บทย่อ
"เธออย่าลืมสิว่าเธอเป็นคนยินยอมที่จะเป็นดอกไม้บนเตียงของฉันเองนะ ฉันไม่ได้บังคับไม่ได้ข่มขู่อะไรเธอเลย เพราะฉะนั้นอย่าสะดีดสะดิ้ง อย่าทำเป็นเล่นตัว ฉันใช้เวลานอนกับเธอไม่นานหรอก สองสามชั่วโมงก็เสร็จแล้ว ไม่ช้ำ ไม่บุบสลาย ฉันจะทะนุถนอมเธอให้เหมือนกับดอกไม้ล้ำค่า แต่ถ้าเธอยังอิดออดโก่งค่าตัวล่ะก็ รับรองได้คลานกลับไปที่บ้านแน่นอน" "ฉันล่ะสมเพชคุณจริงๆ อยากได้ฉันมาเชยชมถึงขนาดทุ่มเทเงินทองและสติปัญญาด้านเลวมาบีบบังคับฉัน เพราะคิดว่าดอกไม้อย่างฉันบริสุทธิ์ไม่เคยถูกผู้ชายดม คุณคิดผิด ที่แสตนลี่ย์เค้าดอดอมฉันจนนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว คุณก็ได้แต่ดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมเหลืออยู่น้อยนิดเท่านั้น" "ฉันไม่สนใจว่าเธอจะเป็นดอกไม้ที่ถูกไอ้แสตนลี่ย์ดอมดมแล้ว นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เธอไม่มีวันเป็นดอกไม้ของใครได้อีก นอกจากฉันเพียงคนเดียว" เสียงห้าวคำรามพูด ถลึงตาใส่อย่างน่ากลัว
บทที่ 1 แฝดพี่ตระกูลมอโร 1
ชายร่างสูงตระหง่านเดินลงมาจากเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวด้วยความหงุดหงิดอย่างรุนแรง เมื่อนักบินมารายงานว่ามีปัญหากับปีกเครื่องบินทางด้านซ้าย จนไม่สามารถบินไปยังประเทศไทยตามกำหนดได้ จำเป็นต้องนำเครื่องลงที่สนามบินที่อยู่ใกล้ที่สุดคือ สนามบินดูไบ กัปตันบอกกับเจ้าของเครื่องบินเจ็ทสุดหรูว่า ให้ใช้บริการสายการพาณิชย์แทน เนื่องจากการซ่อมเครื่องบินอาจต้องใช้เวลานานหลายวัน การเดินทางไปประเทศไทยก็จะช้าตามไปด้วย ชายหนุ่มจึงทำตามที่กัปตันบอกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะการเดินทางมาเมืองไทยในครั้งนี้สำคัญกับเขามาก ต้องเดินทางไปยังจุดหมายให้เร็วที่สุด
“ซื้อมาก็แพง ไม่น่าใจเสาะเสียเลย อย่างนี้มันน่าทุบทิ้งเหลือเกิน คนยิ่งรีบๆ อยู่”
เฟรเดอริค มอโร มหาเศรษฐีชาวฝรั่งเศสบ่นงึมงำขณะที่เขาเดินเข้าไปในอาคารผู้โดยสาร โดยมีร่างลูกน้องหนุ่มตามไปติดๆ ก่อนจะทรุดนั่งบนเก้าอี้ที่ทางสนามบินจัดเตรียมไว้ให้
“ผมไปจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินก่อนนะครับ” ชิลล์เอ่ยบอกเจ้านายที่หน้าง้ำดวงตาขุ่น
“ก็ไปสิ มัวแต่พูดมากอยู่ได้”
เฟรเดอริคตอบกลับไปอย่างคนอารมณ์ไม่ดี ชิลล์รีบสาวเท้าเดินไปยังห้องจำหน่ายตั๋วเครื่องบินของสายการบินหนึ่งที่อยู่ใกล้ที่สุด ก่อนจะเดินกลับมาหาเจ้านายของตัวเองในอีกครึ่งชั่วโมงต่อมา
“ว่าไง จัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินได้หรือยัง?” เฟรเดอริคเอ่ยถามชิลล์ ผู้ถูกถามทำสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่รู้จะตอบคำถามเจ้านายอย่างไรดี
“ยืนบื้ออยู่ได้ ตกลงได้ตั๋วหรือเปล่า?” เจ้านายตวาดถามลูกน้องอีกครั้ง
“ได้ครับ แต่ว่า...”
