บทที่ 3 สิงหา 1.2
ธัญชนกรีบพูดหลังจากที่วิ่งมาดักหน้าผู้เป็นพ่อ บิดาเล่นไม้นี้มีหรือที่เธอจะไม่ไปขอโทษสิงหาตามคำสั่งของท่าน แม้ว่าหญิงสาวจะดื้อรั้นมากแค่ไหน แต่ไม่ยอมให้บิดาลดเกียรติและศักดิ์ศรีไปขอโทษคนอื่น โดยที่ท่าน ไม่ได้เป็นคนทำผิดเด็ดขาด
“ยอมตั้งแต่แรก พ่อก็ไม่ต้องเมื่อยปาก ไม่ต้องเดินให้เหนื่อย ไปสิ จะไปขอโทษคุณสิงหาไม่ใช่เหรอ ถ้าพ่อรู้ว่าเอินไม่ได้ไปขอโทษคุณสิงหาจริงๆ พ่อจะไปกราบขอโทษเขาเอง ถ้าไม่เชื่อก็คอยดู”
เกษมศักดิ์ดักคอธัญชนกอย่างรู้นิสัย ทำไมเขาจะไม่รู้นิสัยของลูกสาวคนนี้ ตอนแรกก็ทำทีจะไปขอโทษสิงหาตามคำสั่ง แต่พอขึ้นไปก็เดินตรงเข้าไปในห้องของตัวเอง แล้วลงมาบอกเขาว่าขอโทษสิงหาเรียบร้อยแล้ว ลูกสาวจอมดื้อหน้ามุ่ยกับการรู้ทันของบิดา เดินตรงไปที่บันไดเดินลงส้นหนักๆ ก้าวฉับๆ ขึ้นไปชั้นบนทันที
ธัญชนกยืนหน้าง้ำหน้างออยู่หน้าห้องของสิงหา กำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะเคาะประตูห้องพักของเขาดีหรือไม่ ถ้าไม่ทำคำขู่ของบิดาที่ก้องอยู่ในหูว่า จะก้มลงกราบขอโทษสิงหา ถ้าเธอไม่ทำตามคำพูด ข้อนี้เองที่ทำให้หญิงสาวไม่อาจจะหลีกเลี่ยงการกล่าวคำขอโทษในครั้งนี้ได้ ใจหนึ่งกลัวว่าหากเห็นหน้าสิงหาขึ้นมา คำขอโทษอาจจะถูกกลืนลงคอ แปรเปลี่ยนเป็นคำด่าแทน เรื่องมันก็จะไปกันใหญ่ สุดท้ายแล้วมือสวยก็ยกขึ้นเคาะประตูห้องอย่างจำใจ
สิงหาเดินออกมาจากห้องน้ำเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู มือใหญ่จับลูกบิดประตูก่อนจะหมุนและเปิดประตูห้องออกกว้าง แต่พอเห็นหน้าสาวสวยที่ยืนอยู่หน้าห้อง แรงโทสะที่กำลังจะดับมอดเริ่มจะปะทุเดือดขึ้นมาอีกครั้ง
ฝ่ายหญิงหน้าแดงขึ้นมาในฉับพลัน เพราะตอนนี้เขาสวมเพียงกางเกงยีนสีน้ำเงินเข้มเพียงตัวเดียว อวดสรีระส่วนบนที่กำยำ ล่ำสัน ไรขนสีน้ำตาลเข้มขึ้นกระจายเต็มแผงอก เซ็กซี่อย่าบอกใคร หน้าท้องขึ้นเป็นลอนนูนบ่งบอกถึงความเอาใจใส่ในการออกกำลังกาย ลำแขนของเขาเต็ม ไปด้วยมัดกล้ามสมดั่งชายชาตรี รูปร่างของเขาสมบูรณ์เพอร์เฟกต์จริงๆ แต่เสียอย่างเดียวไม่น่าปากสุนัขเลย
“นี่คุณ มาเคาะประตูห้องคนอื่นเขาแล้วไม่พูดไม่จา ยืนหน้างงอยู่ได้ เมาค้างหรือไง? แล้วนี่มาทำไมมิทราบหรือว่าจะเอาอะไรมาราดหน้าผมอีก”
สิงหาขึ้นเสียงถามธัญชนกที่ยืนหน้าแดงอยู่หน้าประตูห้อง จะว่า ไปแล้วเวลาที่เธอหน้าแดงก็สวยไปอีกแบบ ดูไร้เดียงสา ไม่เป็นผู้กร้านโลก ชุดที่เธอสวมใส่ตอนนี้ก็เช่นกัน น่ารักกว่าชุดนางแมวยั่วสวาทที่ใส่เมื่อคืนเสียอีก เสียงที่ดังออกมาจากปากของสิงหา ทำให้ธัญชนกรู้สึกตัวปรับเปลี่ยนสีหน้าในทันควัน
“ขอโทษ” ธัญชนกกระแทกเสียงพูดใส่หน้าสิงหา อีกฝ่ายที่ได้รับ คำขอโทษอึ้งไปชั่วขณะ นี่เขาหูฝาดไปหรือเปล่าที่ได้ยินคำขอโทษจากเธอ ดูท่าคำขอโทษนี้จะไม่ได้มาจากใจเลยแม้แต่น้อย สงสัยจะถูกเกษมศักดิ์บังคับให้มาขอโทษเขาแน่ๆ
“บ้านนี้เขาขอโทษกันแบบนี้เหรอ เต็มใจมาหรือเปล่าเนี่ย หรือว่าถูกบังคับมา?”
