บทย่อ
“จะเดินอีกนานหรือเปล่า?...ฉันมาเหนื่อยๆ ไปเอาน้ำมาให้ดื่มหน่อยสิ” เขาสั่งเสียงเข้ม มนตรามองหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง อยากจะเข้าไปตะบันหน้าหล่อๆ ให้หายเจ็บใจ แต่พอนึกถึงใบหน้าของพี่สาวเมื่อครู่ที่ทำเหมือนจะร้องไห้ หากเธอไม่ช่วยเหลืองานในครั้งนี้ มนตราจึงเดินกระแทกส้นเท้าไปหยิบน้ำให้ซูเปอร์สตาร์ง่อยคนนี้กิน มือทำงานปากบ่นไม่ยอมหยุด ‘น้ำก็อยู่ในตู้เย็นก็ไปหยิบกินเองสิ อยู่ใกล้ๆ แค่นี้เองยังหยิบไม่ได้อีก มันน่าเอาน้ำร้อนให้กินจริงๆ เลย’ มนตราเดินกลับมาหาวิศรุตอีกครั้ง พร้อมกับแก้วน้ำเย็น “นี่ค่ะน้ำเย็นๆ ชื่นใจ” เธอกระแทกเสียงพูดดีที่ไม่กระแทกแก้วน้ำตามอารมณ์ “ใครบอกว่าฉันอยากดื่มน้ำเย็น ฉันอยากดื่มน้ำธรรมดามากกว่า” เธอชักสีหน้าไม่พอใจ แต่ก็เดินไปจัดเตรียมน้ำที่เขาต้องการ “เชิญดื่มน้ำธรรมดาได้แล้วค่ะคุณเทวดา” มนตราพูดประชด “ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ตอนนี้อยากกินน้ำอุ่นๆ มากกว่า” คนที่ถูกใช้เริ่มหมดความอดทน งานนี้ชายเรื่องมากได้เจอดีแน่ รู้จักฤทธิ์แม่น้อยไปซะแล้ว ไม่ช้าไม่นานน้ำนักสิบแก้วก็มาวางลงตรงหน้าวิศรุต “นี่ค่ะน้ำ อยากดื่มน้ำแบบไหนเลือกหยิบได้เลย มีทั้งน้ำเย็น น้ำใส่น้ำแข็ง น้ำร้อน น้ำอุ่นน้อย น้ำอุ่นมาก น้ำหวานสีแดง และสีเขียว กาแฟร้อน กาแฟเย็น น้ำธรรมดา ส่วนแก้วนี้น้ำก๊อก”
บทที่ 1
“ตั้งหนึ่งอาทิตย์...โห!!...ไม่เอาหรอก หนึ่งวินาทียังไม่อยากจะไปทำแทนเลย”
มนตราส่ายหน้าไปมาจนผมสลวยพลิ้วไสว หลังจากที่ได้ยินคำขอร้องของพี่สาวสุดสวย เป็นตายร้ายดียังไงเธอไม่มีวันไปทำงานเป็นผู้จัดการส่วนตัวชั่วคราวแทนมายา พี่สาวสุดที่รักเป็นอันขาด เหตุเป็นเพราะหญิงสาวไม่ชอบท่าทางขี้เก๊ก หยิ่ง เรื่องมากของซูเปอร์สตาร์ชื่อดังของเมืองไทยนามว่าวิศรุต หรือมาร์ช ที่ใครๆ ต่างหลงรักชื่นชอบหัวปักหัวปำ ยกเว้นเธอ
“น่านะ...ช่วยพี่หน่อยนะ ตอนนี้มนก็ว่างอยู่ไม่ใช่เหรอ ไปสมัครงานตั้งหลายที่แต่ไม่มีที่ไหนติดต่อกลับมาเลย ไม่ได้ให้ช่วยฟรีๆ จ้างทำแทนวันละสามร้อย”
ผู้เป็นพี่สาวเอาเงินมาล่อน้องสาวจอมงก มนตราทำท่าคิดเงินก็อยากได้ ตั้งแต่เรียนจบมาเธอตระเวนสมัครงานนับสิบบริษัท ทุกบริษัทก็บอกว่าจะติดต่อกลับมา มนตราได้แต่รอ...รอแล้วก็รอ แต่ให้ไปเป็นผู้จัดการส่วนตัวชั่วคราวแทนเนี่ยสิคิดหนัก
“ไม่เอาหรอก สามร้อยก็ไม่เอา รู้ทั้งรู้ว่ามนไม่ชอบอีตานั่น...พี่ยายังให้มนไปทำแทนอีก หาคนอื่นไม่ได้เหรอ” น้องสาวต่อรอง
“พี่ไม่ไว้ใจใคร มนไปทำแทนพี่หน่อยนะ...นะ...เพิ่มให้เป็นสี่ร้อยเลยเอ้า!!”
