ฝูหรงองค์หญิงไร้บัลลังก์

59.0K · จบแล้ว
หวังเสี่ยวชิง
30
บท
1.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ชีวิตข้าอยู่ได้เพียงเพราะมีความแค้นหล่อเลี้ยง ดังนั้นอย่าทวงถามหาความรักจากข้าเลย...หากแม้นไม่สำเร็จตามปรารถนา ตัวข้าขอเลือกความตายดีกว่า ที่จะมีชีวิตอยู่...

นิยายจีนโบราณแม่ทัพฮ่องเต้ท่านอ๋ององค์หญิงฮองเฮานางเอกเก่งจีนโบราณกำลังภายใน

ตอนที่ 1 คลอด

ตอนที่ 1

แคว้นฉิน

...อุแว้ อุแว้ อุแว้...

หมอตำแยหญิง จับเด็กทารกที่พึ่งตัดสายสะดือเสร็จ ห้อยหัวลงพื้น พลางตบไปที่ก้นเด็กทารกเพื่อให้ส่งเสียงออกมา โดยไม่ทันสังเกตเห็นหัวของทารกอีกคนกำลังโผล่ออกมาจากช่องทางของมารดา

“แม่ แม่หมอ นั้น เด็ก”

หญิงสาวผู้ช่วยของหมอตำแย รับเด็กทารกจากคนที่นางเรียกว่าแม่หมอ นำผ้าสะอาดมาห่อหุ้มร่างเปลือยเปล่าเอาไว้ แต่สายตาเหลือบไปเห็นคล้าย ๆ ศีรษะของเด็กทารกอีกคนกำลังจะคลอดออกมาอีก

“ตายห่า! ยังมีอีกคนหรือนี่”

หญิงวัยกลางคนอุทานออกมา ก่อนจะรีบไปทำคลอดอีกครั้ง พร้อมภาวนาในใจ ว่าหากคลอดออกมาแล้วอย่าได้มีหน้าตาเหมือนเด็กคนแรกเลย

...อุแว้ อุแว้ อุแว้...

เวลาผ่านไปไม่นาน แม่ของเด็กก็สามารถคลอดบุตรคนที่สองออกมาได้สำเร็จ

“แม่หมอ ลูกของข้าทั้งสอง”

เสียงแหบพร่าเอ่ยออกมาอย่างอ่อนล้า เพราะพึ่งใช้เรี่ยวแรงทั้งหมด ในการให้กำเนิดทายาท ที่ไม่คาดคิดว่าจะมีถึงสองคนในท้องเดียวกัน

“ข้าเสียใจด้วย เจ้าได้ลูกแฝด” หมอตำแยส่งสายตาให้ผู้ช่วยนำทารกแฝดทั้งสองมาวางใกล้หญิงที่นอนอยู่บนเตียงไม้ ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ตัดสินใจเอา ว่าจะเลือกเด็กคนไหนไว้”

จากนั้นหมอตำแยกับผู้ช่วยก็ออกมาจากห้องนอน แจ้งข่าวร้ายให้กับสามีของหญิงสาว และพ่อของเด็กทารกทั้งสองได้รับทราบ

“ไม่จริงใช่ไหมแม่หมอ” บิดาของทารกน้อย จ้องหน้าหมอตำแยประจำหมู่บ้าน เพราะอยากให้นี้เป็นแค่เรื่องล้อเล่นเท่านั้น

“ข้าเสียใจด้วย ข้าจะไปแจ้งให้หัวหน้าหมู่บ้านเตรียมทำพิธีเซ่นไหว้ปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายให้พ้นไป”

สิ้นคำของหมอตำแย ชายหนุ่มรีบวิ่งเข้าไปด้านในห้องทันที พร้อมกับเสียงร้องไห้โหยหวนของคนเป็นมารดา

“ฮือ ๆ ไม่ ทำไมต้องเป็นแบบนี้ ฮือ ๆ”

“น่าเห็นใจพวกเขานะแม่หมอ” หญิงผู้ช่วยกล่าวออกมา มิวายหันกลับไปมองบ้านที่เต็มไปด้วยเสียงร้องไห้คร่ำครวญ “ทำไมเราไม่ช่วยพวกเขา ปิดปากเงียบ หาทางส่งเด็กอีกคนไปเลี้ยงที่หมู่บ้านอื่น”

“แล้วให้แคว้นฉินต้องมาพินาศล่มจมหรือ เจ้าก็รู้เด็กแฝดถือเป็นกาลกิณีร้ายแรง จะปกปิดเพียงเพราะสงสารได้อย่างไร เจ้าเองเป็นผู้ช่วยข้าก็หัดทำใจแข็งเอาไว้ เพราะไม่รู้ว่าจะมีรายอื่นอีกหรือไม่”

หมอตำแยหญิง ที่ยึดอาชีพทำคลอดมาตั้งแต่สมัยยังสาว สอนหญิงสาวที่พึ่งรับมาเป็นผู้ช่วย เพราะแรก ๆ ตัวนางก็เกิดความสงสารสังเวชใจเหมือนกัน แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อบรรพบุรุษทำนายเอาไว้ว่า หากแคว้นฉินมีคู่แฝดอยู่ จะนำภัยพิบัติใหญ่หลวงมาสู่แคว้น เมื่อเป็นเช่นนี้ หากบ้านไหนมีลูกแฝด จำต้องเลือกเพียงคนใดคนหนึ่งเท่านั้น ส่วนอีกคนก็มิอาจมีชีวิตอยู่บนโลกนี้อีกต่อไปได้ นางต้องพบเห็นเหตุการณ์ลักษณะนี้ จนเกิดความชินชาไม่รู้สึกอะไรมากเท่าใดนักแล้ว...

วังหลวง ห้องบรรทมของพระสนมเอก

“โอ๊ย! ลู่หลิน ข้าปวดจนจะทนไม่ไหวแล้ว”

สตรีสวมใส่อาภรณ์เบาบางสีขาว นอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงไม้แกะสลักด้วยลวดลายวิจิตรตระการตา ใบหน้างามเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ มือข้างหนึ่งกำผ้าปูเอาไว้แน่น ส่วนมืออีกข้างมีนางกำนัลคนสนิทกอบกุมอยู่ข้างเตียง

“อดทนไว้ก่อนเพคะพระสนม หมอหลวงกำลังมา”

สตรีในวัยไล่เลี่ยกัน นั่งคุกเข่าอยู่ข้างเตียงไม่ยอมห่างไปไหน ปากก็เอื้อนเอ่ยปลอบขวัญคนเจ็บท้องใกล้คลอด ในขณะที่มือข้างที่เหลือก็ใช้ผ้าสะอาดซับเหงื่อบนดวงหน้างามของพระสนมเอก

“เจ็บ เจ็บเหลือเกิน”

‘จ้านฮุ่ยหลิน’ หรือพระสนมเอกฮุ่ยหลิน หญิงชาวบ้านธรรมดา แต่สามารถครองใจของฝ่าบาท จนได้มาอยู่ในตำแหน่งพระสนมเอกของแคว้นฉิน รู้สึกปวดไปทั่วท้องที่มีขนาดใหญ่โตมากกว่าคนท้องคนอื่น ๆ มาก แต่เวลาเคลื่อนผ่านมาสักพักแล้ว ยังไม่มีทีท่าว่าจะมีหมอหลวงคนใด มาที่ตำหนักเฉิงเฉียวเลย

“ใครอยู่ด้านนอก รีบไปตามหมอหลวงอีก เหตุใดถึงชักช้าเพียงนี้” ลู่หลินตะโกนสั่งนางกำนัลที่อยู่ด้านนอกห้องบรรทม ร้อนใจยามที่เห็นผู้เป็นนายร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดเช่นนี้

แต่ไม่นานก็มีหมอหลวงหญิงพร้อมผู้ช่วยอีกหนึ่งคน กึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาในห้องบรรทมของพระสนมเอก สีหน้าของแต่ละคน แสดงความเหนื่อยล้าออกมา

“ขอประทานอภัย พระสนมเอกเพคะ ที่หม่อมฉันมาช้า”

“มาแล้วก็รีบทำอะไรสักอย่างสิ” ลู่หลินสั่งเสียงเขียว

หมอหลวงหญิงที่กำลังจะเอ่ยปากอธิบายสาเหตุที่มาช้า ก็เพราะว่าตอนนี้หมอหลวงทั้งหมด ยกโขยงกันไปที่ตำหนักคินหนิง เพื่อดูอาการของฮองเฮา ที่เกิดประชวรขึ้นอย่างกะทันหัน พอทางตำหนักเฉิงเฉียวส่งคนไปตาม นางที่ออกเวรแล้วจึงถูกตามตัวมาแทน แต่เมื่อคนสนิทของพระสนมเอก เสียงเข้มแบบนั้น นางจึงหุบปากให้สนิท ลงมือเตรียมทำคลอดให้พระสนมทันที

“เบ่งเพคะ เบ่งอีก อย่างนั่นแหละเพคะ”

พระสนมเอกสองมือเปลี่ยนมาจับผ้าที่ห้อยลงมา ออกแรงเบ่งตามที่หมอหลวงบอก ใบหน้างามแดงก่ำจนแทบจะกลายเป็นสีเลือด

“ออกแรงอีก หัวเด็กกำลังจะโผล่แล้วเพคะ”

หมอหลวงหญิง ยื่นมือไปประคองศีรษะของทารกน้อย ที่กำลังจะโผล่ออกมาดูโลก ส่วนผู้ที่เป็นมารดาก็รวบรวมแรงใจเบ่งออกมาจนสุดแรง

...อุแว้ อุแว้ อุแว้...

...อุแว้ อุแว้ อุแว้...

ยังไม่ทันที่หมอหลวงหญิงจะได้ทำอะไร นัยน์ตาของนางกับผู้ช่วยหมอก็เบิกกว้าง หยุดชะงักค้างไปนิดหนึ่ง ก่อนจะกลั้นใจทำคลอดครั้งนี้ให้เสร็จสมบูรณ์

หมอหลวงหญิงกับผู้ช่วยหมอลงมือทำความสะอาดคราบน้ำคร่ำจากตัวเด็กทารกจนสะอาด ใช้ผ้านุ่มอย่างดีมาห่อหุ้มเอาไว้ สายตาสองคู่สบประสานกัน แฝงประกายบางอย่างเอาไว้

“ลูกข้าเป็นหญิงหรือชาย” เสียงที่เอ่ยออกมาแม้อ่อนแรงเพียงใด แต่ด้วยความอยากเห็นหน้าบุตรที่อุตส่าห์ตั้งท้องมาตั้งเก้าเดือน จึงฝืนเอ่ยออกมา

“พระ พระโอรสเพคะ” หมอหลวงหญิงกล่าวตะกุกตะกัก

“ไหน ขอข้าดูหน้าลูกหน่อย”

หมอหลวงหญิงกับผู้ช่วยขยับเข้าใกล้เตียงกว้าง วางพระโอรสลงข้างกายของพระมารดา หลังจากนั้นก็ถอยไปยืนอยู่มุมมุมหนึ่ง กระซิบกระซาบพูดอะไรบางอย่าง

พระสนมฮุ่ยหลิน มองบุตรชายที่อยู่ในห่อผ้า นัยน์ตาหงส์คู่งามเบิกกว้าง ตื่นตระหนกกับสิ่งที่เห็น

“ลูก ลูกชายข้า ลู่หลิน ทำไม”

‘ลู่หลิน’ เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ตอนคลอด แม้ไม่อยากให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นกับนายของตน แต่เมื่อเกิดไปแล้ว จำต้องทำใจให้สงบนิ่ง เพื่อคิดหาทางออกที่ดีที่สุด

“ไม่เป็นไรเพคะ พระสนม ทำใจดี ๆ เอาไว้”

“ไม่ ฮือ ๆ ข้าทำใจ หรือตัดใจไม่ได้ ลูก ลูกข้าทั้งคน” น้ำเสียงคร่ำครวญปนสะอื้นไห้ของหัวอกคนเป็นแม่ ที่ไม่อาจทำใจกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับบุตรชายได้

“มีหม่อมฉันอยู่ทั้งคน อย่าห่วงเลยเพคะ”