บทที่ 1
“ตั้งหนึ่งอาทิตย์...โห!!...ไม่เอาหรอก หนึ่งวินาทียังไม่อยากจะไปทำแทนเลย”
มนตราส่ายหน้าไปมาจนผมสลวยพลิ้วไสว หลังจากที่ได้ยินคำขอร้องของพี่สาวสุดสวย เป็นตายร้ายดียังไงเธอไม่มีวันไปทำงานเป็นผู้จัดการส่วนตัวชั่วคราวแทนมายา พี่สาวสุดที่รักเป็นอันขาด เหตุเป็นเพราะหญิงสาวไม่ชอบท่าทางขี้เก๊ก หยิ่ง เรื่องมากของซูเปอร์สตาร์ชื่อดังของเมืองไทยนามว่าวิศรุต หรือมาร์ช ที่ใครๆ ต่างหลงรักชื่นชอบหัวปักหัวปำ ยกเว้นเธอ
“น่านะ...ช่วยพี่หน่อยนะ ตอนนี้มนก็ว่างอยู่ไม่ใช่เหรอ ไปสมัครงานตั้งหลายที่แต่ไม่มีที่ไหนติดต่อกลับมาเลย ไม่ได้ให้ช่วยฟรีๆ จ้างทำแทนวันละสามร้อย”
ผู้เป็นพี่สาวเอาเงินมาล่อน้องสาวจอมงก มนตราทำท่าคิดเงินก็อยากได้ ตั้งแต่เรียนจบมาเธอตระเวนสมัครงานนับสิบบริษัท ทุกบริษัทก็บอกว่าจะติดต่อกลับมา มนตราได้แต่รอ...รอแล้วก็รอ แต่ให้ไปเป็นผู้จัดการส่วนตัวชั่วคราวแทนเนี่ยสิคิดหนัก
“ไม่เอาหรอก สามร้อยก็ไม่เอา รู้ทั้งรู้ว่ามนไม่ชอบอีตานั่น...พี่ยายังให้มนไปทำแทนอีก หาคนอื่นไม่ได้เหรอ” น้องสาวต่อรอง
“พี่ไม่ไว้ใจใคร มนไปทำแทนพี่หน่อยนะ...นะ...เพิ่มให้เป็นสี่ร้อยเลยเอ้า!!”
งานนี้พี่สาวทุ่มสุดตัว เธอมองไม่เห็นใครแล้วนอกจากน้องสาวคนนี้ รู้อยู่เต็มอกว่ามนตราไม่ชอบวิศรุต ด้วยเหตุผลที่ว่าเห็นหน้าแล้วหมั่นไส้ ทั้งๆ ที่มนตราไม่เคยเห็นนักร้องคนดังแบบระยะใกล้ชิด แต่ไม่มีทางเลือกนี่นา
“พี่ยาให้สี่ร้อยมนก็ไม่อยากทำ” มนตราหน้าง้ำใส่พี่สาว
“ไม่เป็นไรถ้ามนไม่ช่วยพี่...พี่ก็คงไม่ไปบ้านของโชค...ให้พ่อแม่เขามาว่าพี่ก็ได้ว่านัดแล้วไม่มา เห็นทีงานนี้ต้องขึ้นคานแน่ๆ”
มายาตัดบทพูดเมื่อน้องสาวยืนยันเป็นกระต่ายขาเดียวว่าไม่ทำ มนตราเห็นสีหน้าที่เศร้าสร้อยของพี่สาว รวมทั้งเหตุผลที่มายาต้องเดินทางไปกระบี่ในครั้งนี้ ทำให้ท่าทีของน้องสาวอ่อนลง นึกสงสารพี่สาวขึ้นมาจับใจ โชคชัยเป็นคนรักคนแรกของพี่สาว คบหากันมาตั้งแต่เรียนในระดับมหา’ลัยรวมระยะเวลาถึงปัจจุบัน 7 ปี นี่เป็นครั้งแรกที่มายาเดินทางไปพบญาติของฝ่ายชาย เหตุผลนี้เองที่ทำให้มายาไม่อยากพลาดโอกาส
“ก็ได้ ทำแทนก็ได้ ถ้าพี่ยาให้ทางโน้นเขาดูตัวเสร็จแล้ว ต้องรีบกลับมาทันทีเลยนะ กลับมาก่อนกำหนดได้ยิ่งดี”
มายายิ้มเต็มใบหน้าเมื่อได้ยินคำพูดของน้องสาว เธอนึกอยู่แล้วว่ามนตราต้องช่วย
“อืม!!...พี่จะรีบกลับ ขอบใจมนมากนะ เริ่มงานพรุ่งนี้นะ พี่จะพามนไปหาคุณมาร์ชก่อน แล้วพี่ค่อยไป บ.ข.ส.”
