ตอนที่ 2 ปิดปาก
ตอนที่ 2
“มีหม่อมฉันอยู่ทั้งคน อย่าห่วงเลยเพคะ”
ลู่หลินหญิงสาวที่อยู่เคียงข้างพระสนมมาตั้งแต่เป็นชาวบ้านธรรมดา แตะไปที่หลังมือของอีกฝ่าย ให้ความมั่นใจ ว่าสามารถจัดการเรื่องนี้ให้ผ่านไปได้ด้วยดีแน่
เมื่อปลอบขวัญจนพระสนมคลายความตื่นตระหนกแล้ว จึงหันมาจ้องมองหมอหลวงหญิงกับผู้ช่วย ที่กำลังยืนกระซิบกระซาบกันอยู่ สีหน้าของพวกนางเต็มไปด้วยความกังวล
“ท่านหมอหลวง ช่วยเก็บเรื่องนี้เป็นความลับได้หรือไม่”
“ลู่หลินเจ้าก็รู้ขนบธรรมเนียมของแคว้นฉินดีนี้ จะทำอย่างไรได้”
“แล้วถ้ามีค่าปิดปาก เป็นเงินสัก หนึ่งพันตำลึงทองเล่า จะว่าอย่างไร”
หมอหลวงหญิงมองนางกำนัลคนสนิทของพระสนมเอกอย่างไม่เชื่อใจ เพราะพื้นเพเดิมของคนทั้งสอง เป็นเพียงชาวบ้าน จะมีเงินจำนวนมากแบบนั้นได้อย่างไร
“เจ้าจะหาเงินมาจากไหน”
ลู่หลินยิ้มเย็น จับกระแสแห่งความโลภในน้ำเสียงของหมอหลวงหญิงได้
“ท่านไม่รู้หรือ ว่าฝ่าบาททรงรักพระสนมเอกมากเพียงใด ไม่คิดหรือว่าจะทรงมอบทรัพย์สินของมีค่าให้พระสนมมากกว่าชายาองค์อื่น”
หมอหลวงหญิงกับผู้ช่วยมองหน้ากัน เป็นความจริงที่ว่าฮ่องเต้ทรงมีจิตสิเน่หาพระสนมเอกเป็นอย่างมาก จนไม่เคยไปหาชายาองค์อื่น ๆ เลย แม้กระทั่งกับฮองเฮา จนทำให้ฮ่องเต้ไม่มีทายาทเสียที จนกระทั่งพระสนมเอกผู้นี้ทรงตั้งครรภ์เป็นคนแรก
“แล้วไหนละ ค่าปิดปากของพวกข้าสองคน” ผู้ช่วยหมอหลวงชะเง้อคอมองหาหีบทองคำ สายตาเต็มไปด้วยความละโมบโลภมาก
“ไม่ได้ถูกเก็บไว้ในวังหลวงหรอก เพราะกลัวอำนาจของฮองเฮา จะยึดทรัพย์เหล่านี้ไป หากเจ้าทั้งสองยอมรับปากก็ตามข้าออกนอกวังหลวง ไปเอาเงินคนละห้าร้อยตำลึงทองได้ตอนนี้เลย”
หมอหลวงหญิงกับผู้ช่วยหันไปซุบซิบปรึกษากัน เงินห้าร้อยตำลึงทองไม่ใช่เงินจำนวนน้อย ๆ ต่อให้อยู่ในวังหลวงต่อไปจนชั่วชีวิตก็หาเงินให้มากเท่านี้ไม่ได้ สู้พวกตนรับเงินจำนวนนี้แล้วออกจากวังหลวง กลับบ้านเดิมไม่ดีกว่าหรือ
“ได้ ข้าจะปิดปากให้สนิท หวังว่าเจ้าจะไม่เล่นตุกติก ไม่อย่างนั้นข้าจะกราบทูลความจริงให้ฝ่าบาททรงทราบแน่” หมอหลวงหญิงกล่าวออกมา
“พวกเจ้าไม่มีโอกาสนั้นหรอก” ลู่หลินกล่าวเสียงแผ่วเบา
“เมื่อครู่เจ้าว่าอะไรน่ะ” หมอหลวงหญิงเอ่ยถาม เพราะฟังสิ่งที่พูดออกมาไม่ชัด
“ข้าบอก พวกเจ้าไม่ต้องห่วง คนอย่างลู่หลินพูดคำไหนคำนั้น”
หลังจากตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หมอหลวงหญิงและผู้ช่วย เป็นคนพานางในคนสนิทของพระสนมเอกออกนอกวังหลวง
“ลู่หลินยังไม่ถึงอีกหรือ”
หมอหลวงหญิงเอ่ยถามออกมา หลังจากออกมาจากวังหลวง คนสนิทของพระสนมเอกก็พาขึ้นรถม้า ที่มีสารถีเป็นชายแปลกหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเคราออกมาจนพ้นเขตหมู่บ้าน จนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่ชายป่าไม่ไกลจากเมืองหลวงมากนัก และพาลงจากรถม้าเดินเท้าลัดเลาะมาตามแมกไม้ จากบริเวณชายป่าที่มีต้นไม้บางเบาก็เริ่มมีต้นไม้ขึ้นอย่างแน่นหนา
“ไม่เข้าใจ ทำไมต้องซ่อนทรัพย์สินในที่แบบนี้ด้วย” ผู้ช่วยหมอหลวงบ่นออกมา สองมือนวดขาที่เริ่มระบม
“ถึงแล้วล่ะ สิ่งที่อยากจะซ่อนให้พ้นหูพ้นตาผู้คนก็ต้องทำเลแบบนี้ หากเป็นเจ้า จะคิดไหมล่ะว่า ตรงบริเวณนี้จะมีของมีค่าซ่อนอยู่”
คนละโมบทั้งสองคนส่ายหน้า หากลู่หลินไม่บอกว่ามีสมบัติซ่อนอยู่ พวกนางก็คิดว่าตรงนี้เป็นแค่ป่าลึกธรรมดา
“เจ้าฝังเงินซ่อนไว้ตรงไหน ไม่เห็นเตรียมสิ่งใดมาไว้ขุดเลย” หมอหลวงหญิงสาดสายตามองหาที่ที่จะซ่อนเงินจำนวนมากได้ก็ไม่เห็นจะมี นอกจากจะใช้วิธีฝังดินเอาไว้
“ไม่จำเป็น”
ลู่หลินแสยะยิ้มออกมา เป็นรอยยิ้มที่หญิงสาวอีกสองนาง เริ่มเอะใจหันมาหวาดระแวงว่าตนเองอาจจะถูกหลอกได้
“ท่านหมอ หรือว่าพวกเราถูกหลอก” ผู้ช่วยกล่าวเสียงสั่น นัยน์ตาโตเท่าไข่ห่าน
“ฮ่า ๆ รู้ตอนนี้ก็สายไปแล้ว”
มีดสั้นถูกดึงออกจากที่ซ่อน ปลายแหลมคมทั้งสองด้านเป็นเงาวาววับ จนมองเห็นใบหน้าซีดเผือดปราศจากสีเลือดของคนที่กำลังตกอยู่ในอันตราย
“จะ เจ้า จะทำอะไร พวกข้ารับปากแล้วอย่างไรว่าจะไม่ปากสว่างพูดอันใดออกมา อะ เอาแบบนี้พวกข้าไม่เอาเงินแล้วก็ได้ แค่เจ้าปล่อยพวกข้าไป พวกข้าจะไม่กลับวังหลวงอีกชั่วชีวิตเลย” หมอหลวงหญิงตะกุกตะกัก มองคมมีดสั้นของอีกฝ่าย แม้หวาดกลัวเพียงใดก็พยายามทำใจดีสู้เสือไว้ก่อน
“ข้าเป็นคนไม่เชื่อในวาจาของมนุษย์ แต่ถ้าเป็นมนุษย์ที่ไม่มีลมหายใจแล้วก็ว่าไปอย่าง” ลู่หลินเอ่ยเสียงเหี้ยม นัยน์ตาสีน้ำตาลในตอนนี้เต็มไปด้วยรังสีอำมหิต แบบที่น้อยครั้งถึงจะได้เห็น สองเท้าก้าวเข้าหาสตรีทั้งสองที่เดินถอยหลังไปเรื่อย ๆ “อย่าว่าข้าเลย ข้าจำเป็นต้องทำ เพื่อปกป้องพระสนมกับองค์ชาย”
หมอหลวงหญิงกับผู้ช่วยพากันหมุนตัวจะวิ่งหนี แต่ชนเข้ากับอะไรบางอย่างเสียก่อน
“จะไปไหน”
สารถีที่ทำหน้าที่บังคับรถม้า ผลักตัวหมอหลวงหญิงไปให้ลู่หลิน ส่วนตนเองก็จับข้อมือบางของผู้ช่วยเอาไว้แน่น ในมือของชายผู้นี้ก็มีมีดสั้นลวดลายของด้ามจับเหมือนกับลู่หลินไม่มีผิด
“ลงมือได้หรือยัง” สารถีมองคนสนิทของผู้เป็นนาย ที่ถูกส่งให้ไปคอยดูแลพระสนมเอก
เมื่อเห็นนางส่งสัญญาณปลายมีดสั้นก็จ้วงแทงไปที่หน้าอกซ้ายของผู้ช่วยหมอทันที ก่อนปลายมีดจะถูกกระชากออก เลือดสีแดงฉานพุ่งกระฉูดออกจากบาดแผล ร่างของหญิงสาวทรุดลงไปกองอยู่บนพื้น กระตุกสองสามทีก็แน่นิ่งไป
“กรี๊ด!”
หมอหลวงหญิงหวีดร้องเสียงดัง หลังจากเห็นภาพการตายอันชวนสยดสยอง ก่อนที่คอระหงของนางจะถูกคมมีดสั้นปาดเป็นแผลยาวลึก และลมหายใจของนางก็ตามผู้ช่วยไปติด ๆ
“จัดการเก็บกวาดให้เรียบร้อย อย่าให้หลงเหลือร่องรอยเป็นอันขาด ข้าจะไปหาใครผู้หนึ่งก่อน”
ลู่หลินออกคำสั่ง มือหนึ่งใช้ผ้าสะอาดเช็ดคราบเลือดออกจากมีดสั้น นัยน์ตาของนางเรียบเฉย ราวกับสิ่งที่กระทำเป็นเรื่องปกติ ที่เคยทำมาแล้ว...
หนึ่งวันหลังจากวันประสูติ
“ฮุ่ยหลิน ข้าขอบใจเจ้ามาก ที่สามารถให้กำเนิดองค์ชายแก่ข้าได้”
‘ฮ่องเต้ข่งเหวินเต๋อ’ โอรสสวรรค์แห่งแคว้นฉิน หลังกลับจากเสด็จประพาสป่าแถวชายแดน พอทรงทราบข่าวว่าพระสนมเอก นางอันเป็นที่รักได้ประสูติกาลตั้งแต่เมื่อวานแล้ว พระองค์ก็รีบเสด็จมายังตำหนักเฉิงเฉียวทันที
“เป็นเพราะพระบารมีของฝ่าบาท หม่อมฉันถึงได้เป็นมารดาขององค์ชายเพคะ พระองค์จะทรงตั้งชื่อลูกว่าอย่างไรดีเพคะ”
พระสนมเอกฮุ่ยหลินอุ้มองค์ชายน้อยไว้ในอ้อมแขน เอ่ยเสียงหวานถามผู้เป็นเจ้าชีวิตของนางและก็บุตรชาย
“ข้าแซ่ข่ง ดังนั้นบุตรชายคนแรกของข้าให้ชื่อว่า ข่งหย่งกัง ที่แปลว่ากล้าหาญ เข้มแข็ง เด็ดเดี่ยว ภายภาคหน้าเขาจะได้เป็นใหญ่ต่อจากข้า รัชทายาทของแคว้นฉิน”