บท
ตั้งค่า

บทที่ 1 ศรศิลป์ไม่กินกัน 1

ไร่ตะวันดาว

ไร่ขนาดใหญ่บนเนื้อที่กว่าหนึ่งพันห้าร้อยไร่ แบ่งออกเป็นหลายโซน ไม่ว่าจะส่วนรีสอร์ท สวนผลไม้ที่ใหญ่เป็นอันดับสามของจังหวัด โรงเก็บกาแฟและชาและคอกม้าที่มีม้าพ่อพันธ์และแม่พันธ์สายพันธ์ต่างๆ ผสมสายพันธ์เพื่อขายในประเทศและต่างประเทศ อีกส่วนหนึ่งก็ไว้ใช้งานภายในไร่

บ้านไม้สักทองขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กคือสถานที่พักของชมัศชัยหรือที่ใครๆ เรียกว่าพ่อเลี้ยงมิกค์ หนุ่มโสดเจ้าสำราญ ชายหนุ่มรับช่วงต่อจากแสงชัยที่เสียชีวิตพร้อมภรรยาเมื่อแปดปีก่อนด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ แม้ว่าตอนนั้นเขามีอายุยี่สิบแปดปี แต่ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการทำงาน เนื่องจากเขาเรียนรู้งานในไร่ตั้งแต่ย่างเข้าวัยรุ่น ช่วงปิดเทอมก็จะมาอยู่ไร่แห่งนี้ สะสมความรู้ไปเรื่อยๆ ช่วงที่ห่างหายคงเป็นช่วงที่ไปเรียนต่อเมืองนอก หลังจากเรียนจบก็มาทำงานที่นี่เต็มตัว

“พ่อเลี้ยงครับ พ่อเลี้ยง” เสียงเรียกทำให้เจ้าของชื่อที่เพิ่งประชุมสายคุยกับเพื่อนรักหันมองต้นเสียงที่เดินเข้าใกล้

“มีไรติ๊ก”

“หมอยงค์มาแล้วครับ ตอนนี้อยู่ที่คอกม้าครับ” สมบูรณ์รายงานเจ้านาย วันนี้ชมัศชัยมีนัดกับสัตวแพทย์ยงยุทธ เพื่อให้มาดูอาการป่วยเจ้าซีซ่า ม้าตัวโปรดของเขา

“อืม เดี๋ยวฉันไป”

“อีกเรื่องครับ ครอบครัวคนเลี้ยงม้ามาถึงแล้วนะครับ สันพาไปที่บ้านพักคนงานแล้ว พ่อเลี้ยงจะให้พวกเขามาพบไหมครับ”

พนักงานใหม่ชุดนี้มาเป็นครอบครัว คนเป็นพ่อมีความชำนาญเรื่องการเลี้ยงม้ามากกว่ายี่สิบห้าปี ภรรยาอายุห้าสิบปีมีฝีมือเรื่องการทำอาหาร ส่วนลูกสาวสองคน คนหนึ่งจบบัญชี อีกคนจบการตลาด

ประจวบเหมาะว่า ไร่ตะวันดาวขาดพนักงานหลายตำแหน่ง คนเลี้ยงม้า แม่ครัว พนักงานบัญชี ครอบครัวนี้มาสมัครงานที่นี่ คนที่สัมภาษณ์และตัดสินใจรับเข้าทำงานคือ สมบูรณ์ ที่ได้รับสิทธิ์จากชมัศชัยโดยตรง หรือจะพูดอีกนัยหนึ่งว่า สมบูรณ์คือผู้จัดการไร่

“เอาไว้เย็นๆ ก็ได้ ฉันต้องไปพบหมอยงค์ก่อน”

เจ้าของไร่ตอบ พูดจบเขาลุกเดินออกไปจากบ้าน เพื่อไปหาสัตวแพทย์ยงยุทธ สมบูรณ์เดินตามเจ้านายไปติดๆ ทว่าเขาไม่ได้ไปคอกม้า แต่เดินเลี้ยวไปยังโรงเก็บเมล็ดชาและกาแฟ เพื่อดูความเรียบร้อยในการส่งออกบ่ายนี้

“พี่นิชาเร็วๆ สิพี่ นุดาจะรีบไปเก็บมะม่วง” เจ้าของเสียงคือสตรีวัยยี่สิบสี่ปีนามว่าพรรณพิไลหรือนุดา หญิงสาวที่ถูกขนานนามว่า สวยราวกับหลุดออกมากวรรณคดี ชายใดเห็นเป็นต้องเหลียวมอง เธอไม่ได้มีความงามแค่ใบหน้าเท่านั้น จิตใจยังสวยไม่ต่างกับหน้าตา พรรณพิไลเร่งพี่สาวที่กำลังรื้อค้นหาอะไรบางอย่างในกระเป๋าเดินทาง

“มะม่วงมันไม่หายไปไหนหรอกน่า ขอพี่หาของแปปนึง” พรรณพิลาศหรือนิชาคือชื่อเสียงเรียงนามประโยคโต้กลับ เธอรื้อค้นหาอะไรบางอย่างในกระเป๋า จนในที่สุดก็เจอสิ่งที่ต้องการ “นุดาไปรอพี่ที่ต้นมะม่วงก่อนก็ได้นะ พี่ขอใส่ผ้าอนามัยก่อน พอดีเมนส์มา”

“ก็ได้พี่นิชา” คนอยากกินมะม่วงเดินออกจากบ้านพักที่เป็นบ้านไม้สองชั้นหลังขนาดพอดี ที่อยู่อาศัยใหม่ครอบครัวตน

ตอนที่สันพาคนงานใหม่มาพักบ้านหลังนี้ พรรณพิไลเห็นต้นมะม่วงต้นใหญ่ใกล้กับคอกม้า มันออกลูกดกมาก มีทั้งสุกและไม่สุก พรรณพิไลเห็นแล้วน้ำลายสอตามประสาคนชอบกินมะม่วง หลังจากนำข้าวของส่วนตัวมาไว้ในบ้านเรียบร้อย เธอจึงชวนพี่สาวไปเก็บผลไม้อันโปรดปราน กะว่าจะทำพริกเกลือจิ้มแก้เปรี้ยว

พรรณพิไลหยุดยืนใต้ต้นมะม่วง เธอแหงานมองมะม่วงลูกใหญ่แล้วน้ำลายสอ กลืนน้ำลายด้วยความอยากกิน ก่อนหันไปมองทางเดินที่เชื่อมไปยังบ้านพักคนงาน มองว่าเมื่อไหร่พรรณพิลาศจะมาเสียที ความใจร้อนและอยากกิน ทำให้เธอตัดสินใจทำบางอย่าง ที่ไม่เคยทำมาก่อน นั่นคือปีนต้นไม้เก็บมะม่วงเอง

ความที่ไม่เคยปีนต้นไม้ ไม่เคยทำอะไรโลดโผน ทำให้การปีนต้นไม้ครั้งนี้ของพรรณพิไลเก้ๆ กังๆ จะตกแหล่ไม่ตกแหล่ จังหวะที่กำลังวางมือลงบนกิ่งไม้เพื่อโหนตัวขึ้นไปยืน มีสัตว์ตัวเล็กๆ ชนิดหนึ่งที่เธอไม่ถูกด้วยเอามากๆ กระโดดลงมาเกาะหลังมือพรรณพิไล เธอตกใจมากกรีดร้องออกมาดังลั่น

“กรี๊ด! จิ้งจก กรี๊ด”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel