บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 สิงหา 1.1

“ถึงตอนนี้ไม่ว่าจะทุกข์หรือว่าสุข มันก็คงไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว เพราะถึงยังไงงานแต่งงานก็เกิดขึ้นตามกำหนดเดิมไม่เปลี่ยนแปลง อาว่าคุณสิงหาขึ้นไปพักผ่อนก่อนดีกว่าครับ อาจัดเตรียมห้องไว้ให้แล้วแม้ว่ามันจะไม่ใหญ่โตอะไร แต่ความสะดวกสบายมีครบครับ”

เกษมศักดิ์รู้ดีว่าบ้านของเขาไม่ใหญ่โตสมฐานะของสิงหาที่มั่งคั่งร่ำรวย เขาก็พยายามจัดเตรียมห้องพักและความสะดวกสบายต้อนรับสิงหาอย่างเต็มกำลัง ทั้งเตียงนอน โทรทัศน์ ชุดเครื่องเสียง ฯลฯ ล้วนแล้วแต่สั่งซื้อมาใหม่ทั้งสิ้นเพื่อสิงหาโดยเฉพาะ ญาติของผู้มีพระคุณไม่ว่าจะเสียเงินมากเท่าไหร่ เกษมศักดิ์ทุ่มไม่อั้น

“ผมต้องขอโทษอาแดนด้วยนะครับที่พูดออกไปอย่างนั้น ผมไม่มี เจตนาจะดูหมิ่นดูแคลนบ้านและฐานะของอาแดนเลยครับ มันเป็นเพียงการโต้เถียงระหว่างผมกับเอินเท่านั้นครับ ผมไม่ได้คิดอย่างที่พูดเลย บ้านหลังนี้ แม้ว่าจะเล็ก เฟอร์นิเจอร์อาจจะไม่ทันสมัย เน้นไปทางของเก่าของโบราณ ผมว่ามันก็ดูคลาสสิกไปอีกแบบ ผมจะไม่ติความชอบของแต่ละบุคคลครับ ผมหวังว่าคุณอาจะเข้าใจผมนะครับ”

สิงหาพนมมือไหว้และกล่าวคำขอโทษผู้สูงวัยตรงหน้า เขาไม่ได้ มีเจตนาจะดูถูกบ้านของเกษมศักดิ์อย่างที่โต้เถียงกับธัญชนกเลย บ้านหลังนี้มีของตกแต่งบ้านหลายอย่างที่เขาไม่เคยเห็น มันดูมีเสน่ห์ในตัวเอง มีคุณค่าในการสะสม ต่างกับของตกแต่งบ้านในสมัยนี้ที่เน้นความหรูหราราคาแพง แต่บางชิ้นบางอย่างหาคุณค่าในตัวของมันไม่ได้

“อาดีใจครับที่คุณสิงหาไม่รังเกียจบ้านของอา อาว่าคุณสิงหาขึ้นไปพักผ่อนเถอะครับ เดี๋ยวอาจะพาไปเอง ส่วนกระเป๋า อาให้เด็กยกขึ้นไปที่ห้องแล้วครับ”

เจ้าของบ้านแสนดีเดินนำหน้าแขกผู้มีเกียรติขึ้นไปยังชั้นบน ตรงไปที่ห้องพักที่เขาจัดเตรียมไว้ต้อนรับสิงหา ห้องที่ว่านั้นอยู่ติดกับห้องของ ธัญชนก

สิงหาไม่ได้พักผ่อนอย่างที่เกษมศักดิ์คิด เขาหยิบแบบแปลนเรือนหอของกฤตยศกับธัญชนกมากางบนเตียง หยิบสมุดเล่มหนึ่งเปิดออก ในสมุดนั้นคือรายชื่อเฟอร์นิเจอร์ของตกแต่งบ้านราคาแพงที่กฤตยศต้องการให้ มันอยู่ในเรือนหอ มูลค่าของบ้านรวมทั้งราคาของเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดไม่ต่ำกว่าห้าสิบล้าน ชีวิตคู่ที่ดูท่าจะลุ่มๆ ดอนๆ ไม่จีรังของว่าที่เจ้าบ่าวและเจ้าสาว ทำให้เขานึกเสียดายเงินที่ทุ่มลงไปในเรือนหอหลังนี้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าการ หย่าร้างต้องเกิดขึ้นแน่นอน ธัญชนกไม่มีอะไรที่เข้ากับกฤตยศได้เลย เอาแต่ใจ แรงและปากกล้าด้วยกันทั้งคู่ อยู่ด้วยกันมีหวังเรือนหอถล่มแน่ คิดไปคิดมาคำพูดของธัญชนกก็น่าสนใจไม่น้อย จะปลูกทำไมเรือนหอ ปลูกกระต๊อบดีกว่า พอเลิกกันก็รื้อทิ้ง ไม่ต้องเสียดาย ไม่ต้องเสียเงินมาก

