เพลิงรักเพลิงแค้น

146.0K · จบแล้ว
อัญญาณี
49
บท
45.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เธอคือผู้หญิงที่เขาชังน้ำหน้ามีค่าเวลาอยู่บนเตียง...

นิยายปัจจุบันนิยายรักโรแมนติกประธานพระเอกเก่งมาเฟียเศรษฐีโรแมนติกดราม่า

บทที่ 1 การเผชิญหน้ากับกระทิงดุ 1

ร่างอรชรของหญิงสาวคนหนึ่งนั่งคุดคู้อยู่ที่มุมห้องแสนอับชื้น ภายในห้องมืดสนิทไร้แสงไฟ แม้แต่พระจันทร์ที่เคยส่องแสงสว่างไสวทุกค่ำคืน คืนนี้กลับหม่นแสงเพราะมีเมฆก้อนใหญ่ดำทะมึนมาบดบัง น้ำตาของรุจิเรศไหลรินตั้งแต่เธอถูกพาตัวมาที่ห้องแห่งนี้ ในความรู้สึกของเธอนั้น มันคล้ายกับคุกมืดในหนังเรื่องหนึ่งที่เธอเคยดูเหลือเกิน มีทั้งกลิ่นอับชื้น แมลงสาบที่ไต่ตามขาและแขนของเธอ เสียงหนูที่ดังไม่หยุด นั่นไม่เท่ากับเสียงตุ๊กแกที่ร้องประสานกันหลายตัว เธอไม่รู้ว่าสัตว์ทั้งหลายเหล่านี้อยู่ตรงไหนบ้าง เพราะดวงตาของเธอนั้นมองเห็นอยู่อย่างเดียวคือ ความมืดมิด รุจิเรศจึงเลือกที่จะนั่งอยู่ตรงนี้ ไม่ขยับเขยื้อนไปไหน

เสียงไขกุญแจดังอยู่ตรงประตู ก่อนที่ประตูนั้นจะถูกเปิดออก แสงไฟที่อยู่หน้าห้องส่องกระทบกับดวงหน้าหวาน จนเธอต้องหรี่ตาลงเพื่อระบายอาการระคายเคือง ร่างของบุรุษสูงใหญ่ยืนเด่นตระหง่านอยู่หน้าประตูห้อง จ้องมองมาที่ร่างสาวไม่ไหวติง ความแค้นเคืองถูกเปล่งประกายวาบวับมาจากดวงตาคู่นั้น

“ป้าพุ่ม เอาตัวคุณหนูสกปรกคนนี้ไปอาบน้ำอาบท่าให้เรียบร้อย แล้วพาขึ้นไปหาฉันที่ห้อง”

บุรุษคนนั้นสั่งเสียงเย็นเฉียบ คำพูดที่เย็นเฉียบที่ไหลเข้ามาในหูของเธอนั้น ทำให้หัวใจดวงน้อยเกิดความหนาวเหน็บขึ้นฉับพลัน หนาวลึกลงไปถึงก้นบึ้งของหัวใจ ยิ่งคำพูดของเขาในประโยคท้าย จุดเยือกแข็งของความหนาวบังเกิดขึ้นในจิตใจของเธอทันที เวลาที่เธอไม่อยากให้มาถึง กำลังคืบคลานเข้ามาหาเธออย่างเชื่องช้า พอเขาพูดจบร่างงามสง่าก็หมุนกายเดินออกไปจากหน้าประตูทันที ก่อนที่ร่างของป้าพุ่มจะเดินเข้ามาในห้อง

“ไปค่ะ ไปอาบน้ำ”

ป้าพุ่มหญิงวัยห้าสิบเจ็ดปีเดินเข้ามาหาร่างเล็กที่ใบหน้ามีแต่คราบน้ำตาม เนื้อตัวมีแต่รอยฝุ่น ทำให้บดบังความขาวของสีผิว

“หนูนาไม่อยากไป” รุจิเรศพูดทั้งน้ำตา สะอื้นไห้ราวกับเด็กหลงทางหาทางกลับบ้านไม่ถูก ใช่ ตอนนี้เออยากกลับบ้านมากที่สุด แม้ว่าที่นั่นจะเป็นนรกสำหรับเธอตั้งแต่เกิดก็ตาม แต่ยังดีกว่าอยู่ที่นี่ อยู่กับคนที่ไม่รู้จัก อยู่กับสถานที่ที่ไม่คุ้น อยู่กับชายร่างใหญ่เจ้าของเสียงดุจน้ำแข็งคนนั้น

“คุณต้องไปค่ะ ถ้าคุณไม่อยากให้พ่อของคุณ หรือว่าคนในครอบครัวของคุณต้องเดือดร้อน”

