บทย่อ
“คุณจะพาฉันออกมาทำไม ฉันจะไปจัดการพวกนั้น” กรรัมภาดิ้นไปมา ไม่ยอมเดินตามแรงจูง“เธอมีสติหน่อยสิ เมาจนไม่รู้ตัวหรือไงว่าทำอะไรอยู่” กันต์ณธีร์ไม่สนใจ เขาลากกรรัมภามาถึงรถยนต์ของตน ก่อนพูดเตือนสติ “อย่าลืมสิว่า เธอเป็นดารา เป็นคนของประชาชน จะไปชก ไปต่อยหรือถีบคนอื่นแบบนี้ไม่ได้ รู้ไหมว่าคนเขาจะมองเธอยังไง แล้วถ้ามีคนถ่ายคลิปไว้แล้วเอาไปลงในเน็ต เธอจะเสียหายมากนะ”“ก็ช่างคนอื่นสิ ฉันรู้ตัวหรอกน่าว่าทำอะไรอยู่” กรรัมภาเถียงสู้ แม้ว่าในใจก็หวั่นกับคำพูดเขา พูดง่ายๆ คือเธอไม่ได้คิดในเรื่องที่เขาเตือน “อีกอย่างพวกนั้นมาหาเรื่องจี้ก่อน หาเรื่องเพื่อนฉันก็เหมือนหาเรื่องฉัน ฉันก็เลยต้องจัดการ”“ทำตัวอย่างกับคนไม่มีสมอง ชอบใช้กำลังมากกว่าใช้สติ” กันต์ณธีร์ต่อว่าตามตรง ก่อนเปิดประตูรถ “ขึ้นไป ฉันจะไปส่งที่บ้าน”“ไม่ขึ้น จะเข้าไปลุยต่อ” กรรัมภาแข็งใส่ ปิดประตูรถหรูดังปัง กันต์ณธีร์ส่ายหน้าเปิดประตูรถอีกครั้ง“ถ้าไม่ขึ้น เจอดีแน่”“ทำไม คุณจะทำอะไรฉัน” น้ำเสียงไม่มีความเกรงกลัว แถมยังเชิดหน้าใส่“ก็ทำอย่างนี้ไงล่ะ” เขาประคองแก้มทั้งสองข้างของเธอไว้ ก่อนแนบปากลงบนปากจิ้มลิ้มที่กำลังเถียงสู้ ม่านตาสาวขยายกว้าง ความตกใจอาบไปทั่วความรู้สึก กรรัมภาไม่คิดว่า กันต์ณธีร์จะลงโทษตนด้วยวิธีนี้ นี่เธอเสียจูบแรกให้กับชายหนุ่มที่ไม่ชอบหน้าตนหรือนี่ ดีที่ว่าเขานำรถมาจอดด้านในสุดที่ค่อนข้างลับตาคน หากจอดจุดอื่นมีหวังภาพนี้ว่อนเน็ตแน่วินาทีนี้กันต์ณธีร์เหมือนไม่รู้ตัวว่าทำอะไร เขาคิดแค่ว่าต้องการสั่งสอนและหยุดกรรัมภาไม่ให้ไปมีเรื่องกับน้ำเพชร เขารู้ว่าเธอดื้อ รั้นไม่ยอมคน พูดให้หยุดคงไม่ได้ผล วิธีนี้เป็นวิธีเดียวที่นึกออก และเมื่อได้จูบนางร้ายหมายเลขหนึ่ง เหมือนเขาหยุดตัวเองไม่ได้ ยิ่งได้กลิ่นแอลกอฮอล์ที่เธอดื่มไปก็ยิ่งหักห้ามใจไม่ได้ คล้ายกับว่าต้องมนต์เสน่ห์อย่างไรอย่างนั้น เขาส่งปลายลิ้นเข้าไปในโพรงปากสาวกระหวัดลิ้นเล็กที่ตกอยู่ในอาการประหม่าและตกใจ“เฮ้ย!” กันต์ณธีร์อุทานตกใจ รีบรวบร่างสาวไว้ในอ้อมแขน เมื่ออยู่ๆ กรรัมภาเป็นลม “อะไรวะ จูบนิดเดียวดันเป็นลม”เขาอุ้มร่างสาวไปวางไว้บนเบาะนั่งข้างคนขับ ปิดประตูแล้วเดินอ้อมไปนั่งประจำที่คนขับ ไม่นานนักก็ขับรถยนต์ออกจากลานจอดรถ ตรงดิ่งไปยังบ้านของเธอ
บทที่่ 1 ยิ้มเข้าไว้ 1
“อะไรนะจี้ถูกผัวมันซ้อมเหรอ” เสียงตกใจของกรรัมภา นางร้ายอันดับต้นๆ ของเมืองไทยดังขึ้นเมื่อทราบข่าวจากอินทิราหรือหยก หนึ่งในเพื่อนสนิทโทรมารายงานเรื่องจิราพร เพื่อนคนเดียวในกลุ่มที่แต่งงานมีครอบครัวแล้ว เหลืออีกสามคนที่ยังไม่มีวี่แวว
“ก็ใช่น่ะสิ มันมาบ้านฉัน หน้าบวม ปากเลือดไหล ดีนะจมูกที่มันไปทำมาไม่เบี้ยว ไม่งั้นฉันคงต้องพามันไปทำแก้ใหม่” อินทิรารายงานต่อ
“มันยอมได้ไงวะ เป็นฉันหน่อยไม่ได้ แม่จะสวนด้วยเท้า ชกเข้าที่หน้า เอามีดจามหัวแม่งเลย” ยิ่งพูดก็ยิ่งเดือด
“ไม่ยอมได้ไงล่ะ มันตัวนิดเดียว ผัวมันตัวเบ้อเริ่ม ตบทีก็กระเด็นไปสามเมตรแล้ว ไม่แค่นั้นนะ ผัวมันยังพาผู้หญิงคนอื่นเข้ามาในบ้านด้วย ที่สำคัญสุดๆ คือ ทั้งพ่อผัว แม่ผัวเห็นดีเห็นงามด้วย มันก็เลยต้องระเห็จออกมาจากบ้านผัวมัน”
“หา! จริงดิ” กรรัมภาตกใจยิ่งกว่ารู้ว่าจิราพรถูกสามีทำร้าย “มันเลวยันไส้ติ่งเลยนะเนี่ย”
“ก็ใช่น่ะสิ จี้มันเลยทนไม่ไหว”
“อย่างนี้ยอมไม่ได้นะ จี้ออกมาแบบนี้เท่ากับยอมผัวมันง่ายๆ ผัวมันก็ได้ใจน่ะสิ” กรรัมภาผู้รักความยุติธรรมถึงกับเดือด
“แล้วแกจะทำไรได้ล่ะ อย่าลืมสิว่าผัวจี้ทั้งรวยและมีอำนาจ จะไปสู้อะไรกับมันได้” สามีของจิราพรชื่อชินทรหรือโก้ นามสกุลพัฒนกิจหิรัญ นามสกุลดังที่ใครต่อใครต่างรู้จัก แล้วรู้ด้วยว่าร่ำรวยและมีอำนาจทางธุรกิจและทางสังคมมากแค่ไหน
“รวยแล้วไง รวยแล้วไม่ต้องกิน ไม่ต้องอึ ไม่ต้องตายหรือไง สุดท้ายก็คนเหมือนกันนี่แหละ แค่มีเงินเยอะกว่า มีอำนาจมากกว่าก็แค่นั้นเอง” กรรัมภาคิดต่างกับคนอื่น “ฉันไม่กลัวหรอกคนพวกนี้ ฉันจะทำให้มันรู้ว่า ทำผิดก็ต้องได้รับบทลงโทษ”
“แกจะทำอะไรมันอ่ะ” อินทิราถามด้วยความอยากรู้
“ก็ไปจัดการมันน่ะสิ ทำจี้ขนาดนี้จะให้ฉันอยู่เฉยๆ ได้ไง แล้วจะไปฉะอีนางเมียน้อยจี้ด้วย หน้าหนายอมเป็นเมียน้อยได้ก็ต้องหน้าหนาทนมือฉันได้เหมือนกัน”
“เอาจิรงดิ”