งานนี้พี่สาวทุ่มสุดตัว เธอมองไม่เห็นใครแล้วนอกจากน้องสาวคนนี้ รู้อยู่เต็มอกว่ามนตราไม่ชอบวิศรุต ด้วยเหตุผลที่ว่าเห็นหน้าแล้วหมั่นไส้ ทั้งๆ ที่มนตราไม่เคยเห็นนักร้องคนดังแบบระยะใกล้ชิด แต่ไม่มีทางเลือกนี่นา
“พี่ยาให้สี่ร้อยมนก็ไม่อยากทำ” มนตราหน้าง้ำใส่พี่สาว
“ไม่เป็นไรถ้ามนไม่ช่วยพี่...พี่ก็คงไม่ไปบ้านของโชค...ให้พ่อแม่เขามาว่าพี่ก็ได้ว่านัดแล้วไม่มา เห็นทีงานนี้ต้องขึ้นคานแน่ๆ”
มายาตัดบทพูดเมื่อน้องสาวยืนยันเป็นกระต่ายขาเดียวว่าไม่ทำ มนตราเห็นสีหน้าที่เศร้าสร้อยของพี่สาว รวมทั้งเหตุผลที่มายาต้องเดินทางไปกระบี่ในครั้งนี้ ทำให้ท่าทีของน้องสาวอ่อนลง นึกสงสารพี่สาวขึ้นมาจับใจ โชคชัยเป็นคนรักคนแรกของพี่สาว คบหากันมาตั้งแต่เรียนในระดับมหา’ลัยรวมระยะเวลาถึงปัจจุบัน 7 ปี นี่เป็นครั้งแรกที่มายาเดินทางไปพบญาติของฝ่ายชาย เหตุผลนี้เองที่ทำให้มายาไม่อยากพลาดโอกาส
“ก็ได้ ทำแทนก็ได้ ถ้าพี่ยาให้ทางโน้นเขาดูตัวเสร็จแล้ว ต้องรีบกลับมาทันทีเลยนะ กลับมาก่อนกำหนดได้ยิ่งดี”
มายายิ้มเต็มใบหน้าเมื่อได้ยินคำพูดของน้องสาว เธอนึกอยู่แล้วว่ามนตราต้องช่วย
“อืม!!...พี่จะรีบกลับ ขอบใจมนมากนะ เริ่มงานพรุ่งนี้นะ พี่จะพามนไปหาคุณมาร์ชก่อน แล้วพี่ค่อยไป บ.ข.ส.”
มนตราหน้าม่อยทันทีที่รู้ว่า เธอต้องทำงานแทนพี่สาวในวันพรุ่งนี้ ยังไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะทำหน้าที่นี้แทนพี่สาวได้หรือเปล่า เธอไม่เหมือนกับมายาที่มีความอดทนเป็นเลิศ อดทนกับพฤติกรรมที่ไม่เอาไหน นิสัยเสียของนักร้องคนนี้
“พี่ยาถามหน่อยสิ...พี่โชคเขาไม่เคยพาพี่ไปหาหรือว่าแนะนำให้ญาติเขารู้จักบ้างเหรอ?...มนหมายถึงที่อยู่ในกรุงเทพฯ น่ะ”
มนตราอดสงสัยไม่ได้ คบหากันมาเจ็ดปี ไม่รู้จักญาติพี่น้องของโชคชัยเลย รู้เพียงว่าเขาทำสวนยางอยู่ที่กระบี่ มาอยู่กรุงเทพฯ ตั้งแต่เรียนมัธยมปลายจนถึงปัจจุบันโดยการซื้อคอนโดมิเนียมราคาแพงอยู่เท่านั้น
“ไม่เคยหรอก โชคบอกว่าพ่อกับแม่ของเขาเคยพูดว่า ถ้ามั่นใจว่าผู้หญิงคนไหนจะมาเป็นคู่ครอง เป็นแม่ของลูกค่อยพามาหาพ่อกับแม่ หากไม่มั่นใจว่าใช่ไม่ต้องพามา แต่ทางบ้านของเขารู้นะว่าโชคคบกับพี่อยู่ โชคเขาบอกทางบ้านทุกอย่าง ทุกระยะเลย” มายาพูดตามคำบอกเล่าที่โชคชัยบอก
“สงสัยฐานะทางบ้านของพี่โชคนี่คงรวยน่าดูเลยนะพี่ยา ดูรถที่พี่เขาใช้สิเจ๋งๆ ทั้งนั้น ทำสวนยางมันมีเงินเยอะขนาดนี้เลยเหรอ?” มนตราเอ่ยถามตามประสาคนขี้สงสัย
“พี่ก็เคยถามนะ โชคบอกว่าคุณตากับคุณยายของเขาเป็นคนมีฐานะ ทิ้งเงินมรดกไว้ให้กับแม่ของเขาซึ่งเป็นลูกคนเดียวเกือบสามร้อยล้าน ที่ดินอีกนับไม่ถ้วน รวมทั้งสวนยางอีกไม่รู้กี่ร้อยไร่เป็นเจ้าของสวนยางที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดด้วย เขาถึงรวยไง”
นี่คือคำบอกเล่าของโชคชัยที่เคยบอกกับเธอไว้ และหลังจากนั้นมายาไม่เคยถามเขาอีกเลย
“โอ้โห!!...รวยขนาดนั้นเลยเหรอ?...มิน่าล่ะถึงไม่ทำงานจบปริญญาตรีมาตั้งสามปีเห็นนั่งๆ นอนๆ อยู่ที่คอนโด หรือไม่ก็ไปเที่ยวกลางคืน ทำไมไม่กลับไปช่วยงานที่บ้านล่ะ หรือไม่ก็หางานทำ อยู่เฉยๆ แบบนี้เงินมันจะงอกมาได้ยังไง ถึงจะรวยก็เถอะ ไม่ทำอะไรมันก็ต้องหมดสักวัน”
มนตราอดแขวะว่าที่พี่เขยในอนาคตไม่ได้ คนรวยๆ ที่เธอเห็นเขาทำงานกันตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อต เพราะอยากให้เงินที่ตนเองมีอยู่งอกเงยขึ้นเพื่อลูกเพื่อหลานในอนาคต หรือไม่ก็เพื่อตัวเองในยามแก่เฒ่า อยู่เฉยๆ แบบนี้เงินก็มีแต่หมดกับหมด
“โชคเขาก็ไปสมัครงานนะ แต่เขาได้ตำแหน่งที่เขาไม่ชอบ ไม่ถนัด เขาก็เลยไม่ทำ แต่โชคไม่ได้อยู่เฉยๆ นะ เขาเล่นหุ้นด้วยถึงมีเงินใช้ไม่ต้องรบกวนทางบ้านเลย”
“เล่นหุ้นมันมั่นคงที่ไหนล่ะพี่ยา หุ้นมันมีขึ้นๆ ลงๆ มันไม่แน่นอน พี่ยาบอกพี่โชคสิว่าให้หางานทำเป็นหลักเป็นแหล่ง เพื่ออนาคตของพี่โชคเอง เพื่อความมั่นคงของครอบครัว ถ้าเกิดพี่ยาแต่งงานกับพี่โชคแล้วพี่โชคยังไม่เป็นหลักอยู่อย่างนี้ พี่ยาเองนะที่จะลำบาก ยิ่งมีลูกยิ่งแล้วใหญ่ จะมาอ้างว่ามีเงินมรดกเยอะแยะอย่างนี้ก็ไม่ไหวหรอก เงินมันก็เหมือนน้ำในแก้ว ถ้าเราดื่มน้ำหมดแก้วแล้วไม่เอาน้ำมาเติมใหม่เราก็จะไม่มีน้ำกิน ก็เหมือนกับเงินที่มีอยู่ ถ้าไม่รู้จักหามาเติม เอาแต่ใช้กับใช้ มันจะไม่หมดได้ยังไง”
มนตราพูดด้วยความเป็นห่วงชีวิตคู่ของพี่สาวที่จะมีขึ้นในอนาคต ข้อนี้เองที่มายารู้สึกเป็นห่วงไม่น้อย เธอพยายามพูดกับโชคชัยหลายครั้ง ที่พูดไม่ใช่เพราะกลัวตัวเองจะลำบาก เธอเป็นห่วงอนาคตของลูกที่จะเกิดขึ้น หลังจากที่แต่งงานใช้ชีวิตคู่กับเขาต่างหาก แต่ทุกครั้งเขาจะหงุดหงิดใส่เธอพร้อมกับพูดว่า
‘ไม่ต้องเป็นห่วงโชคหรอก...โชคมีปัญญาเลี้ยงยากับลูกก็แล้วกัน’ ทำให้เธอเงียบและไม่พูดเรื่องนี้กับคนรักอีกเลย
“พี่พูดกับโชคแล้ว แต่โชคเขาบอกว่ามีปัญญาเลี้ยงดูพี่และลูกที่จะเกิดมาในอนาคต พี่ก็เลยไม่พูดกับเขาอีกเลย”
พี่สาวของเธอก็เป็นซะอย่างนี้ พูดน้อย ใครหงุดหงิดเข้าใส่หรือว่าตวาดเสียงดังก็เป็นใบ้ทันที แถมหัวอ่อนอีกต่างหาก และที่สำคัญรักโชคชัยมาก
“เอาเถอะในเมื่อพี่โชคเขามั่นใจอย่างนั้น มนก็ไม่มีอะไรจะพูด แต่พี่แน่ใจนะว่าจะแต่งงานกับพี่โชคจริงๆ?”
มายามองหน้าน้องสาวนิ่ง ไม่เข้าใจว่าทำไมมนตราจึงถามคำถามนี้
“มนคิดว่าพี่คิดผิดเหรอ?”
“เปล่าหรอก? ...มนถามเพื่อความแน่ใจเท่านั้นเอง”
เธอบอกปัด ในใจลึกๆ ของมนตรานั้นมีความรู้สึกว่าพี่สาวคนสวยของเธอ จะไม่ได้แต่งงานกับโชคชัย แต่ด้วยเหตุผลอะไรนั้นเธอไม่อาจรู้ได้
“แน่ใจสิ โชคเขาบอกว่าพี่เป็นผู้หญิงคนเดียวที่เขารักและจะแต่งงานด้วย” มายาพูดด้วยรอยยิ้ม
“ถ้าอย่างนั้น มนก็ไม่มีอะไรจะพูด พี่ยาไปจัดเสื้อผ้าเถอะมนจะนอนแล้ว จะต้องนอนทำใจเสียหน่อย พรุ่งนี้ต้องไปเจอหน้าซูเปอร์สตาร์ชื่อดังที่นิสัยเสียที่สุดในโลก ไม่รู้พี่ยาทนได้ไง?”
“คุณมาร์ชเขาไม่ได้เลวร้ายอย่างที่มนเข้าใจหรอก ถ้ามนได้อยู่ใกล้เขาจะหลงรักเขาพี่รับรอง”
“แหม!...ออกรับแทนกันเหลือเกินนะ ถ้าคุณมาร์ชดีจริง วิเศษจริงทำไมพี่ยาไม่หลงรักซูเปอร์สตาร์หน้าปีศาจซะเลยล่ะ?”
นี่แหละคือฉายาของวิศรุต ที่น้องสาวของเธอตั้งให้
“เผอิญพี่มีโชคแล้วไง...แต่มนไม่มีใคร” พี่สาวเย้า
“ยี้...ไม่เอาหรอก ต่อให้เป็นผู้ชายคนสุดท้ายในโลก มนก็ไม่เอามาทำสามีหรอก หาดีไม่ได้เลยสักอย่าง ใครได้ไปเป็นสามีมีหวังซวยไปตลอดชาติ”
“อย่าไปพูดอย่างนี้ต่อหน้าแฟนคลับของคุณมาร์ชเขานะ ไม่งั้นมนต้องแบนเหมือนกล้วยปิ้งอยู่ที่พื้นแน่นอนพี่รับรอง”
มายารู้ดีว่าแฟนคลับแต่ละคนของวิศรุตนั้น ชื่นชอบคลั่งไคล้เขามากแค่ไหน ถ้าได้ยินคำพูดนี้ใกล้ๆ มีหวังน้องสาวของเธอจมอยู่กับพื้นดินแน่
“โธ่พี่ยา ใครจะโง่พูดต่อหน้าแฟนคลับของเขาล่ะ ก็พูดกับพี่ยาคนเดียวนี่แหละ ไปนอนดีกว่า”
มนตราเดินไปที่ห้องนอนของตนทันที มายาส่ายศีรษะกับกิริยาของน้องสาว มายาเองคิดหนักเหมือนกันที่ไหว้วานให้น้องสาวไปทำงานแทนเธอ ไม่รู้ว่างานนี้ใครจะแพ้น็อคใครก่อน