บทย่อ
คุณอาคะ คุณอาช่วยเกาหลังให้ลูกน้ำทีสิคะ ลินคั๊นคัน"นลินธราไม่พูดเปล่า ยังหันหลังให้ร่างหนาแล้วถลกเสื้อยืดสีชมพูหวานแหววขึ้นสูงเพื่อให้ชายหนุ่มเกาได้อย่างสะดวก แต่คนที่ไม่สะดวกจะเกาหลังให้แม่สาวน้อยแรกแย้มถึงกับสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ยามที่มองเห็นแผ่นหลังเนียนสวย "เร็วสิคะ ลูกน้ำคันจะแย่อยู่แล้ว คุณอาช่วยดูด้วยนะคะว่ามีมดหรือเปล่าเมื่อกี้ปีนต้นมะม่วงสงสัยมดจะเข้าไปกัด"ตอนนี้เอนริโกอยากจะมียาดมสักสิบหลอดเพราะผิวขาวเนียนสวยที่ตนเห็น ทำให้ดวงตาของเขาพร่าไปหมด หัวใจเจ้ากรรมก็ดันเต้นซะแรง รู้สึกวิงเวียนแปลกๆ ทั้งที่เคยเห็นแผ่นหลังของสตรีมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่มีครั้งไหนที่เขาจะรู้สึกเช่นนี้มาก่อนเลย แถมยังกล้าๆ กลัวๆ ที่จะทำมือไปสัมผัสแผ่นหลังของเธอ‘โอ๊ย...กูจะเป็นลม’เขาครางในใจ
บทที่ 1 คนหวงลูก 1
ป๊อก ป๊อก ป๊อก
เสียงสากกระทบกับครกดังไม่หยุด คนที่ตำส้มตำปูปลาร้ารสเด็ดถึงกับเหงื่อตก เพราะวันนี้นางเริ่มตำตั้งแต่เปิดร้านและตอนนี้ก็ปาเข้าไปเกือบห้าโมงเย็นยังไม่มีวี่แววว่าจะหยุด ยิ่งหันมามองออ-เดอร์ที่เสียบไว้ตรงแป้นเหล็กก็มีอีกหลายสิบใบ ลำเจียกแทบจะลมจับ
“โอ๊ย! ทำไมมันไม่กลับไปกินข้าวที่บ้านกันบ้างวะเนี่ย มากินกันทำไมนอกบ้านให้มันสิ้นเปลืองเงินทอง รู้หรือเปล่าว่าข้าเหนื่อย ข้าเหนื่อยนะโว้ย”
ลำเจียกบ่นเสียงดังอย่างไม่กลัวน้ำลายจะกระเด็นลงไปในครก เพราะนางมีหน้ากากอนามัยปิดปากอยู่ และเสียงบ่นก็ดังเข้าไปในหูของอุบลเจ้าของร้าน อุบลแซบอีหลี ร้านอาหารอีสานชื่อดังแห่งจังหวัดอุบลราชธานีต้องเดินมาหาเจ้าของเสียง
“เอ็งบ่นอะไรลำเจียก” ผู้เป็นทั้งเจ้าของร้านและพี่สะใภ้ของลำเจียกเอ่ยถาม
“ก็ฉันเหนื่อยนี่พี่ ตำมาตั้งแต่สิบโมงนี่มันห้าโมงเย็นแล้ว ฉันยังไม่ได้หยุดตำเลย กล้ามขึ้นเป็นมัดแล้วดูสิ” ลำเจียกตอบ แต่มือก็ยังคงตำส้มตำต่อไป
“เหนื่อยแล้วไง เหนื่อยก็ต้องทน ถ้าไม่ทนก็อดตาย หรือเอ็งจะยอมอด แล้วคำพูดของเอ็งที่ไปว่าลูกค้าอย่างนั้น ถ้าเผื่อเขาได้ยินเข้าไม่มากินอาหารที่ร้านของเรา เราจะเอาอะไรกิน พานจะอดตายหมดแน่ แกนี่อายุก็ปาเข้าไปสี่สิบห้าแล้ว ไม่มีสมองคิดเลย ดีแต่พูด ดีแต่บ่น เดี๋ยวแม่ตบล้างน้ำซะดีไหมเนี่ย” อุบลพูดเสียงเอาเรื่อง ลำเจียกที่กลัวอุบลหัวหดรีบเปลี่ยนน้ำเสียงทันที
“ฉันก็บ่นไปอย่างนั้นแหละ บ่นแล้วก็สบายใจ คราวนี้ตำได้ร้อยครกติดต่อกันเลยพี่อุบล”
ใครจะกล้ามีเรื่องกับพี่สะใภ้คนนี้ ขนาดบุญเพิ่ม พี่ชายของตนที่ว่าดุ ว่าเหี้ยม ว่าโหด ใจนักเลงยังกลายเป็นแมวเชื่อง เชื่อฟังอุบลทุกอย่าง กลัวหัวหดยิ่งกว่านางเสียอีก แล้วอย่างนี้นางกับคนอื่นๆ จะไม่กลัวได้อย่างไร
“เออ ให้มันจริง” อุบลเอ่ยเสียงหนัก “แต่จะว่าไป พี่ก็ไม่ได้ว่าเอ็งหรอกนะที่เอ็งจะบ่น เพราะใครเหนื่อยก็บ่นด้วยกันทั้งนั้น แต่พี่อยากให้เอ็งบ่นเบาๆ ไม่ต้องตะเบ็งเสียงอย่างเมื่อกี้ เพราะถ้าเผื่อลูกค้าได้ยินร้านเรามันจะดูไม่ดี อีกอย่างลูกค้าก็เป็นผู้มีพระคุณของเราด้วย ที่มาอุดหนุน มากินอาหารร้านเรา เราก็มีกินมีใช้ ถ้าไม่มีพวกเขา เราก็อดตาย ถ้าเอ็งเหนื่อยเอ็งก็ไปพักก่อน เดี๋ยวพี่จัดการต่อเอง”
อุบลแม้จะเป็นคนดุ เป็นคนจริงจัง แต่นางก็มีความเมตตาปรานีไม่ใช่น้อย เป็นคนมีเหตุผล นางรู้ว่าลำเจียกและคนในร้านเหนื่อยกับกิจการร้านอาหารที่ขายดิบขายดีมาตลอดหลายปี ชื่อเสียงระบือไกล มีรายการอาหารจากทีวีหลายช่องมาถ่ายทำเรื่องความอร่อยที่นี่ รวมทั้งนิตยสารหลายฉบับก็นำเรื่องราวของร้านไปตีแผ่ความอร่อย ส่งผลให้ลูกค้าอุดหนุนกันเนืองแน่นทุกวัน
“ไม่ต้องหรอกพี่ ฉันทำเองได้”
เมื่อได้รับฟังคำสั่งสอนของอุบล ลำเจียกถึงกับมีแรงฮึด เพราะจะว่าไปที่ครอบครัวของนางมีกินมีใช้ มีบ้าน มีรถ มีที่ดินหลายแปลง และทรัพย์สินอีกหลายรายการเป็นเพราะอุบลช่วยเหลือและหนุนนำ
เมื่อยี่สิบห้าปีก่อนอุบลเข้ามาเป็นสะใภ้เดชาโรจน์ ตระกูลที่ไม่มีคนรู้จัก เป็นชาวนาในจังหวัดอุบลราชธานี หาเช้ากินค่ำ ทำนาปลูกข้าวตามฤดูกาล ในทางตรงกันข้าม อุบลเป็นคนไทยเชื้อสายจีนที่มีฐานะ มีกิจการร้านค้าใหญ่โต มีชีวิตที่สุขสบาย แต่ยอมมาลำบากเพราะรักบุญเพิ่ม ลูกจ้างในร้าน
ทุกคนในครอบครัวของอุบลไม่เห็นด้วยกับความรักของเธอ พยายามกีดกันทุกวิถีทาง แต่อุบลเลือกทำตามหัวใจตัวเองจึงต้องเสียงครอบครัวอันเป็นที่รัก เมื่อถูกบุพาการีตัดขาดจากความเป็นลูก ตอนนั้นนางยอมทิ้งครอบครัวที่อยู่กันมาตั้งแต่เกิด เพื่อสร้างครอบครัวใหม่ที่เป็นของนางเอง มีนาง มีสามีและลูกที่อยู่ในครรภ์
สิบปีต่อมา บุญเพิ่มได้รับข่าวจากลำเจียกน้องสาวว่า มารดาล้มป่วย เขากับครอบครัวจึงพากันไปเยี่ยมมารดา และอยู่ที่นั่นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเพราะอย่างน้อยก็ไม่ต้องเสียค่าเช่าบ้าน ข้าวสารก็มีให้กินตลอดทั้งปี ผักก็ปลูกกินเอง บางวันเขาก็ไปจับปลาในหนองน้ำมาทำอาหาร แต่อุบลมองแล้วก็ตระหนักว่า หากอยู่อย่างนี้โดยไม่มีงานการทำเป็นหลักแหล่ง อนาคตของนลินธารา ลูกสาวของนางก็จะไม่ดีไปกว่านี้ อีกทั้งนางต้องการลบคำสบประมาทของบิดามารดาของตนเองอีกด้วย
