นใจ “ต่อไปนี้ เธอจะได้เห็นตัวตนใหม่ของฉัน ปีศาจที่ว่าร้าย ยังไม่ได้ครึ่งหนึ่งของฉันเลยรู้ไหม...แควก แควก”
1
งานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันเกิดอดีตมาเฟียชื่อดังของอิตาลี ที่คลุมพื้นที่กว่าสามเมือง มิลาน โรมและเกาะซิซิลีต้องไม่ธรรมดา งานถูกจัดขึ้นในโรงแรมหรูกลางกรุงโรม เมื่อเจ้าของงานเป็นมาเฟีย แขกที่มาร่วมงานเกินครึ่งเป็นมาเฟียที่มาจากหลายที่หลายทาง และต่างระดับชั้น หรือพูดได้ว่ามาเฟียใหญ่ไล่ลงไปถึงมาเฟียระดับล่าง
หนึ่งในกลุ่มมาเฟียที่มาร่วมงานนี้คือมาร์โก้ เขาไม่ได้เป็นมาเฟียเสียทีเดียว แต่เป็นคนที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จหลายอย่างของมารูแอล เดอมาร์ชี เจ้าของงานในวันนี้ ก่อนจะหันหลังจากวงการนี้หลังจากภรรยาคลอดลูก เขาอยากใช้ชีวิตแบบสงบ อยู่กับครอบครัวของตน
หลังจากมาร์โก้เดินเข้าไปในงานไม่ถึงหนึ่งนาที ร่างระหงของสตรีวัยยี่สิบเจ็ดปีที่สะกดทุกสายตาให้มองมายังเธอเป็นตาเดียว ได้เดินเข้ามาภายในงานด้วยท่าทางสง่างาม เธอสวมชุดราตรีแบบเกาะอกสีแดงเพลิง ขับกับสีผิวขาวนวลเนียน เครื่องหน้าไม่ได้แต่งจัดจ้าน แต่งบางเบาทว่าสวยจับใจ เส้นผมเป็นลอนคลื่นพลิ้วไหวตามแรงเดินของเจ้าตัว ยิ่งทำให้ดวงหน้าเธอมีเสน่ห์มากขึ้น
อันโตรเนียลเล่ เดอมาร์ชี ลูกชายเพียงคนเดียวของมารูแอลเป็นหนึ่งในสายตาที่มองไปยังนาราลักษณ์หรือนารา ลูกสาวบุญธรรมของมาร์โก้ วินาทีนี้เขารู้สึกว่า ในห้องนี้มีเพียงแค่เขาและเธอเท่านั้น สายตาเขาไม่มองไปที่ใดนอกจากร่างงามที่ย่างเท้ามายังโต๊ะที่เขานั่งอยู่ มองนิ่งงันราวกับถูกมนตรา ไม่เพียงสะกดสายตาแต่กำลังสะกดหัวใจเขาอีกด้วย
“โอ้...พระเจ้า” อันโตรเนียลเล่ครางในใจ ยามเห็นรอยยิ้มบนดวงหน้าหญิงสาวที่เปรียบเสมือนแม่มด เธอยิ้มสวยมาก สวยงามที่สุด รอยยิ้มนั้นส่งเสริมให้รูปหน้าเธองดงามจับจิตจับใจ หัวใจเต้นแรงหนักกว่าเดิม เพิ่มเติมคือคล้ายมีศรรักปักกลางใจ ไม่ได้ปักธรรมดาปักลึกสุดศรรักก็ว่าได้
ความรู้สึกนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับอันโนเนียลเล่ และไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นด้วย เพราะเขาไม่เชื่อในรักแรกพบ ไม่มีคำนี้อยู่ในสาระบบด้วยซ้ำไป ทว่าเวลานี้ความรู้สึกนั้นอยู่ในหัวใจเขาแล้ว
รักแรกพบ...
รักที่ต้องได้ครอบครอง...
สองเดือนต่อมา
สีหน้ามาร์โก้เต็มไปด้วยความหนักใจ สายตาบุรุษวัยหกสิบสามปีมองดูกระดาษในมือแล้วถอนหายใจพรืดยาว ราวกับว่าระบายความกลัดกลุ้มและความทุกข์ในใจ กระดาษแผ่นนั้นคือสัญญาเงินกู้ที่มีมูลค่าสูงถึงสามสิบล้านยูโร ไม่ใช่จำนวนเงินน้อยๆ มันมากเกินกว่าที่เขาจะหามาใช้หนี้ได้ แต่ก็ต้องใช้ภายในหนึ่งเดือน
หนึ่งเดือนกับเงินสามสิบล้านหกแสนยูโรรวมดอกเบี้ยสะสม
มันเป็นไปไม่ได้เลยที่มาร์โก้จะหาเงินจำนวนนี้มาให้เจ้าหนี้ได้ หากถามว่าเขานำเงินจำนวนมากนี้ไปทำอะไร เป็นคำถามที่ทำให้ชายวัยเกษียณยิ่งเจ็บช้ำ เขากู้เงินมาเฟียคนหนึ่งเพื่อนำไปต่อยอดธุรกิจกับเพื่อน แรกๆ ก็เป็นไปด้วยดี แต่ต่อมาเขากลับถูกเพื่อนคนนี้โกง นอกจากจะเสียเงินที่ลงทุนไป ยังต้องแบกรับหนี้สินอีก ครั้นจะไปหายืมมาจ่ายหนี้ก้อนนี้ก็ยิ่งเพิ่มหนี้มากขึ้น และคงไม่มีใครให้เขายืมมากขนาดนี้ด้วย
ความกลัดกลุ้มนี้เกิดขึ้นมาหลายวันแล้ว มาร์โก้ไม่ได้บอกเรื่องนี้ให้ครอบครัวรู้ เพราะไม่อยากให้ทุกคนทุกข์ไปกับตน เขาพยายามหาทางออกเอง แต่ทางที่จะพ้นจากความทุกข์คือ ต้องหาเงินจำนวนสามสิบล้านหกแสนยูโรมาจ่ายหนี้สิน ถึงหาได้เขาก็ต้องเป็นหนี้เจ้าใหม่ มันก็จะออกมารูปเดิม
ครั้นจะขายทรัพย์สินที่มีอยู่เพื่อใช้หนี้ มันก็ไม่เพียงพอ คิดคร่าวๆ หากขายทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นบ้าน รถยนต์และกิจการเล็กๆ ของตนก็ได้เพียงยี่สิบล้านยูโร ซึ่งก็ไม่พอ หากขายไปครอบครัวเขาก็ไม่มีที่อยู่ที่กิน ไม่มีรายได้จุนเจือ ครอบครัวก็ตนก็ต้องลำบาก
มาร์โก้คิดแล้วคิดอีก คิดซ้ำๆ แต่ก็หาทางออกไม่ได้ มีคนหนึ่งที่ช่วยตนได้ คนนั้นคือมารูแอล เดอมาร์ชี อดีตเจ้านายตน แต่ลืมไปได้เลยว่าจะขอความช่วยเหลือจากมารูแอล เพราะเจ้าหนี้ของเขาคือ อันโตรเนียลเล่ เดอมาร์ชี ลูกชายของมารูแอล มันเป็นไปได้ยากที่จะยืมเงินพ่อมาคืนให้ลูก สุดท้ายเขาก็ต้องเป็นหนี้เช่นเดิม
ก่อนที่มาร์โก้จะมานั่งจมกับความทุกข์ เขาออกไปหาเจ้าหนี้รูปงามเพื่อพูดคุยเรื่องหนี้สินที่ลากยาวมาหลายปี ข้อเสนอของอันโตรเนียลเล่สร้างความลำบากใจให้เขาไม่น้อย แม้ว่าจะหมดหนี้สินแต่อีกคนก็ต้องตกอยู่ในความทุกข์ ความเสียใจไปตลอดชีวิต มาร์โก้คิดไม่ตกกับข้อเสนอของอันโตรเนียลเล่ เขาจึงมานั่งจมอยู่กับความคิดตัวเอง บนเก้าอี้ตัวนี้นานเป็นชั่วโมง
“แม่คะ ป๊ะป๋านั่งมองกระดาษแผ่นนั้นนานแล้วนะคะ มองไปถอนหายใจไป แม่รู้หรือเปล่าว่าป๊ะป๋าเป็นอะไร”
นาราลักษณ์สังเกตมาหลายวันว่า มาร์โก้เงียบขรึมลง ไม่ค่อยพูดจากับใคร แม้แต่ลักษมีหรือเจนนิเฟอร์ลูกสาวและเป็นน้องสาวต่างบิดาของตนที่สนิทสนมกันไม่น้อย ก็พูดจาน้อยลง ถามคำตอบคำ แล้วมักมานั่งถอนหายใจบนเก้าอี้ตัวโปรดบ่อยๆ เธอจึงถามลักขณาหรือเอมี่ มารดาชาวไทย ลักขณาละมือจากการหั่นเนื้อหมูเงยหน้ามองคนถาม
“แม่ก็ไม่รู้เหมือนกัน แม่ถามป๊ะป๋านะ แต่ก็ไม่มีคำตอบอะไร ป๊ะป๋าบอกแค่ว่ามีเรื่องต้องคิดนิดหน่อยแค่นั้น แม่ก็ไม่อยากซักมาก คิดว่าถ้าหากป๊ะป๋าอยากพูดก็คงพูดเอง” ลักขณาตอบบุตรสาวคนโต “คงมีปัญหาที่บริษัทน่ะลูก ไม่มีอะไรมากกว่านี้หรอก”
“ปัญหาที่บริษัทหรือคะ ไม่มีนะคะ ทุกอย่างก็ปกติ”
นาราลักษณ์รู้เรื่องในบริษัทดี เพราะเธอทำงานในตำแหน่งรองประธานบริษัท ซึ่งไม่มีปัญหาใดมากวนใจ ทุกอย่างดำเนินไปด้วยดี
“ถ้างั้นจะเป็นเรื่องอะไรล่ะที่ทำให้ป๊ะป๋ากลุ้มแบบนี้” ตอนนี้ลักขณาคิดไม่ออกถึงเหตุผล หากบริษัทไม่มีปัญหา แล้วเรื่องใดที่ทำให้สามีนางตกอยู่ในอาการเช่นนี้