ป้าพุ่มพูดอย่างใจเย็น น้ำเสียงไม่แข็งกระด้างมากเกินไป แต่ก็ไม่อ่อนหวาน นางพูดด้วยเหตุผล เหตุผลที่จะทำให้รุจิเรศไปกับนางแต่โดยดี

รุจิเรศนึกถึงบิดา นึกถึงครอบครัวที่อีกฝ่ายพูดออกมา ตั้งแต่จำความได้เธอเคยมีคำว่า ครอบครัว กับเขาด้วยหรือ เท่าที่จำได้อ้อมกอดของคนที่เป็นพ่อจะโอบกอดเธอไม่เกินสิบครั้งตั้งแต่เธอเกิดมา พี่สาวฝาแฝดต่างมารดาก็หาได้นับถือว่าเธอเป็นน้องสาวไม่ โขกสับเธอยิ่งกว่าทาสในเรือนเบี้ย โดยที่บิดาไม่เคยห้ามปรามเลยสักครั้งเดียว ดีที่ว่าท่านยังให้ที่พักพิง ส่งเสียให้ร่ำเรียนหนังสือ เธอมีความคิดอย่างหนึ่งว่า การศึกษาจะทำให้เธอมีชีวิตที่ดีขึ้น หาเงินเลี้ยงตัวเอง

คำว่าบุญคุณทีมีต่อผู้ให้กำเนิด ความรักบิดาที่มีอยู่อย่างเต็มเปี่ยมในหัวใจ แม้ว่าเธอจะไม่เคยได้รับความรักนั้นตอบกลับมา ทำให้เธอตัดสินใจจะมาเป็นนางบำเรอ ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ของบิดา เป็นการทดแทนบุญคุณที่เธอไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

“หนูนากลัว” เธอพูดออกไปเสียงสั่นเครือ ยังไม่ยอมลุกไปไหน

“ความกลัวคือสิ่งที่คุณต้องเผชิญเมื่ออยู่ที่นี่ อย่าลืมสิคะ คุณพ่อของคุณตกลงอะไรไว้กับคุณคมน์ ถ้าคุณไม่ลุกก็ไม่มีใครว่านะคะ แต่พ่อและครอบครัวของคุณก็เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ได้เลย”

ป้าพุ่มไม่พูดต่อว่าบิดาและครอบครัวของรุจิเรศต้องเจอกับอะไรบ้าง เพราะนางเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่า สิ่งที่คมน์จะมอบให้กับคนในตระกูล ธนากรดิรก รวมทั้งสาวร่างเล็กคนนี้เลือดเนื้อเชื้อไขของผู้หญิงที่ชื่ออังคณานั้น ไม่รู้ว่าจะมากมายแค่ไหน สิ่งที่นางสัมผัสได้จากคมน์ก็คือ ความโหดเหี้ยมที่มีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม บวกกับความอาฆาตที่เกาะกินในใจของคมน์มานานนับยี่สิบเอ็ดปี มันมากมายนัก มากเกินกว่าที่ใครจะประมาณได้

รุจิเรศค่อยๆ ชันกายลุกขึ้นอย่างเชื่องช้า น้ำตาไหลรินออกมาอีกระลอก เสียงสะอื้นหนักขึ้นกว่าเดิม ป้าพุ่มประคองสาวร่างบางที่มีอาการอ่อนเพลีย ออกไปจากห้องเก็บของที่อยู่ชั้นใต้ดินของบ้านราชพฤกษ์ ตัวหญิงสาวไปขัดสีฉวีวรรณ เพื่อที่คืนนี้รุจิเรศจะต้องสังเวยร่างกายให้กระทิงดุผู้บ้าคลั่งในความแค้น พร้อมจะขวิดกระต่ายน้อยที่เขาหมายตาเอาไว้ตั้งแต่เกิด เขารอมาถึงยี่สิบเอ็ดปี รอจนกว่าเนื้อกระต่ายน้อยจะหวานได้ที่ เพื่อที่เขาจะได้ชิมและชำระแค้นอย่างสาสมใจ

...................................

เท้าเล็กๆ ที่เดินตามร่างของป้าพุ่มค่อนข้างสั่น บางครั้งเธอมีความรู้สึกว่าขาทั้งสองข้างแทบจะยกไม่ขึ้น ดวงตาเศร้ามองบันไดไม้ขัดเงาเนื้อดีที่ทอดตัวสู่ชั้นที่สองของบ้านด้วยหัวใจสั่นไม่เป็นจังหวะ อยากจะหมุนตัวกลับแล้ววิ่งออกไปจากบ้านหลังนี้ แต่ก็ทำไม่ได้อย่างที่ใจคิดอีก ภาระที่เธอแบกไว้บนบ่ามันมากมายเกินกว่าจะหันหลังกลีบ มีแต่เผชิญหน้าและยินยอมเท่านั้น

“คุณคมน์ไม่ชอบให้ใครขัดใจโดยเฉพาะผู้หญิง คุณคมน์สั่งให้ทำอะไรก็ทำเข้าใจมั้ย?”

ป้าพุ่มหันมาบอกสาวร่างเล็กที่ยืนมองนางตาแป๊ว ใสซื่อบริสุทธ์จนนางเองอดที่จะสงสารไม่ได้ หากรุจิเรศไม่ใช่สายเลือดของอังคณาก็จะดีไม่น้อย คมน์อาจจะเมตตาปราณีไม่ใจร้ายกับเธอมากเกินไป จนต้องคลานลงเตียงเหมือนกับหญิงสาวบางคนที่เดินเข้ามาในชีวิตของคมน์ ป้าพุ่มสังเวชในใจยิ่งนักเมื่อมองร่างกายที่เล็กแกนของสาวตรงหน้า ไม่รู้ว่าจะทนคมน์ได้มากน้อยแค่ไหน ไม่ช็อกตายในครั้งแรกก็ถือว่าเก่งแล้ว

“คุณคมน์ดุเหรอคะป้า?” น้ำเสียงของคนที่ถามออกจะขลาดๆ

“กับบางคนเท่านั้น ตามป้าขึ้นมาได้แล้วคุณคมน์ไม่ชอบคอยผู้หญิงใครนานด้วย”

เป็นอีกเรื่องที่รุจิเรศต้องรู้เอาไว้ คมน์ไม่ชอบคอยผู้หญิงคนไหนนาน เพราะเขาคิดว่าผู้หญิงที่ซื้อมาได้ด้วยเงิน ต้องตรงต่อเวลาทำงานให้เต็มที่กับเงินที่เขาเสียไป ทางทอดยาวของบันไดที่เธอเดินขึ้นไปนั้น ทำไมมันสั้นเหลือเกินในความรู้สึกของเธอ เออยากให้มันมีสักพันขั้นจะได้ประวิงเวลาไว้ให้นานที่สุด มันไม่เป็นอย่างที่คาดหวัง บันไดเพียงยี่สิบเก้าขั้นเดินไม่ถึงหนึ่งนาทีก็ถึงแล้ว

“จำเอาไว้นะ ถ้าไม่อยากเจ็บตัวอย่าขัดใจหรือว่าเถียงคุณคมน์เข้าใจมั้ย?”

ป้าพุ่มกำชับอีกรอบเมื่อเดินมาหยุดหน้าประตูห้องทางด้านซ้ายมือของชั้นสอง หัวใจของรุจิเรศหวาดกลัวกับการก้าวเดินเข้าไปในห้องตรงหน้าเหลือเกิน ในความรู้สึกของเธอตอนนี้ราวกับว่ากำลังเดินเข้าไปในลานประหาร

“หนูนากลัว หนูนากลัวคุณคมน์”

หยดน้ำตาเม็ดใสๆ คลออยู่ตรงขอบตาของคนที่พูด คนที่มองอยู่แทบจะร้องไห้ตามไปด้วย แต่จะทำอย่างไรได้เล่า จริงอยู่นางเป็นคนเก่าคนแก่ของบิดามารดาของคมน์ แล้วยังเป็นแม่นมของเขาอีกด้วย คมน์เชื่อฟังนางทุกเรื่องยกเว้นเรื่องนี้เรื่องเดียวที่เขาขอนางไว้ เรื่องที่จะแก้แค้นอังคณามารดาของรุจิเรศ

“ป้ารู้ว่าหนูนากลัว แต่หนูนาอย่าลืมนะ หนูนาเลือกที่จะมาที่นี่ มาเพื่อบ้าน เพื่อพ่อแล้วก็เพื่อพี่ หนูนาต้องอดทนไว้แล้วเรื่องร้ายๆ มันก็จะผ่านไปเอง”

ป้าพุ่มพูดให้กำลังใจได้เพียงเท่านี้ ป้าพุ่มเคาะประตูห้องก่อนจะเปิดบานประตูบานใหญ่เข้าไป รุจิเรศหันมามองหน้าป้าพุ่มอีกครั้ง นางพยักหน้าและยิ้มบางๆ เป็นกำลังใจให้ รุจิเรศเดินเข้าไปในห้องอย่างกล้าๆ กลัวๆ มองชายหนุ่มที่นั่งพิงหัวเตียงไม้ฉลุลายวิจิตสวยงาม หัวใจดวงน้อยเต้นแรงมากขึ้นไปอีก เมื่อเห็นว่าร่างกายบึกบึนของเขานั้นสวมเพียงผ้าขนหนูเพียงตัวเดียว คล้ายกับเตรียมพร้อมสำหรับเกมรักที่กำลังจะเกิดขึ้น คงเหมือนเธอ เธอเองก็สวมเพียงเสื้อคลุมผ้าลินินสีชมพูอ่อนเพียงตัวเดียวเท่านั้น ภายใต้เสื้อคลุมคือร่างกายที่เปล่าเปลือยของเธอ

“ปิดประตูแล้วล็อคด้วย”

รุจิเรศสะดุ้งกับน้ำเสียงอันทรงพลังและเย็นเยือกของเขา เธอทำตามคำสั่งแต่โดยดี ก่อนจะก้าวเข้าไปหาคมน์อย่างกริ่งเกรง

คมน์มองสาวน้อยร่างเล็กด้วยสายตาที่น่ากลัว ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมองไปที่ร่างของเหยื่อสาวนิ่ง ประกายตาคู่นั้นร้อนแรงความร้อนนับพันองศาพุ่งตรงมายังร่างของคนที่ถูกมอง จนเธอแทบละลายหายไปในอากาศ ไม่กล้าก้าวเท้าเดินออกไป

“เดินมานี่สิ” เสียงเข้มๆ ดุๆ เอ่ยสั่ง คนที่สั่งเปลี่ยนอิริยาบถของตัวเองด้วยการเลื่อนมานั่งห้อยขาริมเตียง เท้าเปล่าเปลือยก้าวเดินไปหาคนร่างใหญ่ด้วยขาที่ไม่มั่นคงนัก จนกระทั่งเดินมาหยุดตรงหน้าเขา

“นั่งลง” เขาสั่งอีกครั้ง รุจิเรศก้าวเท้าออกมาสองก้าวเพื่อทรุดตัวนั่งลงเตียง กำลังจะหย่อนบั้นท้ายงามลงบนริมเตียง ทว่าเสียงห้าวดังขึ้นอีกครั้ง

“ตรงนี้” มือใหญ่ตบที่หน้าตักของตัวเองเบาๆ สองสามครั้ง เธอถึงกับทำอะไรไม่ถูกจะไม่ทำตามก็ไม่ได้ จะทำตามก็กลัว

“เร็วสิ” น้ำเสียงเย็นเยือกเร่งอีกครั้ง รุจิเรศตกใจกับเสียงที่ได้ยิน ยิ่งมองเห็นใบหน้าเรียบตึง ดวงตาแข็งกร้าวของเขาด้วยแล้ว เธอรีบทรุดกายนั่งบนตักของเขาทันที

มือใหญ่ยกขึ้นมาวางไว้บนบ่าเล็กลูบไปมาจนเธอต้องเอนกายหนี ทว่าลำแขนอีกข้างรัดร่างของเอาไว้ไม่แน่นมากไม่หลวมนัก รุจิเรศหมดหนทางเบี่ยงลำตัวหนีทันที

“กลัวฉันเหรอ?” เขาเลื่อนริมฝีปากมาถามชิดติดใบหูของคนตัวเล็ก แกล้งเป่าลมออกจากปากให้กระทบกับใบหูของเธอเบาๆ ความอุ่นร้อนของแรงลมเป่ามันทำให้เธอถึงกับตัวแข็งทื่อ นั่งก้มหน้านิ่ง ฝ่ามือที่วางอยู่ตรงบ่าเล็กเลื่อนมาลูบไล้บนท้ายทอยเรื่อยมายังแผ่นหลัง ลูบไปมาเบาๆ พร้อมกับบีบนวดไปด้วย มืออีกข้างจับตรงเชือกที่ผูกอยู่ด้านหน้าเสื้อคลุมกระตุกปมให้คลายออก ก่อนจะแยกสาบเสื้อออกจากกัน

รุจิเรศหลับตาปี๋ ลมหายใจเริ่มติดขัด มือเล็กประสานกันแน่นอย่างคนตื่นกลัว มือใหญ่สอดเข้าไปด้านในของเสื้อคลุมสิ่งแรกที่เขาได้สัมผัสก็คือ เนื้อนวลตรงบริเวณท้อง มือซุกซนเลื่อนขึ้นสูงอีกจนกระทั่งถึงก้อนเนื้อสาวเต่งตึง ความอวบใหญ่ของเต้าทรวงที่เขากอบกุมมันใหญ่เกินตัวจริงๆ เนื้อแน่นยิ่งบีบกระชับยิ่งมันมือ

อาการสั่นของร่างสาวทำให้กระทิงดุยิ้มเหี้ยม มือใหญ่ละจากเต้าอวบมาเชยคางมนของเจ้าของดวงหน้าหวานให้เงยขึ้น บังคับให้หน้าสวยหันมาทางเขา

“เมื่อกี้ฉันถามไม่ได้ยินเหรอ ฉันถามว่าเธอกลัวหรือเปล่า?”

ตอนนี้รุจิเรศหลับตาแน่น จึงไม่รู้ว่าหน้าของเขานั้นชิดหน้าของตัวเองมากแค่ไหน รู้เพียงว่าลมหายใจของเขารินรดกับปลายจมูกของเธอ มันรุ่มร้อนไปทั้งกาย หัวใจสาวเต้นเร็วจนเจ็บทรวงอกไปหมด

“กะ กลัวค่ะ” น้ำเสียงของคนตอบนั้นสั่นและเบา คมน์หัวเราะในลำคอมองกิริยาของกระต่ายน้อยที่กลัวสัตว์ตัวใหญ่อย่างชอบใจ

“ไม่ต้องกลัว ไม่มีอะไรต้องกลัว แค่เธอนอนกับฉันแค่นั้นเอง”

เขาพูดเหมือนเป็นเรื่องง่าย แต่สำหรับหญิงสาวนั้นมันเป็นอะไรที่ยากยิ่ง เป็นสิ่งที่น่ากลัวเป็นอย่างมาก มากที่สุดในชีวิตสาว จะเดินต่อไปข้างหน้าก็กลัวหนทางที่ไม่รู้จัก จะเดินกลับหลังชีวิตของครอบครัวของเธอก็จะต้องพัง รุจิเรศจำต้องเดินไปข้างหน้าด้วยหัวใจที่หวาดกลัว ความกลัวที่อัดแน่นในจิตใจมันทำให้สาวร่างเล็กอยากจะร้องไห้

“ลืมตาขึ้นแล้วมองหน้าฉัน”

เขาสั่งเสียงดุ ใช้ปลายลิ้นใหญ่เลียกลีบปากบนและล่างของเธอไปมา รุจิเรศจะหลบก็หลบไม่ได้เพราะท้ายทอยของตัวเองนั้นถูกมือใหญ่จับเอาไว้มั่น สาวน้อยวัยแรกแย้มหายใจร้อนรน ร่างสาวสั่นมากกว่าเดิม ลมหายใจหอมๆ ของกระต่ายน้อยที่เขาได้สูดดมเข้าไปนั้น กระตุ้นฮอร์โมนทางเพศที่มีอยู่ในร่างกายของเขาให้ตื่นตัว เขารู้สึกร้อนผ่าวบริเวณใจกลางร่างกายเป็นอย่างมาก รุจิเรศค่อยๆ ลืมตาตามคำสั่งของคมน์ เธอตกใจไม่น้อยเมื่อลืมตาขึ้นมาแล้วเห็นหน้าเขาในระยะประชิด ดวงตาประสานดวงตา ลมหายใจของทั้งคู่เป่ารดซึ่งกันและกัน ริมฝีปากของหนาพร้อมจุมพิตกลีบปากสั่นระริกได้ทุกเมื่อ สีหน้าของคมน์คล้ายจะพอใจกับสถานการณ์นี้มากนัก

“อ้าปากแล้วแลบลิ้นออกมา” รุจิเรศไม่รู้ว่าเขาสั่งแบบนี้ทำไม อยากจะทำตามคำสั่งหากแต่ปากของเธอไม่ยอมขยับเหมือนที่ใจคิด

“อ้าปากแล้วแลบลิ้นออกมา”

เขาสั่งอีกรอบ น้ำเสียงหงุดหงิดทำให้สาวน้อยบังคับให้ขากรรไกรของปากทำงาน ค่อยๆ เปิดปากออก แล้วแลบลิ้นออกมาตามคำสั่งของเขา ร่างทั้งร่างของรุจิเรศแข็งดุจดั่งหินทันทีเมื่อลิ้นของเขาแตะสัมผัสที่ปลายลิ้นเล็กๆ ของเธอ ก่อนที่ลิ้นใหญ่จะไล้เลียลิ้นเล็กที่หดร่นเข้าไปในปากของเธอ เขาไม่ปล่อยให้จังหวะดีๆ อย่างนี้หลุดลอยไป ฉกจูบปากอิ่มแสนเย้ายวนทันที