เขานั่งดูแบบบ้านและทำงานไปเรื่อยๆ หลงลืมเวลาที่เดินอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย จนกระทั่งเขาได้ยินเสียงรถยนต์แล่นมาจอดที่หน้าบ้าน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ารถคันดังกล่าวเป็นของใคร เพราะเวลานี้นาฬิกาบอกเวลา 01.15 นาที เป็นเวลากลับบ้านของธัญชนกตามที่เกษมศักดิ์ได้บอกกับเขาไว้ ชายหนุ่มลุกขึ้นจากเตียงเดินตรงไปที่ประตูห้อง ก่อนจะเปิดมันออกกว้าง ตั้งใจว่าจะเดินลงไปดูว่าที่เจ้าสาวของญาติหนุ่มเสียหน่อย กำลังจะก้าวเท้าเดินออกไป ร่างที่หมดสติของธัญชนกก็ถูกอุ้มขึ้นมาด้วยชายร่างสูง ซึ่งเขารู้ดี ว่าคือใคร พีรศักดิ์เป็นหลานชายของนิรมล ภรรยาของเกษมศักดิ์ที่เสียไปตั้งแต่ธัญชนกและธัญวลัยยังเล็ก กลิ่นสุราที่โชยคลุ้งเข้ามาในจมูก สภาพ เมามายไม่ได้สติของเธอ ทำให้เขาคิดถึงตัวละครสำคัญในละครเรื่องหนึ่งขึ้นมาทันที

“ลำยองชัดๆ” สิงหาพูดเบาๆ ก่อนจะปิดประตูห้องนอนลงเมื่อร่างของธัญชนกถูกพาเข้าไปในห้องนอนของเธอ เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ผู้หญิงที่เขาเห็นเมื่อกี้คือว่าที่เจ้าสาวของกฤตยศ เห็นแล้วระอาจิต กำลังชั่งใจอยู่ว่าจะบอกเรื่องนี้กับญาติหนุ่มดีหรือไม่

“ใครมันมาทำอะไรตอนนี้เนี่ย หนวกหู คนจะหลับจะนอน”

ธัญชนกตะโกนพูดออกมาด้วยความรำคาญและหงุดหงิดเมื่อได้ยินเสียงบางอย่างลอยกระทบเข้ามาในหูขัดจังหวะการนอนของเธอ หมอนหนุนศีรษะจึงเป็นอุปกรณ์ปิดกั้นเสียงไม่ให้ไหลเข้ามาในหู แต่ดูท่ามันจะไม่ได้ผล เนื่องจากเสียงของรถยนต์ เสียงของคนหลายคน เสียงของวัตถุบางอย่างที่กระทบกับพื้นยังดังเข้ามาในหูของเธออย่างต่อเนื่อง หญิงสาวลุกขึ้นนั่ง ปาหมอนลงไปบนที่นอนอย่างแรง คล้ายจะระบายอารมณ์ฉุนเฉียว

“ทนไม่ไหวแล้วนะ คนจะหลับจะนอนไม่เกรงใจกันบ้างเลย”

พูดจบก็ก้าวเท้าไปยืนที่ริมหน้าต่าง มองดูต้นเสียงที่ดังไม่เกรงอกเกรงใจชาวบ้าน พอรู้ที่มาของเสียงเท่านั้น ดวงหน้างามสะบัดหนีภาพบาดใจนั้นทันที เดินลงส้นมานั่งริมเตียง มือเล็กกำเข้าหากันแน่น ก่อนจะทุบลงบนที่นอนเพื่อระบายอารมณ์ของตัวเอง ยิ่งใกล้วันแต่งงานมากเท่าไหร่ เธอมีอาการเหมือนคนบ้าขึ้นไปทุกที

“สาธุ ขอให้ไอ้คุณกฤตบ้าบอมันรถชนตาย ไม้จิ้มฟันแทงคอ ลื่นล้มหัวแตก น้ำติดคอตายก่อนวันแต่งงานด้วยเถิด สาธุ สาธุ”

ธัญชนกยกมือท่วมหัว แช่งชักหักกระดูกว่าที่เจ้าบ่าว ไม่ใช่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ทำ หญิงสาวสาปส่งกฤตยศมาตลอดตั้งแต่ตกปากรับคำบิดาในวันนั้น หวังว่าสักวันหนึ่งคำแช่งของเธอจะเป็นผล เมื่อเสร็จสิ้นกิจวัตรที่ทำทุกเช้าเรียบร้อยแล้ว ธัญชนกเดินเข้าไปในห้องน้ำทันที หลังจากอาบน้ำชำระล้างร่างกาย แต่งตัวในชุดลำลองแบบสบายๆ ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง เพื่อไปรับประทานอาหารเช้าดั่งเช่นทุกวัน

