บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 ผู้ใดจะกล้าแตะต้อง

ตอนที่ 2

ผู้ใดจะกล้าแตะต้อง

 

“นางทำกับลูกขนาดนี้ ยังจะออกตัวแทนนางอีกหรือ”

‘เซินลี่หง’ ไม่เข้าใจเลย ว่าบุตรสาวของนางถูกพี่สาวต่างมารดา คอยหาเรื่องรังแกมาตลอด ตั้งแต่เล็กจนโต กลับไม่เคยโกรธเคืองหรือตอบโต้กลับไปเลยสักครั้ง มีแค่นางที่เป็นเดือดเป็นร้อนเคียดแค้นแทนบุตรสาว

“ท่านแม่ พวกเรากลับเรือนกันเถอะ พี่หญิงจะได้พักผ่อน”

ด้วยเกรงว่ามารดาจะหันไปใส่อารมณ์กับพี่สาว เฟิงลี่ฉีจึงรีบคล้องแขนชักชวนมารดากลับเรือน ไม่อยากจะให้เรื่องบานปลายไปมากกว่านี้

แต่มีหรือครั้งนี้เซินลี่หงจะยอม กล้าลงมือทำร้ายร่างกายกันขนาดนี้ อย่างไรวันนี้ เฟิงลี่เยียนจะต้องได้รับการสั่งสอนเสียบ้าง

“ลี่เยียน ลี่ฉีเป็นน้องสาวของเจ้า ถึงข้าจะไม่ใช่มารดาแท้ ๆ ของเจ้า แต่ก็เลี้ยงดูเจ้ามาเป็นอย่างดี ลงมือทำร้ายน้องสาวถึงเพียงนี้ จิตใจของเจ้าทำด้วยอะไร”

เฟิงลี่เยียนตวัดสายตามองหน้าฮูหยินใหญ่คนใหม่ของจวนเฟิง เมื่อก่อนตอนที่มารดาของนางยังอยู่ เซินลี่หงยังคงเป็นอนุต่ำต้อย ผู้เจียมเนื้อเจียมตัว จนมารดาของนางเอ็นดูต่างจากอนุคนอื่น ๆ แต่พอมารดาจากไปตอนนางอายุได้หกขวบ เซินลี่หงถูกเลื่อนขึ้นมาเป็นฮูหยินใหญ่ จากนั้นนิสัยก็ต่างจากหน้ามือเป็นหลังมือ แต่ไม่มีใครรู้หรอกนะ ว่านิสัยที่แท้จริงของผู้หญิงคนนี้เป็นอย่างไร ลับหลังท่านพ่อและบ่าวไพร่ มักจะหาทางทำร้ายและเล่นงานนาง โดยที่ในจวนไม่มีใครช่วยเหลือ ด้วยเหตุนี้ นางจำต้องแกร่งและตอบโต้ผู้ใดก็ตามที่กล้ารังแกนางอีก หากอ่อนแอก็จะถูกเหยียบย่ำให้จมดิน

“จิตใจของข้าทำด้วยอะไรนะหรือ คงจะทำมาจากไฟกระมัง ไฟที่พร้อมทำลายคนไม่ดีที่คิดจะทำร้ายข้าก่อน” น้ำเสียงดุดันกล่าวตอบฮูหยินใหญ่ ไม่มีความสะทกสะท้าน ไม่มีความหวาดกลัว แม้อำนาจในการดูแลจวนจะอยู่ในมือของอีกฝ่าย

“ฉีเอ๋อร์นะหรือ คิดจะทำร้ายเจ้า แม้แต่มดตัวเดียวนางยังไม่กล้าฆ่า นางจะคิดร้ายกับเจ้าได้อย่างไร มีแต่เจ้าที่มีจิตใจโหดเหี้ยมร้ายกาจเกินมนุษย์ คงคิดว่าข้าไม่สามารถเล่นงานเจ้าได้สินะ คอยดูเถอะ วันนี้ข้าจะให้ท่านพี่ลงโทษโบยเจ้าให้ได้”

แม้เซินฮูหยินจะมีอำนาจในการดูแลจวนอยู่ในมือ แต่นางก็ไม่กล้าเล่นงานเฟิงลี่เยียนได้ตรง ๆ เพราะอีกฝ่ายมีจวนเดิมของมารดาและมีคนสำคัญคนหนึ่งคอยหนุนหลังอยู่ หากเรื่องไปถึงหูคนผู้นั้นเข้า ชีวิตน้อย ๆ ของนางคงจบสิ้นแน่ แต่ถ้าเป็นสามีออกหน้า ออกคำสั่งเอง ใครหน้าไหนจะกล้าตำหนิ

นางประคองรีบพาบุตรสาวที่ใบหน้าเริ่มบวมเดินออกจากเรือนเหมยอัน ตรงไปที่เรือนหลัก แม้บุตรสาวจะขอร้องให้ยุติเรื่องทั้งหมดไว้เอาไว้ นางก็ไม่ยอม

“ลูกหุบปากไปเลย แม้ไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายลูกแม่ตามอำเภอใจแล้วลอยนวลไปแบบนี้แน่”

เมื่อมาถึงห้องทำงานของสามี นางก็สั่งให้คนสนิทของสามีที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าห้องเข้าไปรายงาน ไม่นานนักคนสนิทก็กลับออกมา บอกว่าใต้เท้าเฟิงให้เข้าพบได้

ทันทีที่เข้าไปในห้อง เซินลี่หงก็รีบบีบน้ำตาร้องไห้คร่ำครวญอย่างทรมานใจ จนคนเป็นสามีรีบลุกออกจากโต๊ะทำงาน เข้ามาโอบกอดภรรยาคนงามเอาไว้

“หงเอ๋อร์ ร้องไห้ด้วยเหตุใด ใครทำอันใดเจ้า”

“ท่านพี่ ฮือ ๆ หากทำข้า ข้าย่อมไม่เสียใจถึงเพียงนี้เจ้าค่ะ แต่นี่ทำกับฉีเอ๋อร์ของข้าถึงเพียงนี้ ข้าเจ็บปวดใจยิ่งนัก”

พอได้ยินภรรยาที่รักพูดมาแบบนั้น ‘เฟิงเหวินหยุน’ ก็เบนสายตามองสนใจบุตรสาวคนเล็กที่เอาแต่ยืนก้มหน้า คล้ายไม่อยากให้ผู้ใดเห็นใบหน้าอย่างนั้นแหละ “ฉีเอ๋อร์ ลูกถูกพี่สาวรังแกมาอีกอย่างนั้นหรือ”

“ไม่ใช่เจ้าค่ะ ท่านแม่เข้าใจผิดไป” เฟิงลี่ฉีพยายามแก้ต่างแทนพี่สาว ไม่ยอมแหงนใบหน้าขึ้นสู้สายตาของบิดา

“แม่เข้าใจผิดอย่างนั้นหรือ” เซินลี่หงรีบผละออกจากอ้อมแขนของสามี มายกใบหน้าของบุตรสาวให้แหงนขึ้นสูง เพื่อให้สามีมองเห็นริ้วรอยแดงรูปฝ่ามือทั้งสองข้างได้ชัดเต็มสองตา “ถูกตบจนแก้มบวมเป่งทั้งสองข้างขนาดนี้ ยังจะแก้ตัวแทนพี่สาวใจร้ายของเจ้าอีก”

นางต่อว่าบุตรสาวจบก็หันมาทางสามีที่ยืนตาค้างมองอยู่ “ท่านพี่ คราวนี้เยียนเอ๋อร์ทำเกินไป ที่ผ่านมาจะรังแกพวกเราสองแม่ลูกอย่างไรข้าไม่ว่า แม้แต่ไม่นับถือข้าในฐานะมารดาคนหนึ่งก็ไม่เป็นไร แต่ถึงขั้นลงไม้ลงมือแบบนี้ ท่านพี่ต้องคืนความยุติธรรมให้พวกเราสองแม่ลูกด้วยนะเจ้าคะ”

“มันจะมากเกินไปแล้ว ใครก็ได้ไปตามลี่เยียนมาพบข้า”

เสียงทรงอำนาจประกาศกร้าว ดวงตาลุกโชนไปด้วยไฟแห่งโทสะ ถึงที่ผ่านมาบุตรสาวคนโตจะก่อเรื่องอยู่บ่อยครั้งก็ไม่ถึงขั้นลงมือ เขาจึงทำแค่เพียงตักเตือนหรือสั่งกักบริเวณเท่านั้น แต่ว่าครั้งนี้กล้าลงไม้ลงมือกับน้องสาวของตนเอง มันก็เกินไปแล้ว หากเขาไม่สั่งสอนเสียบ้าง อนาคตก็จะทำอะไรไม่เห็นหัวเขาอีก

ไม่นานคุณหนูใหญ่เฟิงก็เดินเข้ามาในห้อง นางยอบกายลงทำความเคารพบิดาและฮูหยินใหญ่พอเป็นพิธี ศีรษะมีผ้าคลุมปิดบังใบหน้าเอาไว้

“ลี่เยียน จริงหรือไม่ที่เจ้าทำร้ายฉีเอ๋อร์” หลังจากบุตรสาวคนโตยืนสงบนิ่ง เฟิงเหวินหยุนก็สอบถามขึ้นมา

“จริงเจ้าค่ะ” ลี่เยียนเองก็ยอมรับไปตรง ๆ

ปัง!

ทำให้ผู้เป็นบิดาบันดาลโทสะ ฟาดฝ่ามือลงบนโต๊ะ ตามมาด้วยคำด่าทอ โดยที่ไม่ถามหาสาเหตุที่บุตรสาวคนโตก่อเรื่องเช่นนั้น “มันจะมากเกินไปแล้ว เจ้าทำอันใดเคยเห็นหัวบิดาอย่างข้าหรือไม่ ที่ผ่านมาเห็นแก่แม่ของเจ้า ถึงไม่เคยคิดทำรุนแรง แต่มาถึงขั้นนี้แล้ว หากไม่สั่งสอนเสียบ้าง เจ้าคงไม่รู้จักสำนึก ข้าจะสั่งโบยเจ้าสามสิบไม้ เอาตัวไป”

เฟิงลี่เยียนหาได้สะทกสะท้าน แม้สาวใช้สองคนที่อยู่นอกเรือนจะเดินเข้ามา แล้วมาหยุดยืนอยู่ด้านหลังของนางอย่างเตรียมพร้อม ดวงตาหงส์จ้องมองใบหน้าของบิดา ที่ครั้งหนึ่งนางเคยถวิลหาความรักจากคนตรงหน้า แต่ความรู้สึกนั้นก็ค่อย ๆ จางหายไป เพราะนางได้เรียนรู้แล้วว่า ความรักของบิดา มีเอาไว้ให้ภรรยาและลูกอีกคนเท่านั้น ส่วนนางก็เป็นเหมือนส่วนเกินของครอบครัวนี้ แล้วยิ่งเรื่องความยุติธรรมยิ่งไม่ต้องกล่าวถึง แทนที่บิดาจะถามหาสาเหตุ ว่าเหตุใดนางถึงกล้าตบหน้าน้องสาว บิดากลับเอ่ยบทลงโทษออกมาเลย

เป็นเช่นนี้แล้ว นางจะพูดแก้ต่างให้ตนเองให้เปลืองน้ำลายทำไมเล่า นางหันไปทางสาวใช้คนสนิทแล้วออกคำสั่ง

“ชิงชิง เจ้าไปเขียนจดหมายสองฉบับ ฉบับหนึ่งส่งให้ท่านตา บอกให้ท่านตาพาหมอมาตรวจดูอาการแพ้เกสรดอกไม้ของข้าที เพราะข้าคงออกไปพบท่านหมอไม่ไหว เนื่องจากจะถูกโบยตั้งสามสิบไม้ ส่วนอีกฉบับส่งไปที่ชายแดน บอกพี่ชายไปว่า ข้าคิดถึง”

เพียงได้ยินคำสั่งของบุตรสาวคนโต ใบหน้าของเฟิงเหวินหยุนกับเซินฮูหยินถึงกลับถอดสี อีกหนึ่งกลัวว่าหากจวนเจิ้งกั๋วกงรู้ว่าหลานสาวคนโปรดถูกสั่งลงโทษโบย จะหยุดมอบเงินสนับสนุนในแต่ละเดือน แล้วหากจวนกั๋วกงตัดขาดกับสกุลเฟิง จวนอื่น ๆ คงจะพากันไม่เห็นหัวสกุลเฟิงแน่ ส่วนอีกหนึ่งคน กลัวคนที่อยู่ชายแดนมากกว่า ด้วยเคยถูกขู่เอาไว้ หากคิดรังแกลี่เยียนอีก คนผู้นั้นจะกลับมาสังหารล้างตระกูล แต่ใจก็ยังอยากเห็นสามีเด็ดขาดตัดสินโทษโบยอยู่ดี

“ไม่ต้องแล้ว พวกเจ้าออกไปได้แล้ว” เฟิงเหวินหยุนเปลี่ยนใจ ไม่กล้าเอาฐานะทางการเงินและอำนาจในจวนไปเสี่ยง จึงหันไปสั่งสาวใช้ทั้งสองให้ออกไป ก่อนจะหันมาพูดกับบุตรสาวคนโต “ถึงจะไม่มีโทษโบยแล้ว เจ้าก็ยังสมควรต้องถูกลงโทษอยู่ดี กักบริเวณอยู่แต่ในเรือนสักเจ็ดวันก็แล้วกัน”

“เจ้าค่ะ” หลังจากบิดาสั่งบทลงโทษแล้ว เฟิงลี่เยียนก็ยอบกายลง เดินออกจากเรือนหลัก ไม่รู้สึกสะเทือนกับโทษทัณฑ์ที่ได้รับเลยแม้แต่น้อย

ผิดกลับผู้เป็นบิดาและแม่เลี้ยง ที่แค้นเคืองด้วยไม่อาจแตะต้องหรือทำอะไรหญิงสาวได้เลย หากทำอะไรรุนแรงเกินไป ก็จะส่งผลเสียต่อตระกูล แบบนี้เฟิงลี่เยียนถึงไม่เกรงกลัวหรือเห็นหัวผู้ใดเลย

ทางฝ่ายชิงชิงที่เดินตามคุณหนูของตนมา รีบเอ่ยถามขึ้น “ยังจะให้บ่าวส่งจดหมายอยู่หรือไม่เจ้าคะ”

“ไม่จำเป็น ข้าแค่ขู่พวกเขาเท่านั้น”

เฟิงลี่เยียนกลับเรือนด้วยหัวใจเยียบเย็น หากมารดายังอยู่เห็นนางมีสภาพเต็มไปด้วยผดผื่นเช่นนี้ คงรีบตามท่านหมอหรือหายามาทาให้แล้ว แต่นี่บิดาแท้ ๆ เองก็เห็น ว่าตามตัวของนางมีผื่นที่เกิดจากอาการแพ้ ยังไม่คิดจะถามไถ่ คิดแต่จะหาทางลงโทษอย่างเดียว หากนางมีอาการแพ้รุนแรง ปานนี้คงตายไปแล้ว...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel