บทย่อ
“พี่ถามตรงๆ นะว่า น้องไหมเป็นลูกของพี่ใช่ไหม” ช่วงเวลาสั้นๆ ไม่กี่นาที เดือนแรมไม่ได้ตั้งตัว ไม่ได้เตรียมใจในหลายเรื่อง คำถามนี้ก็เช่นกัน เธอไม่คาดฝันว่าได้เจอณนนท์ ยิ่งเขาได้เจอไหมขวัญด้วยแล้ว เป็นเรื่องที่ไกลความคิดมาก การถูกตามแบบขวานผ่าซาก เธอจึงไม่ตระเตรียมคำตอบไว้ “พี่ถาม แรมต้องตอบ” “ไม่ใช่ น้องไหมไม่ใช่ลูกของคุณ” เดือนแรมตอบกลับ พยายามปั้นสีหน้าจริงจัง ดวงตาแน่วแน่ไม่สั่นไหว ทว่าการปั้นหน้านั้นทำง่าย นัยน์ตานี่สิ ยากเหลือเกิน “คุณเอาความมั่นใจมาจากไหน ถึงคิดว่าน้องไหมเป็นลูกของคุณ อย่าลืมสิว่า เราเลิกกันหลายปีแล้วนะ ฉันอาจมีสามีใหม่ที่พร้อมใช้ชีวิตคู่กับฉันจริงๆ ก็ไม่แปลกที่ฉันจะมีน้องไหม” เดือนแรมย้ำคำว่า พร้อมใช้ชีวิตคู่กับฉันจริงๆ พูดด้วยนัยน์ตาสั่นระริก ณนนท์ไม่ได้สนใจกับคำพูดเน้นหนัก เพราะตอนนี้ใขเขามุ่งอยู่กับเรื่องไหมขวัญ “เท่าที่พี่จำได้ พี่ไม่ได้เลิกกับแรมนะ อยู่ๆ แรมก็หนีพี่ไป พี่อยากรู้เหมือนกันว่า แรมทำอย่างนั้นทำไม” ณนนท์คล้ายยิงคำถามใส่ จ้องมองนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนที่ยังคงสวยและมีเสน่ห์เช่นเดิม เพิ่มเติมคือมีความกลัว หวาดระแวงจนเขาจับสังเกตได้ “ส่วนเรื่องที่แรมบอกว่ามีผัวใหม่ ถ้ามีจริง ทำไมน้องไหมถึงบอกว่า ไม่มีพ่อจนต้องแคะกระปุกออมสินเพื่อเอาเงินไปเช่าพ่อ ไปงานวันพ่อน่ะ แรมตอบคำถามนี้ได้ไหมล่ะ” เดือนแรมทำท่าอึกอักขึ้นมาทันที คำถามณนนท์ เธอตอบได้ ทว่าเลือกไม่ตอบ เพราะไม่อยากให้เขาเข้ามาวุ่นวายในชีวิตตน เขาไม่ต้องการเธอก็เท่ากับว่าไม่ต้องการลูกด้วย “จะด้วยเหตุผลอะไรก็ช่าง ฉันไม่จำเป็นต้องตอบคุณ เรื่องระหว่างคุณกับฉันจบไปตั้งนานแล้ว จะรื้อฟื้นทำไม” เดือนแรมต้องทำใจแข็งเข้าไว้ “ส่วนเรื่องพ่อของน้องไหม เขาตายไปตั้งแต่ฉันท้องได้สี่เดือน นี่แหละคำตอบของฉัน” ณนนท์ไม่เชื่อคำตอบเดือนแรมเลยสักนิด เขาก้าวเดินไปหาร่างสาวช้าๆ เธอถอยก้าวหนีร่างหนาก้าวต่อก้าว จนแผ่นหลังชิดผนังห้อง “แรมอย่าลืมสิว่า แรมโกหกไม่เก่ง แล้วพี่ก็จับพิรุธคนโกหกเก่งมาก ที่แรมพูดมาทั้งหมดเป็นเรื่องโกหก พี่จะถามดีๆ อีกครั้ง ถ้าแรมยังโกหกพี่อีกล่ะก็ ได้เห็นดีกันแน่” “คะ...คุณจะทำอะไรฉัน อย่าเข้ามานะ” เธอห้ามเสียงหลง หัวใจเต้นแรงมาก มองเขาด้วยใจหวาดหวั่น “ตอบคำถามพี่มาก่อนสิ ตอบถูกใจจะไม่ทำอะไร แต่ถ้าไม่ โดนดีแน่” ไม่วายขู่ ยิ่งโดนขู่ ใจเดือนแรมยิ่งทำงานหนัก “น้องไหมไม่ใช่ลูกของคุณ” แม้กลัวแต่ก็ตอบออกไป “ไม่ใช่ลูกของคุณ” เดือนแรมย้ำตอบสองครั้ง หมายให้ณนนท์เข้าใจและตระหนักตามคำตอบนั้น แต่ดูเหมือนว่า ณนนท์ไม่เชื่อเธอเลยสักนิดเดียว เขาจ้องมองแววตาติดสั่น และพยายามหลบสายตา “ตรวจดีเอ็นเอ” พูดแค่นี้เดือนแรมก็รู้ความหมาย ณนนท์ไม่ลดละ แถมก้าวเดินมาหาเธออีกหนึ่งก้าว ระยะห่างตอนนี้ประมาณสองศอก ใกล้มาก ใกล้จนเธอทำตัวไม่ถูก ขยับเท้าไปทางด้านข้างหลายก้าวเพื่อหนีร่างหนา “ไม่ตรวจ” จบคำพูดประโยคนี้ ณนนท์ประชิดตัวเดือนแรม รั้งเอวสาวด้วยลำแขนใหญ่ เธอตกใจจนตัวสั่น อ้าปากค้างไม่คิดว่าเขาทำเช่นนี้ มือดันอกกว้าง “ปะ...ปล่อยนะ” “ทำไมไม่ตรวจ กลัวเหรอ” “ไม่ได้กลัว” ตอนนี้เดือนแรมยิ่งกว่ากลัวเสียอีก กลัวมากที่สุดคือ กลัวใจตัวเอง “ไม่กลัวก็ตรวจสิ จะได้รู้กันไปเลยว่า น้องไหมเป็นลูกสาวของพี่หรือเปล่า” ณนนท์ตื้อไม่หยุดเพราะมั่นใจว่า ไหมขวัญเป็นลูกตน
1
“เมื่อไหร่แกจะมีเมียสักที อายุปาเข้าไปสามสิบเก้าแล้วนะ ไม่คิดจะมีครอบครัวเหมือนลูกหลานบ้านอื่นบ้างเหรอ ยายรอเลี้ยงลูกแกอยู่นะ จะให้รอไปจนถึงเมื่อไหร่ตานนท์”
นวลนางผู้อาวุโสที่สุดในบ้านพูดกลางโต๊ะอาหารมื้อเช้า เพราะมื้อนี้เป็นมื้อเดียวที่คนในบ้านอยู่กันพร้อมหน้า คนที่นางพูดถึงคือ ณนนท์ หลานชายสุดที่รัก
“โธ่คุณยาย ผมแค่สามสิบเก้านะครับไม่ใช่เจ็ดสิบเก้าถึงต้องรีบมีเมีย” คนเป็นหลานโต้กลับอย่างไม่เดือดร้อน “รอสักสี่สิบห้าก็ยังทัน ผมไม่อยากมีเมีย ผมยังรักความโสดครับ หรือไม่ก็รอหลานของส้มก็ได้ เรียนจบก็หาผัวเลยจะได้มีเหลนให้คุณยายเลี้ยง”
“ไหงมาโยนที่ส้มล่ะ ส้มกำลังเรียนอยู่นะ ส้มต้องตั้งใจเรียน พี่นนท์นั่นแหละสมควรมีเมียมีลูกได้แล้ว จวนจะแก่แล้วนะ” อารียาหรือส้ม น้องสาวจอมแสบ ตอนนี้กำลังเรียนแพทย์เฉพาะทางด้านหัวใจ เธอจึงไม่คิดเรื่องคนรัก มุ่งเรียนอย่างเดียว
“ใช่...แกจะมาโยนให้ส้มไม่ได้ แกเป็นพี่ เป็นหลานคนโตของยาย แกก็ควรมีเมียมีลูกก่อนส้มสิ แล้วที่แกบอกว่า อายุสี่สิบห้าค่อยมี ตอนนั้นยายก็ปาเข้าไปแปดสิบแล้ว จะเลี้ยงเหลนไหวหรือเปล่าก็ไม่รู้ อีกอย่างอนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน ยายกลัวว่าจะเป็นอะไรก่อนแกมีลูก”
ความไม่แน่นอนคือสิ่งไม่แน่นอน นวลนางคิดเช่นนี้ คนร่วมกินมื้อเช้าได้ยินประโยคนี้เข้าใจความรู้สึกนวลนาง ในขณะเดียวกันก็เข้าใจหนุ่มโสดอย่างณนนท์
“นนท์อาจยังไม่เจอคนถูกใจน่ะค่ะคุณแม่ ของแบบนี้เร่งรีบไม่ได้นะคะ เดี๋ยวคุณแม่จะได้หลานสะใภ้ไม่ดี คุณแม่ก็มาว่านนท์อีกว่าตาถั่ว ตาไม่ดีหาเมียไม่ได้เรื่อง” สายรุ้งมารดาณนนท์และเป็นลูกสาวนวลนางเอ่ยขึ้น ณนนท์ยิ้มเมื่อมารดาเข้าข้าง ทว่าประโยคต่อมา เขาหุบยิ้มแทบไม่ทัน “นนท์เร่งหาผู้หญิงหน่อยนะลูก ไม่ใช่ว่าปล่อยไปวันๆ แบบนี้เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่แค่คุณยายที่อยากเลี้ยงเหลน แม่กับคุณพ่อก็อยากเลี้ยงหลานเหมือนกัน ทำให้คนแก่รอนี่บาปนะ แต่จะได้บุญถ้าให้คนแก่สมหวัง”
“ส้มว่างานนี้พี่นนท์ต้องหาเมียจริงๆ จังๆ แล้วแหละ ไม่งั้นบาปหนาแน่ๆ แล้วพระเจ้าจะลงโทษพี่นนท์อย่างหนักๆ หนักจนหลังหักเลย” อารียาน้องสาวณนนท์พูดไปยิ้มไป เห็นหน้าพี่ชายตอนนี้อยากหัวเราะมากกว่า แต่ก็กลั้นเอาไว้
“ลูกหลานเพื่อนพ่อกับแม่มีหลายคนนะ จะให้พ่อแนะนำให้รู้จักไหม เผื่อเป็นตัวเลือก” เสียงนี้เป็นของทรงชัย บิดาณนนท์
“ผม...” ณนนท์ยังไม่ทันตอบคำถามบิดา เสียงคนเป็นยายขัดขึ้นเสียก่อน
“เอาอย่างนี้ล่ะกัน ถ้าภายในปีนี้แกไม่มีเมีย แกจะต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่ยายหาให้ จบนะ” นวลนางยื่นคำขาด
“ภายในปีนี้ นี่มันเหลือแค่เดือนกับไม่กี่วันเองนะครับ หาเมียนะครับไม่ได้หาซื้อขนมถึงได้หากันง่ายๆ ตามข้างทาง” หลายชายตัดพ้อ “สักสองปีนะครับ”
“ไม่!” นวลนางตอบกลับทันที “ฉันให้เวลาแกเท่านี้แหละ ถ้าแกยังหาเมียไม่ได้ ฉันจะหาให้เอง แล้วแกก็ห้ามบ่น ห้ามพูดมาก ห้ามขัดใจฉันด้วย”
ครั้งนี้นวลนางไม่ยอม นางยอมหลานชายมานานแล้ว ทว่าความหวังว่าณนนท์จะมีคนรักริบหรี่มาก แทบมองไม่เห็นก็ว่าได้ ณนนท์ใช้ชีวิตแบบคนโสดทั่วไป เที่ยว ดื่ม โดยมีสาวสวยแนบกาย ไม่คิดจริงจังกับใคร ไม่คิดหยุดชีวิตโสดไว้ที่ผู้หญิงเพียงคนเดียว โฉบไปมาเหมือนนกไร้รังอย่างไรอย่างนั้น
“คุณยายอาจหมายถึงเดือนกว่าๆ นี้ให้นนท์หาผู้หญิงถูกใจให้ได้ แล้วพามาแนะนำให้พวกเรารู้จัก คุณยายจะได้มั่นใจว่า แกน่ะพยายามหาว่าที่เมียจริงๆ เรื่องแต่งงานไว้มั่นใจค่อยแต่งก็ได้” ทรงชัยพยายามทำบรรยากาศให้เบาลง “ผมเข้าใจความหมายของคุณแม่ถูกไหมครับ”
นวลนางมองหน้าลูกเขย สะบัดหน้าเบาๆ
“เอาตามที่แกพูดก็ได้ เข้าข้างลูกล่ะที่หนึ่งเชียว”
“คนละครึ่งทางไงครับคุณแม่ ของแบบนี้เร่งได้ที่ไหนกัน อีกอย่างปลูกเรือนต้องตามใจผู้อยู่นะครับ ตามใจเรา คนอยู่อาจไม่ชอบก็ได้”
“ย่ะ” นวลนางกระแทกเสียงใส่ ทรงชัยเอาใจแม่ยายด้วยการเดินไปรินชาร้อนที่นางมักดื่มหลังกินมื้อเช้ามาให้ แต่ก็ไม่วายโดนนวลนางส่งค้อนให้วงใหญ่
ณนนท์ถอนหายใจออกมาเบาๆ ไม่ใช่ครั้งแรกที่นวลนางพูดเรื่องนี้ เขาจำแทบไม่ได้ว่า กี่ครั้งกี่หน พูดกรอกหูทุกครั้งที่มีโอกาส ยายไม่เข้าใจคนโสดอย่างเขาบ้างเลย ณนนท์ไม่อยากมีภาระ ไม่อยากมีพันธะ อยากใช้ชีวิตแบบนี้ไปเรื่อยๆ เจอคนที่ใช่เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ฉะนั้นเดือนกว่าก่อนสิ้นปี ณนนท์ต้องหาทางออกของเรื่องนี้ให้ได้
คลับมารูแอล
ร่วมหนึ่งเดือนที่แก๊งชายโสดไม่ได้รวมตัวกันมาเที่ยวคลับ อาจเป็นเพราะต่างคนต่างมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ เมื่อมีเวลาว่างมักมานั่งคลายเครียด ดื่มสุราเคล้านารี เฮฮาตามประสาเพื่อน ทว่าค่ำคืนนี้ต่างจากทุกครั้ง นอกจากไม่มีสาวสวยนั่งข้างกาย สีหน้าทุกคนเหมือนมีความเครียด สาเหตุเป็นเพราะหนึ่งในสี่ของแก๊งปรับทุกข์และคิดหาทางแก้ไขกับปัญหาโลกแตกที่ตนเผชิญ