“ลงมาแล้วเหรอลูก คุณสิงหาเขาคอยทานข้าวเช้าอยู่ พ่อกะว่าถ้าเอินยังไม่ลงมา พ่อจะให้นุ่มขึ้นไปตาม” ธัญชนกเดินเข้ามาในห้องรับประทานอาหารด้วยใบหน้าที่งอง้ำ กระแทกตัวลงนั่งบนเก้าอี้ประจำของเธอ

“ถ้าเอินรู้ว่ามีคนอื่นมานั่งร่วมโต๊ะด้วย ไปนั่งกินกับไอ้ด่างหน้าบ้านดีกว่า”

สิงหาตวัดสายตามองสาวหน้าหวานทันที ไม่คิดเลยว่าธัญชนกจะเห็นสุนัขที่นอนอยู่หน้าบ้านดีกว่าเขา เปรียบเทียบได้เจ็บปวดมาก

“คุณเอินอยากทานข้าวกับไอ้ด่างก็ไม่บอก ผมจะได้บอกให้นุ่มเขาคลุกข้าวใส่กะละมัง แล้วเอาไปวางให้คุณเอินที่หน้าบ้าน จะได้กินข้าวจานเดียวกับไอ้ด่าง สมใจคุณเอินไงครับ”

สิงหาตอกกลับธัญชนกชนิดที่เรียกว่าอีกฝ่ายถึงกับผงะ ธัญชนกอยากจะเอาปลายช้อนจิ้มตาแสนยโสคู่นั้นยิ่งนัก ปากจัดไม่แพ้ผู้หญิงเลย ต่อปากต่อคำเก่งจริงๆ

“ฉันยอมกินข้าวกับไอ้ด่างดีกว่ากินข้าวร่วมโต๊ะกับนาย เห็นแล้วกินข้าวไม่ลง มันอยากจะอ้วก”

“จะอ้วกเลยเหรอครับ แหม แต่ผมว่าที่อยากจะอ้วกเพราะไม่ได้เหม็นหน้าผมหรอกครับ เพราะเหตุผลอื่นมากกว่า”

เขายิ้มหยันเวลาที่พูด รอยยิ้มของเขานำพาความไม่พอใจมาให้ ธัญชนก เธอไม่ชอบรอยยิ้มของสิงหาเลย มันดูเยาะเย้ยถากถางยังไงพิกล แล้วยิ่งคำพูดแฝงความหมายท้ายประโยคนั่นอีก มันยิ่งทำให้หญิงสาวอยากรู้ว่า เหตุผลที่เขาคิดไว้นั้นคืออะไร

“เหตุผลอะไร?”

“ได้ยินคุณพูดว่าอยากจะอ้วก ผมก็นึกถึงอยู่ข้อเดียวเลยครับ เหตุผลนั้นก็คือ...ท้อง แต่เอ...จะท้องกับใครนี่สิปัญหา หรือว่าท้องกับไอ้ด่างหน้าบ้านก็ไม่รู้...เฮ้ย!!!”

เสียงร้องตกใจของสิงหาดังลั่น เมื่อธัญชนกคว้าชามข้าวต้มของเธอสาดกระทบกับใบหน้าดุดันของเขาเต็มๆ เนื้อข้าวต้มติดตามใบหน้าและหนวดเครา ความโกรธเข้าครอบงำจนสิงหาไม่รับรู้ความอุ่นร้อนของข้าวต้ม ดวงตาของเขาเปล่งรัศมีแห่งแรงโทสะ นัยน์ตาสีดำเข้มเสมือนมีไฟมาสุมเรืองโรจน์น่ากลัว จ้องมองดวงหน้างามที่มองมายังเขาด้วยความสะใจ สิงหาลุกขึ้นยืน กำหมัดแน่น ข่มความโมโหให้อัดแน่นไว้ในใจ รีบสาวเท้าเดินออกไปจากห้องรับประทานอาหารทันที เขาต้องรีบเดินออกไปจากห้องนี้ก่อนจะ ทนไม่ไหว ทำร้ายว่าที่เจ้าสาวของญาติหนุ่มให้ตายคามือ

“เอิน ทำไมทำแบบนี้ ไม่เห็นหัวพ่อเลยใช่มั้ย?” เกษมศักดิ์ลุกขึ้นยืน ตวาดลูกสาวอย่างเหลืออด ธัญชนกเบ้ปากไม่รู้สึกรู้สากับสิ่งที่ตัวเองทำลงไป เธอคิดว่าตัวเองไม่ผิดที่สั่งสอนคนปากเสียอย่างสิงหา แค่นี้มันยังน้อยไป เธออยากจะนำเข็มไปทิ่มปากอันโสมมของสิงหามากกว่า เอาให้บวมจนขยับไม่ได้ไปยิ่งดี

“ก็นายสิงหาเขามาว่าเอินก่อน คุณพ่อไม่ได้ยินเหรอคะ?”

