2
“หนูว่าหนูถามตรงๆ เลยดีกว่า มัวแต่มาคิดกันเองถามกันเองไม่ดีแน่ ถ้าป๊ะป๋ามีปัญหาที่แก้ไขไม่ได้ หนูจะได้ช่วยคิด ช่วยหาทางออก”
แม้ว่ามาร์โก้ไม่ใช่พ่อบังเกิดเกล้า แต่เขาก็เป็นพ่อที่เลี้ยงดูตนมาตั้งแต่อายุแปดขวบ จนตอนนี้นาราลักษณ์อายุยี่สิบเจ็ดปี สิบเก้าปีที่อยู่ด้วยกัน มาร์โก้ให้ความรัก ความอบอุ่นไม่ต่างกับเธอเป็นลูกคนหนึ่ง หากมาร์โก้มีปัญหาหรือเดือดร้อนเรื่องใดก็ตามแต่ หญิงสาวพร้อมช่วยเหลือเต็มที่ ไม่ว่าเรื่องนั้นจะลำบากยากเย็นมากแค่ไหนก็ตาม
“เอาไว้ตอนเย็นก็ได้ลูก รอดูไปอีกสักพัก หนูมีนัดกับพี่พลไม่ใช่เหรอ รีบไปเถอะ” พลคือพีระพล คู่รักที่คบหากันมานานสามปีและเป็นคู่หมั้นของนาราลักษณ์ แพลนแต่งงานของทั้งคู่คือกลางปีหน้า
“ค่ะ เย็นนี้หนูจะพูดกับป๊ะป๋าค่ะ” นาราลักษณ์ตอบกลับมารดา “หนูไปก่อนนะคะแม่” นาราลักษณ์หอมแก้มมารดา ก่อนเดินออกจากห้องครัว ตรงไปยังรถยนต์ของตน จากนั้นจึงขับรถออกไปจากบ้าน จุดหมายของเธอคือห้างสรรพสินค้ากลางมิลาน สถานที่นัดหมายกับคนรัก
สองหนุ่มสาวที่เดินเคียงคู่กัน โดยฝ่ายชายโอบบ่าฝ่ายหญิงแสดงถึงสถานะคนรักอย่างชัดเจน ทั้งสองเดินดูสินค้าในร้านต่างๆ ภายในห้าง เดินดูของไปพูดคุยกันไป บางครั้งเกิดเสียงหัวเราะเบาๆ และที่สำคัญต่างมีรอยยิ้มให้กัน
“แวะเข้ามาในร้านนี้ทำไมคะพี่พล” นาราลักษณ์ถามคนรัก พีระพลยิ้มแต่ไม่ตอบคำถามเธอ กลับจูงมือแฟนสุดสวยเข้าไปในร้านจิวเวอรี่
พีระพลกับนาราลักษณ์เดินดูเครื่องประดับที่จัดวางอยู่ในตู้กระจกทีละตู้ จนกระทั่งถึงตู้โชว์สร้อยคอและต่างหู เขาหยุดยืนมองดูสร้อยคอเส้นหนึ่ง ก่อนบอกให้พนักงานหยิบให้ตนดูใกล้ๆ
“สวยไหมนารา” พีระพลถามคนรัก
“สวยค่ะ แต่แอบแพงนะเนี่ย พันกว่ายูโรแน่ะ”
“พี่ว่า ถ้ามันไปอยู่บนคอของนาราต้องสวยมากแน่ๆ” ฟังจากคำพูดพีระพล ทำให้เธอรู้ทันทีว่า เขากำลังซื้อสร้อยเส้นนี้ให้ตน
“ไม่เอาค่ะ มันแพง นาราไม่อยากได้”
“เอาเส้นนี้ครับ”
พีระพลไม่สนใจคำพูดนาราลักษณ์ เขาบอกพนักงานที่นำสร้อยเก็บลงบนกล่องกำมะหยี่ จากนั้นก็เดินไปยังเคาน์เตอร์คิดเงิน
“พี่พลคะมันแพงนะคะ เก็บเงินไว้ดีกว่าค่ะ อีกอย่างพี่พลก็รู้ว่านาราไม่ชอบใส่สร้อยเพชร” นาราลักษณ์พยายามแย้ง
“เอาน่า ซื้อให้แฟนที่จะเป็นเมียในอนาคตแค่นี้ ขนหน้าแข้งพี่ไม่ร่วงหรอก พี่อยากซื้อให้นาราใส่ด้วย เอาไว้ดูต่างหน้าพี่ไง เห็นสร้อยเส้นนี้ก็จะได้คิดถึงพี่”
นาราลักษณ์รู้สึกไม่ดีกับคำพูดของคนรัก พีระพลพูดราวกับว่า เธอกับเขากำลังจะไกลห่างกัน
“ทำไมพี่พลพูดอย่างนี้ล่ะคะ นาราไม่ชอบเลย” เสียงเธอค่อนข้างตึง
