บทย่อ
"น่าสรรเสริญเมียฉันจริงๆ เลย พูดมาได้ว่ารักผู้ชายคนอื่นต่อหน้าผัวตัวเอง แต่ไม่เป็นไร ฉันจะทำให้เธอลืมไอ้สิงหานั่นไปตลอดชีวิต" พูดจบร่างหนาก็เดินเข้ามาใกล้ร่างของธัญชนก เหวี่ยงร่างสาวลงบนที่นอนหนานุ่ม โรยด้วยกลีบกุหลา มือแข็งแรงฉีกกระชากชุดเจ้าสาวราคาเรื่อนแสนอกจากร่างงามอย่างไม่ปรานี แรงกระชากทำให้ผิวเนื้อของเธอแสบ ทิ้งล่องรอยปื้นแดงจากการเสียดสีของเนื้อผ้ากับผิวเนื้อ บราเซียแบบเกาะอกกับอันเดอร์แวร์ก็มีชะตากรรมไม่ต่างกับชุดแต่งงาน ถูกดึงทึ้งขาดวิ่นติดมือหนา เมื่อปราการท่อนล่างถูกกำจัดออกไป ร่างสาวเปลือยเปล่าก็ปรากฏต่อหน้าต่อตา เจ้าบ่าวผู้โหดร้าย กฤตยศมองร่างไร้อาภรณ์ทับร่างเปลือยสาวนั้นทันทีและเริ่มลงมือสร้างความเจ็บปวดทางใจกับเธอ....
บทที่ 1 สิงหา 1
สิงหานั่งมองสตรีที่กำลังเดินลงมาจากบันไดบ้านด้วยอาการตะลึงค้าง ดวงหน้าของเธองดงามตามแบบฉบับของหญิงไทย ดวงตายาวรี จมูกโด่งรั้นเชิดนิดๆ บ่งบอกถึงอุปนิสัยดื้อรั้นไม่ยอมคน ริมฝีปากรูปกระจับสีชมพูระเรื่อประกายใสด้วยลิปกลอสทาทับ มันเย้ายั่วจนเขาอยากจะบดขยี้จูบปากสวยให้หนำใจ ผมยาวหยักศกตรงปลายผมพลิ้วสะบัดตามการเคลื่อนไหวของเธอ ทรวดทรงองค์เอวก็เป็นอีกอย่างที่ทำให้น้ำลายเขาแทบไหล ชุดที่หญิงสาวสวมใส่มันเน้นสัดส่วนบนร่างกายเหลือเกิน อกอวบเบียดชิดกันอยู่ในชุดเกาะอกหนังสีดำจนเนินอกโผล่พ้นออกมาเป็นลูก กางเกงหนังสีดำสั้นแค่คืบปกปิดของสงวนอย่างหมิ่นเหม่ ส่วนชุดสีดำที่เธอสวมใส่ยิ่งทำให้ผิวขาวผุดผ่องของเธอดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้น ยิ่งเธอเดินเข้ามาใกล้ความงามยิ่งปรากฏชัดมากขึ้น สวยจนเขาตะลึง
“เอิน มาหาพ่อหน่อยสิลูก”
เสียงของเกษมศักดิ์ผู้เป็นพ่อรั้งให้ฝ่าเท้าของธัญชนกหยุดการเคลื่อนไหว ดวงหน้าหวานหันมามองหน้าบิดาก่อนจะเปลี่ยนทิศทางการเดินไปยังห้องรับแขก หญิงสาวปรายตามองชายหนุ่มแปลกหน้าที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวเล็กอีกตัว เธอมองเห็นผู้ชายคนนี้ตั้งแต่เดินลงมาจากบันไดแล้ว สายตาของเขาร้อนแรงยามที่จับจ้องมายังร่างของเธอ ความรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ เกิดขึ้นมาในฉับพลัน
“มีอะไรคะคุณพ่อ?” ธัญชนกเอ่ยถามบิดาหลังจากที่ทรุดกายนั่งลงบนโซฟาตัวเล็กอีกตัว
“พ่อจะแนะนำให้รู้จักกับคุณสิงหาน่ะลูก” เกษมศักดิ์เอ่ยบอกจุดประสงค์ที่เขาเรียกลูกสาวคนโต
“แต่เอินไม่อยากรู้จัก” ผู้เป็นลูกตัดความประสงค์ของผู้เป็นพ่อทันที
“คุณสิงหาเขาเป็นญาติของคุณกฤต เขาจะมาอยู่ที่นี่กับเรานะลูก”
เกษมศักดิ์ขยายความให้ตรงประเด็นมากขึ้น ธัญชนกปรายตามองญาติของว่าที่สามีในอนาคต ไม่นึกเลยว่าชายหนุ่มหน้าตาดุดัน ไว้หนวดเครารกครึ้มคนนี้จะเป็นญาติของกฤตยศ ตอนแรกที่เห็นเธอนึกว่าอีกฝ่ายเป็นโจรห้าร้อย แต่นึกสงสัยอยู่ว่า นายสิงหาคนนี้มาอยู่บ้านของเธอทำไม ทำไมไม่ไปอยู่บ้านของยศวินที่ใหญ่โตกว่าบ้านของเธอหลายเท่า
“บ้านตัวเองไม่มีอยู่หรือไง ถึงได้เที่ยวมาอยู่บ้านของคนอื่นแบบนี้” ธัญชนกพูดด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่ไม่เป็นมิตร สะบัดหน้าหนีอย่างคนหยิ่งผยอง
“บ้านฉันน่ะมี ใหญ่กว่าบ้านของเธอด้วยซ้ำ แต่ที่ฉันมาอยู่ที่นี่เพราะต้องมาจัดการเรื่องเรือนหอของเธอกับกฤตต่างหาก ไม่อยากอยู่นักหรอกบ้านเท่ารูหนูแบบนี้ ดูของตกแต่งบ้านแต่ละชิ้นสิ เก่าคร่ำครึ โบราณทั้งนั้น ไม่เจริญหูเจริญตาเอาเสียเลย”
สิงหาโต้กลับด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่ดูหมิ่นดูแคลน บ้านของเกษมศักดิ์เล็กกว่าบ้านของเขาเกือบเท่าตัว เฟอร์นิเจอร์ของตกแต่งบ้านก็ต่างกันลิบลับ สไตล์ของเขาจะเน้นแบบโมเดิร์นไม่เน้นของเก่าของโบราณเหมือนกับบ้านหลังนี้ ธัญชนกโกรธจนลมแทบออกที่หูทันที ถ้าบ้านของเธอไม่ดี เล็ก ไม่ทันสมัยก็ไปอยู่ที่อื่นสิ ไม่ต้องมาอยู่ที่นี่
“ถ้านายคิดว่าบ้านของฉันมันไม่ดี มันห่วย มีแต่ของโบราณก็ไม่ต้องมาอยู่ ไปเลย โน่นประตู”
ธัญชนกเอ่ยปากไล่สิงหาอย่างไม่ไว้หน้า เดือดดาลเมื่อได้ยินคำพูดประโยคนี้ มาอาศัยบ้านเขาอยู่ ยังมาติโน่นตินี่ ไม่มีมารยาทเอาเสียเลย
“สาเหตุนี้แหละที่ฉันต้องมาที่นี่ กฤตไม่ชอบอยู่บ้านที่ตกแต่งไม่มีสไตล์แบบนี้ ก็เลยต้องไหว้วานฉันให้มาทำหน้าที่ตกแต่งเรือนหอให้ แต่ฉัน ว่านะไปอยู่คอนโดดีกว่า ไม่ต้องเหนื่อยแรงสร้างบ้านใหม่ ซื้อเฟอร์นิเจอร์ใหม่ เปลืองเงินเปล่าๆ ไม่รู้ว่าจะได้อยู่สักกี่วันกี่เดือน ไม่แน่แต่งงานแค่คืนเดียวอาจจะหย่ากันก็ได้ ใครจะไปรู้”
สิงหาพูดเหมือนมองเห็นอนาคต พอเขาเห็นหน้าธัญชนกว่าที่เจ้าสาวของญาติหนุ่ม เขารู้ได้ทันทีเลยว่า ชีวิตคู่ของกฤตยศกับธัญชนกคงไปไม่รอดแน่นอน