“ได้ยิน แต่ถ้าเอินไม่เป็นอย่างที่คุณสิงหาพูด เอินก็ไม่ต้องไปสนใจสิ อีกอย่างเอินเป็นคนเริ่มก่อน เอินเป็นคนพูดจาไม่ดีกับคุณสิงหา เปรียบเปรยว่าหมาดีกว่าเขา แล้วทำไมคุณสิงหาเขาจะพูดแบบนั้นกับเอินไม่ได้” เกษมศักดิ์พูดความจริง ความจริงที่ธัญชนกรับไม่ได้ แทนที่จะเข้าข้างลูกตัวเองกลับไปเข้าข้างคนอื่น

“คุณพ่อ คุณพ่อเข้าข้างไอ้เคราทำไม ทำไมไม่เข้าข้างเอิน เอินเป็นลูกพ่อนะคะ”

“เพราะเป็นลูกไงถึงได้พูดอย่างนี้ ถ้าพ่อเออออเห็นดีกับคำพูดของลูก เห็นว่าการกระทำของเอินเป็นสิ่งที่ถูกต้อง พ่อก็เป็นคนที่ใช้ไม่ได้ เท่านี้คุณสิงหาเขาก็คงนึกตำหนิพ่อในใจแล้ว ว่าพ่อไม่เคยอบรมสั่งสอนเอิน ปล่อยให้เอินทำเสียมารยาทกับแขกที่มาพักอาศัย อีกอย่างเอินเลิกเรียกคุณกฤตกับคุณสิงหาว่าไอ้ซะทีพ่อไม่ชอบ ถึงคุณกฤตกับคุณสิงหาจะเป็นคนที่เอินไม่ชอบหน้า แต่ก็ไม่มีสิทธิ์ไปเรียกเขาสองคนแบบนั้น และที่สำคัญเขาสองคนเป็นลูกและเป็นญาติของผู้มีพระคุณของพ่อ อย่าให้พ่อได้ยินอีกนะว่าเรียกไอ้อีก ไปเลยเอินขึ้นไปขอโทษคุณสิงหาเดี๋ยวนี้”

เกษมศักดิ์ไม่เพียงจะไม่เข้าข้างลูกสาว ยังอบรมสั่งสอนธัญชนกอีกต่างหาก และสิ่งที่ขัดใจเธอมากที่สุดก็คือให้ไปขอโทษสิงหา ไม่ ไม่ไปเด็ดขาด

“ไม่ เอินไม่ขอโทษ นายสิงหาคมต่างหากที่ต้องขอโทษเอิน เอินไม่ไปขอโทษ ยังไงก็ไม่ไป”

หญิงสาวผู้ดื้อรั้นไม่ยอมคนปฏิเสธที่จะไปขอโทษสิงหาตามคำสั่ง ของบิดา หัวเด็ดตีนขาดเธอก็ไม่มีวันไปขอโทษผู้ชายปากสุนัขเด็ดขาด

“พ่อบอกให้ไปขอโทษคุณสิงหา เดี๋ยวนี้” เสียงของเกษมศักดิ์หนักแน่นกว่าทุกครั้งที่ธัญชนกได้ยิน แต่ถึงกระนั้นลูกสาวจอมดื้อยังยืนกรานคำเดิม

“ไม่ เอินไม่ไป”

“ต้องไป นี่เป็นคำสั่งของพ่อ”

“ไม่ เอินไม่ไป เอินไม่ไป”

“ได้ ถ้าเอินไม่ไป พ่อจะไปเอง พ่อจะไปขอโทษคุณสิงหาเอง เอินเป็นคนผิดแต่ไม่ยอมไปขอโทษ พ่อนี่แหละ พ่อจะไปขอโทษแทนเอินเอง”

เกษมศักดิ์ก้าวเท้าเดินออกไปจากห้องรับประทานอาหารทันที ที่พูดจบ เขาจะกำราบความดื้อรั้นของธัญชนกด้วยการจะไปขอโทษสิงหาด้วยตัวเอง เขาเป็นพ่อย่อมต้องรับผิดชอบในการกระทำของลูก ลูกไม่ดีก็ต้อง โทษพ่อแม่ก่อนเป็นอันดับแรก ที่ไม่อบรมสั่งสองลูก ปล่อยให้ทำกิริยาที่ไม่ดีไม่งามกับบุคคลอื่น แม้ว่าคนนั้นจะเป็นคนที่ธัญชนกไม่ชอบหน้าก็ตาม

“ไม่ต้องค่ะ เอินจะไปขอโทษนายสิงหาคมเองค่ะ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel