นกหงส์หยกข้าใครอย่าหมาย

143.0K · จบแล้ว
อัญญาณี
56
บท
31.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เกิดอีกกี่ชาติถึงจะได้เป็นเมียองค์รัชทายาท ในเมื่อชาตินี้มีโอกาส คนที่ทะลุมิติมาเป็นนกหงส์หยกในตอนกลางวัน กลางคืนเป็นสาวผู้เลอโฉม ธิดาดอยหรือเหมยจึงไม่พลาดโอกาสทอง จับองค์รัชทายาทเป็นผัว เอ๊ย! ไม่ใช่ เป็นเมียองค์รัชทายาทถึงจะถูก เมื่อสาวเปรี้ยวปากจัดเดินเหยียบเปลือกกล้วยแล้วพลาดท่าหล่นตูมลงในน้ำ แต่พอเธอตะกายขึ้นมาเหนือน้ำ เธอก็พบว่า ตนเองอยู่ในยุคจีนโบราณสมัยราชวงศ์หมิง ซ้ำร้ายเธอยังกลายเป็นนกหงส์หยกขององค์รัชทายาทที่เปี่ยมไปด้วยอำนาจและถูกขนานนามว่าโหดเหี้ยมที่สุด แต่ในความเหี้ยมโหดก็มีความมุ้งมิ้งกระดิ่งแมวซ่อนอยู่ โชคชะตาไม่ได้เล่นตลกกับเธอเพียงแค่นั้น การทะลุมิติที่ผิดแปลก แถมยังแปลกประหลาด กลางวันเธอจะเป็นนกหงส์หยกตัวน้อยนิดแต่น่ารัก ยามพระอาทิตย์ลาลับเธอจะกลางร่างเป็นสาวผู้เลอโฉมที่สะกดใจองค์รัชทายาทตั้งแต่แรกเห็น เพราะการเห็นเธอครั้งแรก แสนจะไม่ธรรมดา แสงตะวันลับขอบฟ้าคือเวลาที่องค์รัชทายาทอ่านตำราเกี่ยวกับการปกครองอยู่ภายในห้องบรรทม ระหว่าที่เขากำลังนั่งอ่านตำรา เขาตวัดสายตามอไปยังกรงนกหงส์หยก นกเร่ร่อนบินมาเกาะขอบไม้ตรงศาลาริมสระบัวที่เขามักมานั่งพักผ่อน ความเชื่องและความน่ารัก องค์รัชทายาทตึงจับมันใส่กรง ให้อาหารและน้ำ ก่อนนำมาวางไว้ในห้องบรรทม ดวงตาองค์รัชทายาทค่อยๆ เบิกกว้าง เมื่อนกหงส์หยกในกรงกำลังมีรูปลักษณ์เปลี่ยนไป เขาลุกขึ้นยืน สะบัดศีรษะหลายหน ขยี้ตาหลายครั้ง หยิกตัวเองด้วย เพื่อให้แน่ในว่า ภาพที่เห็นไม่ใช่ความฝัน แต่มันคือความจริง ความจริงที่เหนือความคาดหมายและไม่น่าเป็นไปได้ นกหงส์หยกกลายเป็นคน “เฮ้ย!” องค์รัชทายาทร้องดังลั่น มองนกหงส์หยก เอ๊ย! ไม่ใช่สิ ตอนนี้กลายเป็นสตรีที่มีความงามล้ำเลิศ สรีระทรวดทรงงดงามไม่แพ้กัน มีส่วนเว้าส่วนโค้งที่เรียกเลือดลมให้เดือดพล่าน ส่วนกรงนกก็พังเป็นเศษไม้ชิ้นเล็กชิ้นน้อย “ว้าย!” ธิดาดอยหรือเหมยตกใจไม่แพ้กัน เมื่อเห็นว่าร่างกายของตนปราศจากเสื้อผ้า และตอนนี้ตกอยู่ในสายตาของหนุ่มรูปงาม ที่ตอนนั้นตนเป็นนกกำลังบินอยู่เหนือต้นไม้ พอเห็นความงามของบุรุษที่นั่งอยู่ในศาลา เธอก็รีบบินลงมาเกาะบนขอบไม้มองดูความหล่อของเขาในระยะใกล้ “เจ้า...เจ้าทำไมถึงเป็นคน” เออนั่นสิ ทำไมถึงเป็นคนได้หว่า จำได้ว่าเป็นนกหงส์หยกนี่นา

นิยายจีนข้ามมิติจีนโบราณแฟนตาซีโรแมนติกรักหวานๆท่านอ๋อง

บทที่ 1 คู่อรินกหงส์หยก 1

“เหมย เหมยตื่นหรือยังลูกเดี๋ยวไปมหาลัยสายนะลูก” จันทร์กระจ่าง เคาะประตูเรียกบุตรสาวที่ไม่รู้ว่าตอนนี้ลุกจากเตียงนอนหรือยัง “ตื่นเถอะ ลูกสิบโมงแล้วนะ”

คนถูกปลุกงัวเงียลุกขึ้นนั่ง หาววอดยาว ยกแขนขึ้นสูงบิดขี้เกียจ แต่ก็ไม่คิดลุกขึ้นจากเตียง แถมหลับนกอีกต่างหาก น้ำลายไหลหน่อยๆ ...

ปัง ปัง ปังๆ ๆ ๆ

แต่พอเสียงเคาะประตู ไม่ใช่ๆ มันคือเสียงทุบประตูดังรัวไม่หยุด คนนอนขี้เซาสะดุ้งสุดตัว หน้าตื่นตกใจ มือเรียวสวยเช็ดน้ำลายก่อนกระโดดลงจากเตียง ...

“ไฟไหม้โว้ย ไฟไหม้” เสียงนั้นดังอยู่หน้าประตูห้อง ธิดาดอยรีบวิ่งไป ที่ประตูแล้วเปิดมันทันที ...

“ไฟไหม้เหรอ ไหม้ถึงไหนแล้วเฮีย” ธิดาดอยถามพยัคฆ์หรือหลุยส์พี่ชายคนโตที่ยืนเท้าเอวหน้าห้อง ส่วนมารดายืนยิ้มแห้งอยู่ข้างๆ

“ไฟไหม้เหรอ ไฟไหม้ที่ไหน” พยัคฆ์ไขสือ ...

“อ้าว ก็เฮียตะโกนลั่นบ้านว่าไฟไหม้”

“เหรอ...อ้อ จำได้แล้ว เฮียซ้อมเสียง วันนี้ต้องไปร่วมเล่นในรายการ นักร้องซ่อนแอบ เลยวอร์มเสียง” พี่ชายสุดกวนตอบกลับ ธิดาดอยเพิ่งรู้ว่า พี่ชายแกล้งเธอ ...

“ที่หลังเฮียปลุกเหมยดีๆ ก็ได้ ปลุกดีๆ เหมยก็ตื่นแล้ว” ...

“นี่แม่คุณ ม้าเรียกจนปากจะถึงรูหูแล้ว แต่ธิดาดอยก็ไม่ตื่นจากบรรทม นอนอุตุนิยมวิทยาจนตะวันจะตรงหัวแล้ว ตกลงธิดาดอยเกิดมาเพื่อนอนใช่ไหม”

“เลิกเรียกธิดาดอยซะทีได้ไหม มีชื่อเล่นก็เรียกชื่อเล่นสิ เรียกอยู่ได้ธิดาดอย” คนพูดทำหน้างอนใส่

“อ้าว ก็ชื่อธิดาดอยนี่ จะให้เรียกอะไร ธิดาขี้เซารึไง” พี่ชายกวนกลับ

“ม้านะม้า ชื่อมีออกตั้งเยอะตั้งแยะที่ดีกว่านี้ทำไมไม่ตั้ง มาตั้งชื่อธิดาดอย ไม่เข้ากับเฮียเลย เฮียชื่อพยัคฆ์ เจ้ชื่อณัฐระพี แต่ทำไมเหมยถึงได้ชื่อธิดาดอยล่ะ” คนไม่ชอบชื่อจริงของตัวเองหน้างอ

“อย่าเรื่องมาก ชื่อไหนก็เหมือนกันแหละ อีกอย่างชื่อธิดาดอยก็เพราะดีออก ไม่เหมือนใครด้วย” พี่ชายปลอบใจ “ไปอาบน้ำได้แล้ว ป๊ากับม้ารอกินข้าว บาปกรรมแค่ไหนเนี่ยต้องให้พ่อแม่คอยกินข้าว”

ธิดาดอยแลบลิ้นใส่พี่ชาย ก่อนหมุนตัวเข้าไปในห้อง อาบน้ำอาบท่า แต่งชุดนักศึกษาลงมาจากชั้นบน เพื่อทานมื้อเช้าในตอนเกือบสิบเอ็ดโมงพร้อมครอบครัว

เมื่อเดินมาถึงโต๊ะอาหาร ธิดาดอยหน้ายุ่งเมื่อเห็นเฉิน บิดาเชื้อสายจีนกำลังนั่งหยอกล้ออยู่กับนกหงส์หยกที่บิดาเลี้ยงไว้ แถมยังเอากรงนกมาวางบนโต๊ะ ราวกับว่าให้มันร่วมทานอาหารด้วย

“ว่าไงจ้ะณัชชาของป๊า หิวไหมเอ่ย มามะป๊าจะให้อาหารนะ” เฉินเปิดกรงนก นำอาหารนกไปวางอยู่ในช่องเล็กๆ ที่ใส่อาหารให้นกตัวโปรด ธิดาดอยมองนกหงส์หยกด้วยความอิจฉาที่ชื่อก็เพราะกว่า แถมบิดายังเอาใจอย่างกับลูก

