บทย่อ
ตัวฉันในอดีต เคยตัดสินรักคนที่รูปร่างหน้าตา แต่เวลาผ่านไปหลายภพชาติ ฉันจึงได้เรียนรู้ว่า รักแท้หาได้ตัดสินจากรูปลักษณ์ภายนอกไม่ ขอบคุณสวรรค์ที่เมตตา ส่งฉันย้อนกลับคืนมา จนได้พบกับเขา...สามีที่รัก
ตอนที่ 1 ขอโอกาสอีกครั้ง
ตอนที่ 1
“หงลี่ เธอทำแบบนี้กับพี่ได้อย่างไร”
“ทำไมจะทำไม่ได้ ในเมื่อฉันกับพี่หยางเจี้ยนเรารักกัน”
“ไม่จริง”
“ถ้าไม่เชื่อ พี่ถามพี่หยางเจี้ยนเอาเองสิ”
ใบหน้าอวบอ้วนหันไปทางชายหนุ่ม ที่อยู่ในสภาพกึ่งเปลือยกาย ไม่ต่างจากสภาพของหญิงสาวอีกคน พร้อมเอ่ยถามขึ้นมาว่า
“ที่หงลี่พูดไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหมคะ ที่พี่หลวมตัวเป็นเพราะนางยั่วยวนพี่ก่อน”
“หงลี่ไม่ได้ยั่วยวนพี่ แต่เป็นพี่ต่างหากที่อดใจไม่ไหว จนรีบชิงสุกก่อนห่าม”
ชายหนุ่มตัวปัญหายอมรับออกมาหน้าตาเฉย ว่าเขากับหญิงงามนั้นมีอะไรกันเรียบร้อยแล้ว
“ไม่จริง...ไหนพี่เคยบอกว่ารักฉันคนเดียวไง” หญิงสาวที่มีความกว้างมากกว่าความสูงร้องขึ้น ไม่อยากจะยอมรับในสิ่งที่สองหูได้ยิน
“รักหรือ ใครมันจะไปรักคนอ้วนแบบเธอได้ลง ที่ฉันรักคือเงินมรดกของเธอต่างหากเล่า” ชายหนุ่มมองหญิงอ้วนตรงหน้าด้วยแววตาสมเพช
“โถ ๆ พี่สาว พี่อย่าเสียใจไปเลยนะ ถึงอย่างไรพี่ก็มีสามีรอปลอบใจอยู่นะ สามีฟันเหยิน ๆ อัปลักษณ์ไม่แพ้กันเลย ฮ่า ๆ”
หนึ่งชายหนึ่งหญิงหัวเราะร่วนเย้ยหยันหญิงสาวตรงหน้าผู้ไม่ประมาณตน คิดเพ้อฝันหลงรักหนุ่มหล่อที่สุดในหมู่บ้าน ไม่ได้ดูสังขารของตัวเองเลย
“ฮือ ๆ”
‘หลี่ชิงเหยียน’ ยกสองมือขึ้นอุดหู วิ่งออกมาจากห้องนอนของลูกพี่ลูกน้อง หยดน้ำใสไหลพรั่งพรูออกมาไม่ขาดสาย เจ็บปวดใจที่ต้องมาเห็นภาพบาดตาบาดใจ ของชายหนุ่มที่เธอรัก กำลังกกกอดกับลูกพี่ลูกน้องในเวลากลางวันแสก ๆ เช่นนี้ ไหนจะถูกทั้งสองหัวเราะเย้ยหยันเหมือนเป็นตัวตลกอีก
“ทำไม ๆ ต้องหลอกฉันด้วย ฮือ ๆ ได้...ในเมื่อหวังเงินของฉัน ก็อย่าหวังว่าจะได้ไปแม้แต่เหมาเดียว”
ร่างอ้วนท้วนออกจากบ้านที่สร้างมาจากอิฐ ตั้งใจจะไปหาลุงกับป้าที่ออกไปลงแปลงนาตั้งแต่เช้า เพื่อขอเงินของเธอทั้งหมด ที่ฝากเอาไว้คืนมา
กว่าจะถึงแปลงนาที่ชาวบ้านกำลังลงมือทำงานแลกแต้ม ก็เป็นเวลาเที่ยงวันพอดี เสียงสัญญาณดังขึ้น บ่งบอกว่าให้ทุกคนขึ้นมาพักเที่ยงได้
ชิงเหยียน เห็นลุง ป้า พี่ชาย พี่สะใภ้ รวมไปถึงสามีจำเป็นของเธอ กำลังขึ้นมาจากแปลงนา ก็รีบหอบสังขารอวบอ้วน เข้าไปหาหญิงวัยกลางคนทันที
“ป้าคะ หนูขอเงินของพ่อกับแม่คืนทั้งหมดด้วยค่ะ”
‘เฉินหยุนลี่’ ที่เหน็ดเหนื่อยจากการลงแปลงหน้า ตั้งใจจะขึ้นมาพักให้หายเหนื่อย กินข้าวให้บรรเทาความหิวเสียหน่อย นอกจากจะไม่มีอาหารจัดเตรียมไว้รอเหมือนทุกวันแล้ว ยังจะมาถูกทวงเงินที่ตนพึ่งได้มาครองเมื่อสามวันก่อนอีก จึงหงุดหงิดมากไม่ใช่น้อย
“อะไรกันชิงเหยียน คนยิ่งเหนื่อย ๆ จะมาเอาเงินอะไรอีก ก็ตกลงกันแล้วไม่ใช่หรือ ว่าเงินนี้ป้าจะเป็นคนเก็บเอาไว้ให้”
“ไม่ค่ะ หนูเปลี่ยนใจแล้ว หนูจะเก็บเอาไว้เอง”
หยุนลี่ปรายตามองสามีอย่างขอตัวช่วย ว่าจะจัดการกับสถานการณ์เช่นนี้อย่างไรดี เงินจำนวนนี้กว่าจะทำให้หลานสาวยอมไว้วางใจมอบให้เธอเก็บ ใช้เวลาเกือบสามปีเชียวนะ แล้วจะให้คืนให้ง่าย ๆ ได้อย่างไร
‘หลี่เฉินหลง’ เองก็ใช่ว่าจะยอม ตลอดสามปีที่รับเลี้ยงหลานสาวต่อจากพ่อแม่ของนาง หมดเงินหมดข้าวปลาอาหารไปเท่าไร เงินส่วนนี้ก็ควรจะเป็นของพวกเขานะถูกต้องแล้ว
“ลุงว่ามีอะไรค่อยกลับไปคุยกันที่บ้านดีกว่า ตอนนี้พวกเราต่างเหน็ดเหนื่อยและหิวกันมาก ไหนล่ะอาหารยังไม่ได้เตรียมมาอีกหรือ”
“หนูว่า ทุกคนกลับไปที่บ้านตอนนี้ดีกว่า ก่อนที่หงลี่จะทำงามหน้าไปมากกว่านี้” น้ำเสียงของชิงเหยียนหาใช่เบา ๆ ชาวบ้านที่อยู่ในละแวกนั้น จึงเริ่มเงี่ยหูสนใจฟังเรื่องสนุก ๆ ของเพื่อนบ้าน
“หงลี่ทำอะไร” หยุนหลี่ย้อนถาม
“นางกำลังพลอดรักกับผู้ชายอยู่นะสิ หากไปช้ากว่านี้ รับรองป้าได้อุ้มหลานก่อนแต่งงานแน่”
คำพูดของชิงเหยียน ทำให้ชายและหญิงวัยกลางตัวชาวาบ ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ
“อย่ามาใส่ร้ายหงลี่ของฉันนะ ชิงเหยียนป้าทำอะไรให้เธอไม่พอใจหรือ ถึงได้พูดจาใส่ร้ายบุตรสาวป้าเช่นนี้” แม้จะโกรธหลานสาวมากเพียงใด หยุนหลี่ก็จำต้องสะกดข่มอารมณ์เอาไว้ อยู่ต่อหน้าผู้คนเช่นนี้ ขืนด่าทอหญิงสาวไป ชาวบ้านจะนำไปติฉินนินทาเอาได้
“ใช่ ตลอดเวลาที่ผ่านมาพวกเราดูแลหลานมาอย่างดีเสมอ แล้วดูสิ่งที่หลานตอบแทนพวกเราสิ” ลุงหลี่รีบตีหน้ากล่าวสมทบภรรยา
ชิงเหยียนไม่เข้าใจ ว่าลุงกับป้าผู้แสนดีของเธอเป็นอะไรกันไปหมด แค่เธอมาขอเงินของตัวเอง และบอกความจริงเรื่องลูกสาวของพวกเขา ถึงได้ทำท่าราวกับนางเป็นตัวมารร้ายเช่นนี้
“หนูพูดความจริงนะคะ ถ้าไม่เชื่อทุกคนรีบกลับบ้านไปดูตอนนี้เลย แต่ก่อนไปขอเงินหนูคืนมาก่อน”
มืออวบอูมยกขึ้นตรงหน้าหญิงวัยกลางคน พร้อมสายตาคาดคั้น ที่จับจ้องมองใบหน้าผู้เป็นป้าไม่วางตา
“รอก่อน ขอป้าไปดูที่บ้านก่อนแล้วกันว่าหงลี่ทำอย่างที่หลานใส่ร้ายหรือไม่”
หยุนหลี่เดินเลี่ยงผ่านตัวหลานสาวตัวใหญ่ไปทันที หนึ่ง เพราะอยากจะหนีให้พ้นจากการทวงเงิน สองอยากจะไปดูว่าบุตรสาวตัวดี ก่อเรื่องอะไรไว้อีก ทำให้หลานสาวเกิดเป็นบ้า มาทวงเงินคืนเช่นนี้
“ป้า รอก่อน”
เมื่อเห็นว่าผู้เป็นป้าชิ่งหนี ชิงเหยียนรีบก้าวเท้าตามทันที พร้อมกับร้องเรียกให้อีกฝ่ายหยุดรอก่อนตลอดทาง แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าผู้เป็นป้าจะยอมหยุด มีแต่จะเดินเร็วยิ่งกว่าเดิมอีก
ร่างอวบอ้วนมีหรือจะยอม ออกตัววิ่งไล่ตามใช้ความเร็วเท่าที่สังขารจะเอื้ออำนวย โดยไม่ทันระวังว่าพื้นดินที่ชุ่มไปด้วยน้ำฝนที่ตกตอนกลางคืนมันลื่นขนาดไหน
...พรืด...
...พลั่ก...
“โอ๊ย”
ระหว่างที่วิ่งไล่ตามหญิงวัยกลางคนนั้น เท้าข้างหนึ่งเกิดก้าวพลาดลื่นไถล จนร่างกายเสียหลักหงายหลังล้มลงกระแทกพื้น เท่านั้นยังไม่พอ ด้านหลังศีรษะยังกระแทกเข้ากับโขดหินเต็มแรง
ดวงตาสีนิลพร่ามัว มองเห็นดวงดาวระยิบระยับไปหมด พร้อมกับความรู้สึกปวดตุบ ๆ ที่บริเวณหลังศีรษะ ปวดมากจนหัวแทบจะระเบิดออกมา
“ช่วยด้วย ป้าช่วยหนูด้วย”
ถึงแม้ดวงตาสองข้างจะเริ่มพร่ามัว แต่สติสัมปชัญญะของชิงเหยียนยังมีอยู่ เธอแน่ใจว่าร่างที่กำลังชะโงกอยู่เหนือร่างของเธอในยามนี้ คือป้าของเธอที่ย้อนกลับมาดู สองมือจึงไขว่คว้าอากาศพยายามขอร้องให้อีกฝ่ายช่วยเหลือ
“เลือดออกมากขนาดนี้ ถ้ายังไหลไม่หยุดก็ไม่น่าจะรอด นอนรอสามีฟันเหยินของหลานอยู่ตรงนี้ละนะป้ารีบ”
เธอได้ยินน้ำเสียงเรียบเฉยเต็มสองหู ดวงตาที่เริ่มสะลึมสะลือพยายามเพ่งมอง ว่าร่างที่กำลังเดินจากไปใช่ป้าของเธอจริงหรือไม่
“ป้าช่วยหนูก่อน” เสียงอ่อนแรงเอ่ยเรียกผู้เป็นป้าอย่างสิ้นหวัง แต่เสียงฝีเท้านั่นก็เริ่มห่างออกไปเรื่อย ๆ
ชิงเหยียน...เอย...ชิงเหยียน จะต้องมาตายอย่างสมเพชเวทนาอย่างนี้หรือ โชคชะตาก็ช่างเล่นตลกกับเธอเสียเหลือเกิน ต้องแต่งงานกับชายที่ไม่ได้รัก ส่วนชายที่เธอรักก็หลอกลวง แอบมั่วกับลูกพี่ลูกน้อง หนำซ้ำอยากจะทวงเงินที่พ่อกับแม่ทิ้งเอาไว้ให้ ลุงกับป้าก็ยึกยักทำท่าเหมือนไม่อยากจะคืนเงินอีก
“พ่อจ๋า แม่จ๋า บนโลกนี้ยังมีใครบ้าง ที่จริงใจกับลูก”
เลือดสีสดยังคงไหลซึมออกมาจากบาดแผล ความตายเริ่มคืบคลานเข้ามาใกล้ ความตายอย่างโดดเดี่ยว ทำให้หญิงสาวหนาวจับขั้วหัวใจ
แต่แล้วก็มีแสงแห่งความอบอุ่นเล็ก ๆ ที่เธอไม่เคยคาดหวังมาก่อน ส่องแสงมาหาจนได้
“ชิงเหยียน ๆ อย่าพึ่งหลับนะ ลืมตาขึ้นมาก่อน”
“ใคร พี่จางเหว่ยหรือ”
ดวงตาสองข้างยามนี้มองเห็นเพียงความมืดมิด แต่น้ำเสียงนั้นเธอก็ยังจำได้เช่นเดียวกัน ว่าเป็นเสียงของสามี...สามีที่เธอเกลียดชังมาตลอดระยะเวลาสามเดือน
“พี่เอง อดทนไว้ก่อนนะ พี่จะพาเธอไปหาหมอ”
‘จางเหว่ย’ พยายามจะแบกรั้งร่างกายอันเต็มไปด้วยไขมันของภรรยา เพื่อจะพากลับเข้าไปหาหมอในหมู่บ้าน แต่ด้วยน้ำหนักตัวที่มากกว่าเท่าตัว ทำให้เขาไม่อาจขยับตัวของหญิงสาวได้
“อดทนอีกนิด” ปากยังพร่ำบอกภรรยา ทั้ง ๆ ที่ความพยายามไม่เป็นผล บัดนี้เนื้อตัวของชายหนุ่มชุ่มไปด้วยเลือดสด ๆ
“พี่ ฉันกลัว ฉันจะตายไหม”
“ไม่ เธอจะไม่เป็นอะไร แค่อดทนเอาไว้ก่อน รอพี่อยู่ตรงนี้ พี่จะไปพาหมอมาเอง” ในเมื่อยกตัวภรรยาไม่ไหว จางเหว่ยจำใจต้องทิ้งภรรยาไว้เช่นนี้ก่อน เพื่อที่เขาจะได้วิ่งเข้าไปในหมู่บ้าน ไปตามหมอมา
“อย่าทิ้งฉันไป” สองมืออวบพยายามไขว่คว้าขึ้นกลางอากาศอีกครั้ง “ฉันกลัว มันมืดไปหมด แล้วก็หนาวมากด้วย”
จางเหว่ยเห็นเช่นนั้นก็ไม่อาจทิ้งภรรยาไปได้ เขารีบนั่งลงช้อนศีรษะของภรรยาขึ้นมาวางบนตัก ใช้ผ้าผืนเก่าวางบนมือรองศีรษะเอาไว้ หวังจะห้ามเลือดไม่ให้ไหลออกมาอีก
“พี่อยู่ตรงนี้แล้ว ชิงเหยียน” มือข้างที่ว่างจับมืออวบอูมเอาไว้
ชิงเหยียนรู้สึกว่ามีหยดน้ำหยดลงกระทบใบหน้าของเธอไม่หยุด จะว่าฝนตกก็ไม่ใช่ เพราะมีเพียงใบหน้าเท่านั้นที่สัมผัสถึงความเย็นจากหยดน้ำได้
เขาร้องไห้หรือ สามีอัปลักษณ์ฟันเยินของเธอกำลังเสียใจ ทำไมกันล่ะ เขาควรจะดีใจไม่ใช่หรือไง ที่จะไม่มีใครคอยดุด่า คอยชี้แนะสั่งให้ทำนั้นทำนี้อีก ทำไมเขาจะต้องร้องไห้กับผู้หญิงที่วัน ๆ เอาแต่ทุ่มเทเวลาให้กับชายอื่นที่ไม่ใช่สามีตัวเองด้วย
แล้วทำไมที่ผ่านมา เธอถึงได้ดวงตามืดบอด ตัดสินคนที่รูปร่างภายนอกด้วย ทำไมถึงได้มองข้ามสิ่งดี ๆ ที่สามีผู้นี้คอยทำให้
...สวรรค์ ขอโอกาสฉันอีกครั้งเถอะ ฉันจะไม่ดวงตามืดบอดอีกแล้ว...
มือที่ชายหนุ่มกอบกุมเอาไว้หลวม ๆ หล่นลงอย่างไร้เรี่ยวแรง พร้อมกับดวงตาสองข้างที่เบิกกว้าง แต่ไร้ซึ่งการขยับของลูกนัยน์ตา
“ไม่มมมม” เสียงร้องโหยหวนของชายหนุ่มดังขึ้น