“มันเรื่องของฉัน หน้าที่ของฉันคือมาขอโทษนาย ฉันขอโทษนายแล้วนะ เป็นอันว่าทุกอย่างจบเราหายกัน ไปละ”
ธัญชนกพูดตัดบททันที กำลังหมุนตัวเพื่อเดินออกห่างห้องของเขา ทว่าเสียงของเขาทำให้หญิงสาวต้องหันกลับมามองหน้าเขาทันที
“ใครบอกว่าจบ ฉันยังไม่พูดสักคำเลยว่าให้อภัยเธอน่ะ”
“นายสิงหาคม ฉันอุตส่าห์มาขอโทษนายแล้วนะ อย่าทำเรื่องมาก ไปหน่อยเลย ชักรำคาญแล้วนะ”
ธัญชนกนำมือขึ้นมาเท้าที่เอว ขึ้นเสียงต่อว่าสิงหา มองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างไม่พอใจ สิงหากลั้นหัวเราะจนสุดกำลังเมื่อได้ยินคำเรียกชื่อที่เธอเรียกเขา สิงหาคม ผู้หญิงคนนี้แสบจริงๆ แต่เธอรู้จักเขาน้อยเกินไป
“คำพูดเมื่อกี้ของเธอมันแทบจะกินหัวฉันเลยนะ เอาใหม่พูดเพราะๆ ทำเสียงหวานๆ แล้วจะยกโทษให้”
“ไม่ ไม่มีทาง ฉันขอโทษไปแล้วและจะไม่พูดซ้ำอีก” ธัญชนกไม่ยอมแพ้คนอย่างสิงหาเด็ดขาด อีกอย่างคำขอโทษของเธอมีค่า พูดแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
“ก็ได้ เธอไม่ต้องขอโทษฉันก็ได้ แต่ฉันจะเดินลงไปหาอาแดน แล้วบอกกับอาแดนว่าฉันคงไม่สามารถให้อภัยเธอได้ เพราะน้ำเสียงและกิริยาของเธอ มันส่อเค้าของความไม่เต็มใจ เหมือนถูกบังคับมา ไม่มีความจริงใจ”
เจอไม้นี้เข้าธัญชนกเนื้อแทบเต้น อยากจะเอามือดึงหนวดเคราของเขาให้หายแค้น ถ้าหากสิงหาไปพูดอย่างนั้นจริงๆ มีหวังบิดาต้องก้มลงกราบขอโทษสิงหาแทนเธอแน่นอน อยากจะบ้า ธัญชนกอยากจะบ้า
“ว่าไง ทีนี้จะยอมขอโทษฉันใหม่ได้หรือยัง?”
สิงหาถามอีกครั้ง เขามั่นใจว่าหญิงสาวจอมดื้อตรงหน้าจะต้อง ยอมทำตามที่เขาพูด ธัญชนกทำเสียงฮึดฮัดในลำคออย่างขัดใจ เจ็บใจตัวเอง ที่ไม่อาจต่อรองชายตรงหน้าได้เลย สิงหาพูดอย่างนี้มันเท่ากับมัดมือชกชัดๆ
“ขอโทษนะคะคุณสิงหาคมขา เอินขอโทษจริงๆ นะคะ ยกโทษให้เอินนะคะคุณสิงหาคมขา”
ธัญชนกเปลี่ยนโหมดอารมณ์ทันที ทำเสียงอ่อนเสียงหวานคล้ายกับ ออดอ้อน กล่าวคำขอโทษตามแบบฉบับที่สิงหาต้องการ สิงหายิ้มอย่างชอบใจที่สามารถกำราบธัญชนกสาวจอมแสบให้สยบได้อย่างไม่ยาก เล่นกับใคร ไม่เล่นมาเล่นกับสิงหา เขาไม่รู้หรอกว่าความแสบของธัญชนกไม่ได้หยุด เพียงเท่านี้
“พูดอย่างนี้ค่อยน่าฟังหน่อย ตกลงฉันยกโทษให้เธอ”
“แน่ใจนะว่านายยกโทษให้ฉัน?” หญิงสาวรูปร่างสวยถามย้ำเพื่อความแน่ใจ
“จริงสิ ฉันพูดคำไหนคำนั้น...โอ๊ย!!!!”
ทันทีที่คำตอบของเขาสิ้นสุดลง เสียงร้องครวญด้วยความเจ็บปวดดังขึ้น ก่อนที่มือหนาจับหมับตรงบริเวณกลางหน้าอก มองหน้าหญิงสาวที่ยืนแลบลิ้นปลิ้นตามองเขาอย่างสะใจ ไม่เพียงเท่านั้นเธอยังโปรยไรขนบนหน้าอกที่ถูกมือนุ่มกระชากติดมือไปกระจุกหนึ่งลงบนพื้น
“สมน้ำหน้า” พูดจบก็วิ่งลงไปชั้นล่างทันที
“คอยดูนะ พ่อจะเอาคืนให้จุกจนเจ็บเลย อูย...”
เขากล่าวอาฆาตเบาๆ ร้องครวญเจ็บที่หญิงสาวฝากไว้ให้ สิงหาก้มมองไรขนบริเวณกลางอกที่หายไปพอประมาณอย่างแค้นปนเดือดดาล อาการเจ็บของมือนุ่มที่กระชากไรขนของเขาจี๊ดไปถึงสมอง อาการเจ็บใจ ก็ตามมา มีผู้หญิงมากมายหลงใหลในความมีเสน่ห์ของไรขนขึ้นดกของเขา มือนุ่มๆ ของสาวๆ จะลูบไล้อย่างทะนุถนอมเพลิดเพลินยามที่ได้สัมผัส มีแต่ ธัญชนกมาทำลายไรขนมหาเสน่ห์ของเขา งานนี้สิงหาจะต้องเอาคืนอย่างสาสม ดวงตาคมกล้ามองแผ่นหลังที่วิ่งลงไปตามขั้นบันไดอย่างใช้ความคิด คิดหาแผนการแก้เผ็ด
หนึ่งทุ่มไม่ขาดไม่เกินธัญชนกเดินลงมาจากบ้านด้วยชุดท่องราตรีสุดวาบหวาม วันนี้เธอสวมใส่กระโปรงยีนสั้นกุดอวดเรียวขาสวยตามเดิม กับเสื้อสายเดี่ยวแบบเอวลอยอวดหน้าท้องแบนราบน่าลูบไล้ เกษมศักดิ์ส่ายหน้าอย่างเอือมระอาเมื่อเห็นชุดที่ลูกสาวสวมใส่ เขากลัวเหลือเกินว่า ธัญชนกจะพลาดพลั้งเหยี่ยวกาที่จ้องจะเขมือบ เห็นทีวันนี้ต้องพูดกันอย่างจริงๆ จังๆ ก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายเกินแก้
“พ่อขอได้มั้ย เลิกแต่งตัวแล้วออกไปเที่ยวอย่างนี้เสียที ใกล้วันแต่งงานเข้าไปทุกวันแล้วนะ น่าจะหัดทำกับข้าว เตรียมตัวเป็นแม่บ้านแม่เรือนได้แล้ว ไม่ใช่ไปตะลอนเที่ยวทุกวันทุกคืน ถ้าคุณกฤตเขารู้ว่าลูกทำตัวแบบนี้ เขาอาจจะยกเลิกการแต่งงานก็ได้นะ”
คำพูดของผู้เป็นพ่อ ไม่ได้ทำให้ธัญชนกคิดอยากจะทำตามเลย ให้หัดทำกับข้าว เตรียมตัวเป็นแม่บ้านแม่เรือนอย่างนั้นหรือ ไม่มีทาง เธอไม่มีวันยอมทำอย่างที่บิดาพูดแน่ ที่สำคัญธัญชนกไม่แคร์ไม่สนใจด้วยว่า ว่าที่เจ้าบ่าวจะพอใจหรือไม่พอใจกับการกระทำของเธอหรือไม่ ถ้ายกเลิกงานแต่งงานได้ยิ่งดี นั่นแหละคือสิ่งที่หญิงสาวต้องการ
“ข้อนี้เอินคงให้คุณพ่อไม่ได้ คุณพ่อก็รู้ถึงสาเหตุที่เอินทำตัวแบบนี้ อย่าห้ามเอินเลยค่ะ ให้เอินมีความสุขในแบบที่เอินอยากจะเป็น ก่อนที่เอินจะต้องตกนรก อีกข้อเรื่องให้เอินเป็นแม่บ้านแม่เรือน สมัยนี้เขาจ้างคนใช้กันแล้วค่ะ ไม่ต้องทำงานบ้านเอง ไม่ต้องทำกับข้าวเอง เสียแค่เงินที่จะต้องจ่ายค่าจ้างทุกเดือนเท่านั้นค่ะ อีกอย่างถ้าคุณกฤตเขายกเลิกงานแต่งงานจริง เอินจะบวชชีแก้บนเลยค่ะ”
