นางบำเรออุ้มรัก

168.0K · จบแล้ว
อัญญาณี
65
บท
121.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

แควก...แควก“กรี๊ด! อย่าค่ะ อย่าทำรวีแบบนี้...ฮือ”เสียงเสื้อผ้าฉีกขาดดังขึ้น ตามด้วยเสียงกรีดร้อง อ้อนวอนของณัฐรวี ทว่าคนกระทำหาได้ฟังเสียงหล่อน เขายังคงออกแรงฉีกเสื้อผ้าจนขาดติดมือมาอีกหลายครั้ง ทั้งเนื้อทั้งตัวหล่อนเหลือเพียงชุดชั้นในท่อนบนและท่อนล่าง“รวีกลัวแล้ว ต่อไปรวีจะไม่ใส่ชุดนี้อีก...ฮือ...พี่เมฆอย่าทำอะไรรวีเลยนะคะ” กระแสเสียงสั่นเครือ เจ้าของประโยคคำพูดน้ำตาไหลอาบแก้ม ยกมือไหว้ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ตรงหน้าด้วยท่าทางหวาดกลัว“เธอไม่มีสิทธิ์ใส่ชุดนี้ ชุดนี้ฉันซื้อให้แก้วตา ไม่ได้ซื้อให้เธอใส่” เสียงเขาเดือดดาล ก่อนกระชากแขนเรียวเล็กสุดแรง ร่างณัฐรวีลอยขึ้นตามแรงฉุด “อย่าเอาตัวเธอไปเทียบกับแก้วตา เธอมันก็แค่เศษดินเศษหญ้าที่รองมือรองเท้าฉัน เป็นได้แค่นางบำเรอ แต่แก้วตาคือว่าที่เมียฉัน จำใส่หัวไว้”พูดจบ ณัฐรวีรับรู้ถึงแรงเหวี่ยง เสี้ยววินาทีต่อมา ร่างงามกระทบกับที่นอนเต็มแรง หล่อนเจ็บไปทั้งตัว แต่นี่มันเป็นแค่ความเจ็บปวดเริ่มต้น ความปวดร้าวระบมร่างกายและจิตใจกำลังตามมาชุดใหญ่ เป็นความเจ็บปวดที่ไม่เคยชาชินสักครั้ง

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักนิยายปัจจุบันดราม่าแก้แค้นเศรษฐีโรแมนติกชู้รัก

บทนำ

ยามราตรีคืนหนึ่ง สายฝนโหมกระหน่ำอย่างไม่ลืมหูลืมตา ลมกระโชกแรงจนกิ่งไม้หักลงมาบนพื้น ต้นไม้ต้นเล็กที่รากยังไม่แข็งแรงหักโค่นลงมาหลายต้น เสียงฟ้าคำรามดังกระหึ่มที่มาพร้อมกับแสงอัสนีบาต กลบเสียงที่กำลังดังอยู่ในบ้านไม้ประดู่สองชั้น

“นังนุ่ม นังเย็น แกสองคนช่วยจับมันสิ อิ่มจะได้กรอกยาใส่ปากมันได้สะดวก” คำสั่งดังจากปากหญิงชราวัยเจ็ดสิบเจ็ดดังแข่งกับเสียงด้านนอก

“คุณย่าอย่าค่ะ อย่าทำอะไรรวีเลย รวีกลัวแล้ว รวีจะไปจากที่นี่ค่ะ” ณัฐรวีคือสตรีที่กำลังถูกทำร้าย หล่อนร้องขอทั้งน้ำตา พยายามดิ้นรนให้หลุดพ้นจากการถูกคุกคามของกิ่งโพยม แต่ดูเหมือนว่า หล่อนไม่อาจหลีกหนีชะตากรรมนี้ เรี่ยวแรงน้อยนิด ดิ้นหนีเท่าไหร่ก็หนีไม่พ้น หล่อนถูกจับตัวลงนอนบนพื้น นุ่มนั่งทับขาทั้งสองข้าง ส่วนเย็นที่มีร่างกายสูงใหญ่ราวกับผู้ชายคร่อมตรงช่วงอก มือทั้งสองข้างของนุ่มตรึงข้อมือณัฐรวีไว้

“แกได้ไปจากที่นี่แน่ ฉันทนเห็นแกลอยหน้าลอยตาอยู่บ้านหลังนี้นานแล้ว แกต้องไปแต่ตัว ฉันไม่มีวันให้สายเลือดของฉันอยู่ในตัวแกแน่นอน นังสาระเลว” ความเกลียดชังที่มีต่อณัฐรวีมากมายนัก มากเกินกว่าจะทนเลี้ยงเชื้อสายของตนที่อยู่ในท้องณัฐรวี นางไม่มีวันยอมให้เลือดชั่วของณัฐรวีปะปนกับเลือดของเหลนตนแน่นอน

“ลูกของรวีคือเหลนคุณย่านะคะ อย่าทำร้ายแกเลย แกไม่รู้เรื่อง...ฮือ...เมตตาแกด้วยนะคะคุณย่า” คนกำลังเป็นแม่คนอ้อนวอน น้ำตาไหลอาบแก้ม

เปรี้ยง...เสียงฟ้าพิโรธดังสนั่น ประกายไฟวูบวาบสว่างไสวทั้งผืนฟ้าสีทะมึน เสมือนสัญญาณเตือนให้หญิงสูงวัยฉุกคิด ทว่าความโกรธ ความเกลียดชังที่มีอยู่มาก ไม่อาจทำให้นางเปลี่ยนใจได้

“นังอิ่ม เอายากรอกปากมันเดี๋ยวนี้”

“ค่ะคุณท่าน” อิ่มรับคำ ไม่มีทีท่าจะห้ามคนเป็นนาย มือข้างหนึ่งบีบปากณัฐรวีให้อ้ากว้าง อีกมือหนึ่งถือขวดแก้วขวดเล็กไว้มั่น ทำท่าจะเทใส่ปากอีกฝ่ายที่ส่ายหน้าหนีตลอดเวลา

“อะไรกัน มันคนเดียวแกตั้งสามคนสู้แรงมันไม่ได้หรือไง” กิ่งโพยมมองอย่างขัดใจ “มานี่ ฉันช่วยเอง”

แม้ว่าวัยจะล่วงเลยมากกว่าเจ็ดสิบกว่าปี ทว่านางยังแข็งแรง เดินเหินได้สะดวก กิ่งโพยมอยากให้เรื่องนี้จบลงเร็วๆ จึงปรี่ไปนั่งคุกเข่าเหนือศีรษะณัฐรวี จับหัวคนที่ตนเกลียดชังไว้แน่นไม่ให้เคลื่อนไหว

“รีบกรอกยาใส่ปากมันสิ ฉันช่วยจับไว้แล้ว”

กิ่งโพยมสั่งอิ่ม หญิงรับใช้ประจำตัวอายุห่างกันราวสิบห้าปี ขณะนั้นร่างสตรีวัยห้าสิบเจ็ดปีเดินแกมวิ่งมายังห้องโถง นัยน์ตาเนาวรัตน์เบิกกว้างด้วยความตกใจกับภาพเบื้องหน้า

“คุณแม่ทำอะไรรวีคะ” เนาวรัตน์ถาม ดวงตาจ้องมองอิ่มกรอกน้ำสีดำใส่ปากณัฐรวี ซึ่งนางไม่รู้เลยว่า มันคือน้ำหรือยาอะไร หลังจากกรอกยาเสร็จอิ่มได้นำเทปกาวมาปิดปากณัฐรวีไว แล้วใช้มือปิดปากทับอีกด้วย ราวกับว่าไม่ต้องการให้น้ำที่กรอกเข้าไปไหลออกมา “คุณแม่ทำอะไรรวีคะ”

เนาวรัตน์ถามแม่สามีอีกรอบ

“มันท้อง ฉันก็เลยทำแท้งให้มัน”

กิ่งโพยมตอบ สายตาไม่ได้รู้สึกรู้สากับการกระทำของตัวเองเลย คราวนี้ใบหน้าเนาวรัตน์ซีดเผือด ความตกใจระบายเต็มดวงหน้านาง เป็นความตกใจระดับสูงสุดเท่าที่นางเคยรู้สึกได้

“คุณแม่” แม้นว่าเนาวรัตน์จะไม่ชอบหน้า เกลียดชังณัฐรวีไม่ต่างกับแม่สามี ทว่านางก็ไม่คิดทำเรื่องแบบนี้ เพราะมันเป็นเรื่องเหี้ยมโหด จิตใจคนที่กระทำเรื่องแบบนี้ได้ เข้าข่ายโหดร้ายทารุณ ไม่สมควรเป็นมนุษย์ นางมองณัฐรวีที่ตอนนี้สลบบนพื้น สลับกับมองหน้าแม่สามีด้วยหัวใจเต้นรัว

“จำเอาไว้นะทุกคน ห้ามใครเอาเรื่องในห้องนี้ไปพูดเด็ดขาด ถ้าฉันรู้ว่ามีใครพูดล่ะก็ ฉันไม่เอาไว้แน่” กิ่งโพยมข่มขู่ “โดยเฉพาะเธอ แม่รัตน์ เธอห้ามพูดเรื่องนี้กับเมฆเด็ดขาด ฉันไม่อยากทำร้ายเธอนะ ฉันเตือนไว้ก่อน”