“พี่หมายถึงวันไหนที่เราไม่ได้เจอกันไง นารามองสร้อยก็เหมือนมองหน้าพี่ ไม่ได้หมายความว่าเราจะห่างไกลกันหรือจากกันซะหน่อย” พีระพลขยายความให้คนรักเข้าใจ
“ทีหลังก็พูดชัดเจนสิคะ พูดแบบนี้นาราก็คิดเป็นอย่างอื่น”
“ได้ครับที่รัก ครั้งหน้าจะพูดชัดแจ้งแดงแจ๋เลยครับผม” นาราลักษณ์ยิ้มได้ มองคนรักที่ใช้เครดิตการ์ดชำระเงินค่าสินค้า ก่อนเขาจะหยิบสร้อยเส้นนั้นออกมาจากกล่อง “พี่สวมสร้อยให้นะครับ”
นาราลักษณ์หันหลังให้คนรัก ความที่ถักเปียก้างปลาเธอแค่ยกหางเปียขึ้นเพื่อให้พีระพลสวมสร้อยคอได้อย่างสะดวก พีระพลจับหัวไหล่คนรักทั้งสองข้าง หมุนตัวเธอให้หันมาทางเขา
“สวยทั้งคนและสร้อยเลย” พีระพลชื่นชมจากใจจริง “พี่ดีใจนะที่เป็นแฟนกับนารา และจะดีใจมากกว่านี้ถ้าถึงวันแต่งงานเร็วๆ”
“พี่พลไม่ต้องห่วงค่ะ นาราไม่ไปเป็นเมียใครนอกจากพี่พลคนเดียว”
ราวกับเป็นคำมั่นสัญญาที่นาราลักษณ์มีต่อพีระพล ทั้งสองมองสบตากันและยิ้มให้กัน พีระพลรั้งเธอเข้ากอด กอดแนบแน่นคล้ายกับว่าจะไม่มีโอกาสนั้นแล้ว เป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกว่า เหตุใดจึงคิดเช่นนี้
“พี่รักนารานะครับ และจะรักตลอดไป”
“นาราก็รักพี่พลค่ะ รักตลอดไป” สองหนุ่มสาวยืนกอดกันกลางร้าน โดยมีคนในร้านมองดูความรักของทั้งคู่อย่างชื่นชม ต่างกับอีกคนที่มองด้วยความอิจฉา...อิจฉาที่พีระพลได้หัวใจนาราลักษณ์
“เธอเป็นของใครไม่ได้ทั้งนั้น นอกจากฉันคนเดียว”
เจ้าของประโยคคำพูดคืออันโตรเนียลเล่ ที่ใครจะคิดว่า เขาแอบตามดูนาราลักษณ์มานานร่วมหนึ่งเดือน และเห็นเธอแสดงความรักกับพีระพลอยู่หลายครั้ง ไม่ว่ากอดกัน หอมแก้มหรือกุมมือเดิน ทุกครั้งที่เห็นเขากำมือแน่น ความไม่พอใจแฝงอยู่ในนัยน์ตาสีฟ้า ความรักที่นับวันแน่นในอก ความรักที่มาพร้อมกับอยากครอบครอง และต้องได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน เขาทำทั้งนั้นเพื่อให้ได้ตัวนาราลักษณ์
นาราลักษณ์กลับมาถึงบ้านในเวลาเกือบหนึ่งทุ่ม เธอมองรถยนต์คันหรูสองคันที่จอดอยู่หน้าบ้านด้วยความสงสัย แขกทุกคนที่มาบ้านมาร์โก้ นาราลักษณ์รู้จักดี รู้จักยันรถที่พวกเขาใช้ ซึ่งไม่มีใครใช้รถยนต์ยี่ห้อนี้สักคน เพราะราคาของมันสูงเกินกว่าเพื่อนมาร์โก้จับต้องได้ คนครอบครองต้องอยู่ในฐานะเศรษฐีเท่านั้น
หญิงสาวชะงักเท้าเมื่อก้าวเข้าไปในบ้าน กลุ่มชายฉกรรจ์สวมชุดสูทห้าคนนั่งอยู่ในห้องรับแขก ทั้งหมดหันมองเธอเป็นตาเดียว ก่อนพวกเขาจะส่งยิ้มให้ นาราลักษณ์คิดว่าเป็นแขกของบิดาบุญธรรม เธอยิ้มตอบกลับ จังหวะนั้นลักษมีเดินมาหาพี่สาว จูงมือนาราลักษณ์ไปยังห้องครัว