“แต่ว่าอะไร?”
“แต่ว่าได้ตั๋วเครื่องบินชั้นประหยัดนะครับ” ชิลล์ตอบไม่เต็มเสียงนัก นึกหวาดกลัวกับอารมณ์ของเจ้านายหนุ่มที่คุกรุ่นมาตั้งแต่อยู่บนเครื่องบินส่วนตัว แล้ว
“มึงว่าอะไรนะ ชั้นประหยัดอย่างนั้นเหรอ กูอยากรู้นักว่าที่นี่มีสายการบินเดียวหรือไงที่บินไปเมืองไทยน่ะ สายการบินอื่นก็มีถมไป สายการบินนี้ไม่มีตั๋วชั้นเฟิร์สคลาส (First Class) มึงก็ไปหาสายการบินอื่นสิ ไปหาสายการบินที่มีตั๋วชั้นเฟิร์สคลาสมาให้กู มึงก็ไปหามาเลยนะ ไปหามาให้ได้ กูไม่นั่งหรอกชั้นประหยัด ไปเลยนะ มึงไปหาตั๋วมาให้ได้” เฟรเดอริคพูดเสียงเขียว กำชับเสียงหนักแน่นให้ชิลล์ที่ยืนคอตกไปหาตั๋วชั้นเฟิร์สคลาสมาให้เขาให้จงได้
“ตั๋วชั้นเฟิร์สคลาสมีครับ แต่ต้องรออีกห้าวัน เพราะตอนนี้ที่เมืองไทยอยู่ในช่วงไฮซีซั่น มีนักท่องเที่ยวเดินทางไปพักผ่อนที่เมืองไทยเยอะมากเลยครับ ตั๋วเครื่องบินชั้นเฟิร์สคลาสและชั้นอื่นๆ เต็มหมด ตั๋วเครื่องบินที่ผมหามาได้เป็นตั๋วชั้นประหยัดที่คนจองยกเลิกไปเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน ถ้าคุณริคจะเดินทางวันนี้ก็มีแต่ชั้นประหยัด ถ้าอยากได้ตั๋วเฟิร์สคลาสก็ต้องรออีกห้าวันครับ” ชิลล์อธิบายถึงเหตุผลที่ไม่ได้ตั๋วชั้นเฟิร์สคลาสให้ผู้เป็นนายได้รับฟัง
เฟรเดอริคทำท่าทางครุ่นคิดอย่างหนัก ใจหนึ่งอยากไปถึงเมืองไทยเร็วๆ เพื่อไปจัดการเรื่องหนึ่งให้เรียบร้อย ถ้าไปช้าบางทีทุกอย่างอาจจะสายเกินแก้เรื่องที่เขา จะไปจัดการนั้นต้องเสร็จสิ้นก่อนที่รอยซ์ มอโรน้องชายฝาแฝดของเขาจะเดินทางไปเมืองไทย ไม่เช่นนั้นเรื่องมันจะสายเกินแก้ แต่อีกใจก็ไม่อยากเดินทางไปเมืองไทยด้วยตั๋วชั้นประหยัด สาเหตุมาจากชั้นประหยัดไม่สะดวกสบายเหมือนชั้นอื่นๆ ที่นั่งก็แคบไม่เหมาะสมกับร่างกายสูงใหญ่เกินมาตรฐานของเขา จะนั่งหรือปรับเอนนอนเบาะก็ลำบาก ต้องทนนั่งเมื่อยไปอีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงจุดหมาย แค่คิด เขาก็รับไม่ได้แล้ว คิดอีกทางจะทนรออีกห้าวันคงไม่ได้ ต้องเดินทางไปถึงเมืองไทยวันนี้ตามกำหนดการ
“นั่งชั้นประหยัดก็ได้”
เฟรเดอริคพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ จำใจเดินทางไปยังจุดหมายด้วยตั๋วเครื่องบินชั้นประหยัด ไม่เคยคิดเลยว่าคนอย่างเฟรเดอริค มอโรจะโดยสารเครื่องบินในราคาชั้นที่ถูกที่สุด
