บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 ตายแล้วฟื้น

ตอนที่ 2

‘ความรู้สึกนี้มันคืออะไรกัน’

‘ปวดหัว โดยเฉพาะด้านหลังศีรษะ’

‘แต่ว่าฉันตายไปแล้วนี่ จะรู้สึกถึงความเจ็บปวดได้อย่างไร’

‘อย่าบอกนะว่า...’

เปลือกตาหนาค่อย ๆ คลายออกอย่างมีความหวัง แต่สิ่งที่เห็นกลับเป็นความมืดมิด และกลิ่นอับชื้นที่โชยเข้ามาปะทะกับจมูก

‘อะไรกัน นึกว่าจะเหมือนในนิยายที่อ่าน ที่นางเอกทะลุมิติมาอยู่ในร่างของคนอื่น หรือว่าไอ้ที่มืด ๆ คือขุมนรกหรือ’

‘ไม่สิ...ทำไมฉันถึงรู้สึกถึงการมีชีวิต ได้กลิ่นเหม็นอับ และรู้สึกอึดอัดเหมือนอยู่ในที่แคบ’

สองมือที่เคยเป็นเพียงความว่างเปล่ามาก่อน ค่อย ๆ ลูบคลำไปรอบ ๆ ตัว สัมผัสได้ถึงพื้นผิวบางอย่างคล้ายผนัง และลักษณะของมันเป็นเหมือนสี่เหลี่ยมที่อยู่รอบล้อมตัวเธอ

‘ฉันรู้สึก ฉันสัมผัสได้ แสดงว่า’

“ฉันกลับมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่งแล้ว แต่ว่าเจ้ากล่องแคบ ๆ ที่ฉันนอนอยู่นี่มันคืออะไรกัน”

เสียงแรกที่บ่งบอกถึงการมีชีวิตดังขึ้น พร้อมกับสองมือสองเท้า ที่พยายามถีบและดันผนังกั้นด้านบนออก

“เสียงอะไรนะ” หลี่หงลี่ที่มาร่วมฝังศพของลูกพี่ลูกน้อง ได้ยินเสียงเหมือนมีใครกำลังเคาะฝาโลงอยู่ แต่ยังไม่แน่ใจนักว่าหูฝาดไปหรือเปล่า จึงได้ร้องทักขึ้นมาก่อน

คำพูดของหญิงสาว ทำให้ชาวบ้านที่มาร่วมพิธีฝังศพ เงียบเสียงแล้วพากันเงี่ยหูฟังสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้น

“ไอ้ผนังบ้า ๆ นี่มันอะไรกันนะ ข้างนอกนั้นมีใครอยู่ไหม ช่วยฉันออกไปที”

สิ้นเสียงที่ดังออกมาจากภายในโลง เสียงที่ทุกคนคุ้นเคยเป็นอย่างดี ชาวบ้านที่ขวัญอ่อนต่างพากันวิ่งหนีกลับเข้าหมู่บ้านไปก่อน

แต่ยังมีบางส่วน ที่ทำเพียงขยับเข้าไปรวมกลุ่มเกาะกันแน่น หนึ่งในนั้นก็คือบ้านหลี่

“ส...เสียงนั้นมันเสียงของพี่ชิงเหยียนไม่ใช่หรือ” หงลี่กล่าวเสียงสั่น ตัวเธอนั้นยืนกอดกับมารดาและพี่สะใภ้

“ช...ใช่” ‘ถังเสวี่ยไป๋’ สะใภ้ของบ้านหลี่เป็นฝ่ายตอบคำถามของน้องสามี

“ชิงเหยียนหลานตายไปแล้วก็ไปที่ชอบ ๆ เถอะนะ อย่ามาหลอกมาหลอนกันเลย”

เฉินหยุนหลี่ตัวสั่นสะท้าน เส้นขนทุกเส้นตั้งชันขึ้น รู้สึกหวาดกลัววิญญาณเฮี้ยนในโลงมากกว่าผู้ใด เพราะมีชนักติดหลังอยู่ เรื่องที่ปล่อยให้หลานสาวนอนตายอยู่แบบนั้นโดยไม่คิดช่วยเหลือ

มีเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่ไม่ได้คิดหวาดกลัวต่อเสียงในโลง คือ จางเหว่ย ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งสมส่วน แต่เสียอย่างเดียวคือมีฟันบนที่ยื่นออกมาจนดูน่าเกลียดในสายตาของชาวบ้าน

ชายหนุ่มขยับเข้าไปใกล้โลงศพของภรรยา ที่ตั้งวางไว้รอเวลาที่จะนำลงไปฝังในหลุม เพื่อฟังเสียงให้แน่ใจว่าไม่ได้หูฝาดไปเอง

เมื่อเสียงเคาะ เสียงถีบฝาโลงยังคงดังอยู่อย่างต่อเนื่อง เขาจึงตัดสินใจพูดกับร่างของภรรยาที่นอนแน่นิ่งอยู่ภายในโลงศพ

“ชิงเหยียน เป็นคุณใช่ไหม”

“เสียงใคร...ช่วยฉันด้วย ช่วยฉันออกไปที” คนที่นอนอยู่ในโลง พอได้ยินเสียงจากภายนอกก็ดีใจ รีบร้องเรียกขอความช่วยเหลืออีกครั้ง

จางเหว่ยแน่ใจแล้วว่านั่นเป็นเสียงของภรรยาจริง ๆ จึงรีบหยิบเสียมที่ใช้ขุดดิน ขึ้นมางัดฝาโลง โดยที่ไม่มีใครกล้ายื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ

“จางเหว่ย คิดจะทำอะไร ถอยออกห่างจากโลงศพเดี๋ยวนี้”

หลี่เฉินหลงรีบร้องห้ามหลานเขย เพราะคิดว่าสิ่งที่พากันได้ยินนั้น เป็นวิญญาณของหลานสาวที่ตายไป โลกนี้จะมีคนตายที่ไหนกลับฟื้นคืนมาได้

แต่จางเหว่ยหาได้สนใจฟัง ยังคงใช้เสียมตั้งใจงัดฝาโลง ไม่นานนักเขาก็ทำได้สำเร็จ

ทันทีที่ฝาโลงเปิดออก ร่างที่เคยนอนแน่นิ่งผุดลุกขึ้นมานั่งในทันที ท่ามกลางเสียงหวีดร้องของบรรดาหญิงสาวในหมู่บ้าน คราวนี้บรรดาชาวบ้านที่เหลือ ต่างพากันวิ่งแจ๋นหนีกลับเข้าหมู่บ้านไปอีก

แต่คนในครอบครัวหลี่กลับยืนตัวแข็งค้าง สองขาไม่ก้าวไปตามสิ่งที่ใจปรารถนา ดวงตาทุกคู่เบิกกว้าง จ้องมองภาพหญิงสาวร่างอวบอ้วนในโลงศพ ค่อยหยัดกายลุกขึ้นยืน

ทางฝั่งคนตายแล้วฟื้น หลังจากลุกขึ้นยืนได้สำเร็จ ก็ยืนบิดซ้ายบิดขวาคลายความปวดเมื่อย เท่านั้นยังไม่พอ จมูกยังสูดเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าไปจนเต็มปอด

“กลิ่นของความมีชีวิต มันรู้สึกดีจริง ๆ ...แต่ว่านะร่างกายที่มาใช้ร่างอยู่นี้สิ ทำไมถึงไขมันเยอะขนาดนี้”

ใบหน้าอวบอิ่มก้มลงสำรวจสภาพร่างกายที่วิญญาณของตนเข้ามาอยู่แทนเจ้าของร่างเดิมที่ตายไป พบว่าขนาดความกว้างของลำตัวมากกว่าร่างของตนในเมื่อก่อนเกือบสองเท่าตัว

“เอาเถอะ เรื่องน้ำหนักมันลดกันได้ ว่าแต่ฉันมาอยู่ในร่างของใครกันละนี่”

ใบหน้าที่ก้มสำรวจตัวเองในตอนแรก แหงนขึ้นมองสำรวจไปรอบ ๆ ตัว ดวงตาสีนิลกวาดมองใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยไปทีละคน แล้วไหนจะสถานที่ที่เหมือนกับสุสานฝังศพอีก

“ที่แท้ฉันก็นอนอยู่ในโลงศพนี้เอง” หญิงสาวพูดทำลายความเงียบขึ้นมา เริ่มรู้สึกอึดอัดกับสายตาที่มองมาอย่างหวาดกลัว ก่อนจะหันไปสนใจชายหนุ่มคนหนึ่ง ที่ยังคงถือเสียมเอาไว้ในมือ

เสียงที่ได้ยินตอนอยู่ในโลง คงเป็นเสียงของคนผู้นี้สินะ รอยยิ้มกว้างจึงปรากฏบนใบหน้า พร้อมกับกล่าวคำขอบคุณที่ออกมาจากหัวใจจริง ๆ

“ขอบคุณมากพี่ชาย ถ้าพี่ตัดสินใจช้ากว่านี้ ฉันคงขาดอากาศหายใจตายรอบสองแน่”

แน่นอนจางเหว่ยสังเกตได้ ว่าหญิงสาวตรงหน้ามีบางสิ่งที่ผิดแปลกไป ชิงเหยียนคนเก่าไม่มีทางยิ้มอย่างมีไมตรี และไม่เคยกล่าวขอบคุณเขา อีกทั้งแววตาที่ทำเหมือนกับคนไม่รู้จักกันนั่นอีก

“พี่ชาย นี่คุณเรียกผมว่าพี่ชายหรือ”

“เอ่อ” หญิงสาวร่างอ้วนอึกอัก ไม่แน่ใจว่าตัวเองพูดสิ่งใดผิดไปหรือเปล่า แล้วก็จำคนทุกคนที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้ไม่ได้ หญิงสาวจึงลองหยุดนิ่ง พยายามรื้อฟื้นค้นหาความทรงจำของเจ้าของร่าง

โดยปกติตามนิยายแนวทะลุมิติที่เคยอ่าน หลังจากตัวเอกเข้าไปอยู่ในร่างของคนอื่นแล้ว จะได้รับความทรงจำของร่างเดิมนี้นา แล้วทำไมพอเป็นตัวเธอถึงจำใครไม่ได้ หรือว่ามันจะเกี่ยวกับความรู้สึกปวดหนึบที่บริเวณด้านหลังศีรษะ

“โอ๊ย” ยิ่งพยายามคิดมากเท่าใด ศีรษะด้านหลังของเธอก็จะทวีความเจ็บปวดมากเท่านั้น แต่เธอก็ยังฝืนสังขารของตัวเองต่อไป

กระทั่งอยู่ ๆ ก็มีแสงสว่างจ้าเกิดขึ้น เหมือนตอนที่เธอนั้นเป็นวิญญาณที่ล่องลอยเคว้งคว้างอยู่ในสถานที่ที่ตัวเองตาย สิ้นแสงสว่างนั้น เธอก็มองเห็นว่าตัวเองยืนอยู่หน้าจอขนาดใหญ่ ที่กำลังฉายภาพของหญิงสาวร่างอ้วนที่มีชื่อเหมือนกับเธอเลย

ชิงเหยียนนั้นเติบโตมาในเขตอำเภอ เพราะบิดาและมารดาของเธอ ได้งานทำอยู่ที่นั่น กระทั่งหญิงสาวอายุสิบห้าปี บิดามารดาก็มาด่วนจากไปด้วยอุบัติเหตุ

หญิงสาวจึงจำเป็นต้องย้ายมาอยู่ในความดูแลของพี่ชายของบิดา ที่อาศัยอยู่ในเขตชนบทห่างไกลความเจริญ พร้อมกับเงินจำนวนหนึ่งที่บิดามารดาทิ้งเอาไว้ให้

ตลอดระยะเวลาสามปีที่ย้ายเข้ามาอยู่กับบ้านหลี่ ลุงป้า รวมไปถึงลูกผู้น้องอย่างหงลี่ รักและเอ็นดูเธอมาก ทำดีกับเธอทุกอย่าง ในระหว่างที่ทุกคนต้องออกไปทำงานแลกแต้ม ตัวเธอกลับมีหน้าที่เพียงทำอาหารไปส่งให้พวกเขาในช่วงกลางวันเท่านั้น

และช่วงเวลาที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้าน เธอก็ได้พบกับมู่หยางเจี้ยน ชายหนุ่มที่ขึ้นชื่อว่าหน้าตาดีที่สุดในหมู่บ้าน หญิงสาวตกหลุมรักเขาในทันที ยิ่งชายหนุ่มเองก็ทำท่ามีใจให้ ความรักที่มีก็เริ่มเบ่งบานขึ้นภายในใจ โดยมีน้องสาวอย่างหงลี่คอยเป็นสื่อกลางให้เธอและเขา

จนกระทั่งสามเดือนก่อนที่เจ้าของร่างจะตาย ชิงเหยียนและหญิงสาวคนอื่น ๆ ในหมู่บ้าน พากันหอบเสื้อผ้าไปซักที่ริมลำธารในป่าท้ายหมู่บ้าน ระหว่างที่กำลังก้มหน้าก้มตาซักผ้าอยู่นั้น หงลี่ก็แหกปากโวยวาย ชี้มือให้ทุกคนมองไปยังร่างร่างหนึ่งที่เกาะกิ่งไม้ไหลมาตามกระแสน้ำ