“จริง” กรรัมภาเป็นคนรักเพื่อนกลุ่มนี้มากเพราะสนิทกันมาตั้งแต่ประถม แล้วทั้งสี่ก็ช่วยเหลือกันมาตลอด เมื่อเห็นเพื่อนเจ็บ เธอไม่อยู่นิ่งเฉยแน่ “ฉันกำลังถ่ายซีนสุดท้าย ถ่ายเสร็จจะโทรบอกแก เราจะได้ไปลุยบ้านผัวจี้ด้วยกัน โอเคป่ะ”
“เคเพื่อน ฉันจะโทรบอกต่ายให้มาที่บ้านฉัน แกถ่ายละครเสร็จโทรมาล่ะกัน” ต่ายหรือเสาวคนธ์เพื่อนสนิทในกลุ่มอีกคน
“โอเค แค่นี้ก่อนนะ ฉันต้องทำงานแล้ว” หลังจากตัดสายสนทนาเสร็จ กรรัมภาได้พูดกับมือถือด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว “เดี๋ยวแม่จะตบให้หน้าไม่เหลือยางเลยคอยดู”
กรรัมภาวางมือถือลงในกระเป๋าสะพาย ก่อนเดินฉีกยิ้มออกจากห้องพักนักแสดง เพื่อไปทำงานในอาชีพที่ต้องหาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องและเลี้ยงครอบครัว เสร็จจากงานเมื่อไหร่ จะบุกไปบ้านชินกร ไปจัดการผู้ชายหน้าตัวเมียที่ทำร้ายร่างกายเพื่อนรักของเธอ
19.45 น.
“แกแน่ใจนะยิ้มว่าจะบุกไปบ้านพี่โก้จริงๆ”
เสาวคนธ์ถามกรรัมภา เจ้าของรถที่กำลังเลี้ยวเข้าไปในซอยบ้านชินกร
“เข้ามาในซอยแบบนี้จะเปลี่ยนใจได้ไง มีแต่ลุย ลุยกับลุย”
กรรัมภาพูดเสียงแน่วแน่
“ฉันว่ามาพรุ่งนี้ดีไหม วันนี้ที่บ้านมีงานเลี้ยงนะ ญาติพี่โก้เต็มบ้านเลย” จิราพรบอกกรรัมภา “กลับเถอะ ค่อยมาใหม่พรุ่งนี้”
“จะมาวันนี้หรือพรุ่งนี้ก็มาเหมือนกัน เพราะฉะนั้นลุย”
กรรัมภายังคงความมุ่งมั่นเดิม
“แต่ญาติพี่โก้เต็มบ้านนะแก กลับเถอะ” จิราพรเกิดกลัวขึ้นมา เพราะหากไปตอนนี้มีหวังได้เจอญาติพี่น้องของชินกรครบทุกองค์ประชุมแน่นอน
“ญาติเยอะแหละดี จะได้รู้สันดานมันไงว่าเป็นไง ทำร้ายผู้หญิงไม่พอยังจะพาเมียน้อยเข้ามาอยู่ในบ้านอีก แล้วแกนะแก แกเป็นเมียหลวงแท้ๆ จะยอมได้ไง อย่างนี้มันต้องเรียกสิทธิความเป็นเมียหลวงกันบ้าง”
“แต่ว่า...” จิราพรกล้าๆ กลัวๆ ทว่าเสียงนั้นก็ถูกขัดขึ้นด้วยเสียงของนางร้ายมืออาชีพ
“ไม่มีแต่ เราไม่มีวันถอย เรามีแต่จะเดินหน้าท้าชน”
“ใช่ เราต้องเรียกสิทธิ์ของแกคืนมา จะมาปล่อยให้นังเมียน้อยเหยียบย่ำศักดิ์ศรีไม่ได้”
อินทิราเป็นเดือดเป็นแค้นแทนจิราพรไม่น้อย อาจเป็นเพราะบิดาเธอมีภรรยาน้อย แล้วมักด่าทอมารดาของตนประจำ มีบางครั้งทำร้ายร่างกายจนมารดาทนไม่ไหวขอหย่า และนั่นทำให้เธอกับมารดาหลุดพ้นจากบิดาที่ตอนนี้ไม่เหลือใครข้างกายสักคน เธอไม่อยากให้จิราพรเป็นเหมือนมารดาตนที่ไม่ได้อะไรเลยในทรัพย์สินของบิดาทั้งที่มีสิทธิ์เต็มที่
“คนอย่างนี้ต้องสั่งสอนซะบ้าง ไม่มีใครทำอะไรเลยถึงได้ใจไง เห็นแกเป็นกระสอบทราย” กรรัมภาพูดถูก “กระสอบทรายก็มีราคาของมัน แกก็เหมือนกันจำเอาไว้” จบประโยคนี้รถยนต์ของนางร้ายก็มาจอดหน้าบ้านชินการ สาวทั้งสี่ก้าวลงมาจากรถมาหยุดยืนหน้าประตูบานเล็ก
“สวัสดีครับคุณจี้ นึกว่าคุณจี้จะไม่กลับมาแล้วซะอีก” นายพันคือคนสวนของบ้านหลังนี้ และเป็นคนรับใช้เก่าแก่ของบ้าน เขาพูดด้วยน้ำเสียงดีใจที่เห็นจิราพร
“ฉันเข้าไปในบ้านนะ”
“ครับ เชิญครับ” นายพันเปิดประตูให้เจ้านายสาวกับเพื่อนให้เดินเข้าไปในบ้าน เพราะคิดว่าจิราพรกลับมาอยู่บ้านหลังจากโดนลูกชายเจ้าของบ้านทำร้ายเมื่อตอนบ่ายวันนี้
สี่สาวเดินเข้าไปยังสนามหญ้าของบ้านที่วันนี้จัดงานเลี้ยงเล็กๆ ฉลองวันคล้ายวันเกิดของคุณหญิงสร้อยทอง มารดาของยุรนันท์บิดาของชินกร แขกที่มาร่วมงานในวันนี้ส่วนใหญ่เป็นเครือญาติที่มารวมตัวกันเกือบหมด เพื่อนของสร้อยทองบางคนก็มาร่วมงานด้วย แล้วยังมีเพื่อนสนิทของชินกรอีกราวสี่ถึงห้าคน
ชินกรตกใจเมื่อเห็นภรรยาหลวงยืนอยู่ตรงสุ้มดอกไม้ ความตกใจเพิ่มมากขึ้นเมื่อเห็นว่า เธอมาพร้อมกับกลุ่มเพื่อนสนิทอีกสามคน ที่เขารู้ดีว่า ฤทธิ์เดชของแต่ละคนเป็นอย่างไร
เริ่มจากอินทิรา เป็นผู้หญิงปากกล้า ไม่กลัวคน เสาวคนธ์ แม้ปากจะไม่จัดจ้าน แต่ด้านศิลปะป้องกันตัวนั้นกินขาด เนื่องจากเธอเป็นครูสอนเทควันโด้ แล้วยังเป็นอดีตทีมชาติอีกด้วย
อีกคนคือกรรัมภา คนนี้รวมมิตรเหมือนมีทุกอย่างครบเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องฝีปาก นิสัยที่ไม่กลัวคน ปะ ฉะ ดะได้ทั้งหมดไม่ว่าจะชายหรือหญิง หรือแม้แต่สาวประเภทสอง และที่สำคัญเป็นมือตบอันดับต้นๆ พ่วงด้วยหมัดมวยที่ฝึกฝนมาตั้งแต่เด็ก ส่วนจิราพรภรรยาของตนนั้นฉีกแนวเพื่อนทั้งสี่ เรียบร้อย พูดเพราะ ไม่เคยมีปากมีเสียงกับใคร แต่เหตุใดจึงอยู่กับสามสาวนี้ได้ก็ไม่รู้