ซ่อนรักร้าย

46.0K · จบแล้ว
อัญญาณี
38
บท
12.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เสียงร้องตกใจดังจากปากพรรณพิลาศ เมื่อชมัศชัยที่เดินสะดุดขาตัวเอง ส่งผลให้ร่างเขาถลาไปข้างหน้า เหมาะเจาะเหลือเกินว่า พรรณพิลาศอยู่ตรงหน้าเขาพอดี อ้อมแขนแข็งแรงรัดร่างนุ่มนิ่มที่ไม่ทันตั้งตัว ถอยหลังไปเพียงสองก้าวร่างสาวเสียหลักเอนตัวลงไปบนพื้น โดยมีร่างหนาทาบทับริมฝีปากเขาและเธอสัมผัสกันอย่างไม่ตั้งใจ ต่างฝ่ายต่างตกใจ ทำอะไรไม่ถูก เหมือนทุกสรรพสิ่งรอบกายหยุดนิ่ง ดวงตาทั้งคู่ขยายกว้างตามความรู้สึก หัวใจสองดวงเต้นเร็วและแรงวินาทีนี้เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น และยังไม่ทันที่สองร่างผละห่างกัน ประตูห้องเปิดออก สมบูรณ์กับไชยาที่กำลังเดินเข้ามาในห้องชะงักเท้า ตกใจกับภาพที่เห็น แต่คนที่ตกใจกว่าคือสองเจ้านายลูกน้องสาว“นี่แน่ะ” พรรณพิลาศใช้กำปั้นชกไปตรงแก้มของชมัศชัยเต็มแรง“โอ๊ย!” ชมัศชัยร้องเจ็บดังลั่น ก่อนที่เขาจะถูกสาวเจ้าผลักจนหงายหลัง พรรณพิลาศทั้งโกรธและอาย เธอจึงชกชมัศชัยไปที่ท้องหนึ่งครั้ง จากนั้นก็มองซ้ายมองขวาหาอะไรบางอย่าง มือสวยคว้านาฬิกาตั้งโต๊ะมาเขวี้ยงใส่ตัวพ่อเลี้ยงที่กลิ้งตัวหลบ ก่อนลุกขึ้นยืน“ไอ้ทุเรศ ลามก บ้ากาม” พรรณพิลาศพูดไปด้วยหาข้าวของใกล้มือปาใส่ร่างชมัศชัยไปด้วย ไม่สนใจว่าสิ่งของที่ตนขว้างไปนั้นคืออะไร “คุณคิดแต๊ะอั๋งฉันใช่ไหม นี่แน่ะ คุณต้องโดนสั่งสอนซะบ้าง”“ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันสะดุดขาตัวเอง”ชมัศชัยบอกพรรณพิลาศ กระโดดหลบสิ่งของที่เธอปาใส่ไม่ยั้ง แม้แต่ปากกาก็เป็นอาวุธได้สมบูรณ์กับไชยามองหน้ากัน ก่อนหันไปมองพรรณพิลาศที่ใจกล้ามาก ฉวยอะไรได้ก็ปาใส่ตัวพ่อเลี้ยงที่หลบอย่างเดียว ก้มมองดูพื้นห้องที่เวลานี้เกลื่อนไปด้วยสิ่งของหลายอย่าง นาฬิกาตั้งโต๊ะ โทรศัพท์ไร้สาย แฟ้มเอกสาร ตะกร้าใส่เอกสารที่เวลานี้เอกสารเกลื่อนพื้น กล่องใส่ปากกา แจกันดอกไม้ และตอนนี้เธอกำลังคว้าโน้ตบุ๊กราคาหลักหมื่นปลายๆ ขึ้นมา“อย่านิชา มันแพง” ชมัศชัยร้องเสียงหลง มองโน้ตบุ๊กที่เธอชูขึ้นเหนือหัว กำลังทุ่มใส่เขา“ไม่สนโว้ย” แล้วเธอก็ไม่สนใจจริงๆ“อย่า” ชมัศชัยร้องเสียงหลงอีกครั้ง แต่ก่อนที่พรรณพิลาศจะทำข้าวของพังพินาศมากกว่านี้ สมบูรณ์กับไชยามาถึงตัวเธอเสียก่อน สมูบรณ์จับโน้ตบุ๊กในมือสาว ไชยาจับตัวเธอไว้ ก่อนปล่อยให้เป็นอิสระเมื่อเห็นโน้ตบุ๊กปลอดภัย “เธอทำของเสียหายมากเลยนะ ยายพังพินาศ เจอหน้าทีไรพังทุกที”“สมน้ำหน้า คุณอยากลวนลามฉันก่อนทำไมล่ะ”พรรณพิลาศเถียงสู้ มองหน้าเจ้านายเขม็ง ไม่เกรงกลัวบารมีเขาสักนิดเดียว“ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ได้ตั้งใจ ฉันสะดุดขาตัวเอง ถ้าฉันตั้งใจล่ะก็ ป่านนี้คงจับเธอปล้ำไปแล้ว อีกอย่างนะ คนอย่างฉันไม่ลดตัวปล้ำเธอหรอก รสนิยมฉันสูงพอ” พูดแบบนี้ดูถูกกันชัดๆ“โฮะ...อย่างกับตัวเองหล่อตายล่ะ” พรรณพิลาศเบ้ปาก “จะบอกอะไรให้นะ คุณน่ะก็แค่หล่อ แค่รวย แต่ตัวเหม็นยิ่งกว่าขี้ควายซะอีก ปากก็เหมือนด้วย เมื่อกี้ฉันอั้นลมหายใจจะแย่ ดีนะที่พี่ติ๊กกับพี่ค่อมเข้ามาซะก่อน ไม่งั้นฉันอ้วกใส่หน้าคุณแน่ ซึ่งรสนิยมฉันก็ไม่ชอบผู้ชายมีกลิ่นตัวซะด้วย มันชวนอ้วกมากกว่ามีอารมณ์”พรรณพิลาศต่อปากต่อคำ อันที่จริงแล้วชมัศชัยไม่มีกลิ่นตัวสักนิดเดียว ร่างกายเขามีกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ที่สาวใดได้เข้าใกล้เป็นต้องลุ่มหลง แต่ที่พูดออกไปเพื่อให้เขาเสียความมั่นใจ เหมือนกับเขาพูดให้เธอรู้สึกว่า ไม่มีค่าในสายตาเขาแม้แต่นิดเดียว

นิยายรักนิยายปัจจุบันประธานรักหวานๆรักแรกพบเศรษฐี

บทที่ 1 ศรศิลป์ไม่กินกัน 1

ไร่ตะวันดาว

ไร่ขนาดใหญ่บนเนื้อที่กว่าหนึ่งพันห้าร้อยไร่ แบ่งออกเป็นหลายโซน ไม่ว่าจะส่วนรีสอร์ท สวนผลไม้ที่ใหญ่เป็นอันดับสามของจังหวัด โรงเก็บกาแฟและชาและคอกม้าที่มีม้าพ่อพันธ์และแม่พันธ์สายพันธ์ต่างๆ ผสมสายพันธ์เพื่อขายในประเทศและต่างประเทศ อีกส่วนหนึ่งก็ไว้ใช้งานภายในไร่

บ้านไม้สักทองขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กคือสถานที่พักของชมัศชัยหรือที่ใครๆ เรียกว่าพ่อเลี้ยงมิกค์ หนุ่มโสดเจ้าสำราญ ชายหนุ่มรับช่วงต่อจากแสงชัยที่เสียชีวิตพร้อมภรรยาเมื่อแปดปีก่อนด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ แม้ว่าตอนนั้นเขามีอายุยี่สิบแปดปี แต่ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการทำงาน เนื่องจากเขาเรียนรู้งานในไร่ตั้งแต่ย่างเข้าวัยรุ่น ช่วงปิดเทอมก็จะมาอยู่ไร่แห่งนี้ สะสมความรู้ไปเรื่อยๆ ช่วงที่ห่างหายคงเป็นช่วงที่ไปเรียนต่อเมืองนอก หลังจากเรียนจบก็มาทำงานที่นี่เต็มตัว

“พ่อเลี้ยงครับ พ่อเลี้ยง” เสียงเรียกทำให้เจ้าของชื่อที่เพิ่งประชุมสายคุยกับเพื่อนรักหันมองต้นเสียงที่เดินเข้าใกล้

“มีไรติ๊ก”

“หมอยงค์มาแล้วครับ ตอนนี้อยู่ที่คอกม้าครับ” สมบูรณ์รายงานเจ้านาย วันนี้ชมัศชัยมีนัดกับสัตวแพทย์ยงยุทธ เพื่อให้มาดูอาการป่วยเจ้าซีซ่า ม้าตัวโปรดของเขา

“อืม เดี๋ยวฉันไป”

“อีกเรื่องครับ ครอบครัวคนเลี้ยงม้ามาถึงแล้วนะครับ สันพาไปที่บ้านพักคนงานแล้ว พ่อเลี้ยงจะให้พวกเขามาพบไหมครับ”

พนักงานใหม่ชุดนี้มาเป็นครอบครัว คนเป็นพ่อมีความชำนาญเรื่องการเลี้ยงม้ามากกว่ายี่สิบห้าปี ภรรยาอายุห้าสิบปีมีฝีมือเรื่องการทำอาหาร ส่วนลูกสาวสองคน คนหนึ่งจบบัญชี อีกคนจบการตลาด

ประจวบเหมาะว่า ไร่ตะวันดาวขาดพนักงานหลายตำแหน่ง คนเลี้ยงม้า แม่ครัว พนักงานบัญชี ครอบครัวนี้มาสมัครงานที่นี่ คนที่สัมภาษณ์และตัดสินใจรับเข้าทำงานคือ สมบูรณ์ ที่ได้รับสิทธิ์จากชมัศชัยโดยตรง หรือจะพูดอีกนัยหนึ่งว่า สมบูรณ์คือผู้จัดการไร่

“เอาไว้เย็นๆ ก็ได้ ฉันต้องไปพบหมอยงค์ก่อน”

เจ้าของไร่ตอบ พูดจบเขาลุกเดินออกไปจากบ้าน เพื่อไปหาสัตวแพทย์ยงยุทธ สมบูรณ์เดินตามเจ้านายไปติดๆ ทว่าเขาไม่ได้ไปคอกม้า แต่เดินเลี้ยวไปยังโรงเก็บเมล็ดชาและกาแฟ เพื่อดูความเรียบร้อยในการส่งออกบ่ายนี้

“พี่นิชาเร็วๆ สิพี่ นุดาจะรีบไปเก็บมะม่วง” เจ้าของเสียงคือสตรีวัยยี่สิบสี่ปีนามว่าพรรณพิไลหรือนุดา หญิงสาวที่ถูกขนานนามว่า สวยราวกับหลุดออกมากวรรณคดี ชายใดเห็นเป็นต้องเหลียวมอง เธอไม่ได้มีความงามแค่ใบหน้าเท่านั้น จิตใจยังสวยไม่ต่างกับหน้าตา พรรณพิไลเร่งพี่สาวที่กำลังรื้อค้นหาอะไรบางอย่างในกระเป๋าเดินทาง

“มะม่วงมันไม่หายไปไหนหรอกน่า ขอพี่หาของแปปนึง” พรรณพิลาศหรือนิชาคือชื่อเสียงเรียงนามประโยคโต้กลับ เธอรื้อค้นหาอะไรบางอย่างในกระเป๋า จนในที่สุดก็เจอสิ่งที่ต้องการ “นุดาไปรอพี่ที่ต้นมะม่วงก่อนก็ได้นะ พี่ขอใส่ผ้าอนามัยก่อน พอดีเมนส์มา”

“ก็ได้พี่นิชา” คนอยากกินมะม่วงเดินออกจากบ้านพักที่เป็นบ้านไม้สองชั้นหลังขนาดพอดี ที่อยู่อาศัยใหม่ครอบครัวตน

ตอนที่สันพาคนงานใหม่มาพักบ้านหลังนี้ พรรณพิไลเห็นต้นมะม่วงต้นใหญ่ใกล้กับคอกม้า มันออกลูกดกมาก มีทั้งสุกและไม่สุก พรรณพิไลเห็นแล้วน้ำลายสอตามประสาคนชอบกินมะม่วง หลังจากนำข้าวของส่วนตัวมาไว้ในบ้านเรียบร้อย เธอจึงชวนพี่สาวไปเก็บผลไม้อันโปรดปราน กะว่าจะทำพริกเกลือจิ้มแก้เปรี้ยว

พรรณพิไลหยุดยืนใต้ต้นมะม่วง เธอแหงานมองมะม่วงลูกใหญ่แล้วน้ำลายสอ กลืนน้ำลายด้วยความอยากกิน ก่อนหันไปมองทางเดินที่เชื่อมไปยังบ้านพักคนงาน มองว่าเมื่อไหร่พรรณพิลาศจะมาเสียที ความใจร้อนและอยากกิน ทำให้เธอตัดสินใจทำบางอย่าง ที่ไม่เคยทำมาก่อน นั่นคือปีนต้นไม้เก็บมะม่วงเอง

ความที่ไม่เคยปีนต้นไม้ ไม่เคยทำอะไรโลดโผน ทำให้การปีนต้นไม้ครั้งนี้ของพรรณพิไลเก้ๆ กังๆ จะตกแหล่ไม่ตกแหล่ จังหวะที่กำลังวางมือลงบนกิ่งไม้เพื่อโหนตัวขึ้นไปยืน มีสัตว์ตัวเล็กๆ ชนิดหนึ่งที่เธอไม่ถูกด้วยเอามากๆ กระโดดลงมาเกาะหลังมือพรรณพิไล เธอตกใจมากกรีดร้องออกมาดังลั่น

“กรี๊ด! จิ้งจก กรี๊ด”