บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 การต้อนรับของทางสกุลเฉียน

ตอนที่ 2

“ถึงแล้วเรือนพักของท่าน”

แม่บ้านประจำเรือนรอง ผายมือให้สตรีทั้งสอง พร้อมกับกลุ่มคนที่ขนสินเดิมมาจากรถม้า เข้าไปในเรือนไม้หลังเล็ก ที่ตั้งอยู่ทางปีกตะวันออกของเรือนหลักสกุลรองเฉียน

“อะไรกัน เรือนหลังนี้ยังเล็กกว่าเรือนเดิมของคุณหนูข้าอีก แบบนี้จงใจแกล้งกันชัด ๆ” เซ่าซางมองไปทั่วบริเวณด้วยสายตาไม่พอใจ

“เจ้านี้เรื่องมากเสียจริง ลืมไปแล้วหรือ ว่าส่วนด้านหลังนี้เป็นแค่ส่วนของสกุลรอง จะไปมีเรือนหลังใหญ่แบบของสกุลหลักได้อย่างไรกัน...หากพวกข้ามีสิทธิ์เลือกได้ นายของข้าคงไม่ต้องแต่งงานกับนายของเจ้าหรอก”

“เจ้า”

เซ่าซางยกมือชี้หน้าสตรีวัยกลางคนอย่างเหลืออด ที่บังอาจพูดจาหยามหน้านายสาวของตนมากจนเกินไปแล้ว

“เซ่าซาง หากเจ้าทำกิริยาเช่นนี้อีก ข้าจะส่งเจ้ากับจวนหลี่” เหม่ยเอินปรามเสียงแข็ง นัยน์ตาหงส์มองสาวใช้ข้างกายเขม็ง ก่อนจะปรายตามองสตรีที่สูงวัยกว่า ด้วยสายตาเช่นเดียวกัน

สายตานี้ เล่นเอาผู้อาวุโสกว่า ที่ทำท่าโอหังในตอนแรก รู้สึกเสียวสันหลังวาบ ยามที่ได้สบสายตาเอาเรื่องของสตรีผู้ที่ดูเหมือนจะไร้ซึ่งพิษสง นางจึงสงบปากสงบคำเดินหนีออกไปจากเรือนปีกตะวันออกแห่งนี้

พอคล้อยหลังแม่บ้านซู เจ้าสาวที่ไม่ได้ทำพิธีอื่นใดในจวนของฝ่ายชาย ได้ก้าวข้ามประตูเข้าไปในตัวเรือน ภายในโถงรับรอง ข้าวของเครื่องใช้ ล้วนแต่เป็นชิ้นงานหยาบ ๆ หาได้มีราคาค่างวดอันใดไม่ หากเปรียบเทียบกับจวนสกุลหลี่แล้ว เรือนปีกตะวันออกนี้ เหมือนเรือนของบ่าวไพร่มิมีผิด

บ่าวไพร่คนอื่น ๆ ขนข้าวของที่นำมาจากบ้านเดิม เข้ามาเก็บภายในเรือนเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะพากันแยกย้ายกลับไป ทิ้งให้สองนายบ่าวอยู่ตามลำพัง

เซ่าซางเดินสำรวจภายในเรือน จนทั่วบริเวณทั้งภายนอกภายใน ใบหน้าสาวใช้ก็ยิ่งบิดเบี้ยวนี่มันหยามเกียรติกันชัด ๆ คุณหนูแต่งเข้ามาเป็นฮูหยินของเรือนรอง ไม่ได้มาขออาศัยอยู่เสียหน่อย เหตุใดถึงต้องดูถูกกันแบบนี้ด้วย

แต่ครั้นจะพูดอันใดออกมา คุณหนูอาจจะไม่พอใจ ส่งตัวกลับจวนสกุลหลี่ คราวนี้คุณหนูของตนได้ลำบากจริง ๆ แน่...หากว่าคุณหนูได้นิสัยของคุณหนูรองมาสักนิดก็คงดี ไม่ใช่ อะไรก็ยอมอดทนเก็บงำความรู้สึกไว้คนเดียว

...เฮ้อ...

หากงานแต่งเกิดขึ้นเมื่อหนึ่งเดือนก่อน ที่เป็นกำหนดเดิม และเจ้าบ่าวคนเดิม สิ่งที่คุณหนูพบเจอ ต้องไม่ใช่แบบนี้แน่นอน...

ยามดวงตะวันลาลับขอบฟ้า ความมืดยามสนธยาเข้ามาครอบงำ ให้บริเวณจวนสกุลเฉียนทั่วทุกเรือนตกอยู่ในความเงียบสงัด

แต่ยังคงมีอิสตรีหนึ่งนาง นั่งหลังตรงอยู่บนเตียง ใบหน้างามยังคงมีผ้าสีแดงปิดคลุมเอาไว้ เพื่อรอเวลาให้เจ้าบ่าวเป็นคนมาเปิดผ้าคลุมหน้า ตามขนบธรรมเนียมประเพณี

“คุณหนู นอนพักผ่อนเถอะนะเจ้าคะ ดึกปานนี้แล้ว คงไม่มาหรอกเจ้าคะ”

สาวใช้ที่จงรักภักดี ไม่ยอมไปหลับไปนอน ตามคำสั่งของผู้เป็นนาย แต่กลับนั่งถ่างตารอ ว่าเจ้าบ่าวจะมาหาเจ้าสาวยามใด แต่ก็เหมือนกับตอนที่รอขบวนแห่ไปรับนั่นแหละ ไร้ซึ่งวี่แวว จนคนเฝ้ารอเกิดอาการท้อแท้ใจ

เสียงสัญญาณตีบอกเวลายามจื่อ (23.00-24.59) คนที่อดทนนั่งหลังแข็งจึงยอมขยับเขยื้อนกาย คลายความอ่อนล้า ในเมื่อรอจนเวลาล่วงมาถึงปานนี้แล้ว คงไม่มีประโยชน์ที่จะเฝ้ารออีกต่อไป

“เซ่าซาง พักผ่อนกันเถอะ”

คนที่เฝ้ารอเวลานี้มานาน รีบเข้ามาช่วยคุณหนูเปลี่ยนชุด ล้างหน้าล้างตา ตลอดเวลาที่ปรนนิบัติผู้เป็นนาย สายตานางคอยลอบมองสังเกตท่าทีของคุณหนูว่ารู้สึกเช่นไร กับการแต่งงานที่ไม่มีพิธีเหมือนงานแต่งของคนอื่น ๆ แต่ว่าคุณหนูของตน ยังคงรักษาอาการสงบนิ่ง ยากที่จะอ่านความรู้สึกอันแท้จริงได้...

แต่สาวใช้หาได้รู้ไม่ แม้ว่าจะไม่ได้ยินดีในตัวเจ้าบ่าวคนนี้ เหม่ยเอินก็เหมือนสตรีที่ต้องแต่งงานออกเรือนทั่วไป ที่อยากได้การยอมรับจากสามีและครอบครัวของสามี

และในเมื่อทางนี้แสดงออกอย่างชัดเจนขนาดนี้ นางก็ย่อมต้องมีความรู้สึกเป็นธรรมดา เพียงแต่ว่า ด้วยนิสัยที่เป็นคนเก็บงำความรู้สึกทุกอย่างมาตั้งแต่วัยเยาว์ ทำให้จำต้องข่มอารมณ์น้อยเนื้อต่ำใจเอาไว้ แสดงออกด้วยท่าทางที่นิ่งเฉยออกมาแทน...

บทพิสูจน์ความอดทนของหญิงสาวในวันแต่งงานยังไม่หมดเพียงเท่านั้น ยามที่แสงสว่างของวันใหม่มาเยือน เรือนปีกตะวันออก รวมถึงสะใภ้ใหม่สกุลรองเฉียนก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงา ของคุณชายสกุลรองเฉียน

เจ้าสาวที่ต้องนอนอยู่ในห้องหอคนเดียวตั้งแต่คืนแต่งงานคืนแรก เดินนำสาวใช้ข้างกายที่ถือถาดน้ำชา ไปตามเส้นทางที่สอบถามสาวใช้สกุลเฉียนแล้วว่านำไปทางส่วนหน้า ที่เป็นส่วนที่พักอาศัยของคนสกุลหลักเฉียน

“นายท่านเฉียน เฉียนฮูหยิน คุณหนูเหม่ยเอินมาขอเข้าพบเจ้าคะ” สาวใช้ที่อยู่นอกเรือนรายงานผู้เป็นใหญ่ในจวนสกุลเฉียน ก่อนจะได้รับคำตอบกลับมาว่า

“ให้นางเข้ามาได้”

ภายในโถงรับรองของเรือนสกุลหลัก ใต้เท้าเฉียนอดีตหัวหน้าทหารองครักษ์ นั่งอยู่ตรงตำแหน่งประธาน ในขณะที่เฉียนฮูหยินใหญ่ ผู้ที่เป็นภรรยานั่งอยู่เคียงข้าง

ในตำแหน่งที่ถัดลงมา สตรีที่อ่อนวัยกว่าเฉียนฮูหยิน นั่งเคียงข้างอยู่กับบุรุษหนุ่มใบหน้าหล่อเหลาสะอาดสะอ้าน พอจะคาดเดาได้ไม่ยาก ว่าสตรีนางนี้คือฮูหยินใหญ่ของเฉียนเกาอู๋ น้องชายฝาแฝดที่เสียชีวิตไปของใต้เท้าเฉียนเกาเหยา ส่วนเอกบุรุษที่เอาแต่นั่งนิ่ง ใบหน้าบึ้งตึงคงเป็นใครอื่นไม่ได้นอกจาก เฉียนเหยียนผู่ เจ้าบ่าวที่ไม่ให้ความสนใจเจ้าสาวเลยแม้แต่น้อย

“เหม่ยเอิน คารวะ นายท่านเฉียน เฉียนฮูหยิน ฮูหยินจ้าว”

เหม่ยเอินยอบกายคารวะผู้อาวุโสกว่าทุกคน ก่อนจะหันมายอบกายทำความเคารพ ชายหนุ่มที่ทอดสายตามองเลยไปทางอื่น

“ไม่ต้องมากพิธี อย่างไรเจ้าก็แต่งเข้ามาเป็นสะใภ้สกุลรองเฉียนแล้ว ควรจะเรียกจ้าวลี่อิน ว่าท่านแม่ถึงจะถูก”

‘ฮูหยินหวังฉิงชวน’ ภรรยาเอกของใต้เท้าเฉียน ผู้ที่มีอำนาจสูงสุดในจวนเฉียน เอ่ยปากขึ้น แม้ริมฝีปากจะแย้มยิ้มดูคล้ายกับว่าเป็นคนจิตใจดี แต่แววตาลูกท้อไม่ได้ยิ้มตามไปด้วย

ส่วนผู้ที่ถูกบอกว่าควรเรียกตนว่าท่านแม่ กลับมีสีหน้าบึ้งตึงแสดงออกมาอย่างชัดแจ้ง ว่าไม่ชอบลูกสะใภ้คนนี้ ไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนไหน

เหม่ยเอินฝืนยิ้มออกมาเล็กน้อย กับคำกล่าวของเฉียนฮูหยินใหญ่ หญิงสาวรับถาดใส่ถ้วยชามาจากสาวใช้ข้างกาย แล้วตรงเข้าไปหา ใต้เท้าเฉียนเกาเหยาตรงตำแหน่งประธานเป็นอันดับแรก เพื่อทำพิธียกน้ำชาทำความเคารพญาติทางฝ่ายสามี หลังจากนั้นก็มาถึงคราวของเฉียนฮูหยินใหญ่

และลำดับสุดท้ายสะใภ้ใหม่สกุลเฉียน ยกถาดน้ำชามาวางไว้ข้าง ๆ จ้าวลี่อิน มารดาของสามี

'จ้าวลี่อิน’ ยกกาน้ำชารินลงไปในถ้วยชาที่ลูกสะใภ้ถืออยู่ จงใจที่จะรินน้ำชาจนล้นออกจากถ้วยชา รินไหลลงไปตามนิ้วมือเรียวงามที่จับประคองถ้วยชาเอาไว้ พร้อมกับยิ้มเยาะที่มุมปากให้คนที่ถูกน้ำชาร้อน ๆ สัมผัสถูกผิวหนังได้เห็น

คราแรกเหม่ยเอินสะดุ้งเฮือก ยามที่ถูกน้ำชาร้อน ๆ ไหลลงมาอาบนิ้วมือของตน แต่ยังคงพยายามสงวนท่าทีเอาไว้ ว่าไม่รู้สึกรู้สาอันใดเลย ก่อนจะยิ้มออกมาตอบรอยยิ้มเยาะของฝ่ายตรงข้าม

“เหม่ออะไรของเจ้า น้ำชาหกเลอะเทอะไปหมดแล้ว” ‘เฉียนเกาเหยา’ ที่พึ่งสังเกตเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นรีบทักท้วงเสียงแข็ง

“อะไรนะ...ตายจริง เจ็บหรือเปล่าลูก”

ลี่อินรีบวางกาน้ำชา หันมารับถ้วยชาที่มีน้ำสีเหลืองอ่อนไปจากนิ้วมือเรียวงามที่เริ่มแดงระเรื่อ นางจับมือนั้นขึ้นมา ทำสีหน้าเหมือนสำนึกผิด ไม่ได้มีเจตนาที่จะให้เรื่องเป็นเช่นนี้เลย...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel