นิยาย
รักมิอาจย้อนคืน
อย่าบอกรักฉัน ในวันที่สายเกินไป...อย่ายื้อเวลาไว้ หากไม่เห็นคุณค่าของมัน
ฝูหรงองค์หญิงไร้บัลลังก์
ชีวิตข้าอยู่ได้เพียงเพราะมีความแค้นหล่อเลี้ยง ดังนั้นอย่าทวงถามหาความรักจากข้าเลย...หากแม้นไม่สำเร็จตามปรารถนา ตัวข้าขอเลือกความตายดีกว่า ที่จะมีชีวิตอยู่...
จอมโจรแม่ลูกติด
ม่อหลาน หญิงสาวที่โชคชะตานำพาให้ได้มาเลี้ยงดูเด็กน้อยทั้งสอง แทนมารดาที่เสียไป แล้วแบบนี้คุณแม่จำเป็นจะทำได้ดีขนาดไหน
ฮูหยินนอกสายตา
เหม่ยเอินจำต้องฝืนทนแต่งงานกับบุรุษที่ไม่ชายตามามอง ไม่เห็นค่า และมักจะทำร้ายจิตใจนางอยู่บ่อยครั้ง เหตุใดข้าที่เป็นคนในสกุลรอง ถึงต้องมาเป็นฝ่ายรับผิดชอบแต่งงานกับสตรีที่ข้าไม่ได้มีใจสิเน่หา ในเมื่อข้ารักอิสตรีอยู่ผู้หนึ่ง ทุกอย่างเป็นความผิดของข้า ที่กลับมาจากการรบช้าไป...ข้าจะชดใช้ให้เจ้าเอง
ทะลุมิติไปเป็นองค์หญิงไร้ค่า
โอ๊ย อยากจะบ้าตาย ทะลุมิติมาตอนไหนไม่มา มาตอนที่เขากำลังจะ...เอาละ ไหน ๆ ก็มาแล้ว จะไม่มีองค์หญิงผู้ไร้ค่าอีกต่อไป สามีไม่ชอบใช่ไหม ข้าไม่สน ว่าแต่ทำไมท่านกลืนน้ำลายตัวเองแบบนี้
ซีรีย์ทะลุมิติ
ซีรีย์ทะลุมิติ ประกอบไปด้วยผลงานสองเรื่อง ได้แก่ 1 แม่เลี้ยงใจร้ายจะเลี้ยงลูกและสามีเอง 2 ทะลุมิติไปเป็นอนุของแม่ทัพปีศาจ
สองร่างใจเดียว
กุ้ยหลินเคยได้ลิ้มรสการถูกโบยมาแล้ว ถึงกับหนาวยะเยือกสั่นสะท้านจับขั้วหัวใจ “ลงมือได้” พ่อบ้านฉีออกคำสั่ง บ่าวที่ทำหน้าที่โบยยกไม้พลองขึ้น ก่อนจะฟาดลงบนแผ่นหลังของนักโทษทั้งสอง ที่พากันร้องโอดโอยออกมาตั้งแต่ไม้แรกเลยทีเดียว “โอ้ย! ท่านพี่ ข้าถูกใส่ร้าย โอ้ย!” กุ้ยหลินครวญครางออกมา เจ็บปวดรอยแผลที่ถูกโบยไม้แล้วไม้เล่า จวนเจียนจะขาดใจอยู่ร่อมร่อ บ่าวชายก็ไร้ความปราณีโบยไม้ลงแผ่นหลังที่แตกเป็นรอย เลือดสีแดงไหลเปียกชุ่มไปทั่วแผ่นหลัง “นางช่างอดทนเหลือเกิน” บ่าวชายที่เป็นคนโบยกุ้ยหลินกล่าวขึ้น หลังจากที่โบยนางไปไม่รู้ตั้งกี่ไม้ แต่นางก็ยังไม่ยอมหมดสติหรือหมดลมหายใจ เหมือนอาเฉินที่จากโลกนี้ไปก่อนแล้ว กุ้ยหลิน แม้ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง และทรมานจากพิษของบาดแผลมากเพียงใด ก็พยายามฝืนประคองสติไว้ เพราะอยากจะเจอหน้าบุตรชายอีกสักครั้ง “ท่านแม่” ร่างเล็กของหยงเป่าวิ่งนำหน้าไป๋ฉีที่ไล่ตามหลังมาติด ๆ หยงเป่าก้าวเท้าวิ่งอย่างเร็วเท่าที่เท้าน้อย ๆ จะทำได้ แม้จะหกล้มจนมีแผลถลอก เด็กชายก็ไม่สนบาดแผลของตนเอง ยังคงตั้งหน้าตั้งตาวิ่ง เพราะเป็นห่วงมารดา พอมาถึงลานหน้าศาลบรรพชน เห็นมารดากำลังถูกโบย เลือดไหลท่วมตัว ก็รีบร่างกายเล็ก ๆ กอดบังมารดาไว้ บ่าวที่ถือไม้พลองยั้งมือไว้ไม่ทัน โบยลงหลังของหยงเป่าหนึ่งไม้
นางร้ายจำยอม
จะเป็นยังไง ถ้าจู่ๆ คุณเข้าไปอยู่ในโลกของละคร แถมไปเป็นตัวร้ายอีก คุณจะทำยังไงต่อ หวังเสวี่ยไปที่ร้ายกาจ จู่ๆ ก็กลายเป็นคนละคน สร้างความแปลกใจให้กับคนรอบข้าง โดยเฉพาะอู๋หย่งเจิ้ง ที่ชิงชัง นางเข้าไส้
ข้ามเวลามาเพื่อเธอ
ลินดา ที่พลัดตกสะพาน แบบไม่ตั้งใจ จนกระทั่งมาปรากฏ ยังโลกที่เธอไม่รู้จัก และยังถูกเข้าใจผิดว่าเป็นเซียน จึงได้เกิดภารกิจที่เธอจะต้องทำให้สำเร็จขึ้น
ฮูหยินกำมะลอ
โจวหย่งฝู แม่ทัพหนุ่ม ที่เบื่อสตรีประเภททำตัวตามแบบฉบับคุณหนูในห้องหอ จนไม่อยากแต่งสตรีใดเข้ามาในจวน กระทั่งถูกมารดาใช้ไม้แข็ง จึงต้องหาทางออกให้ตนเอง ชุนเหม่ยอิง สตรีที่ชอบเที่ยวยามค่ำคืน ดื่มสุราชมแสงจันทร์ เบื่อความวุ่นวายอันเกิดจากบรรดาอนุของผู้เป็นพ่อ จนถึงขั้น ปฏิญาณว่าสามีของนางจะต้องมีแค่นางเพียงคนเดียวเท่านั้น การโคจรมาพบกัน ของคนที่ไม่อยากครองเรือน จะสร้างความปั่นป่วนว้าวุ่นใจแค่ไหน กรุณากดหัวใจและติดตามเข้าชั้นเอาไว้นะเจ้าคะ
ฮูหยินเรือนรอง
“สุ่ยเซียน เจ้าหยุดร้องไห้เถิด อย่าได้เสียใจเพราะข้าเลย” สตรีอีกหนึ่งนางรีบขยับเข้ามาใกล้เตียงกว้างมากขึ้น เอื้อมมือไปจับมือเรียวงามมาวางบนศีรษะของตนเอง ดวงตาสองข้างแดงก่ำดุจสีเลือด เพราะผ่านการร้องไห้มาตลอดหลายวันมานี้ “คุณหนู บ่าวเสียใจ ที่บ่าวไม่สามารถช่วยอะไรคุณหนูได้เลย” “จะเสียใจไปไย ชีวิตของคนเราล้วนมีเกิดมีดับ สุ่ยเซียนเอย หากข้าหมดลมหายใจลง ซึ่งก็น่าจะใกล้ถึงเวลาแล้วล่ะ เจ้าจงกลับไปอยู่จวนสกุลจ้าว นำเถ้ากระดูกของข้าไปให้ท่านพ่อด้วย” เสียงแหบระโหยเอ่ยสั่งสาวใช้ ที่เฝ้าติดตามนางมาตั้งแต่เยาว์วัย หากนางหมดลมไปจริง ๆ สุ่ยเซียนจะต้องอยู่ที่จวนสกุลหานอย่างยากลำบากแน่ สตรีที่อายุน้อยกว่าส่ายหน้า ไม่อยากยอมรับในวาระสุดท้ายของผู้เป็นนาย หากเพียงคุณหนูได้รับการรักษา คุณหนูของนางจะต้องกลับมาเป็นปกติแน่ “คุณหนูรอบ่าวก่อนนะเจ้าคะ บ่าวจะไปที่เรือนหงเป่าอีกสักรอบ” ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยปากห้าม สาวใช้ข้างกายก็วิ่งพรวดออกไปพ้นจากห้องนอนแล้ว ‘จ้าวซีฮัน’ ไม่อยากให้คนของนางต้องไปพบกับความชอกช้ำใจ เพราะสักกี่รอบแล้ว ที่สุ่ยเซียนไปนั่งคุกเข่าอยู่หน้าเรือนหลัก แต่คนผู้นั้นก็ไม่เคยที่จะเห็นใจพวกนางเลย คงอยากจะให้นางตายไปเสียให้พ้น ๆ กระมัง เขากับนางอันเป็นที่รักจะได้ครองคู่กันเป็นผัวเดียวเมียเดียว “เจ้ากล้าดีอย่างไร ถึง...” หานห่าวซวนดวงตาวาวโรจน์ด้วยเพลิงโทสะ มองสตรีที่นั่งร้องไห้อยู่บนเตียงกว้าง อยากจะเข้าไปจับตัวนางเขย่า ๆ ให้แรง ๆ ที่นางกล้าเอาตัวเข้ามาพัวพันกับเขา “ท่านแม่ทัพ ฮึก ๆ ข้าไม่ได้ทำ” ใบหน้างามอาบไปด้วยหยดน้ำใสที่เอ่อล้นขึ้นมาไม่ขาดสาย เนื้อตัวก็ปวดระบมไปหมด โดยเฉพาะส่วนของร่างกายด้านล่าง จิตใจดวงน้อย ๆ ก็ยิ่งจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ยามคิดย้อนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หมดไปแล้วความบริสุทธิ์ที่เฝ้ารักษามาตามคำสั่งเสียของมารดา ไหนจะบิดาอีกถ้าท่านรู้ความจริง จะผิดหวังในตัวนางมากเพียงไหนหนอ แล้วกุ้ยฟางเล่าจะมองนางว่าเป็นสหายรัก ที่ทรยศแย่งบุรุษที่นางชอบหรือเปล่า และที่สำคัญ สายตาของบุรุษที่กำลังแต่งกาย มองนางด้วยความโกรธเกลียด ไม่เหลือแววของความอบอุ่นเหมือนครั้งก่อน ๆ เลย “เจ้ารู้ไหม โทษของการวางยาข้า มีโทษถึงชีวิต เจ้าจะบอกเจ้าไม่ได้ทำ ถ้าอย่างนั้นคงเป็นพี่สาวของเจ้าทำ แล้วเจ้ามารับเคราะห์แทนอย่างนั้นหรือ” “ข้ากินไม่ลง หากแม่ทัพไม่ฟื้น ข้า...ข้าจะทำอย่างไรละสุ่ยเซียน” หยดน้ำตาไหลตามร่องแก้ม ก่อนจะหยดลงบนหลังมือหนา ที่มือเรียวงามกอบกุมเอาไว้ตลอดเวลา เพราะความกลัวว่าคนที่นอนเป็นผักปลาอยู่จะไม่ยอมฟื้นขึ้นมา หากเขาไม่ฟื้นจริง ๆ หัวใจทั้งดวงของนาง คงต้องแตกสลายกลายเป็นเศษผงเป็นแน่ แม้ที่ผ่านมาสิ่งที่ชายหนุ่มกระทำจะทำร้ายจิตใจนางมากเพียงไหน แต่ความรักที่นางมีให้เขามาตั้งแต่ในวัยเด็กยังไม่เสื่อมคลายลงไปเลยแม้แต่น้อย “ท่านแม่ทัพ รีบฟื้นขึ้นมาเถอะ ข้ารอฟังความจริงจากปากของท่านอยู่” ซีฮันยกมือใหญ่กว่าขึ้นมาทาบที่แก้มของตนเอง นัยน์ตาหงส์จ้องมองใบหน้าหล่อเหลา ภาวนาในใจขอร้องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้มอบโอกาสให้แม่ทัพหนุ่ม เหมือนที่ได้มอบโอกาสให้นาง
เกิดใหม่ในร่างสตรีสวมหมวกเขียวซะงั้น
ตามสัญชาตญาณการปกป้อง แก้วตาที่รู้ว่าไม่สามารถหนีพ้นจากรถกระบะได้ จึงหันหลังรับแรงกระแทกทั้งหมด หวังให้เด็กน้อยปลอดภัย ร่างของทั้งสองที่ถูกชนอย่างแรง กระเด็นลอยห่างจากจุดที่ชนออกไปไกล ********** “คุณชายท่านนี้ ข้าขอบคุณท่านมาก ที่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ข้าขอทราบนามของท่านได้หรือไม่” แต่พระเอกขี่ม้าขาวของฉิงซวี่กลับไม่สนใจที่จะพูดด้วย เขากลับหันไปเอื้อนเอ่ยถามลูกน้องที่นั่งอยู่นอกรถม้าแทน “หนานลู่ ถึงไหนแล้ว” “ออกจากเมืองหลวงมาไกลโขแล้วขอรับ” เสียงจากด้านนอกตะโกนเข้ามา ฉิงซวี่หน้าเสียเล็กน้อย ต่อท่าทีไม่สนใจของอีกฝ่าย พอคิดว่าพระเอกในซีรีส์ที่นางเคยดูก็เย็นชาใส่นางเอก จึงมีแรงใจที่จะลุยต่ออีกสักครั้ง “ลงไป” ยังไม่ทันจะได้เอ่ยปากชวนชายหนุ่มพูดคุยอีกสักรอบ เสียงทุ้มก็หลุดรอดออกจากริมฝีปากของชายหนุ่มเสียก่อน “เจ้าคะ” ฉิงซวี่ไม่เข้าใจ ว่าชายหนุ่มหมายความว่าอะไร เพราะอยู่ ๆ เขาก็พูดลอย ๆ ขึ้นมา “ข้าบอกให้ลงไปด้านล่าง” ก้งเยว่กล่าวย้ำประโยคเดิมน้ำเสียงหนักแน่น ********** “ข้าไปทำอะไรให้ท่านแค้นเคืองนักหนา ถึงได้กลายร่างเป็นปีศาจมารังแกข้าขนาดนี้...หลงดีใจ นึกว่าจะได้เจอเจ้าชายที่ขี่ม้าขาวมาช่วยเจ้าหญิง” ประโยคหลัง หญิงสาวอ้อมแอ้มอยู่ในลำคอ แต่อีกคนก็ยังได้ยินในสิ่งที่หญิงสาวพูด “หึ...คงคิดว่าข้าช่วยเจ้า เพราะมีความรู้สึกดี ๆ งั้นสิ...ไม่มีทาง ข้าในตอนนี้หูตาสว่าง เห็นธาตุแท้ของเจ้าหมดแล้ว ย่อมไม่มีทางเป็นเหมือนในอดีตแน่” ก้งเยว่เค้นเสียงลอดไรฟัน ในเมื่อฉุดกระชากหญิงสาวไม่สำเร็จ จึงเปลี่ยนมาใช้วิธีอุ้มหญิงสาวขึ้นมากระชับมั่นในวงแขนแกร่ง “ว้าย” ฉิงซวี่ร้องเสียงหลง ยามที่ร่างกายลอยละลิ่วสูงจากพื้น อยากจะดิ้นรนขัดขืน ก็เกรงว่าจะตกลงไปแขนขาหัก จึงได้แต่ยอมให้คนตัวโตอุ้มลงจากรถม้า ริมฝีปากอวบอิ่มเม้มเข้าหากันแน่น พอเท้าทั้งสองได้สัมผัสพื้น หญิงสาวก็รีบขยับถอยให้ห่างจากชายหนุ่ม ไม่รู้ว่าเขาคิดจะทำอะไรนางอีก หลังจากพาตัวหญิงสาวลงมาด้านล่างได้สำเร็จ ก้งเยว่ก็จับปลายเชือกด้านหนึ่งสอดเข้าไปในหน้าต่าง จากนั้นตัวเขาก็ก้าวขึ้นไปนั่งบนรถม้าเพียงลำพัง ภายในมือกระชับปลายเชือกเอาไว้แน่น “เดินทางต่อได้” สารถีจึงบังคับม้าให้เคลื่อนไปตามเส้นทางต่อ แม้จะเห็นใจสาวงาม ที่ต้องถูกลากให้วิ่งตามรถม้า แต่ด้วยเป็นคำสั่งของผู้เป็นนาย ตนก็ต้องทำ **********