ตอนที่ 2 สองคู่
ตอนที่ 2
ยามไฮ่ (21.00-22.59) จ้าวไป๋เจี้ยในชุดเจ้าสาวสีแดงสด นั่งแผ่นหลังเหยียดตรงอยู่บนเตียงไม้แข็ง ฝ่ามือชื้นเหงื่อจนต้องถูไถเข้าหากัน จิตใจเต้นไม่เป็นระส่ำยากเกินจะควบคุม
อีกไม่กี่ลมหายใจข้างหน้า เจ้าบ่าวของนางจะหยุดดื่มฉลองกับบรรดาแขกเหรื่อ แล้วเข้ามาหานางในห้องนี้ จากนั้น...
เพียงแค่คิดลมหายใจของเจ้าสาวมือใหม่ก็ขาดเป็นห้วง ๆ ด้วยความตื่นเต้น
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องตื่นเต้น”
หญิงสาวบ่นพึมพำปลอบใจตัวเองไม่ให้เต้นรัวเร็วมากไปกว่านี้ พยายามแม้กระทั่งสูดลมเข้าออกผ่านทางริมฝีปากเพื่อระงับความตื่นเต้นที่เกิดขึ้น สักพักลมหายใจก็เริ่มกลับมาเข้าสู่สภาวะปกติ
...แอ๊ด...
กระทั่งเสียงบานประตูเปิดออกดังพอให้สองหูได้ยินชัด หัวใจเจ้ากรรมก็กลับมาเต้นเร็วและแรงมากขึ้นกว่าเดิมอีก จนหญิงสาวต้องยกมือเรียวขึ้นมากุมบริเวณอกซ้ายเอาไว้
“เป็นอะไรหรือไม่”
น้ำเสียงห่วงใยดังขึ้นพร้อมกับกลิ่นสุรา บ่งบอกว่าบัดนี้เจ้าบ่าวของนางได้เข้ามานั่งอยู่เคียงข้างบนเตียงเดียวกันแล้ว ใกล้ชิดเสียจนได้ยินเสียงลมหายใจที่ไม่เป็นจังหวะของอีกฝ่ายได้
“เจี้ยเอ๋อร์”
เมื่ออีกฝ่ายเรียกชื่อนางด้วยความรัก ใบหน้างามจึงขยับส่ายหน้าไปมา เป็นเชิงปฏิเสธว่าไม่เป็นอันใด
“แต่พี่เห็นเจ้าเอามือกุมหน้าอกตลอดเวลา” เจ้าบ่าวที่เมาได้ที่ ยังคงซักไซ้ไล่เลียงด้วยความเป็นห่วง
“ขะ...ข้า...มะ...ไม่ได้เป็นอะไรเจ้าค่ะ” กว่าจะเค้นเสียงตอบกลับไปได้ ฝ่ามือของหญิงสาวก็ชื้นเหงื่อมากกว่าเดิมอีก
ตอนแรกหานเฟิงเสวียนก็เป็นกังวลว่าเจ้าสาวของเขาจะเจ็บป่วยตรงไหนหรือเปล่า แต่พอได้ยินน้ำเสียงของนางสั่นกระเส่า จึงรู้ในทันทีว่า นางคงกำลังเขินอายเขาอยู่เป็นแน่ ริมฝีปากขยับยิ้มพรายออกมา
“ตื่นเต้นมากงั้นหรือ อย่าได้คิดอะไรมาก คืนแรกพี่จะทะนุถนอมเจ้าให้ดี”
ไม่พูดเปล่า มือหนาข้างหนึ่งคว้าไม้ขึ้นมาเขี่ยเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวออก เผยให้เห็นใบหน้าหวานละมุน ที่งดงามจับตาจับใจ เสียจนลมหายใจของเขาสะดุด
...เอื๊อก...
เพียงได้ยลโฉมที่ปรุงแต้มด้วยสีสันต่างจากทุกวัน เสียงกลืนน้ำลายก็ดังขึ้น พร้อมกับลูกกระเดือกขยับขึ้นลง
“เจ้าสาวของพี่ วันนี้ช่างงดงามนัก” น้ำเสียงของเฟิงเสวียนสั่นพร่า ลมหายใจเข้าออกเริ่มแรงขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
“พี่เฟิงเสวียนพูดอะไรก็ไม่รู้ ข้าอายนะเจ้าคะ”
ใบหน้างามก้มงุด หลบสายตาสื่อความหมายคู่นั้น แก้มสาวเปล่งปลั่งอาบย้อมไปด้วยสีแดงอมชมพูระเรื่อ สองมือขยับมากอบกุมกันเอาไว้อีกรอบ
อาการเขินอายของหญิงสาว ยิ่งกระตุ้นให้จุดกลางกายของเจ้าบ่าวอย่างเฟิงเสวียนขยายเหยียดแบบไม่ต้องกระตุ้นอะไรมาก
ร่างสูงโปร่งอย่างบัณฑิตขยับเข้าหาร่างเพรียวระหงมากยิ่งขึ้น เท่านั้นยังไม่พอ ใบหน้าคมคายยังขยับเข้าประชิดกับใบหน้างาม จนต่างฝ่ายต่างรับรู้ได้ถึงลมหายใจของกันและกัน
“ไม่ต้องอายนะคนดี มานี่พี่จะทำให้เจ้าเลิกอายเอง”
สองมือหนายกขึ้นจับหัวไหล่ทั้งสองข้างเอาไว้ พร้อมกับขยับริมฝีปากเข้าไปประทับลงบนหน้าผากโหนกนูนของหญิงสาวอย่างละมุน เพื่อปลอบประโลมคลายความกังวลให้หญิงสาว
จากนั้นริมฝีปากร้อนชื้นก็เลื่อนขยับออกจากหน้าผากลากไปทั่วใบหน้างาม และมาหยุดชิมความหอมหวานจากริมฝีปากอวบอิ่ม
ปลายลิ้นสอดแทรกเข้าไปภายในโพรงปาก พยายามเกี่ยวกระหวัดกับปลายลิ้นของหญิงสาวจนสำเร็จ
“อื้อ”
จ้าวไป๋เจี้ยเผลอครางในลำคอ เมื่อถูกเจ้าบ่าวปรนเปรอความสุขด้วยริมฝีปาก จนทำให้นางรู้สึกเคลิบเคลิ้มตัวลอย
“อ๊ะ”
แล้วยิ่งร้องเสียงหลง เมื่อริมฝีปากร้อนของเขาผละออกจากริมฝีปากของนาง เลื่อนลงต่ำไปจนถึงเนินเนื้อสองเต้า
ทั้งริมฝีปาก ทั้งฝ่ามือของชายหนุ่มยามนี้กำลังหยอกเย้าสร้างความคุ้นเคยกับดอกบัวตูมทั้งสองของนาง เสียจนร่างกายรู้สึกร้อนผ่าว เกิดความเสียวซ่านโดยไม่รู้ตัว เท่านั้นยังไม่พอมือข้างที่ว่างยังเลื่อนลงต่ำสัมผัสกับเนินสวาทโหนกนูน
“เจี้ยเอ๋อร์ พี่ไม่ไหวแล้ว”
หลังจากเล้าโลมจนรับรู้ได้ถึงความเปียกแฉะตรงบริเวณกลีบกุหลาบของหญิงสาวแล้ว เฟิงเสวียนก็บอกความปรารถนาของตนอย่างไม่อายปาก
“ขะ...ข้า” ไป๋เจี้ยยิ่งเขินอายมากขึ้นไปอีก แก่นกลางกายเองก็ให้รู้สึกปวดหนึบอย่างบอกไม่ถูก
“เป็นของพี่เถอะนะ พี่จะสอนบทเรียนแรกให้เจ้าเอง”
จ้าวไป๋เจี้ยพยักหน้าช้า ๆ แทนคำตอบ เมื่อเฟิงเสวียนเห็นเช่นนั้นก็ไม่รอช้า รีบปลดเสื้อผ้าทั้งของหญิงสาวและของตนเองออกโยนทิ้งไปจนหมด
จากนั้นก็จับแท่งร้อนเข้าจ่อประชิดถ้ำคับแคบเสียจนมิดด้ามในคราเดียว
“ซี้ด...อ๊า”
ไม่นานนักทั่วทั้งห้องนอนก็มีแต่เสียงครางของสองชายหญิง ที่กำลังกอดกันกลมราวกับกำลังจะหลอมรวมเป็นคนคนเดียวกัน เป็นเสียงครางของความสุขสมที่ดังขึ้นตลอดครึ่งคืนของวันเข้าหอ...
“อ๊า แรงอีก ๆ พี่ชอบ”
บริเวณพุ่มไม้ริมทาง สองร่างกอดกระหวัดรัดเกี่ยวกันอยู่ ในท่วงท่าที่อิสตรีอยู่ด้านบน เป็นฝ่ายควบคุมเกมรักในค่ำคืนนี้
เฉินซูเม่ย ขย่มอยู่ด้านบน ใบหน้าอันเต็มไปด้วยหยดเหงื่อแหงนขึ้นสูงตามจังหวะของอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน
ส่วนคนที่ถูกคร่อมหาใช่ชายหนุ่มที่ไหน เป็นมู่ฟางเจิน ชายหนุ่มที่ได้ลิ้มรสสาวงามประจำหมู่บ้านตั้งแต่ยังไม่ทันได้ตกแต่ง
ครั้งนั้น จะว่าเป็นเพราะความเข้าใจผิดก็ว่าได้ คืนนั้นมีการจัดงานเทศกาลประจำหมู่บ้าน เขาและเฟิงเสวียนพากันออกไปเที่ยวกับสหายคนอื่น ๆ
พอตกดึกตัวของเขาที่เมามากก็เกิดง่วงนอน แต่ไม่อยากปลุกมารดาที่คงนอนหลับไปแล้ว จึงขอไปนอนที่บ้านเฟิงเสวียน ซึ่งสหายรักของเขาก็ยินยอม
โดยให้เขานอนที่ห้องใหญ่สุด ส่วนตัวของเจ้าของบ้านกลับย้ายไปนอนในห้องนอนเล็ก
หลังจากทุกคนพากันหลับสนิทเพราะความเมาเป็นเหตุแล้ว มู่ฟางเจินรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างกำลังมุดผ้าห่มของเขาอยู่ พร้อมกับกลิ่นหอมของดอกไม้จาง ๆ
แล้วเหตุการณ์ชุลมุนก็เกิดขึ้น เมื่อมีทั้งก้อนเนื้อสองเต้าและเนินเนื้อส่วนล่างมาบดเบียดร่างกายของเขา จนเจ้าลูกชายตื่นผงาด
ตอนแรกเขาก็พยายามหักห้ามใจเอาไว้แล้ว พยายามผลักไสเจ้าของเสียงหวานที่พร่ำแต่บอกรักเอ่ยชื่อสหายของเขา เพราะดูท่าฝ่ายหญิงคงตั้งใจจะเข้าหาสหายของเขามากกว่า
แต่ฝ่ายนั้นกลับไม่ยอมหยุดเป็นฝ่ายเสนอตัวให้เขา จนเขาเกิดตบะแตกตอบสนองหญิงสาวไปแบบถึงอกถึงใจ
กว่าฝ่ายหญิงจะรู้ตัวว่าเข้าหาผิดคน ก็เสียตัวให้เขาไปสามสี่รอบแล้วตลอดคืนนั้น
แล้วนับจากคืนนั้นมา พวกเขาก็ยังไม่ได้ถูกเนื้อต้องตัวกันเลย เพราะตั้งใจเอาไว้ว่าหลังจากงานแต่งของเฟิงเสวียนเขาเองก็จะตกแต่งนางเช่นเดียวกัน
แต่ค่ำคืนนี้ ฝ่ายหญิงกลับทำท่าไปสนใจสหายรักของเขาอีก เขาจึงลากตัวนางมาประทับตราความเป็นเจ้าของอีกครั้ง
เพียงแต่ว่าทำไปทำมา กลับเป็นฝ่ายหญิงที่ขึ้นควบดำเนินเกมรักไปเสียเอง แต่ว่าเขากลับชอบใจและรู้สึกเสียวซ่านได้อารมณ์มาก
“แรงอีก อย่างนั้น”
เฉินซูเม่ยเร่งขยับบั้นท้ายรัวเร็วยิ่งขึ้น ดวงตาสองข้างปิดสนิท วาดภาพว่าคนใต้ร่างเป็นชายหนุ่มที่หล่อที่สุดในหมู่บ้าน จนอารมณ์ปรารถนาพุ่งถึงขีดสูงสุด นางก็ยิ่งเพิ่มความแรงขึ้นเพื่อพาตนเองไปถึงจุดสุดยอด
“พี่เฟิงเสวียน” เสียงหวานคำรามในลำคอ จังหวะเดียวกับที่เสียงเข้มครางออกมาเช่นกัน
“เมื่อครู่เจ้าเรียกชื่อใครนะ พี่ฟังไม่ชัด” เสียงหายใจหอบเอ่ยถาม เสียงกระเส่ารีบเอ่ยตอบทันควัน
“แหม จะเรียกชื่อใครได้ นอกจากพี่ฟางเจิน”