อุบลจึงควักเงินทั้งหมดที่มีเช่าร้านในตัวเมืองขายส้มตำ อาหารที่นางโปรดปรานและฝีมือการตำส้มตำของนางก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าใคร จากร้านเล็กๆ เริ่มขยับขยายขึ้นเรื่อยๆ จนกลายมาเป็นร้านชื่อดังในจังหวัดนี้
“เอาน่า เอ็งไปพักไป เดี๋ยวพี่จัดการต่อเอง”
อุบลเดินเข้าไปคว้าสากจากมือของลำเจียก แล้วดันร่างของน้องสามีให้ออกห่าง ก่อนที่นางจะทำหน้าที่เป็นแม่ครัวแทน
อีกด้านหนึ่ง
ภายในร้านอาหารวันนี้ลูกค้าแน่นกว่าทุกวัน อาจจะเป็นเพราะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ คนทั้งในพื้นที่และนอกพื้นที่จึงมาลิ้มลองรสชาติอาหารอีสานที่มีให้เลือกมากกว่าห้าสิบชนิด แต่ที่จะขึ้นชื่อมากที่สุดคือ ส้มตำปูปลาร้า ทุกโต๊ะจะต้องสั่งอาหารจานเด็ดมาลิ้มลอง เสมือนลูกค้าโต๊ะนี้
“น้องสาวจ๊ะ พี่ขอส้มตำปูปลาร้ารสเด็ดหนึ่งจาน แต่ถ้ามีนมแถมใส่ถ้วยสองถ้วยก็ดีนะจ๊ะ”
ลูกค้าชีกอสั่งอาหารกับพนักงานรับออเดอร์คนพิเศษที่หน้าตารูปร่างและผิวพรรณต่างกับพนักงานคนอื่น เธอคนนี้มีผิวสีขาวนวล ดวงหน้าสวยหวาน พวงแก้มเป็นสีชมพูระเรื่อดูเปล่งปลั่ง ชุดที่เธอสวมใส่แม้ว่าจะรัดกุม แต่ทรวงสาวที่ดันเสื้อยืดแบบพอดีตัวออกมา มันบอกให้คนที่พบเห็นรู้ว่า ดอกบัวคู่นี้ไม่ธรรมดา มิแปลกที่ชายคนนี้จะทำเจ้าชู้ใส่
“ส้มตำปูปลาร้ามีครับ แต่นมไม่มี มีแต่ฝ่าเท้าจะรับด้วยไหมครับ”
เสียงที่โต้ตอบลูกค้าปากไม่ดีคือ บุญเพิ่ม บิดาหนวดกระดิกของหญิงสาวที่กำลังถูกหนุ่มทำเป็นหมาหยอกไก่ มือของชายหวงลูกถือไม้ตะพดไว้มือหนึ่ง ใช้หัวไม้ที่ถืออยู่ตีลงบนฝ่ามืออีกข้างเบาๆ มองหน้าชายหนุ่มที่มาก้อร่อก้อติกใส่ลูกสาวอย่างเอาเรื่อง
“เอ่อ...ไม่รับก็ได้ครับ รับส้มตำปูปลาร้า ลาบหมู ก้อยเนื้อ น้ำตกเนื้อ ต้มแซบซี่โครงหมูอ่อน ปลาส้มด้วยครับแล้วก็ข้าวเหนียวสามกระติ๊บ ขนมจีนหนึ่งจาน ไก่ทอดหนึ่งจาน โค้กหนึ่งขวด น้ำแข็งหนึ่งถังครับ”
ลูกค้าคนเดิมรีบสั่งอาหารโดยไม่ต้องดูเมนู มองชายร่างท้วมที่ยืนทำหน้าดุอย่างเกรงๆ แต่ก็ไม่วายแอบมองร่างงามที่เดินไปยังเคาน์เตอร์เพื่อส่งออเดอร์ บุญเพิ่มที่ขึ้นชื่อเรื่องหวงลูกสาว ถึงกับหนวดกระดิกอีกครั้ง
“มองอะไร” บุญเพิ่มตวาดใส่ลูกค้ารายนั้นจนอีกฝ่ายหัวหด “จะนั่งรออาหารดีๆ หรือจะนั่งรอพร้อมเลือดหัวออก”
คนถูกขู่สะดุ้งที่ได้พบเจอฤทธิ์เดชพ่อหวงลูกสาวสมคำร่ำลือ
“ครับๆ นั่งรอดีๆ ครับ” ชายคนนั้นรีบพูดลิ้นรัว ตัวงอจนเพื่อนร่วมโต๊ะด้วยอดที่จะขำไม่ได้
“เป็นไงล่ะมึง อยากลองดีดีนัก ดีเท่าไหร่ที่ไม่โดนไม้ตะพดแพ่นหัว” เสียงของเพื่อนร่วมโต๊ะดังขึ้นเมื่อร่างของบุญเพิ่มเดินห่างไป
“กูก็แค่อยากรู้ว่าจะดุสมกับคำร่ำลือหรือเปล่า แม่งดุชิบเป๋งเลย”
คนที่ได้ประจักษ์กับฤทธิ์เดชคนหวงลูกสาวถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ หันหน้าไปมองบุญเพิ่มที่ยังส่งสายตาพิฆาตใส่จนเขาถึงกับสะดุ้งอีกรอบ รีบหันหน้าไปพูดคุยกับเพื่อนทันที
พอบุญเพิ่มเดินมาถึงเคาน์เตอร์ของร้าน นลินธารา ลูกสาวเพียงคนเดียวของบุญเพิ่ม เอ่ยปรามเบาๆกับผู้เป็นพ่อกับวีรกรรมเมื่อครู่
“พ่อไปพูดแรงๆ ทำหน้าดุๆ กับเขาอย่างนั้น เดี๋ยวก็เสียลูกค้ากันพอดี”
“เสียก็เสียไปสิ ลูกค้าชีกออย่างนี้พ่อไม่อยากได้นักหรอก กลัวว่าจะต้องพาไปโรงหมอเย็บแผลที่พ่อแพ่นกบาลมันมากกว่าให้มันนั่งกินอาหารสบายๆ ในร้าน” บุญเพิ่มไม่สนใจลูกค้าประเภทนี้สักเท่าไหร่ เขาหวงลูกสาวมากกว่าห่วงรายรับที่จะเข้ามาในกระเป๋าหลายเท่า “ไอ้คนประเภทนี้ไม่ปรามมันบ้าง มันจะเคยตัว เมื่อกี้ถ้าพ่อไม่เกรงใจ พ่อตีมันหัวแตกแน่ๆ”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่บุญเพิ่มกลายร่างเป็นพ่อเสือหวงลูกเสือ เขาทำมานับครั้งไม่ถ้วนตั้งแต่นลินธาราแตกเนื้อสาว ความสวยที่เพิ่มขึ้นทุกวัน เขาจึงต้องกันท่าผู้ชายทุกคนที่เข้าจีบ ทั้งขู่ ทั้งใช้ไม้ตะพดตีหัวและตามตัวแล้วแต่อารมณ์ในตอนนั้น จนวีรกรรมของเขาเลื่องลือไปทั่วจังหวัด ส่งผลให้ไม่มีใครกล้าแหยมหน้าเข้ามาจีบนางฟ้าของเขา
“แหมพี่ หวงลินมากระวังลินขึ้นคานนะพี่เพิ่ม” ลำดวนน้องสาวคนสุดท้องของบุญเพิ่มที่ยืนอยู่ตรงเคาน์เตอร์พูดแซวพี่ชาย
“ขึ้นก็ขึ้นสิวะ ข้าเลี้ยงลูกของข้าได้” บุญเพิ่มสวนกลับน้องสาว
“พี่จะหวงอะไรลินนักหนา ลินมันก็โตแล้วนะ เรียนก็จบป.ตรีแล้วด้วย ถือว่าเป็นผู้ใหญ่ด้วยซ้ำไป จะมีแฟนแล้วไม่แปลกหรอกพี่”
“ลูกข้าตัวเล็กนิดเดียว ยังไม่เห็นโตเลย” เขาเถียงดื้อๆ “เพราะฉะนั้นยังไม่ต้องรีบมีแฟนก็ได้ รอให้โตกว่านี้หน่อยก็ยังไม่สาย อีกอย่างจะรีบมีแฟนมีผัวไปทำไม ใช้ชีวิตโสดให้คุ้มก่อน อายุสี่สิบห้าสิบค่อยแต่งหรือไม่ก็อยู่เป็นโสดให้ข้าเลี้ยงก็ได้ ข้าเลี้ยงได้ ข้ามีเงิน”
