
บทย่อ
ตัวข้าไม่อาจโกรธเคืองท่าน เรื่องร้ายที่พบเจอล้วนเป็นตัวข้าชักนำมาหาตนเองทั้งนั้น หากข้าไม่ดื้อด้านคิดครอบครองคนที่เขาไม่รัก ข้าก็คงไม่ต้องพานพบกับความเสียใจและสูญเสียสายเลือดของข้าไป
ตอนที่ 1 อารมณ์ร้ายของคุณหนูใหญ่
ตอนที่ 1
อารมณ์ร้ายของคุณหนูใหญ่
ภายในเรือนขนาดกลาง ซึ่งตั้งอยู่ทางปีกตะวันออกของจวนรองเจ้ากรมพิธีการ สาวใช้ที่ทำงานอยู่นอกจวน ต่างพากันยืนนิ่งวางมือจากงานที่ทำอยู่ เพื่อฟังเสียงเอะอะโวยวาย ซึ่งเคยได้ยินกันเป็นประจำอยู่แล้ว แค่อยากจะรู้ว่าเช้าวันนี้ เป็นผู้ใดที่กล้าขัดใจ หรือทำให้คุณหนูใหญ่ไม่พอใจ
“ไปลากตัวแม่ครัวที่ทำอาหารเช้านี้มาให้ข้าเดี๋ยวนี้”
ใบหน้ารูปไข่ที่เคยงดงามประดุจเทพธิดาบนสรวงสวรรค์ บัดนี้เต็มไปด้วยผื่นแดงขึ้นเต็มใบหน้า ลามไปถึงส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย ดวงตาเรียวดุจหงส์เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด หลังจากอาละวาดจนจานชามกองกระจัดกระจายอยู่บนพื้นแล้ว เจ้าของเรือนก็หันไปสั่งให้สาวใช้ไปลากตัวแม่ครัว ที่เป็นสาเหตุของผดผื่นตามร่างกายมา เพื่อลงโทษให้สาสมกับความผิด
“เจ้าค่ะ” สาวใช้ทั่วไปที่มีหน้าที่คอยรับใช้เรือนเหมยอัน รับคำแล้วรีบเดินออกจากเรือนไปไม่กล้าชักช้า ต่างก็รู้ดีว่า หากขัดใจหรือทำสิ่งใดผิดพลาด จะถูกคุณหนูสั่งลงโทษทันที
ไม่นานนักสาวใช้ก็เดินนำหญิงวัยกลางคน ซึ่งเป็นหัวหน้าแม่ครัวและเป็นผู้ที่รับผิดชอบทำอาหารส่งมาให้เรือนปีกตะวันออก ใบหน้าอันเริ่มมีริ้วรอยซีดเซียวไร้สีเลือด เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ราวกับรู้ว่าชะตาของตนเองกำลังจะขาด
ทันทีที่แม่ครัวมาหยุดยืนก้มหน้าอยู่ต่อหน้า น้ำเสียงขุ่นเคืองตวาดจนคนที่อยู่ในห้องพากันสะดุ้งไปตาม ๆ กัน
“เจ้าเป็นคนรับผิดชอบทำอาหารส่งมาที่เรือนของข้า รู้ทั้งรู้ว่าข้าแพ้เกสรดอกไม้ทุกชนิด เหตุใดในกับข้าวพวกนี้ ถึงยังมีส่วนผสมที่ทำให้อาการแพ้ของข้ากำเริบอีก อยากจะลองดีกับข้าหรือ”
หัวหน้าแม่ครัวรีบทรุดตัวลงนั่งคุกเข่า ร่างทั้งร่างสั่นสะท้านขณะที่โขกศีรษะร้องขอความเมตตา “คุณหนูได้โปรดเมตตาด้วย บ่าวไม่รู้เรื่อง อาหารที่บ่าวทำไม่มีส่วนผสมของดอกไม้เลยนะเจ้าคะ หากคุณหนูไม่เชื่อไปถามผู้ช่วยและสาวใช้ที่อยู่ในโรงครัวได้เจ้าค่ะ”
แต่มีหรือ ‘เฟิงลี่เยียน’ จะเชื่อ ด้วยผดผื่นที่ขึ้นเต็มตัวของนางเป็นหลักฐานได้เป็นอย่างดี ด้วยนางเป็นโรคแพ้เกสรดอกไม้ทุกชนิด บริเวณรอบ ๆ เรือนจึงไม่มีการปลูกดอกไม้ประดับเรือนแต่อย่างใด และแม่ครัวที่รับผิดชอบทำอาหารส่งมาที่เรือนปีกตะวันออกทุกคนต่างก็รู้เรื่องนี้ดี
“ลากตัวออกไป โบยสามสิบไม้ โทษฐานที่ทำให้ข้าออกไปข้างนอกไม่ได้”
ความจริงวันนี้นางตั้งใจจะออกไปทำธุระที่นอกจวน ด้วยสาวใช้คนสนิทไปสืบได้ความมาว่า คุณชายหยาง จะมาเดินหมากนั่งดื่มชาที่โรงน้ำชาชื่อดังของเมืองหลวง นางเลยตั้งใจจะไปพบหน้า บุรุษที่นางแอบพึงใจ หมายมาดว่าจะสร้างความประทับใจให้เขา ส่งเถ้าแก่มาสู่ขอนางให้ได้ แต่แม่ครัวดันมาทำลายแผนการของนาง บทลงโทษโบยสามสิบไม้ จึงถือว่าสมควรแล้ว
“คุณหนู บ่าวไม่ได้ทำ ได้โปรดเมตตาบ่าวด้วย” หัวหน้าแม่ครัวพยายามโขกศีรษะร้องขอความเป็นธรรม ไม่นานก็มีสาวใช้สองคนเดินเข้ามาพยุงแขนทั้งสองข้าง เตรียมลากตัวพาออกไปรับบทลงโทษที่ลานลงโทษ
แต่แล้วเสียงหวานของใครบางคนก็สั่งห้ามสาวใช้ทั้งสองนางเอาไว้ “พวกเจ้าปล่อยตัวหัวหน้าแม่ครัวเดี๋ยวนี้” ก่อนที่เรือนร่างสะโอดสะองเย้ายวนตา จะก้าวเดินเข้ามาในโถงรับรอง พลางยอบกายต่อหน้าเจ้าของเรือนด้วยกิริยาเรียบร้อยอ่อนหวาน “ลี่ฉีคารวะพี่หญิงเจ้าค่ะ”
ร่างจากนั้นคุณหนูรองสกุลเฟิงก็ทรุดกายลงหัวเข่าแนบไปกับพื้นห้อง ก้มหน้าสำนึกผิด พลางสารภาพบาปออกมา
“พี่หญิง ได้โปรดปล่อยหัวหน้าแม่ครัวไปเถิดเจ้าค่ะ นางไม่รู้เรื่องอันใดเลย เป็นข้าเองที่ทำขนมขึ้นมา โดยใส่เกสรดอกไม้ลงไปเพียงเล็กน้อย แล้วนำไปให้หัวหน้าแม่ครัวจัดวางในสำรับของแต่ละเรือน แต่ข้าไม่รู้มาก่อนนะเจ้าคะ ว่าพี่หญิงแพ้เกสรดอกไม้ ไม่อย่างนั้นข้าคงทำขนมแยกให้พี่หญิงต่างหากแล้ว”
เฟิงลี่เยียนได้ฟังสิ่งที่น้องสาวต่างมารดาเล่า ก็โบกมือส่งสัญญาณให้สาวใช้สองคนปล่อยตัวหัวหน้าแม่ครัวไป ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้เป็นคนทำผิด นางก็ไม่จำเป็นต้องลงโทษ
พอหัวหน้าแม่ครัวได้รับอิสรภาพแล้ว ก็หันมาโขกศีรษะขอบคุณคุณหนูรอง แล้ววิ่งออกจากเรือนเหมยอัน แต่ไม่ได้กลับไปที่โรงครัว เลือกที่จะวิ่งไปที่เรือนหลัก เพื่อรายงานให้เซินฮูหยินทราบ จะได้รีบมาช่วยคุณหนูรองผู้แสนดีให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของนางมารร้าย
หลังจากปล่อยหัวหน้าแม่ครัวไปแล้ว เฟิงลี่เยียนก็หันมาจัดการ ผู้ที่เป็นต้นเหตุทำให้นางตกอยู่ในสภาพดูไม่ได้ ดวงตาเรียวดุจพญาหงส์จับจ้องดวงหน้าหวานละมุนดุจพระจันทร์ในคืนเพ็ญ ด้วยแววตาของเพชฌฆาตที่รอประหารนักโทษผู้ทำผิด
“เจ้าบอกว่าเป็นคนทำขนมที่ข้ากินเข้าไป โดยมีเกสรดอกไม้ผสมอยู่” น้ำเสียงเยียบเย็นเสียจนคนฟังเสียวสันหลังวาบ ก้มหน้าสำนึกผิดยิ่งกว่าเดิม
“เจ้าค่ะ พี่หญิงโปรดอภัย ที่ข้าทำไปเพราะไม่รู้ว่าพี่หญิงแพ้เกสรดอกไม้จริง ๆ”
‘เฟิงลี่ฉี’ ก้มหน้าสำนึกผิด สองมือกำชายกระโปรงเอาไว้แน่น หัวเข่าที่แนบไปกับพื้นเริ่มรู้สึกชา ร่างบอบบางสั่นสะท้านจากแรงกดดันที่แผ่ออกมาจากร่างที่ยืนตระหง่านเหนือศีรษะของนาง
“เจ้ากับข้าเป็นพี่น้อง อยู่จวนเดียวกัน แม้จะคนละเรือนก็ตาม ทุกคนในจวนต่างรู้หมด แต่เจ้าจะบอกว่าเจ้าไม่รู้อยู่เพียงผู้เดียวงั้นหรือ เจ้าคิดว่าข้าโง่หรืออย่างไร ลี่ฉี เจ้าคิดจะทำอะไร อย่าคิดว่าข้าไม่รู้”
เฟิงลี่เยียนคำราม นางบังเอิญเคยได้ยินน้องสาวต่างมารดาพูดกับสาวใช้คนสนิท ถึงความปลาบปลื้มใจที่มีต่อคุณชายหยางหงเจิน รองเจ้ากรมการคลัง ขุนนางหนุ่มอนาคตไกล นางจึงปะติดปะต่อเรื่องราวได้ทันที ว่านี้คงเป็นแผนการที่น้องสาววางเอาไว้ เพื่อกำจัดคู่แข่ง
คุณหนูรองของจวนเฟิงสั่นสะท้านจับขั้วหัวใจ รีบโขกศีรษะลงพื้นกิริยาไม่ต่างจากหัวหน้าแม่ครัว หยดน้ำตาไหลเอ่อออกมาอย่างห้ามไม่ได้ เป็นที่น่าเวทนาสงสารในสายตาของบ่าวไพร่ แต่ก็ไม่มีผู้ใดกล้ายืนมือเข้าช่วยเหลือ ด้วยเกรงกลัวว่าจะถูกเล่นงานไปด้วย
“ข้าไม่รู้ ข้าไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ เจ้าค่ะ ข้าไม่มีแผนการอะไรทั้งนั้น พี่หญิง หากท่านไม่เชื่อ จะลงโทษข้าอย่างไรก็ได้เจ้าค่ะ ขอแค่ให้พี่หญิงพอใจ และไม่ไปเอาเรื่องกับผู้อื่นอีก”
“ข้าลงโทษเจ้าแน่ ใครที่มันทำไม่ดีกับข้า ข้าย่อมเอาคืน”
แล้ววันนี้เมื่อข้าไม่ได้ออกไป เจ้าก็อย่าหวังจะได้ออกไปเหมือนกัน...นี้คือสิ่งที่เฟิงลี่เยียนคิด แล้วไม่ใช่แค่คิดนางยังลงมือทำ โดยการจับผมด้านหลังของน้องสาวกระชากให้แหงนหน้าขึ้นสู้สายตากับนาง แล้วใช้ฝ่ามือฟาดลงบนพวงแก้มนุ่มไม่ยั้ง
เพียะ! ๆ
“คุณหนู อย่า”
ในเรือนนี้ คงจะมีเพียงแค่ ‘ชิงชิง’ เพียงเท่านั้น ที่กล้าเข้ามาช่วย โดยไม่กลัวว่าตนเองจะถูกลงโทษ นางพุ่งเข้ามาพยายามคว้าตัวคุณหนูของตน ให้ถอยออกห่างจากคุณหนูรอง แต่ก็ทำได้ยาก เพราะไม่รู้ว่าผู้เป็นนายเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนขืนตัวเอาไว้
เสียงฝ่ามือฟาดลงบนผิวหน้ากับเสียงร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดดังก้องสะท้านเรือน ท่ามกลางอาการอยากจะหยุดหายใจของบรรดาบ่าวไพร่ที่เห็นเหตุการณ์ หญิงวัยกลางคนแต่งกายด้วยผ้าไหมเนื้อดี ร่างกายประดับประดาไปด้วยเครื่องประดับของมีค่า เดินมาตามระเบียงทางเดินยังได้ยินเสียงร้องไห้คร่ำครวญของบุตรสาว สองมือกำเข้าหากันแน่น กระทั่งผ่านประตูห้องโถงมา เสียงทรงอำนาจก็ตวาดเสียงดังลั่น
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
ก่อนที่จะหยุดตามคำสั่งของฮูหยินใหญ่ เฟิงลี่เยียนยังฝากรอยนิ้วมือครั้งสุดท้ายบนใบหน้างาม ต่อหน้าต่อตามารดาของน้องสาว หลังจากได้ชำระแค้นเรียบร้อยแล้ว ก็ถอยออกมา ทิ้งตัวลงนั่งสีหน้าเรียบเฉย ราวกับเหตุการณ์เมื่อครู่ไม่เคยเกิดขึ้น
เซินฮูหยินก้มลงไปประคองบุตรสาวที่อยู่ในท่านั่งให้ลุกขึ้นยืน จากนั้นก็ประคองพวงแก้มที่มีรอยแดงของฝ่ามือพยายามให้เบามือที่สุด “ฉีเอ๋อร์ของแม่ เจ็บมากหรือไม่”
เฟิงลี่ฉีรีบส่ายหน้า แม้หยาดน้ำตายังไหลออกมาไม่ขาดสาย “ลูกไม่เจ็บเจ้าค่ะ ท่านแม่อย่าต่อว่าพี่หญิงเลยนะเจ้าคะ เป็นลูกเองที่ผิด ถูกพี่หญิงลงโทษก็สมควรแล้ว”
“นางทำกับลูกขนาดนี้ ยังจะออกตัวแทนนางอีกหรือ” ...
