รักมิอาจย้อนคืน

47.0K · จบแล้ว
หวังเสี่ยวชิง
22
บท
2.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

อย่าบอกรักฉัน ในวันที่สายเกินไป...อย่ายื้อเวลาไว้ หากไม่เห็นคุณค่าของมัน

นิยายจีนโบราณคนต่ำต้อยนอกใจดราม่าจีนโบราณ

ตอนที่ 1 แต่งงาน

ตอนที่ 1

ภายในห้องนอนขนาดกว้าง เจ้าสาวในชุดแดงอร่าม ใบหน้างามสะท้อนให้เห็นถึงความตื่นเต้นและความกังวลปะปนกันไป ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างจ้องมองภาพสะท้อนในกระจกเงา ราวกับกำลังมองหาอนาคตที่ยังมาไม่ถึง

“แน่ใจแล้วหรือลูก ว่าจะแต่งกับหานเฟิงเสวียนนั้น”

‘หลิวเหม่ยเหวย’ ลงทุนเข้ามาพูดคุยกับบุตรสาวคนเล็กถึงในห้องนอน แทนที่จะรอพูดคุยตอนอยู่ในโถงรับรอง

“ท่านแม่ มาถึงขนาดนี้แล้ว ยังจะมาเกลี้ยกล่อมลูกอีกหรือเจ้าคะ”

ว่าที่เจ้าสาวหมุนกายกลับมานั่งเผชิญหน้ากับมารดาผู้ให้กำเนิด ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานในครั้งนี้มากกว่าผู้ใด แต่ไม่ถึงขั้นที่จะบีบบังคับหรือขัดขวางไม่ให้มีงานแต่ง เพียงแต่พยายามเจรจาจนนางรู้สึกรำคาญใจบ้างเล็กน้อยเท่านั้น

หลิวฮูหยิน หน้าตาบึ้งตึงอย่างขัดใจ ที่บุตรสาวไม่เห็นดีด้วย ใช่ว่านางหวงบุตรสาวไม่อยากให้ออกเรือน เพียงแต่ว่าว่าที่บุตรเขยที่บุตรสาวเลือกให้เนี่ยสิ ไม่ค่อยถูกใจนางเท่าใดนัก

หานเฟิงเสวียน บุรุษที่บุตรของนางหลงรัก ก็เป็นคนดี ขยันขันแข็งทำมาหากินอยู่หรอก หน้าตาเองหรือก็หล่อเหลาผิวพรรณดีใช้ได้ แต่เสียอยู่อย่างเดียว คือมีฐานะค่อนข้างยากจนไปหน่อย

หัวอกคนเป็นแม่อย่างนาง มีหรือจะอยากให้บุตรสาวที่เลี้ยงดูมาอย่างทะนุถนอม ต้องไปตกระกำลำบากเช่นนั้น

“แม่ว่าเปลี่ยนใจตอนนี้ก็ยังทันนะลูก หากลูกยินยอม บุตรชายของสหายแม่รออยู่นะ ลูกรู้ไหมอนาคตเขาอาจจะได้เป็นถึงหมอหลวงเลยก็ได้”

“ท่านแม่”

‘จ้าวไป๋เจี้ย’ ร้องขึ้นมา สีหน้าแววตายุ่งเหยิง ที่มารดาไม่ยอมล้มเลิกความตั้งใจในการจับคู่นางกับบุตรชายของสหาย

“แม่หวังดีกับลูกจริง ๆ นะ”

ว่าที่เจ้าสาวทอดถอนใจออกมา เอื้อมมือไปจับมือของมารดามากอบกุมเอาไว้แน่น พยายามพูดอย่างใจเย็นที่สุด

“ลูกรู้ว่าท่านแม่รักและเป็นห่วงลูก แต่ว่าเรื่องแต่งงานลูกขอเป็นคนเลือกเองนะเจ้าคะ พี่เฟิงเสวียนเป็นคนดี และรักลูกมาก ลูกเองก็รักเขามาก ท่านแม่ล้มเลิกความพยายามเถอะนะเจ้าคะ ลูกขอร้อง”

ไม่พูดเปล่า ดวงตาทั้งสองข้างยังกะพริบถี่ สีหน้าออดอ้อนมารดาเหมือนสมัยตอนเป็นเด็กไม่มีผิด เจอแบบนี้มีหรือมารดาจะทำใจแข็งทำร้ายจิตใจบุตรสาวได้ลงคอ

“ตามใจ ต่อไปน้ำตาเช็ดหัวเข่าอย่าหาว่าแม่ไม่เตือนละ”

“รักท่านแม่ที่สุดเลย”

สตรีในชุดเจ้าสาวโผเข้าสวมกอดรอบเอวของมารดา ซึมซับเอาไออุ่นติดตัวติดใจไปให้มากที่สุด ต่อไปนางคงจะไม่ได้เจอท่านพ่อท่านแม่ทุกวัน เพราะออกเรือนไปอยู่ต่างหมู่บ้านแล้ว

“ดูเถอะ จะเป็นภรรยาคนอยู่แล้ว ยังจะมาอ้อนแม่เหมือนตอนเด็ก ๆ อีก” หลิวฮูหยินปากก็ต่อว่าบุตรสาว แต่สองมือทั้งโอบกอด ทั้งลูบแผ่นหลังไม่หยุด

“ลูกไปแล้วคงคิดถึงท่านแม่น่าดู”

“ถ้าอย่างนั้นก็เปลี่ยนใจ...”

“ท่านแม่”

“แม่ล้อเล่น ถึงเวลาแล้ว พวกเราไปหาท่านพ่อที่โถงรับรองดีกว่า”

หลิวฮูหยิน หยิบผ้าคลุมใบหน้าสีแดงขึ้นมาสวมใส่ลงบนศีรษะของบุตรสาว ก่อนจะจับมือเรียวงามนั้นก้าวเดินนำไปยังโถงรับรอง ที่ประมุขของจวนนั่งรออยู่ เพื่อฟังคำสอนที่บิดามารดาจะอบรมสั่งสอนบุตรเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะมอบส่งต่อให้เจ้าบ่าว

หลังจากเจ้าสาวฟังโอวาทจบไปได้ไม่นาน เสียงระฆัง เสียงมโหรีก็บ่งบอกการมาถึงของขบวนรับเจ้าสาว

แต่กว่าเจ้าบ่าวจะผ่านด่านที่ว่าที่แม่ยายจัดเอาไว้ต้อนรับ ก็กินเวลาอยู่พอสมควร

พอเจ้าบ่าวผ่านด่านมาได้ ก็ถึงพิธีการไหว้บิดามารดาทางฝั่งเจ้าสาว หลังจากเสร็จสิ้นพิธีการทางบ้านเจ้าสาวแล้ว

ผู้เป็นพ่อก็เป็นฝ่ายจูงมือบุตรสาวออกมาส่งขึ้นเกี้ยวแปดคนหามด้วยตัวของเขาเอง

“เจี้ยเอ๋อร์ หากวันใดชายผู้นี้ทำผิดต่อเจ้ากลับมาหาพ่อได้เสมอนะลูก”

คำกระซิบข้างหูของบิดา ก่อนที่จ้าวไป๋เจี้ยจะก้าวเท้าขึ้นไปเหยียบบนเกี้ยว ทำให้หญิงสาวถึงกลับน้ำตาซึม ในความรัก ความห่วงใยที่บิดามารดาเลือกให้ แม้ว่าพวกท่านทั้งสองจะไม่เห็นด้วย แต่ก็ยังยอมทำตามความต้องการของนาง

ในเมื่อนางเลือกที่จะแต่งงานออกไปแล้ว เป็นเหมือนน้ำที่ถูกสาดออกไป ไม่ว่าอนาคตของนางกับพี่เฟิงเสวียนจะดีหรือร้าย นางก็จะขอก้มหน้ารับกรรม

แต่นางเชื่อว่า บุรุษที่ชื่อหานเฟิงเสวียน จะไม่มีวันทำให้นางเสียใจแน่

“เคลื่อนขบวนได้”

หลังจากเจ้าสาวขึ้นไปนั่งบนเกวียนแปดคนหามเรียบร้อยแล้ว ว่าที่เจ้าบ่าวก็สั่งเคลื่อนขบวน ก่อนที่ตัวของเจ้าบ่าวจะกระโดดขึ้นม้าควบนำหน้าขบวนไป

ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีในขบวนรับเจ้าสาวนี้ ต้องขอบคุณพ่อตาของเขา ที่เป็นคนจัดเตรียมทุกอย่างให้ เพื่อไม่ให้บุตรสาวรู้สึกน้อยหน้าผู้ใด ลำพังตัวเขานะหรือ คงไม่มีปัญญาจะหาสินสอดมาสู่ขอหญิงคนรักแน่

ขบวนแห่รับเจ้าสาวเคลื่อนตัวออกจากหมู่บ้านหนึ่งไปยังหมู่บ้านเฉาหยางกินเวลาไปหนึ่งชั่วยามก็ถึง

หลังจากขบวนเคลื่อนมาถึงบ้านเจ้าบ่าว ที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก เจ้าบ่าวก็กระโดดลงจากหลังรถม้า ตรงไปยังเกี้ยวแปดคนหาม

เจ้าสาวในชุดแดงอร่ามก้าวเท้าลงจากเกี้ยว ท่ามกลางเสียงปรบมือของชาวบ้านที่มาร่วมแสดงความยินดี ขณะที่ทางฝั่งเจ้าบ่าวก็รีบยื่นมือออกไป ให้ว่าที่เจ้าสาวได้วางมือลงบนฝ่ามือของเขา บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุขและรื่นเริง

“เข้าไปข้างในกันเถอะ”

‘หานเฟิงเสวียน’ กล่าวเสียงนุ่มกับว่าที่ภรรยา พร้อมกับนำพานางเข้าไปในบ้านไม้หลังเก่า เพื่อทำพิธีกราบไหว้ฟ้าดิน

เนื่องจากบิดามารดาของเขาได้เสียชีวิตไปหมดแล้ว แขกผู้ใหญ่ทางฝั่งของเขา จึงเป็นหัวหน้าหมู่บ้านกับภรรยา ผู้ที่เป็นที่นับหน้าถือตาของชาวบ้าน

“หนึ่งคำนับฟ้าดิน”

เจ้าบ่าวเจ้าสาวยืนหันหน้าไปทางประตูบ้าน ก่อนจะทำการคำนับฟ้าดิน

“สองคำนับบิดามารดา”

คนทั้งสองหมุนตัวกลับมายืนตรงหน้าหัวหน้าหมู่บ้านและภรรยา พร้อมทำการคำนับ

“สามสามีภรรยาคำนับกันและกัน”

เจ้าบ่าวเจ้าสาวหมุนตัวหันหน้าเข้าหากัน พร้อมก้มศีรษะคำนับให้กันด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม

หลังจากผ่านพิธีการทั้งหมด เจ้าสาวก็ถูกพาตัวเข้าไปรอในห้องนอนที่จัดเตรียมเอาไว้เป็นห้องหอ ส่วนเจ้าบ่าวก็ร่วมดื่มเลี้ยงฉลองกับบรรดาสหายและชาวบ้านที่มาร่วมงาน

“ยินดีด้วยเจ้าค่ะพี่เฟิงเสวียน พี่ออกเรือนแบบนี้ บรรดาสาว ๆ ในหมู่บ้านคงพากันช้ำใจไปกันหมดแน่”

‘เฉินซูเม่ย’ สาวงามอันดับหนึ่งของหมู่บ้าน ถือจอกสุราตรงเข้ามาร่วมยินดีกับสหายสนิทของสามี แม้ใบหน้าจะยิ้มแย้มแสดงความยินดีกับอีกฝ่าย แต่แววตาของนางกลับไม่ยิ้มตามไปด้วย

“ขอบใจแม่นางเฉินมาก” หานเฟิงเสวียนยกจอกสุราขึ้น น้อมรับคำแสดงความยินดีของหญิงสาวตรงหน้า ก่อนจะยกขึ้นกระดกเข้าปากรวดเดียวหมด

“ที่ว่าสาว ๆ ในหมู่บ้านพากันช้ำใจนี้หมายถึงเจ้าด้วยหรือเปล่าเม่ยเอ๋อร์”

ร่างสูงใหญ่กำยำ ใบหน้าคร้ามแดด ประกายตามุ่งมั่นบดบังความห้าวหาญเอาไว้ไม่มิด ก้าวเท้าออกมาจากมุมมืด ตรงมาหาหนึ่งชายหนึ่งหญิงที่พูดคุยกันอยู่

พอเดินมาหยุดอยู่ใกล้กับร่างบาง ท่อนแขนข้างหนึ่งถูกยกพาดไปโอบไหล่อีกด้านของหญิงสาวอย่างแสดงความเป็นเจ้าของ

คนที่กำลังถูกบีบไหล่จนเจ็บแปลบ รีบปรับเปลี่ยนประกายตา หันมายิ้มเอาอกเอาใจชายผู้มาใหม่

“แหม...พี่ฟางเจิน ข้ามีพี่อยู่ทั้งคน จะไปเสียดายพี่เฟิงเสวียนทำไมเล่า”

“คิดได้เช่นนี้ก็ดี อย่าลืม ถึงแม้เราจะยังไม่ได้เข้าพิธีกัน แต่เราสองคนก็ถึงไหนถึงกันไปแล้ว”

‘มู่ฟางเจิน’ จ้องมองใบหน้าของว่าที่ภรรยาตาเขม็ง แววตารู้ทันความคิดของคนในอ้อมแขนว่าคิดสิ่งใดอยู่

“ข้าไม่ลืมหรอก ถึงได้เฝ้ารอให้พี่ส่งเถ้าแก่ไปสู่ขอข้าเร็ว ๆ อยู่นี้ไง เราจะได้มีความสุขกันเหมือนคืนนั้นอีก”

เฉินซูเม่ย วางมือลงบนแผงอกแกร่งอย่างเอาใจ พร้อมกับส่งสายตาออดอ้อนเว้าวอนปรารถนารำลึกความหลังกันอีก แต่ภายในใจนั้นกลับเคียดแค้นชายหนุ่มที่กำลังโอบกอดนางอยู่เป็นอย่างมาก...