บทย่อ
เหม่ยเอินจำต้องฝืนทนแต่งงานกับบุรุษที่ไม่ชายตามามอง ไม่เห็นค่า และมักจะทำร้ายจิตใจนางอยู่บ่อยครั้ง เหตุใดข้าที่เป็นคนในสกุลรอง ถึงต้องมาเป็นฝ่ายรับผิดชอบแต่งงานกับสตรีที่ข้าไม่ได้มีใจสิเน่หา ในเมื่อข้ารักอิสตรีอยู่ผู้หนึ่ง ทุกอย่างเป็นความผิดของข้า ที่กลับมาจากการรบช้าไป...ข้าจะชดใช้ให้เจ้าเอง
ตอนที่ 1 ไร้ซึ่งขบวนแห่เจ้าบ่าว
ตอนที่ 1
การแต่งงานที่ไร้ซึ่งความรัก มักนำมาซึ่งความเจ็บปวด ไม่ว่าจากฝ่ายใดหรือฝ่ายหนึ่ง หรือว่าบางทีอาจจะเป็นทั้งสองฝ่ายย่อมเป็นได้ แล้วบทสรุปสุดท้ายเล่าคือสิ่งใด คือความเกลียดชัง ความบอบช้ำทางจิตใจ หรืออาจรวมไปถึงความตายอย่างนั้นหรือ...
“คุณหนู ปานฉะนี้แล้วขบวนแห่ของสกุลเฉียนยังไม่มีทีท่าว่าจะมาถึงหน้าจวนเลยนะเจ้าคะ”
สาวใช้ข้างกายของคุณหนูใหญ่สกุลหลี่ เดินผ่านม่านกั้นเข้ามายังห้องที่สตรีในอาภรณ์เจ้าสาวสีแดง นั่งหลังตรงอยู่บนเก้าอี้ นัยน์ตาหงส์เหม่อลอยตกอยู่ในห้วงของภวังค์
‘เซ่าซาง’ เด็กสาวในวัยสิบห้าหนาวพอดิบพอดี มองผู้เป็นเจ้านาย ที่ไม่มีทีท่าร้อนรนกระวนกระวายใจแม้แต่น้อย กลับเป็นตัวนางเสียอีก ที่ทนนิ่งเฉยไม่ได้ เพราะคุณหนูใหญ่ได้ผ่านพิธีการทางบ้านฝ่ายหญิงจนครบทุกพิธีแล้ว เหลือเพียงแต่รอขบวนของว่าที่เจ้าบ่าวมารอรับที่หน้าประตูจวน แต่ว่าอีกไม่ถึงหนึ่งเค่อก็จะได้ฤกษ์มงคลแล้ว ยังไม่เห็นวี่แววว่าขบวนแห่มารับเจ้าสาวจะมาถึงจวนหลี่เลย
“คุณหนูเหตุใดท่านถึงนิ่งเฉยอยู่ได้ บ่าวร้อนจนจะลุกเป็นไฟแล้วนะเจ้าคะ”
“แล้วเหตุใด เจ้าต้องร้อนใจด้วย ในเมื่อคนที่ต้องรอขบวนเจ้าบ่าวเก้อนั่นเป็นข้า”
สตรีที่มีผ้าคลุมหน้าสีแดงปิดบังความงดงามเอาไว้ เอ่ยออกมาน้ำเสียงเรียบเฉย ยังคงนั่งนิ่งไม่ขยับเขยื้อนกายแม้แต่น้อย
การที่ขบวนเจ้าบ่าวล่าช้าหรืออาจไม่มีมาเลย ไม่ได้เกินความคาดหมาย เพราะการแต่งงานในครั้งนี้ ทางจวนสกุลเฉียนหาได้ให้ความสำคัญกับลูกสะใภ้แบบตนไม่ บวกกับเจ้าบ่าวไม่ได้มีความสนิทสิเน่หาด้วยแล้ว
“คุณหนูจะพูดแบบนี้ไม่ได้ หากทางนั้นไม่ส่งขบวนเจ้าบ่าวมารับ แล้วชื่อเสียงของคุณหนูเล่า”
สาวใช้น้ำเสียงเริ่มสั่นเครือ สงสารในชะตาชีวิตของผู้เป็นนาย ที่ช่างมีชะตาอาภัพนัก เกิดมาก็อาภัพมารดาตั้งแต่ยังเยาว์ ถูกน้องสาวคนละมารดาคอยกลั่นแกล้งต่าง ๆ นานา แม้กระทั่งล่วงเลยวัยปักปิ่น การแต่งงานก็ยังมาเกิดข้อผิดพลาดขึ้นอีก
“เซ่าซาง ข้ายังมีชื่อเสียงอันใดให้ต้องรักษาอีกหรือ”
‘หลี่เหม่ยเอิน’ หลุบสายตามองนิ้วมืออันเรียวงาม ข่มน้ำเสียงสะกดกลั้นความรู้สึกที่จุกขึ้นมาในอกเอาไว้ แม้ไม่ได้เต็มใจในงานแต่งครั้งนี้ แต่จะให้ทำเช่นไรได้ ในเมื่อทุกอย่างที่จัดรีบร้อนแบบนี้ เพื่อรักษาชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลเท่านั้น แต่ชื่อเสียงของนางนั้นย่อมป่นปี้ไปหมดแล้ว
“คุณหนู” คนที่รับฟังกล่าววาจาอื่นใดไม่ออกอีก
“เซ่าซางเอียงหูมา แล้วนำความไปแจ้งให้บิดากับฮูหยินใหญ่ทราบอย่าให้ขาดตกสักคำเดียว” สตรีในชุดเจ้าสาว ตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว
คนที่ถูกออกคำสั่ง เอียงหูเข้าใกล้สตรีในชุดเจ้าสาว ที่ส่งเสียงกระซิบกระซาบถ่ายทอดสิ่งที่กำลังคิดอยู่ในตอนนี้ให้บิดากับมารดาเลี้ยงได้รับรู้
หลังจากรับคำพูดมาจนหมดทุกคำแล้ว คนที่เป็นตัวกลางถ่ายทอดสารตกใจเล็กน้อย แต่จับกระแสเสียงที่เต็มไปด้วยความหนักแน่นของผู้เป็นนาย จึงยอมทำตามคำสั่งแต่โดยดี...
รถม้าขนาดใหญ่ที่นำสินเดิมทางฝ่ายเจ้าสาว บรรจุเข้าไป พร้อมกับอิสตรีสองนางที่พากันนั่งนิ่งไม่ได้เอ่ยวาจาพูดอันใดออกมาอีก
จวบจนรถม้าเคลื่อนไปตามถนนที่ไม่มีผู้คนสัญจรมากนัก แม้ว่าเส้นทางนี้จะต้องเดินทางอ้อมมากกว่าเส้นทางปกติก็ตาม แต่ก็สามารถหลบสายตาสอดรู้สอดเห็นได้มากพอสมควร
“ถึงประตูท้ายจวนสกุลเฉียนแล้วขอรับ” สารถีผู้ทำหน้าที่บังคับรถม้าคันนี้เอ่ยขึ้น ปลุกให้สตรีทั้งสองนางหลุดออกจากห้วงความคิดของตนเอง
“คุณหนู รอบ่าวอยู่บนรถม้าก่อนนะเจ้าคะ”
สาวใช้กล่าวจบก็ก้าวเท้าลงไปจากรถม้า เพื่อไปเจรจากับผู้ชายสองคน ที่แต่งกายด้วยชุดของทหาร ซึ่งมีหน้าที่เฝ้าเวรยามที่ประตูท้ายจวนนี้
“พี่ชาย รถม้าคันนี้เป็นของคุณหนูใหญ่สกุลหลี่ ที่จะต้องแต่งเข้าจวนเฉียน พวกท่านพอจะให้เราผ่านเข้าไปทางนี้ได้หรือไม่”
“ไม่ได้ เจ้าอย่ามาแอบอ้าง หากเป็นเจ้าสาวจริง ต้องมีขบวนแห่ไปรับ แล้วเข้าทางประตูใหญ่แล้วสิ”
“ก็ทางจวนนี้ไม่ส่งไปนะสิ พวกข้าถึงต้องใช้วิธีนี้” น้ำเสียงของเซ่าซางเริ่มหงุดหงิด ที่การเจรจาทำท่าจะไม่บรรลุเป้าหมาย
“อย่างไรก็เข้าไม่ได้ ถ้าไม่มีคำสั่ง พวกเจ้ารีบออกไปจากตรงนี้ หาไม่ข้าคงต้องใช้กำลัง”
หลี่เหม่ยเอินนั่งฟังการเจรจาของสาวใช้ข้างกายกับทหารเฝ้าเวรยามจวนเฉียนอยู่นาน จึงได้แย้มม่านหน้าต่างแต่เพียงเล็กน้อย ก่อนจะกล่าววาจาออกไป
“พวกเจ้าคิดดีแล้วหรือ อย่าลืมว่าหากงานแต่งครั้งนี้ล่ม โทษของสกุลเฉียนจะเป็นเช่นไร แล้วหากนายของพวกเจ้าโดนลงโทษ เจ้าคิดหรือไม่ว่าพวกเจ้าเองจะเป็นเช่นไร จงนำคำพูดนี้ไปถ่ายทอดให้เรือนรองสกุลเฉียนได้รับรู้เถิด”
ทหารเฝ้าเวรยามมองหน้ากัน เห็นจะเป็นจริงอย่างที่คุณหนูใหญ่สกุลหลี่ว่า งานแต่งครั้งนี้มีฝ่าบาทอยู่เบื้องหลัง หากผิดพลาดไปสกุลหลี่นำความกราบทูลฮ่องเต้ ทั้งสกุลหลัก สกุลรองเฉียนมีอันต้องล่มสลายแน่
“ได้ ขอข้าเข้าไปสอบถามความให้กระจ่างก่อน” ทหารเฝ้ายามคนหนึ่งหายตัวกลับเข้าไปในจวนสกุลเฉียน ใช้เวลาไม่นานก็เดินกลับออกมา พร้อมกับสตรีวัยกลางคนผู้หนึ่ง
“เรียนคุณหนูสกุลหลี่ ข้าซูหมิง เป็นคนสนิทของฮูหยินชุนหวาง ทางเราต้องขอประทานอภัยเป็นอย่างยิ่ง เรื่องขบวนแห่ไปรับเจ้าสาว ได้เกิดข้อผิดพลาดระหว่างทาง ทำให้ไม่สามารถเดินทางไปถึงจวนสกุลหลี่ได้ในวันนี้...ความจริง เรากำลังเตรียมขบวนแห่อีกรอบ แต่นึกไม่ถึงว่าคุณหนูสกุลหลี่จะมาด้วยตนเองเยี่ยงนี้” สตรีที่บอกว่าเป็นคนสนิทของฮูหยินเรือนรอง เอ่ยปากอธิบายเสียยืดยาว แต่ละคำล้วนไม่น่าเชื่อถือแม้แต่น้อย
“แล้วทำไมไม่ส่งคนไปแจ้ง ปล่อยให้คุณหนูข้ารอแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน” เซ่าซางจ้องหน้าสตรีที่สูงวัยกว่าด้วยความไม่พอใจ ซึ่งสตรีวัยกลางคนก็ชักสีหน้าตอบกลับมาเช่นเดียวกัน
“ข้าก็บอกแล้วไง ว่ากำลังเตรียมขบวนแห่ไปรับเจ้าสาวใหม่ แต่พวกเจ้า ใจร้อนเดินทางมาก่อนเอง” แม่บ้านซูตอบกลับอย่างเหลืออด ไม่จำเป็นต้องสงวนท่าทีอีกแล้ว ให้พวกนางได้รู้เห็นไปเลย ว่าไม่เป็นที่ต้องการของคนในจวนเฉียนนี้
“เจ้า...”
“เซ่าซางอย่าเสียมารยาท”
สตรีที่ยังคงนั่งอยู่ในรถม้าเอ่ยปากปรามคนของตนเอง ถึงแม้นทางจวนเฉียนจะมองไม่เห็นในน้ำใจไมตรีที่นางหยิบยื่นให้ นางก็มิอาจปล่อยให้จวนรองสกุลเฉียน ต้องมาได้รับโทษข้อหาฝ่าฝืนพระบัญชาของฝ่าบาท ที่กำหนดให้มีการแต่งงานในครั้งนี้ได้ไม่
“เห็นไหม เจ้านายของเจ้ายังไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลย แล้วไยตัวเจ้าต้องมาเดือดร้อนด้วยเล่า...เอาล่ะ ต่อจากนี้ท่านต้องเดินเท้าเข้าเรือนรองสกุลเฉียนแล้วล่ะ ข้าจะนำพวกท่านไปยังเรือนที่จัดไว้ให้” แม่บ้านซูลอยหน้าลอยตาใส่เด็กเมื่อวานซืนอย่างเซ่าซาง
สาวใช้ของคุณหนูใหญ่หลี่ ข่มอารมณ์ร้ายเอาไว้ รีบเข้าไปช่วยคุณหนูที่สวมใส่ชุดเจ้าสาวสีแดงให้ลงมาจากรถม้า แล้วพากันเดินตามแม่บ้านผ่านประตูเล็ก เข้าไปยังในส่วนท้ายของจวนสกุลเฉียน ซึ่งส่วนหน้าจะเป็นของสกุลหลัก ในขณะที่ส่วนหลังจะเป็นส่วนของสกุลรอง
ทั้งคู่เดินตามแม่บ้านซู ไปตามระเบียงเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงเรือนปีกตะวันออก ที่มีขนาดเล็ก เล็กกว่าเรือนเดิมของเหม่ยเอินมาก
“ถึงแล้ว ที่พักของท่าน” ...