“เครื่องบินจะออกในอีกสองชั่วโมงนะครับ ไปถึงที่โน่นตอนหกโมงเย็นในเวลาประเทศไทยครับ”
เฟรเดอริคพยักหน้ารับรู้ ลูกน้องทั้งสองคนจึงเดินแยกกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง ชิลล์ไปจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบิน เอริกไปจัดการเรื่องสัมภาระ ก่อนที่ทั้งหมดจะ เดินเข้าไปในส่วนของผู้โดยสารขาออก เพื่อขึ้นเครื่องบินของสายการบินที่จองตั๋วไว้
“เฮ้อ...” ลมหายใจแรงๆ ถูกระบายออกมาจากโพรงจมูกของเฟรเดอริค พร้อมกับเสียง “เฮ้อ” ที่แสดงออกถึงความลำบากใจ เมื่อสายตาของเขามองเห็นที่นั่งของตั๋วราคาถูก ที่นั่งเรียงยาวจัดเรียงในลักษณะ 3-4-3 ริมซ้ายมีที่นั่งสามที่ตรงกลาง สี่ที่ ด้านขวาสามที่ แต่ละที่นั่งมีจอ LCD ขนาด 16 นิ้ว ทุกที่นั่ง สามารถดูหนัง ฟังเพลงได้ดูจากสภาพภายนอกแล้ว เฟรเดอริคไม่มั่นใจว่าจะใช้งานได้หรือไม่ เรื่องนี้เขาไม่ค่อยสนใจมากเท่ากับขนาดที่นั่งที่เล็กและแคบ เล็กในที่นี้หมายถึงขนาดของเบาะนั่งที่เล็ก ไม่ต้องนั่งก็รู้ว่ามันไม่พอดีกับร่างกายของเขา แคบหมายถึงระหว่างที่นั่งมีความแคบ ทำให้เขาไม่สามารถเหยียดแข้งเหยียดขาได้อย่างสะดวกนัก ไม่บอกก็พอจะเดาได้ว่าเขาต้องนั่งเมื่อยขบไปตลอดทาง นี่ไม่เท่ากับสภาพของ ตัวเครื่องบินที่กลางเก่ากลางใหม่ เครื่องปรับอาการไม่เย็นเฉียบเท่ากับชั้นอื่นๆ การบริการก็เหมือนกัน คงจะประหยัดสมกับราคาตั๋ว
“คุณริคครับ นั่งตรงนี้ครับ”
ชิลล์หันมาบอกเจ้านายหนุ่มที่เดินตามมาข้างหลัง เฟรเดอริคถอนใจรอบที่ร้อยของชั่วโมงนี้ เมื่อเห็นที่นั่งของตัวเอง หวังลึกๆ ตั้งแต่ขึ้นเครื่องบินขอให้ได้ที่นั่งแถวล่าสุด เพื่อที่เขาจะได้สามารถยืดแขนยืดขาได้สะดวก แต่มันไม่เป็นอย่างที่คาดคิดเอาไว้ เขาและลูกน้องได้ที่นั่งตรงกลาง แถวที่สามนับจากข้างหน้า ทั้งหมดจึงนำพาร่างกายสูงใหญ่นั่งประจำที่ ชิลล์นั่งริม ถัดมาเป็นเอริก เฟรเดอริค นั่งบนที่นั่งตัวที่สาม เหลือที่นั่งข้างๆ อีกหนึ่งที่
“เล็กชะมัดเลย ทำที่นั่งให้มันใหญ่กว่านี้ไม่ได้หรือไงวะ นั่งไม่สบายเลยพับผ่าสิ”
เฟรเดอริคบ่นอุบ ชิลล์กับเอริกที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็หาว่าจะนั่งสบายๆ เหมือนคนที่บ่นเป็นหมีกินผึ้งเสียเมื่อไหร่ เขาสองคนก็มีร่างกายสูงใหญ่ไม่ต่างกับผู้เป็นนาย เพียงแต่ว่าเก็บอาการเอาไว้ไม่แสดงออกเหมือนใครบางคนเท่านั้นเอง อันที่จริงที่นั่งของสายการบินนี้ไม่ได้เล็กอะไรมากมาย เป็นเพราะเขาทั้งสามคนมีร่างกายสูงใหญ่กว่าผู้โดยสารคนอื่นๆ เลยทำให้ที่นั่งเล็กไปถนัดตา
ระหว่างที่หมีตัวใหญ่กำลังบ่นงึมงำอยู่นั้น สตรีนางหนึ่งได้เดินมาหยุดตรงที่นั่งที่ว่างเว้นข้างกายเฟรเดอริค หญิงสาวคนนั้นนำกระเป๋าสะพายของตัวเองเก็บไว้ที่เก็บสัมภาระเหนือศีรษะ อุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ ก็เกิดขึ้นเมื่อไอพอดที่อยู่ใน กระเป๋าสะพายของเธอตกลงบนศีรษะของหมีกินผึ้งอย่างจัง เป็นความโชคร้ายของเขาเองที่ดันมานั่งตรงกับขอบที่เก็บสัมภาระพอดี อุบัติเหตุที่ไม่ได้ตั้งใจจึงเกิดขึ้น
“โอ๊ย!!” เขาร้องเสียงหลงเมื่อความเจ็บจากแรงกระแทกเกิดขึ้นกับตัวเอง
“ขอโทษค่ะ ขอโทษค่ะ”
พลอยพัตราเอ่ยขอโทษเจ้าของเสียงที่ร้องโอ๊ยทันที เฟรเดอริคตวัดสายตามอง หญิงสาวที่พูดขอโทษด้วยความไม่พอใจ แต่พอได้เห็นดวงหน้าสวย นัยน์ตาหวานซึ้งเปล่งประกายคู่นั้น น่าแปลกที่อารมณ์ไม่ดีของเขาหายเป็นปลิดทิ้ง แปรเปลี่ยนเป็นเดือดพล่านในบัดดล ฮอร์โมนในร่างกายสูบฉีดเร็วแรง
ดวงหน้าของผู้หญิงคนนี้กระจ่างใสด้วยรอยยิ้ม ร่องบุ๋มหรือที่เรียกกันอีกอย่างหนึ่งว่าลักยิ้มที่อยู่กลางแก้มทั้งสองข้าง ทำให้เธอดูสวยและชวนมองมากยิ่งขึ้น สตรีนางนี้เหมือนมีแรงดึงดูดอะไรบางอย่างให้เขาอยู่ในอาการตกตะลึง ทั้งๆ ที่เฟรเดอริคไม่เคยมีความรู้สึกอย่างนี้มาก่อน
คู่ควงของเขาแต่ละคนมีดีกรีเป็นนางงาม ดาราชื่อดังทั้งนั้น ความสวยไม่ต้องพูดถึงอยู่ในระดับดีมาก ต่างกับหญิงสาวคนนี้ เธอสวยก็จริงแต่ไม่ถึงกับมาก เพียงแต่ว่าสาวร่างเล็กคนนี้มีเสน่ห์กว่าคนอื่นๆ มีอีก สิ่งหนึ่งที่เขาชอบมากที่สุดในร่างกายของเธอ สิ่งนั้นคือ ริมฝีปากรูปกระจับสีเชอร์รี่สุก กลีบปากของเธอน่าสัมผัส น่านำปากของเขาทาบทับและบดขยี้เหลือเกิน อยากรู้จริงๆ ว่ากลีบปากของหญิงสาวนั้นจะหอมหวานขนาดไหน แค่คิดเลือดในกายหนุ่ม เดือดพล่าน เดือดจนขนแขนลุกซู่