ดั่งลมต้องรัก

61.0K · จบแล้ว
อัญญาณี
37
บท
3.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ลมพัดความรักมาสู่ใจ และลมพัดความรักเก่าหวนคืน ...... พันลภตัวแข็งทื่อตรงหน้าประตูบ้าน เมื่อเห็นสตรีดวงหน้าสวยหวาน แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางบางเบา แต่กลับทำให้เธอโดดเด่นสวยงามจับตา เป็นความงดงามไม่เคยเปลี่ยนแปลง แม้ว่าเวลาผันผ่านมานานหลายปีที่ไม่ได้เจอหน้ากัน อัญชิสานั่งบนโซฟา เธอส่งยิ้มให้เจ้าของบ้านที่ยังยืนอยู่จุดเดิม ราวกับถูกแช่แข็ง ร่างกายขยับเขยื้อนไม่ได้ ก่อนขยับสายตามองเด็กชายที่ไม่ทราบแน่ชัดว่าอายุเท่าใดข้างกายเธอ ใช่อัญชิสาจริงๆ ด้วย...พันลภครางในใจ นัยน์ตายังไม่ถอนจากใบหน้าเธอ “พี่พีท” เสียงหวานของอัญชิสาทำลายความเงียบ เธอส่งยิ้มให้พันลภกว้างขึ้น “ไอซ์” ชื่อเล่นนี้จำได้ขึ้นใจ “ไอซ์มาที่นี่ได้ยังไงครับ” อัญชิสายังไม่ตอบ เธอหันไปทางเด็กชาย ประโยคหนึ่งดังจากปากสาว เรียกความตกใจให้พันลภ ชนิดที่ว่า อ้าปากค้าง หัวใจแทบหยุดเต้น มองสองแม่ลูกสลับกันไปมา “น้องแชมป์ครับ ไหว้คุณพ่อพีทสิลูก” เด็กชายชณาทิปลุกขึ้นยืน เดินไปหาพันลภที่เอาแต่มองหน้าคนกำลังเดินมาหาตนนิ่ง “ลูกเหรอคะ เด็กคนนี้เป็นลูกชายพี่พีทหรือคะ” พันลภหันขวับมองต้นเสียง ที่ตกอยู่ในอาการตกใจไม่ต่างกับตน รวมถึงกลุ่มคนที่เดินมาสมทบ ทั้งหมดได้ยินคำถามประภาวรรณพอดี สายตาพุ่งตรงไปยังอัญชิสากับเด็กชายที่กล่าวอ้างว่า เป็นลูกชายพันลภ “ใช่ลูกพี่พีทจริงหรือคะ” “ใช่ค่ะ น้องแชมป์เป็นลูกพี่พีทกับไอซ์ค่ะ” อัญชิสาตอบแทน พันลภถึงกับทำอะไรไม่ถูก ปกติเขาไม่ใช่คนยอมรับเรื่องที่ไม่ใช่ ครั้งนี้เขาพูดไม่ออก ราวกับว่าลืมวิธีพูดก็ว่าได้ ยืนนิ่งมองหน้าอัญชิสาสลับกับมองหน้าประภาวรรณที่ตกอยู่อารามตกใจ พันลภสัมผัสได้ถึงความเสียใจในแววตาน้องสาวเพื่อนสนิท หัวใจเขาสั่นไหวขึ้นมาทันทีทันใด

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักพ่อเลี้ยงรักแรกพบพาลูกกหนีฟินๆเศรษฐีรักหวานๆโรแมนติก18+

1

เป็นประจำทุกปีที่สามครอบครัวจะมาร่วมงานปีใหม่ ในแต่ละปีจะผลัดกันเป็นเจ้าภาพ ปีก่อนโน้นเป็นคิวของปรินทร์ที่จัดในไร่พราวฟ้า ปีต่อมาเจ้าภาพคือยุรนันท์ ปีนี้เป็นคิวของพันลภ สถานที่จัดงานเป็นที่ไหนไม่ได้นอกจากไร่พันลภ ครอบครัวปรินทร์กับครอบครัวยุรนันท์เดินทางมาพร้อมกัน ขาดเพียงประภาวรรณที่เดินทางมาทีหลัง ความที่ตามมาทีหลังนี้เอง ทำให้พันลภต้องมารับเธอที่สนามบิน