“พ่อว่าเอินคงไม่ได้บวชชีตามที่เอินพูดออกมาหรอก นี่การ์ดแต่งงาน คุณลุงวินส่งมาให้พ่อเมื่อตอนบ่ายนี้เอง การ์ดแต่งงานจะเป็นเครื่องยืนยันได้ว่าคุณกฤตไม่มีวันยกเลิกการแต่งงานแน่นอน ไม่ว่าเอินจะทำตัวย่ำแย่มากแค่ไหน เอ้า เอาไปดูซะ”
เกษมศักดิ์ยื่นการ์ดแต่งงานให้ลูกสาว ก่อนที่อีกฝ่ายจะยื่นมือไปรับอย่างจำใจ ไม่คิดที่จะเปิดซองการ์ดออกมาดูด้วยซ้ำว่าแต่งงานวันที่เท่าไหร่ เดือนอะไร จะดูทำไม ดูไปก็ช้ำใจเปล่าๆ อยากจะฉีกทิ้งด้วยซ้ำไป
“เอินไปก่อนนะคะ หนุ่มๆ คอยอยู่”
หญิงสาวเปรี้ยวจี๊ดไม่รีรอให้บิดารั้งด้วยคำพูดอีก เธอก้าวเดินออกไป จากบ้านทันที โดยมีสายตาของเกษมศักดิ์มองตามไปอย่างนึกสงสาร และเห็นใจ เขาคิดอยู่ตลอดเวลาว่าสิ่งที่ทำลงไปทั้งหมดนั้นถูกต้องหรือไม่ ก่อนจะได้รับคำตอบจากการคิดทบทวนหลายตลบคำตอบนั้นก็คือ...ถูกต้อง
ระหว่างทางที่เดินไปยังรถยนต์ของเธอนั้น ธัญชนกก้มมองการ์ดแต่งงานที่อยู่ในมือ พร้อมกับฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ การแต่งงานครั้งนี้ทำให้เธอเจ็บปวดหัวใจเป็นอย่างมาก แรกๆ ร้องไห้ด้วยความเสียใจทุกวัน ไม่อยากให้วันนั้นมาถึงเลย ธัญชนกไม่รู้ว่าว่าที่เจ้าบ่าวจะเสียใจและเจ็บปวดกับการแต่งงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่ดูท่าเขาจะไม่เดือดเนื้อร้อนใจเหมือนกับเธอ เพราะวันแต่งงานที่แน่นอนได้ระบุอยู่ในการ์ดแต่งงานใบนี้แล้ว เห็นทีเธอต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อที่จะให้กฤตยศเจ็บปวดเหมือนกับเธอบ้าง ต้องเจ็บกว่าเธอร้อยเท่าพันเท่า กระอักอยู่ในอก
ธัญชนกเปิดประตูรถยนต์ ก่อนจะเข้าไปนั่งประจำที่คนขับ โยนการ์ดแต่งงานไปที่เบาะนั่งด้านข้างอย่างไม่ไยดี ปิดประตูด้านที่เธอนั่ง เตรียมตัวขับรถออกไปท่องแสงสีในเมืองหลวง ทว่าเสียงเปิดและปิดประตูด้านข้างคนขับดังขึ้น เจ้าของรถจึงหันไปมองคนที่เข้ามานั่งอย่างถือวิสาสะทันที
“นายเข้ามาในรถของฉันทำไม ออกไปนะ” ธัญชนกแหวใส่สิงหาที่เข้ามานั่งในรถของเธอโดยไม่ได้รับอนุญาต
“ไม่ออก” สิงหาชายหนุ่มจอมยียวนไม่ยอมออกไปจากรถตามคำสั่งของธัญชนก แล้วยังคาดเข็มขัดนิรภัยเสร็จสรรพ หญิงสาวเห็นดังนั้นจึงวีนแตกอีกรอบ