คนหวงลูกบอกความตั้งใจอันแน่วแน่ให้น้องสาวรับรู้ ลำดวนส่ายหัวเบาๆ ส่วนนลินธาราได้แต่นิ่งเงียบเพราะเข้าใจความรักและความเป็นห่วงที่บิดามีต่อตนดี
“ไอ้ที่ว่าเล็กนิดเดียว ตรงไหนของลินที่มันเล็ก ฉันเห็นมันใหญ่ทั้งตัวเลย” ลำดวนเถียงหน้าทะเล้น
“ก็เล็กมันทุกตรงนั่นแหละ” บุญเพิ่มสะบัดเสียงตอบ น้ำเสียงและสีหน้าไม่พอใจ “ลูกข้า ข้าหวงของข้า เอ็งไม่ต้องมายุ่ง ไปเลยไปทำงานเดี๋ยวเมียข้ามาฉีกอกเอ็ง ข้าช่วยไม่ได้นะ”
“ไม่ต้องเอาพี่อุบลมาขู่ฉันหรอก พี่ระวังตัวพี่เองเถอะ ฉันได้ยินพี่อุบลบ่นว่า พี่ชอบไล่ลูกค้าบ่อยๆ เงินหดไปเยอะ ไล่ลูกค้ามากเข้าพี่อุบลจะไล่พี่ออกจากบ้าน” ลำดวนลอยหน้าลอยตาพูด ปรายตามองท่าทางของพี่ชายที่ลนลาน ทำหน้าตาเลิ่กลั่กแล้วอดที่จะขำไม่ได้
“จริงเหรอ อุบลพูดอย่างนั้นกับเอ็งเหรอ” คนหวงลูกแต่กลัวเมียเข้าเส้นถามกลับ
“จริงสิ จะโกหกทำไม” น้องสาวตอบด้วยรอยยิ้มบางๆ “ฉันว่านะ พี่รีบกลับไปดูมวยถ่ายทอดสดที่บ้านดีกว่า ก่อนที่พี่อุบลจะออกมาเห็นพี่อาละวาดใส่ลูกค้า คราวนี้แหละคนที่หัวแตกจะเป็นพี่เอง”
“เออๆ งั้นข้ากลับบ้านก่อนนะ แล้วเอ็งอย่าไปบอกอุบลล่ะว่าข้าพูดจาไม่ดีกับลูกค้า เดี๋ยวข้าจะซวยเอา” บุญเพิ่มชะเง้อคอมองไปยังประตูห้องครัวระหว่างที่บอกลำดวน
“ไม่บอกหรอก ไปเถอะพี่ รีบไป ก่อนที่จะไม่ทัน” ลำดวนเร่งพี่ชาย
“ข้าไปล่ะนะ” บุญเพิ่มเดินออกไปจากร้าน เดินตรงไปขึ้นคร่อมรถเครื่องสองล้อคันเก่ง สตาร์ทรถคู่ใจก่อนจะบิดกลับบ้านซึ่งอยู่ไม่ห่างจากร้านอย่างรวดเร็ว
“อาลำดวนแกล้งพ่ออีกแล้วนะ”
“ก็พอเอ็งมันแสบนี่นา หวงเอ็งไม่เข้าเรื่อง” คนเป็นอามองรถพี่ชายที่ขับห่างออกไปแล้วยิ้ม “แต่ก็น่าขำนะ พี่เพิ่มไม่กลัวใครหน้าไหนทั้งสิ้น แต่กลัวเมียยิ่งกว่าอะไรในโลก ถ้าเอาแม่เอ็งมาขู่ทีไร ได้ผลทุกที”
“พ่อเป็นห่วงลิน พ่อบอกว่าผู้ชายไว้ใจไม่ได้”
นลินธาราเข้าใจทุกสิ่งอย่างที่บิดาทำ เธอไม่โกรธหรือรู้สึกอึดอัดกับความหวงลูกจนออกนอกหน้าของบุญเพิ่ม
“มันก็ไม่ทุกคนนะลิน ผู้ชายไม่เหมือนกันทุกคน ผู้ชายดีๆ ก็มีเยอะไป สักวันหนึ่งลินก็ต้องกับผู้ชายที่ลินพอใจ ไม่แน่นะว่าอาจจะเจอเร็วๆ นี้ก็ได้”
“ลินยังไม่คิดเรื่องนี้ค่ะ ถ้ามีก็มี ไม่มีลินก็อยู่กับพ่อแม่ อยู่กับอาก็ได้ ลินไม่เดือดร้อน ลินไปทำงานดีกว่า”
นลินธาราไม่รีบร้อนเรื่องการมีคนรัก เธอมีความสุขที่จะอยู่แบบนี้ เธอคิดว่าความรักเป็นเรื่องของพรหมลิขิต และมันก็จะเดินทางมาหาเธอเอง...เมื่อถึงเวลา