กิ่งโพยมพูดจบก็เดินขึ้นไปบนบ้านราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น โดยมีอิ่มเดินตามไป ส่วนนุ่มกับเย็นได้เดินกลับไปห้องพักของตนเอง และไม่คิดจะบอกเรื่องนี้ให้ใครรู้ เหลือเพียงเนาวรัตน์ที่ยืนมองณัฐรวีด้วยความสงสารจับใจ หลุบสายตามองท้องของอีกฝ่าย หลานของตนอยู่ในนั้น หลานที่ยังไม่ทันได้เป็นตัวเป็นตนก็ต้องจากไปเสียแล้ว

สงสารแต่ทำอะไรไม่ได้...

“รวี ฉันขอโทษ” เนาวรัตน์พูดออกมาเบาๆ ร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น ก่อนที่นางจะทำอะไรบางอย่าง นางวิ่งออกไปนอกบ้าน วิ่งฝ่าสายฝนไปหาใครคนหนึ่งที่รีบทำตามคำสั่ง นำรถกระบะสี่ประตูมาจอดหน้าบ้าน ไม่นานนักเข้มเข้ามาในบ้าน รีบอุ้มร่างสาวท้องอ่อนที่เริ่มรู้สึกตัว

“คุณป้า” ณัฐรวีเรียกชื่อเนาวรัตน์เสียงแผ่ว น้ำตาร่วงริน

“เอาเงินนี่ติดตัวไป แล้วไปให้ไกลจากที่นี่ ไม่ต้องกลับมา อย่ากลับมา” ในด้านดีของเนาวรัตน์ นางยังมีความเมตตาปรานี ไม่ได้ถูกความเกลียดชังเข้าครอบงำไม่รู้สึกชั่วดี “รีบพารวีไปเข้ม”

“ครับคุณท่าน” เข้มอุ้มณัฐรวีขึ้นรถ ขับรถออกจากไร่ฟ้ารดา

“โอ๊ย! ปวดท้องเหลือเกิน ปวดจัง” ขณะที่เข้มกำลังขับรถฝ่าสายฝนไปบนถนน เสียงร้องเจ็บปวดไหลผ่านปากณัฐรวีตลอดเวลา เข้มหันมองดูคนนั่งตอนหลังสลับกับมองถนนเบื้องหน้าที่ทัศนวิสัยไม่ดีเอาเสียเลย สายฝนที่ตกอย่างไม่ลืมหูลืมตา เม็ดฝนก็ใหญ่ แทบจะมองไม่เห็นถนนข้างหน้า “ปวดจัง ปวดจนทนไม่ไหว”

มือทั้งสองข้างกุมอยู่ตรงท้อง หล่อนนอนขดตัว ส่งเสียงร้องเจ็บปวดตลอดเวลา ทำให้เข้มละล้าละหลัง ขับรถไม่มีสมาธิ หันมามองณัฐรวี แล้วหันกลับไปมองถนน แสงจากไฟรถบรรทุกส่องกระทบตาเข้มในระยะใกล้

“เฮ้ย!” สิ้นเสียงเข้มร้องตกใจ เสียงประสานงารถก็ดังขึ้นตาม

โครม!

แรงปะทะส่งผลให้เข้มเสียชีวิตคาที่ ส่วนณัฐรวีกลิ้งไปมาอยู่เบาะหลัง ก่อนที่ตัวหล่อนจะกระเด็นออกมานอกรถผ่านกระจกหลัง ลงนอนหมดสติท้ายรถกระบะ

รถแลนโลเวอร์คันหนึ่งจอดสนิทเมื่อเห็นอุบัติเหตุข้างหน้า ปกติแล้วเขาไม่คิดช่วยเหลือใคร เพราะคิดประสาคนเห็นแก่ตัวว่า ไม่ใช่เรื่องของตน ทว่าครั้งนี้ไม่มีความคิดนั้นในหัว สมองเขาสั่งย้ำๆ ว่า ให้ลงไปช่วย

“รวี” ก้องเกียรติจำผู้หญิงนิสัยดีคนนี้ได้ เขาเปิดท้ายกระบะ กระโดดขึ้นไปอุ้มร่างหมดสติของณัฐรวีลงมาจากรถ ก่อนอุ้มไปยังรถยนต์ของตน โดยไม่คิดช่วยเหลือคนอื่น นอกจากหล่อนเพียงคนเดียว

ความเป็นความตายของณัฐรวีเท่ากัน หล่อนจะอยู่หรือไป ขึ้นอยู่กับสวรรค์กำหนด