“ฉันก็คิดเหมือนนายนั่นแหละ แต่งไม่กี่วันก็ต้องหย่ากันอยู่ดี จะสร้างมันทำไมเรือนหงเรือนหอ ปลูกกระต๊อบอยู่ยังดีกว่า พอเลิกกันก็รื้อมันทิ้ง ไม่เปลืองเงินดีด้วย เอาอย่างที่ฉันพูดนี่แหละ ปลูกกระต๊อบแทนเรือนหออันหรูหรา โอ่อ่า”
ธัญชนกคิดเห็นตรงกันกับคำพูดของสิงหา งานแต่งงานที่กำลังจะเกิดขึ้นมันไม่ใช่งานแต่งงานที่มาจากความรักของเจ้าบ่าวและเจ้าสาว แต่มันเป็นการคลุมถุงชนที่ทั้งเธอและว่าที่เจ้าบ่าวไม่มีทางปฏิเสธได้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าผลลัพธ์ของชีวิตคู่จะออกมาอย่างไร คงหนีไม่พ้นการหย่าร้าง
“เอาละ ไม่ต้องเถียงกัน ยังไงพ่อกับคุณลุงวินก็เห็นพ้องต้องกันว่าจะปลูกเรือนหอให้เอินกับคุณกฤตตรงที่ดินข้างๆ บ้านเรานี่แหละ”
ธัญชนกอยากจะกรี๊ดออกมาทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของบิดา แทนที่ จะเห็นใจลูกสาวที่ไม่เต็มใจกับการแต่งงานในครั้งนี้ ยังเห็นดีเห็นงามกับญาติ ฝ่ายเจ้าบ่าวอีก ถ้าไม่ติดที่ว่ายศวินกับวิภาวีมีบุญคุณต่อครอบครัวของเธอมาโดยตลอด เธอไม่มีวันยอมแต่งงานกับกฤตยศแน่นอน หญิงสาวยังจำวันนั้น วันที่บิดาขอร้องให้เธอแต่งงานกับลูกชายของเจ้านายเก่าได้ดีไม่มีวันลืม
“นะลูกนะ พ่อขอร้อง แต่งงานกับคุณกฤตเถอะนะลูก”
เกษมศักดิ์ขอร้องลูกสาวคนโตด้วยน้ำเสียงที่เว้าวอน ธัญชนกเห็นแล้วอดที่จะใจอ่อนไม่ได้ ทว่าเรื่องที่บิดาขอร้องนั้น มันยากยิ่งที่จะตัดสินใจตอบรับในวินาทีนี้ เพราะมันคือทั้งชีวิตของเธอก็ว่าได้
“เอินไม่แต่งไม่ได้เหรอคะ? คุณกฤตของคุณพ่อไม่มีปัญญาหาเจ้าสาวหรือไง ถึงได้มาบังคับคนอื่นเขาแบบนี้ หรือว่าปากแหว่ง เพดานโหว่ ฟันเหยิน หน้าเบี้ยว ตาเหล่ ผู้หญิงก็เลยไม่สนใจ”
เกษมศักดิ์อยากจะหัวเราะออกมา เมื่อได้ยินคำเปรียบเทียบที่เอ่ยออกมาจากปากของลูกสาว หากธัญชนกได้เห็นหน้ากฤตยศ ลูกสาวของเขาจะไม่พูดอย่างนี้เลย
“เอินก็พูดเกินไปลูก คุณกฤตไม่ได้เป็นอย่างที่ลูกพูดเลย ถือว่าพ่อขอร้องก็แล้วกันนะ ทำเพื่อพ่อสักครั้งหนึ่งนะเอิน” เกษมศักดิ์ขอร้องลูกสาวอีกครั้ง
“เอินขอเหตุผลหน่อยได้หรือเปล่าคะ ว่าทำไมเอินต้องตอบตกลงแต่งงานกับไอ้คุณกฤตบ้าบอนั่นด้วย” ก่อนที่เธอจะตอบว่าตกลงหรือไม่ตกลง หญิงสาวอยากฟังเหตุผลของการคลุมถุงชนในครั้งนี้
“เหตุผลมันมีไม่กี่ข้อนะเอิน แต่เหตุผลหลักและสำคัญที่สุดคือ บุญคุณ อย่าลืมสิว่าคุณลุงวินกับคุณป้าวิภาวีมีบุญคุณกับครอบครัวของเรามากขนาดไหน ไหนที่บ้านพร้อมที่ดินหลังนี้ ไหนจะสวนผลไม้ที่ลำปางอีก ไหนจะเงินที่ส่งเสียเอินไปเรียนต่อเมืองนอก ถ้าลำพังพ่อคนเดียว พ่อก็คงส่งเอินไปเรียนเมืองนอกไม่ได้ ยังไม่รวมเงินค่าผ่าตัดหัวใจของพ่ออีก เหตุผลแค่นี้มันมากพอหรือเปล่าลูก ที่เอินจะแต่งงานกับคุณกฤต”
เกษมศักดิ์อดีตลูกน้องคนสนิทของยศวิน พูดถึงบุญคุณล้นหัวที่อดีตเจ้านายมอบให้ เขาตัดสินใจลาออกจากการเป็นลูกน้องคู่ใจของยศวินหลังจากที่กฤตยศอายุได้แปดปี เพื่อมาสร้างครอบครัวกับคนที่เขารัก ยศวินซื้อบ้านพร้อมที่ดินหลังนี้ให้เป็นของขวัญวันแต่งงาน รวมทั้งซื้อที่ดินพร้อมสวนผลไม้สามร้อยไร่ในจังหวัดลำปางให้กับเขาและภรรยา เขามีความสุขอยู่กับภรรยาได้เพียงห้าปี ภรรยาของเขาก็เสียชีวิตลงด้วยอุบัติเหตุ เกษมศักดิ์จึงเลี้ยงลูกมาตามลำพัง ไม่คิดมีภรรยาใหม่ ต่อมาอีกสามปีเขาล้มป่วยลงด้วยโรคหัวใจ ต้องผ่าตัดอย่างเร่งด่วน เป็นอีกครั้งที่อดีตเจ้านายเข้ามาช่วยเหลือ จัดการเรื่องโรงพยาบาลและออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด ยังไม่พอ ยังส่งเสียให้ลูกสาวทั้งสองคนของเขา ได้ร่ำเรียนหนังสือในโรงเรียนเอกชนชื่อดัง รวมทั้งส่งเสียธัญชนกให้ไปเรียนต่อต่างประเทศ เหตุผลเพียงเท่านี้คงมากพอ ให้ธัญชนกตอบตกลงแต่งงานกับกฤตยศ
ธัญชนกได้ฟังเหตุผลของเกษมศักดิ์แล้วถึงกับพูดไม่ออกมันจริง อย่างที่บิดาพูดทุกอย่าง ยศวินกับวิภาวีมีบุญคุณกับเธอมาก เหลือเกิน มากเกินกว่าที่จะทดแทนบุญคุณให้หมดได้ในชาตินี้ เธอจะตัดสินใจ อย่างไรดีระหว่างตกลงหรือว่าปฏิเสธ แต่พอมองดวงตาของบิดาที่เต็มไปด้วย ความวิงวอนและขอร้อง ทำให้ธัญชนกตัดสินใจตอบตกลง อย่างน้อยสิ่งที่เธอทำมันคือความสบายใจของบิดา และได้ตอบแทนบุญคุณอีกด้วย
“ตกลงค่ะ” ใบหน้าของเกษมศักดิ์เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เมื่อได้ยินคำตอบของลูกสาวคนโต
“พ่อขอบใจเอินมากนะลูก ขอบใจมาก”
เกษมศักดิ์พูดไปยิ้มไป รอยยิ้มของบิดาเต็มไปด้วยความสุข ธัญชนกเห็นแล้วพลอยมีความสุขตามไปด้วย มีความสุขที่เห็นรอยยิ้มของบิดา แต่ทุกข์อย่างแสนสาหัสเมื่อคิดถึงงานวิวาห์ของตัวเอง
“ได้ยินพ่อคุณพูดแบบนี้แล้วยังอยากจะให้ผมปลูกกระต๊อบอยู่อีกหรือเปล่าครับ?” สิงหาถามธัญชนกอย่างยียวนกวนประสาท หญิงสาวลุกขึ้นยืน จ้องหน้าสิงหาตาไม่กะพริบ
“อยากจะปลูกอะไรก็ตามใจ ปลูกให้มันใหญ่โตหรือว่าทันสมัยมากแค่ไหน มันก็คือนรกสำหรับฉันอยู่ดี” ธัญชนกพูดจบก็หมุนตัวกำลังจะเดินออกไปจากบ้านเหมือนทุกค่ำที่ผ่านมา
“เอินจะไปไหนลูก?” เป็นอีกครั้งที่เสียงของเกษมศักดิ์รั้งเท้าของเธอเอาไว้
“ไปหาผู้ชาย กว่าจะถึงวันแต่งงานคงมั่วได้อีกหลายคน”
ตอบคำถามบิดาจบเธอก็เดินออกไปจากบ้านทันที ตรงดิ่งไปยังรถ คู่ใจที่จอดอยู่หน้าประตูบ้าน สิงหาสะอึกทันทีที่ได้ยินคำตอบของเธอ พูดอย่างนี้ไม่ต้องแปลความหมายเลยว่า เยื่อพรหมจรรย์คงไม่มีหลงเหลือ แต่งตัวล่อไอ้เข้อย่างนี้ ทำตัวอย่างนี้ ถ้าหลงเหลือมาถึงกฤตยศก็ถือว่าเก่งที่รักษาสิ่งนั้นเอา ไว้ได้ แต่ในความคิดของเขา เธอคงไม่หลงเหลือสิ่งนั้น
เกษมศักดิ์ถอนหายใจออกมาอย่างกลัดกลุ้ม ตั้งแต่วันที่ธัญชนกรับปากตกลงแต่งงานกับกฤตยศ ลูกสาวคนโตของเขาก็เปลี่ยนเป็นคนละคน แต่งตัวเปิดเผยสรีระ เที่ยวผับเที่ยวบาร์ ถ้าไม่ตีหนึ่งไม่กลับบ้าน สร้างความ ลำบากใจให้กับเขาเป็นอย่างมาก เคยตักเตือนธัญชนกหลายครั้งหลายหน แต่พอเจอคำพูดของลูกสาว เขาถึงกับอึ้งและจำยอมในที่สุด
‘ชีวิตหลังแต่งงานของเอินมันคือนรกสำหรับเอิน เอินขอแค่ชีวิตก่อนแต่งงานเท่านั้นค่ะ ขอให้เอินได้เป็นคนลิขิตมันเองบ้าง อย่างน้อยมันก็คือความสุขของเอิน ก่อนที่เอินจะต้องตกนรกทั้งเป็น’
“อาต้องขอโทษคุณสิงหาด้วยนะครับที่เอินเสียมารยาทกับคุณ” เกษมศักดิ์กล่าวคำขอโทษต่อสิงหา
“ไม่เป็นอะไรครับ ว่าแต่เอินออกไปข้างนอกทุกวันเลยเหรอครับ?”
“ใช่ครับ ออกไปตอนหัวค่ำ กว่าจะกลับก็ประมาณตีหนึ่ง”
เจ้าของบ้านตอบด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่ายใจ ไม่รู้ว่าจะทำเช่นไรดี การที่สิงหาเดินทางมาอยู่ที่นี่เกษมศักดิ์ก็ลำบากใจไม่น้อย เป็นเพราะสิงหาต้องเห็นพฤติกรรมของธัญชนกแน่นอน แล้วอาจจะนำไปบอกกล่าวให้ยศวินได้รับรู้ เกษมศักดิ์มั่นใจอย่างหนึ่งว่าธัญชนกไม่มีวันทำอย่างที่พูด “มั่วผู้ชาย” เนื่องจากเขาจะให้พีรศักดิ์ หลานชายของภรรยาที่เสียชีวิตไปแล้ว แอบตามธัญชนกไปที่ผับทุกคืน คอยกีดกันชายหนุ่มที่เข้ามาวอแวลูกสาว รวมทั้งพากลับมาบ้านหากธัญชนกอยู่ในอาการมึนเมา
“ดูท่าทางเอินเขาจะทุกข์มากเลยนะครับกับการที่จะต้องแต่งงาน กับกฤต”