มนตราหน้าม่อยทันทีที่รู้ว่า เธอต้องทำงานแทนพี่สาวในวันพรุ่งนี้ ยังไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะทำหน้าที่นี้แทนพี่สาวได้หรือเปล่า เธอไม่เหมือนกับมายาที่มีความอดทนเป็นเลิศ อดทนกับพฤติกรรมที่ไม่เอาไหน นิสัยเสียของนักร้องคนนี้
“พี่ยาถามหน่อยสิ...พี่โชคเขาไม่เคยพาพี่ไปหาหรือว่าแนะนำให้ญาติเขารู้จักบ้างเหรอ?...มนหมายถึงที่อยู่ในกรุงเทพฯ น่ะ”
มนตราอดสงสัยไม่ได้ คบหากันมาเจ็ดปี ไม่รู้จักญาติพี่น้องของโชคชัยเลย รู้เพียงว่าเขาทำสวนยางอยู่ที่กระบี่ มาอยู่กรุงเทพฯ ตั้งแต่เรียนมัธยมปลายจนถึงปัจจุบันโดยการซื้อคอนโดมิเนียมราคาแพงอยู่เท่านั้น
“ไม่เคยหรอก โชคบอกว่าพ่อกับแม่ของเขาเคยพูดว่า ถ้ามั่นใจว่าผู้หญิงคนไหนจะมาเป็นคู่ครอง เป็นแม่ของลูกค่อยพามาหาพ่อกับแม่ หากไม่มั่นใจว่าใช่ไม่ต้องพามา แต่ทางบ้านของเขารู้นะว่าโชคคบกับพี่อยู่ โชคเขาบอกทางบ้านทุกอย่าง ทุกระยะเลย” มายาพูดตามคำบอกเล่าที่โชคชัยบอก
“สงสัยฐานะทางบ้านของพี่โชคนี่คงรวยน่าดูเลยนะพี่ยา ดูรถที่พี่เขาใช้สิเจ๋งๆ ทั้งนั้น ทำสวนยางมันมีเงินเยอะขนาดนี้เลยเหรอ?” มนตราเอ่ยถามตามประสาคนขี้สงสัย
“พี่ก็เคยถามนะ โชคบอกว่าคุณตากับคุณยายของเขาเป็นคนมีฐานะ ทิ้งเงินมรดกไว้ให้กับแม่ของเขาซึ่งเป็นลูกคนเดียวเกือบสามร้อยล้าน ที่ดินอีกนับไม่ถ้วน รวมทั้งสวนยางอีกไม่รู้กี่ร้อยไร่เป็นเจ้าของสวนยางที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดด้วย เขาถึงรวยไง”
นี่คือคำบอกเล่าของโชคชัยที่เคยบอกกับเธอไว้ และหลังจากนั้นมายาไม่เคยถามเขาอีกเลย
“โอ้โห!!...รวยขนาดนั้นเลยเหรอ?...มิน่าล่ะถึงไม่ทำงานจบปริญญาตรีมาตั้งสามปีเห็นนั่งๆ นอนๆ อยู่ที่คอนโด หรือไม่ก็ไปเที่ยวกลางคืน ทำไมไม่กลับไปช่วยงานที่บ้านล่ะ หรือไม่ก็หางานทำ อยู่เฉยๆ แบบนี้เงินมันจะงอกมาได้ยังไง ถึงจะรวยก็เถอะ ไม่ทำอะไรมันก็ต้องหมดสักวัน”
มนตราอดแขวะว่าที่พี่เขยในอนาคตไม่ได้ คนรวยๆ ที่เธอเห็นเขาทำงานกันตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อต เพราะอยากให้เงินที่ตนเองมีอยู่งอกเงยขึ้นเพื่อลูกเพื่อหลานในอนาคต หรือไม่ก็เพื่อตัวเองในยามแก่เฒ่า อยู่เฉยๆ แบบนี้เงินก็มีแต่หมดกับหมด
“โชคเขาก็ไปสมัครงานนะ แต่เขาได้ตำแหน่งที่เขาไม่ชอบ ไม่ถนัด เขาก็เลยไม่ทำ แต่โชคไม่ได้อยู่เฉยๆ นะ เขาเล่นหุ้นด้วยถึงมีเงินใช้ไม่ต้องรบกวนทางบ้านเลย”
“เล่นหุ้นมันมั่นคงที่ไหนล่ะพี่ยา หุ้นมันมีขึ้นๆ ลงๆ มันไม่แน่นอน พี่ยาบอกพี่โชคสิว่าให้หางานทำเป็นหลักเป็นแหล่ง เพื่ออนาคตของพี่โชคเอง เพื่อความมั่นคงของครอบครัว ถ้าเกิดพี่ยาแต่งงานกับพี่โชคแล้วพี่โชคยังไม่เป็นหลักอยู่อย่างนี้ พี่ยาเองนะที่จะลำบาก ยิ่งมีลูกยิ่งแล้วใหญ่ จะมาอ้างว่ามีเงินมรดกเยอะแยะอย่างนี้ก็ไม่ไหวหรอก เงินมันก็เหมือนน้ำในแก้ว ถ้าเราดื่มน้ำหมดแก้วแล้วไม่เอาน้ำมาเติมใหม่เราก็จะไม่มีน้ำกิน ก็เหมือนกับเงินที่มีอยู่ ถ้าไม่รู้จักหามาเติม เอาแต่ใช้กับใช้ มันจะไม่หมดได้ยังไง”
มนตราพูดด้วยความเป็นห่วงชีวิตคู่ของพี่สาวที่จะมีขึ้นในอนาคต ข้อนี้เองที่มายารู้สึกเป็นห่วงไม่น้อย เธอพยายามพูดกับโชคชัยหลายครั้ง ที่พูดไม่ใช่เพราะกลัวตัวเองจะลำบาก เธอเป็นห่วงอนาคตของลูกที่จะเกิดขึ้น หลังจากที่แต่งงานใช้ชีวิตคู่กับเขาต่างหาก แต่ทุกครั้งเขาจะหงุดหงิดใส่เธอพร้อมกับพูดว่า
‘ไม่ต้องเป็นห่วงโชคหรอก...โชคมีปัญญาเลี้ยงยากับลูกก็แล้วกัน’ ทำให้เธอเงียบและไม่พูดเรื่องนี้กับคนรักอีกเลย
“พี่พูดกับโชคแล้ว แต่โชคเขาบอกว่ามีปัญญาเลี้ยงดูพี่และลูกที่จะเกิดมาในอนาคต พี่ก็เลยไม่พูดกับเขาอีกเลย”
พี่สาวของเธอก็เป็นซะอย่างนี้ พูดน้อย ใครหงุดหงิดเข้าใส่หรือว่าตวาดเสียงดังก็เป็นใบ้ทันที แถมหัวอ่อนอีกต่างหาก และที่สำคัญรักโชคชัยมาก
“เอาเถอะในเมื่อพี่โชคเขามั่นใจอย่างนั้น มนก็ไม่มีอะไรจะพูด แต่พี่แน่ใจนะว่าจะแต่งงานกับพี่โชคจริงๆ?”
มายามองหน้าน้องสาวนิ่ง ไม่เข้าใจว่าทำไมมนตราจึงถามคำถามนี้
“มนคิดว่าพี่คิดผิดเหรอ?”
“เปล่าหรอก? ...มนถามเพื่อความแน่ใจเท่านั้นเอง”
เธอบอกปัด ในใจลึกๆ ของมนตรานั้นมีความรู้สึกว่าพี่สาวคนสวยของเธอ จะไม่ได้แต่งงานกับโชคชัย แต่ด้วยเหตุผลอะไรนั้นเธอไม่อาจรู้ได้
“แน่ใจสิ โชคเขาบอกว่าพี่เป็นผู้หญิงคนเดียวที่เขารักและจะแต่งงานด้วย” มายาพูดด้วยรอยยิ้ม
“ถ้าอย่างนั้น มนก็ไม่มีอะไรจะพูด พี่ยาไปจัดเสื้อผ้าเถอะมนจะนอนแล้ว จะต้องนอนทำใจเสียหน่อย พรุ่งนี้ต้องไปเจอหน้าซูเปอร์สตาร์ชื่อดังที่นิสัยเสียที่สุดในโลก ไม่รู้พี่ยาทนได้ไง?”
“คุณมาร์ชเขาไม่ได้เลวร้ายอย่างที่มนเข้าใจหรอก ถ้ามนได้อยู่ใกล้เขาจะหลงรักเขาพี่รับรอง”
“แหม!...ออกรับแทนกันเหลือเกินนะ ถ้าคุณมาร์ชดีจริง วิเศษจริงทำไมพี่ยาไม่หลงรักซูเปอร์สตาร์หน้าปีศาจซะเลยล่ะ?”
นี่แหละคือฉายาของวิศรุต ที่น้องสาวของเธอตั้งให้
“เผอิญพี่มีโชคแล้วไง...แต่มนไม่มีใคร” พี่สาวเย้า
“ยี้...ไม่เอาหรอก ต่อให้เป็นผู้ชายคนสุดท้ายในโลก มนก็ไม่เอามาทำสามีหรอก หาดีไม่ได้เลยสักอย่าง ใครได้ไปเป็นสามีมีหวังซวยไปตลอดชาติ”
“อย่าไปพูดอย่างนี้ต่อหน้าแฟนคลับของคุณมาร์ชเขานะ ไม่งั้นมนต้องแบนเหมือนกล้วยปิ้งอยู่ที่พื้นแน่นอนพี่รับรอง”
มายารู้ดีว่าแฟนคลับแต่ละคนของวิศรุตนั้น ชื่นชอบคลั่งไคล้เขามากแค่ไหน ถ้าได้ยินคำพูดนี้ใกล้ๆ มีหวังน้องสาวของเธอจมอยู่กับพื้นดินแน่
“โธ่พี่ยา ใครจะโง่พูดต่อหน้าแฟนคลับของเขาล่ะ ก็พูดกับพี่ยาคนเดียวนี่แหละ ไปนอนดีกว่า”
มนตราเดินไปที่ห้องนอนของตนทันที มายาส่ายศีรษะกับกิริยาของน้องสาว มายาเองคิดหนักเหมือนกันที่ไหว้วานให้น้องสาวไปทำงานแทนเธอ ไม่รู้ว่างานนี้ใครจะแพ้น็อคใครก่อน