“ป๊า เหมยถามจริงเถอะ ตอนตั้งชื่อเหมย ป๊าเมาหรือเปล่าถึงได้ตั้งชื่อเหมยว่าธิดาดอย แต่ดันตั้งไอ้นกตัวนี้ว่า ณัชชา ชื่อนี้น่าจะเป็นชื่อจริงของเหมยมากกว่านะ”

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ธิดาดอยวีนเรื่องชื่อจริงที่แปลกไม่เหมือนใคร เธอโวยตั้งแต่เพื่อนล้อซึ่งก็ผ่านมาหลายปี อยากเปลี่ยนชื่อก็เปลี่ยนไม่ได้

“ป๊าไม่ได้เมา ป๊ามีเหตุผล”

“เหตุผลอะไรป๊า”

“ก็ตอนนั้นป๊ากับม้าไปเที่ยวภูกระดึง และที่นั่นทำให้เหมยเกิดมา เหมยเป็นลูกสาวความหมายคือธิดา ภูกระดึงเป็นภูเอามารวมกับธิดาก็เป็นธิดาภู แต่ชื่อธิดาภูมันฟังดูแปลกๆ ป๊าก็เลยตั้งชื่อว่า ธิดาดอยแทน เห็นไหมว่ามีเหตุผล เพราะจะตายไป”

“ใช่ เฮียก็ว่าเพราะออก ไม่ซ้ำใครด้วย” พยัคฆ์พูดขึ้นบ้าง อมยิ้มจนแก้มป่อง

“เฮียก็พูดได้สิ ชื่อจริงเฮียออกจะเพราะ” ธิดาดอยหน้าเง้า “ชื่อไอ้นกบ้ายังเพราะกว่าเหมยเลย”

“เออเว้ย อิจฉาแม้กระทั่งนก” พยัคฆ์พูดติดตลก “มันก็แค่นกที่มีชื่อเพราะกว่า แล้วป๊าก็รักมากกว่า แถมตัวก็สวยกว่า แค่นี้ต้องอิจฉาด้วยเหรอ”

“อิจฉามันตายล่ะ จะจับมันย่างกินสักวัน” ธิดาดอยหันไปพูดใส่กรงนกหงส์หยก และทุกคนที่ร่วมรับประทานอาหารเช้ากับธิดาดอยก็ต้องหัวเราะออกมา เมื่อนกหงส์หยกแสนฉลาดพูดประโยคหนึ่ง

“ขี้อิจฉา ขี้อิจฉา”

“ไอ้นกบ้าว่าฉันเหรอ เดี๋ยวแม่จับแล่เนื้อซะดีไหม”

คนพูดให้ไปแยกเขี้ยวใส่นกหงส์หยกในกรงที่นับวันจะยิ่งไม่ชอบหน้า ถ้าวันไหนทนไม่ไหวจะจับมันไปปล่อยไกลๆ เฉินรีบย้ายนกตัวโปรดไปไว้บนเก้าอี้ข้างตัวทันที ราวกับกลัวว่าลูกสาวคนเล็กจะทำเช่นนั้นจริงๆ ระหว่างที่ทานอาหาร ธิดาดอยมองนกน้อยของบิดาเป็นระยะ นึกอิจฉาที่ชื่อมันเพราะกว่า อยากจะสลับชื่อกันเสียจริง

นกหงส์หยกชื่อเพราะถูกเฉินเลี้ยงดูเมื่อหนึ่งปีครึ่งที่ผ่านมา วันนั้นนกตัวนี้บินมาหลบฝนอยู่บนเครื่องซักผ้าหลังบ้าน ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่เฉินวิ่งไปเก็บผ้าที่ตากไว้ เมื่อเห็นนกตัวน้อยเปียกปอนไปด้วยฝน และชื่นชอบนกเป็นการส่วนตัว เฉินจึงเลี้ยงดูนกหงส์หยกตัวนี้เรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้

และนับตั้งแต่วันแรกที่ธิดาดอยรู้ว่า เฉินตั้งชื่อให้นกเร่ร่อนตัวนี้ว่าณัชชา เธอก็ไม่ชอบมันทันที เวลาไม่มีใครอยู่บ้านหรือทีเผลอ เธอก็มักจะมาแกล้งมันเป็นประจำ ใช้ไม้เขี่ยตามตัวมันบ้าง แกล้งดึงขนมันบาง บางครั้งก็ตบหัวมันเบาๆ ด้วยความหมั่นไส้ ถ้านกณัชชาพูดได้ มีความรู้สึก มันก็คงอยากเอาคืนคนชอบแกล้งบ้าง