“สวัสดีค่ะพี่พีทสุดหล่อ” ประภาวรรณทักทายคนหล่อหน้าตาบอกบุญไม่รับ “ทำหน้าให้มันดีกว่านี้ไม่ได้เหรอ มารับสาวสวยทั้งที ทำหน้าอย่างกับตูดลิง”

“แล้วเคยเห็นหรือไงตูดลิง ถึงได้รู้ว่า หน้าพี่เหมือนตูดมัน” พันลภย้อน

“เคยเห็นสิ ไม่เคยเห็นจะพูดได้ไง” ประภาวรรณเถียงกลับ “ก็ตูดลิงก็เหมือนหน้าพี่พีทตอนนี้ไง พี่พีทลองไปส่องกระจกสิ พี่พีทก็จะได้เห็นตูดลิง”

พันลภถึงกับกรอกตาบน หน่ายใจกับคนชอบเถียง เถียงกลับเสียจนบางครั้งเขาไปไม่เป็น และบางครั้งคร้านโต้เถียง ปล่อยให้เธอเป็นผู้ชนะก็บ่อย

“แทนที่จะมาพร้อมกับเฮิร์ป จะได้ไปไร่ทีเดียวเลย ลำบากต้องมารับรอบสอง ทางมันไม่ใช่ใกล้ๆ นะแม่คุณขับรถเกือบชั่วโมง นึกถึงคนมารับบ้างไหม” พันลภบ่นเรื่องอื่นแทน

“จะบ่นอะไรหนักหนา อายุแค่สามสิบเก้าเอง บ่นเหมือนคนแก่อายุแปดสิบไปได้ แล้วที่สำคัญมาสองรอบที่ว่านี้ไม่ได้มาวันเดียวกันซะหน่อย ที่สำคัญแบบสุดๆ ของสุดๆ คือเมื่อวานนี้พี่พีทก็ไม่ได้มารับทุกคนที่สนามบินซะหน่อย ให้พี่นันกับพี่โยมารับแล้วจะบ่นทำไม” ประภาวรรณหาข้อโต้เถียงจนได้ “มารับน้องนุ่งบ่นใหญ่ ทีไปรับสาวๆ ไม่เห็นบ่นเลย สองมาตรฐานชัดๆ”

“ก็รับสาวได้ประโยชน์นี่ ไม่เหมือนรับเธอ นอกจากจะปวดหู ยังปวดหัว ปวดตับไตไส้พุงอีก สารพัดปวด ร้องหายาพาราแทบไม่ทัน ถ้าคุณแม่ไม่บอกให้มารับเธอ พี่ไม่มารับหรอก ไปหาสาวกกยังดีกว่า ได้อารมณ์กว่าเยอะ”

เขาจะรู้ไหมว่า ประโยคนี้ทำให้สาวชอบเถียงน้อยใจ มารับตนแค่นี้จะลำบากอะไรหนักหนา เธอไม่ได้ทำให้เขาปวดหัวมากขนาดนั้นซะเมื่อไหร่ แค่นิดๆ หน่อยๆ เอง

“งั้นไปห้างกัน” พันลภมองหน้าคนพูด ที่วกเปลี่ยนทางจนเขาตั้งตัวไม่ทัน

“ไปทำไม”

“หยกอยากสระผม ไม่ได้สระมาสองวันแล้ว ทั้งคันทั้งเหนียวหัว มีกลิ่นตุๆ ด้วย ไม่เชื่อพี่พีทลองดมดูสิ” ประภาวรรณไม่พูดเปล่า ขยับศีรษะเข้าไปใกล้พันลภ ราวกับให้เขาทำตามที่เธอพูด

“จะบ้าหรือไง ใครเขามายืนดมหัวกันกลางสนามบิน” พันลภเริ่มปวดหัวขึ้นมาหน่อยๆ “ไปสระที่บ้านก็ได้ มีไดร์เป่าผมด้วย จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปสระที่ห้าง”

“ไม่เอาอ่ะ วันนี้อยากไปสระที่ร้านมากกว่า อยากให้คนสระเกาหัว นวดหัวจะได้สบายๆ สมองโล่ง เพราะถ้าสมองไม่โล่งเดี๋ยวเถียงสู้พี่พีทไม่ได้” เธอก็ยังเถียงใส่เช่นเดิม “ไปเร็ว คันหัวมากๆ เลย คันนานๆ เป็นรังแคกันพอดี”

ประภาวรรณจับข้อมือพันลภ ก่อนลากเขาให้เดินตามตน พันลภอยากค้านเพราะไม่อยากไปห้างสรรพสินค้า เพราะรู้ดีว่า เธอไม่ได้สระผมแค่อย่างเดียวแน่นอน และต้องอยู่ในห้างหลายชั่วโมง กว่าจะถึงบ้านก็คงค่ำพอดี

‘ไม่น่ามารับยัยตัวยุ่งเลย ซวยเลยกู’

คิดได้ตอนนี้ก็สายไปเสียแล้วนายพันลภ

ณ ห้างสรรพสินค้า

กว่าจะออกจากร้านสระผมก็เสียเวลาไปหนึ่งชั่วโมงยี่สิบนาที ทั้งที่ลูกค้าก็ไม่เยอะ แต่ที่ช้าเป็นเพราะประภาภรรณทำครบเซ็ท สระผม หมักผม อบผมและไดร์ผม เขาอยากบอกเธอว่า แค่สระผมกับไดร์ผมก็พอ แต่เหตุใดมิทราบได้ ปากหนักซะงั้น นั่งเล่นมือถือรอเธอสระผมเสร็จ

“ผมหยกสวยไหมพี่พีท หอมด้วยนา ไม่เชื่อดมดูสิ”

สาวช่างพูดขยับหัวเข้ามาใกล้พันลภที่คงปฏิเสธไม่ได้ เนื่องจากเธอนั่งชิดเขา ศีรษะแทบชนหน้าเขาก็ว่าได้

“หอมดี” พันลภตอบสั้นๆ หลังจากพิสูจน์กลิ่นหอมของเรือนผม ที่หอมจริงๆ หอมกลิ่นดอกไม้อ่อนๆ สูดดมแล้วชื่นใจ เขาเผลอสูดกลิ่นหอมไปถึงสองครั้ง

“หยกก็ว่าหอมดี หยกถ่ายรูปแชมพูไว้ด้วยนะ เดี๋ยวจะสั่งมาใช้บ้าง” เธอพูดจ้อ

“ไปกันหรือยัง เสียเวลามาชั่วโมงกว่าแล้ว ถ้าเธอไม่แวะห้าง ป่านนี้ฉันนอนเอกเขนกสบายใจไปแล้ว ไม่ต้องมานั่งรอ นั่งปวดกบาลอย่างนี้หรอก” ได้ทีพันลภบ่นยกใหญ่

“บ่นจัง บ่นเก่งจริงๆ บ่นๆๆๆ บ่นๆๆ อยู่นั่นแหละ ใครได้เป็นผัวหูชากันพอดี”

“ใครได้พี่เป็นเมียสบายไปทั้งชาติต่างหากล่ะ”

“ดีนะที่หยกไม่อยากเป็นเมียพี่ ไม่งั้นซวยทั้งชาติแน่”

เจอย้อนเช่นนี้ พันลภถึงกับหน้าเหวอ มีแต่ผู้หญิงอยากเป็นแม่เลี้ยงของนายพันลภ แห่งไร่พันลภ มีแต่สาวปากเก่ง ปากร้าย น้องสาวเพื่อนสนิทที่นับถือกันเหมือนญาติคนนี้นี่แหละที่ไม่อยากเป็น

แต่จะว่าไป หากเหลือผู้หญิงที่ชื่อประภาวรรณคนเดียวในโลก เขาก็ไม่เอาเป็นเมีย แค่เจอหน้ากันเป็นครั้งคราว ประสาทก็จะรับประทาน หากเป็นเมียต้องเจอหน้ากันทุกวัน เขาคงต้องไปพบจิตแพทย์แน่นอน นึกสงสารสามีในอนาคตของเธอขึ้นมาทันใด

“อย่างกับวะ...” เสียงเขายังไม่ทันพูดจบประโยค เสียงหวานเชิงสั่งดังขัด