หญิงสาวพวกนั้นดีแต่ร้องวี้ดว้ายแหกปาก มีเพียงชิงเหยียนที่เดินลงไปคว้าร่างที่ลอยมาตามน้ำขึ้นมานอนบนตลิ่งได้อย่างง่ายดาย

หลังจากพยายามช่วยชีวิตของชายหนุ่มแปลกหน้าอยู่นาน เขาก็ฟื้นคืนสติ แต่กลับจำเรื่องราวของตัวเองไม่ได้ แม้กระทั่งชื่อ

ทุกคนจึงตกลงกันพาชายแปลกหน้าที่หน้าตาดูไม่ได้ เพราะฟันบนที่ยื่นออกมามาก ตรงไปยังบ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน ก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้านไป รวมไปถึงชิงเหยียน คนที่ช่วยชีวิตชายหนุ่มแปลกหน้า ผู้ที่ไม่รู้ชะตากรรม ว่าจะต้องเกี่ยวพันกับเขาจนถึงขั้นต้องใช้ชีวิตร่วมกัน

เมื่ออยู่ ๆ ก็มีข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วว่า ชิงเหยียนกับชายหนุ่มฟันเหยินความจำเสื่อม สัมผัสตัวกันในลักษณะเนื้อแนบเนื้อ

เพื่อรักษาชื่อเสียงของเธอ พวกผู้ใหญ่จึงจัดการให้มีการแต่งงานขึ้น โดยที่ไม่ถามความสมัครใจของเธอเลยแม้แต่คำเดียว

พอเหตุการณ์เลยเถิดมาเป็นเช่นนี้ ชิงเหยียนจึงคิดจะหอบเงินทองย้ายไปอยู่ที่อื่นเสีย แต่หงลี่กับชายหนุ่มที่เธอรัก เข้ามาเกลี้ยกล่อม บอกให้ยอมแต่งงานตามที่พวกผู้ใหญ่ต้องการไปก่อน จากนั้นสามเดือนถึงค่อยหย่า

“ถ้าฉันแต่งงานแล้ว พี่หยางเจี้ยนจะยังรักฉันหรือ”

เธอยังจำได้ดีว่าวันนั้นชายหนุ่มตอบกลับมาว่าอย่างไร

“รักสิ พี่รักเธอเสมอ พี่จะรอเวลาที่เธอเลิกกับหมอนั่น แล้ววันนั้นพี่จะส่งพ่อแม่มาสู่ขอเธอทันที”

ชิงเหยียนที่หลงเชื่อคำหวาน ยอมแต่งงานกับชายแปลกหน้า ที่หัวหน้าหมู่บ้านตั้งชื่อให้เขาว่า จางเหว่ย ชายหนุ่มที่มักถูกล้อเลียนเรื่องฟันเหยินของเขา

แต่ตลอดระยะเวลาสามเดือนที่อยู่ด้วยกัน เธอไม่เคยใส่ใจ ปรนนิบัติสามีเลยแม้แต่น้อย มีแต่จางเหว่ยที่ทำทุกอย่างเพื่อเธอ ไม่ว่าเธอจะดุด่าต่อว่า เขาก็ไม่คิดจะโต้เถียง แม้ว่าเธอจะเอาเวลาที่มี ไปทำตามความต้องการของชายอื่นเขาก็ไม่ว่า

จวบจนสามวันก่อนเกิดเหตุ หยางเจี้ยนได้แนะนำเธอว่า อย่าเก็บเงินทองไว้กับตัว เพราะจางเหว่ยเป็นคนมือไว อาจจะขโมยเงินไปหมดก็ได้ ซึ่งเธอก็หลงเชื่อ นำเงินที่บิดามารดาทิ้งเอาไว้ให้ ไปฝากไว้ที่ป้าสะใภ้ทั้งหมด

หลังจากนั้น ทุกคนในบ้านหลี่ก็เริ่มออกลาย ท่าทีเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม รวมไปถึงชายหนุ่มที่เธอหลงรัก

แล้วเหตุการณ์จากนั้นก็เป็นวันที่ชิงเหยียนลื่นล้มศีรษะกระแทกกับโขดหินตายในอ้อมแขนของสามี...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel