เกือบจะรักก็เกือบสายไป

54.0K · จบแล้ว
หวังเสี่ยวชิง
27
บท
59
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ความสัมพันธ์ที่ไม่ได้เริ่มด้วยความรักแบบฉันชู้สาว มันทำให้เขาค่อย ๆ ค้นพบหัวใจของตัวเอง เมื่อหญิงสาวยอมทำทุกอย่างเพื่อเขา...แต่กว่าจะรู้ใจของตัวเอง ก็เกือบจะสายเกินไป

นิยายจีนโบราณดราม่าโตมาด้วยเศรษฐีแต่งงานก่อนรักนิยายย้อนยุคคนธรรมดายุค80สัมพันธ์ครอบครัว

ตอนที่ 1 บทนำ

ตอนที่ 1 บทนำ

รถเก๋งสีขาวสภาพค่อนข้างเก่า ผิวตัวรถเป็นรอยขีดข่วนเล็กน้อยสะท้อนให้เห็นถึงการใช้งานที่ยาวนาน ภายในห้องโดยสารนั้นเรียบง่าย เครื่องเสียงแบบคาสเซ็ตเก่าคร่ำครึส่งเสียงเพลงจีนแผ่วเบา ขณะที่ขับเคลื่อนมาจอดอยู่หน้าประตูบ้านหลังใหญ่ ซึ่งบ่งบอกถึงฐานะของเจ้าของบ้านได้เป็นอย่างดี

“แน่ใจนะครับ ว่าไม่ให้ผมเข้าไปส่งถึงในตัวบ้าน”

เจ้าของใบหน้าคมเข้ม รูปร่างสูงโปร่งสง่างาม กล้ามเนื้อทุกมัดกระชับได้สัดส่วน ดวงตาคมกริบดุจเหยี่ยว จ้องมองผ่านตัวหญิงสาวเลยไปยังตัวบ้านที่มองเห็นแต่ไกลอย่างมีความหวัง

“ไม่รบกวนดีกว่าค่ะ แค่มาส่งถึงบ้านก็เกรงใจมากแล้ว”

ริมฝีปากอวบอิ่มแต่งแต้มด้วยลิปสติกสีชมพูฉ่ำน้ำเอื้อนเอ่ยปฏิเสธเสียงนุ่ม มือเรียวเอื้อมไปเปิดประตูข้างคนขับ ก่อนจะก้าวลงจากรถคันเก่าไป เหยียดกายขึ้นยืนเต็มความสูง

ชายหนุ่มเจ้าของรถรีบลดกระจกลง โน้มกายมายังเบาะที่ว่าง ทอดสายตามองเจ้าของร่างเพรียวระหงตาละห้อย

“หวังว่าเราคงมีโอกาสได้พบเจอกันอีกนะครับ”

“แน่นอนค่ะ ถ้าเรามีวาสนาต่อกัน คงได้พบกันอีก ไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว”

รอยยิ้มหวานถูกส่งไปให้หนุ่มหล่อเจ้าของรถ ก่อนจะหมุนตัว เดินไปกดกริ่ง แล้วยืนรออยู่สักพัก ไม่นานก็มีสาวใช้วิ่งออกมาเปิดประตูให้

ทันทีที่สาวใช้เปิดประตูรั้วบ้านให้ หญิงสาวก็ก้าวเข้าไปด้านใน โดยไม่หันมาสนใจรถยนต์ที่ยังคงจอดสตาร์ทเครื่องอยู่เลยแม้แต่น้อย

ผิดกลับอีกคนที่นั่งอยู่ในรถ มองตามแผ่นหลังเหยียดตรงไปอย่างหิวกระหาย ในที่สุดเขาก็ค้นพบเพชรเม็ดงาม ที่มีพร้อมทั้งรูปโฉมและทรัพย์สิน ผู้ซึ่งจะมาฉุดดึงให้ฐานะการเงินของเขามั่นคงขึ้น

“ถึงคุณไม่อยากพบผม ผมจะต้องหาทางพบคุณอีกแน่...คนสวย”

รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏที่มุมปาก ก่อนเจ้าของรอยยิ้มจะขับรถยนต์เคลื่อนออกไปตามท้องถนน ไม่นึกว่าการยืมเงินเพื่อนไปเข้าบาร์หรูในครั้งนี้ จะได้พบกับสาวงามมานั่งจิบเหล้าอยู่คนเดียว ซึ่งน้อยครั้งนักที่จะได้พบ อาจจะเป็นเพราะสวรรค์เปิดทางให้โอกาสเขาได้หลุดพ้นไปจากความยากจนเสียทีกระมัง

ย้อนมาถึงหญิงสาวที่เดินซวนเซเล็กน้อย จากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ อาจเป็นเพราะเจ้าตัว พึ่งจะหัดดื่มเป็นครั้งแรก แม้จิบไปเพียงไม่กี่คำ ก็รู้สึกเวียนหัวแล้ว

“คุณหนูดื่มเหล้ามาหรือคะนี้” สาวใช้ที่เดินตามหลังผู้เป็นนายมา ย่นจมูกเพราะได้กลิ่นสุราออกมาจากตัวของคุณหนู

“ฉันดื่มมานิดหน่อยนะ ไม่หมดแก้วเลยด้วยซ้ำ ไม่เมาหรอก”

‘หยางหลิงหลาน’ กล่าวตอบสาวใช้ พร้อมกับถอดรองเท้าออก ก่อนจะก้าวผ่านประตูบานที่สาวใช้มาเปิดให้เข้าไปด้านใน ยังไม่ลืมหันกลับมาสั่งสาวใช้ ที่กำลังลงมือปิดประตูลงกลอนด้วย

“ปิดประตูแล้วก็ไปนอนพักเถอะ ไม่ต้องตามฉันมาหรอก”

“ค่ะ” สาวใช้รับคำอย่างว่าง่าย หลังจากปิดประตูแล้ว ก็เดินเลี่ยงไปอีกทาง ซึ่งจะนำพาไปยังห้องนอนของคนรับใช้

ส่วนหญิงสาวเจ้าของบ้าน ก็เดินฝ่าความมืดสลัวผ่านห้องนั่งเล่น เพื่อขึ้นบันไดไปยังชั้นสอง แต่ยังไม่ทันจะถึงบันได แสงไฟสีขาวนวลก็สว่างขึ้นมาเสียก่อน พร้อมกับเสียงเข้มที่แฝงความดุดันเอาไว้ เอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมา

“เดี๋ยวนี้แอบหนีไปเที่ยวกลางคืนหรือ แล้วเสียงรถนั้นใครมาส่ง”

ดวงโตกลมโตหรี่ลงจนแทบจะปิด ทันทีที่กระทบกับแสงสว่างจ้า หลังจากกะพริบตาถี่ ๆ ปรับสภาพให้คุ้นชินกับแสงไฟจากหลอดไฟได้แล้ว

เธอก็เห็นร่างสูงโปร่งสมส่วนลุกออกจากโซฟา ก้าวเท้าเข้ามาหาเธอ มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าในระยะที่ไม่ใกล้ไม่ไกลมาก ปลายคางเรียวเชิดขึ้นทันที ก่อนจะตอบคำถามเสียงแข็ง

“ฉันไม่ได้หนี มันเป็นสิทธิ์ของฉันอยู่แล้ว ที่จะไปไหนมาไหนก็ได้ ส่วนเรื่องว่าฉันไปกับใคร มันก็ไม่ใช่เรื่องของพี่”

พูดจบร่างเพรียวระหงก็หมุนตัวเตรียมจะเดินขึ้นบันไดไป แต่ก็ต้องหมุนตัวกลับมาจากแรงกระชากของคนตัวโตกว่า ท่อนแขนด้านบนถูกมือหนาบีบจนรู้สึกเจ็บ

“ฉันเจ็บนะ ปล่อยฉันเดี๋ยวหนี” เสียงเล็กตวาดใส่คนตัวโต พร้อมใช้มือข้างที่เหลือพยายามแกะมือที่บีบท่อนแขนของตัวเองออก

“ยังไปไหนไม่ได้ จนกว่าจะพูดกันรู้เรื่อง” เสียงเข้มกล่าวกระชากดุดันเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว

“ฉันก็บอกแล้วว่ามันเป็นเรื่องของฉัน ไม่เกี่ยวกับพี่ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้” คนตัวเล็กยังคงพยายามดิ้นให้หลุด

“ทำไมจะไม่เกี่ยว ในเมื่อพี่เป็นสามีของเธอ”

คราวนี้คนที่กำลังดิ้นรนแทบเป็นแทบตาย หยุดดิ้นรนทันที ยืนนิ่งแหงนใบหน้าขึ้นมองใบหน้าคมคายหล่อเหลาไม่แพ้นายแบบ พร้อมกับหัวเราะขึ้นมาแบบไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ

“ฮ่า ๆ”

“เธอดื่มเหล้าจนเสียสติไปแล้วหรือ” ชายหนุ่มได้กลิ่นแอลกอฮอล์จากตัวของภรรยาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“ฉันไม่ได้บ้า พี่ต่างหากที่บ้า ลืมไปแล้วหรือ ว่าอีกสองอาทิตย์ พวกเราก็จะหย่ากันแล้ว เพราะฉะนั้นพี่ไม่มีสิทธิ์มาซักถามทำเหมือนฉันทำเรื่องไม่ดีแบบนี้” เสียงเล็กตะโกนใส่หน้าคนตัวโตกว่าจนสุดเสียง ทำเอาอีกฝ่ายนิ่งงันไปเหมือนกัน

‘หวังไป๋หาน’ พูดไม่ออกไปชั่วขณะ เพราะเป็นเรื่องจริง ที่พวกเขาตกลงเรื่องแยกทางกันในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า แต่เรื่องหย่านี้เขาไม่ได้เห็นดีด้วยเสียหน่อย แล้วยังไม่ใช่เหตุผล ที่เขาจะปล่อยให้ลูกสาวของผู้มีพระคุณทำตัวเหลวแหลก ออกไปเที่ยวกลางคืน ไปพบปะผู้คนที่อาจจะไม่หวังดีได้ ในเมื่อเขารับปากท่านนายพลไว้แล้ว ว่าจะปกป้องและดูแลผู้หญิงตรงหน้าไปชั่วชีวิต พอดึงสติกลับมาได้ จึงรีบสรรหาคำมาตอบโต้หญิงสาวทันควัน

“พี่ยังมีสิทธิ์ในตัวเธอทุกกระเบียดนิ้ว เพราะเรายังไม่ได้เซ็นหนังสือหย่า ดังนั้นระหว่างนี้พี่ไม่อยากเห็นภรรยาของตัวเองไปไหนมาไหนกับชายอื่นแบบนี้ ถ้าไม่อยากขึ้นชื่อว่าสวมเขาให้สามี ก็ช่วยอยู่ติดบ้านหน่อยเถอะ นอกเสียจากว่า เธออยากได้หมอนั่นจนทนไม่ไหว”

เพียะ!

ใบหน้าคมคายหันไปตามแรงฟาดของฝ่ามือนุ่ม ถึงแม้ว่าจะไม่ได้สร้างความเจ็บปวดให้เขามากนัก แต่ก็สามารถทิ้งรอยนิ้วมือทั้งห้าเอาไว้บนแก้มซีกซ้ายของเขาได้

ทางด้านฝ่ายที่ลงมือตบ ก็ยืนนิ่งอึ้งไป ยกมือข้างที่ฟาดลงบนแก้มของสามีขึ้นมาดู ริมฝีปากอวบอิ่มสั่นระริกเกินการควบคุม ดวงตาคู่งามเริ่มฉ่ำด้วยหยาดน้ำสีใส ก่อนที่เจ้าตัวจะรีบวิ่งขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของบ้าน

เข้าห้องนอนปิดประตูลงกลอนทันที จากนั้นก็เอนหลังพิงกับประตูห้องนอน ก่อนที่ร่างจะค่อย ๆ ไถลทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอย่างหมดเรี่ยวแรง

“ฮือ ๆ”

หลิงหลานปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้มพร้อมเสียงสะอื้นไห้ที่ดังเล็ดลอดออกจากริมฝีปาก เม็ดน้ำตาร่วงโรยกระทบแสงไฟราวไข่มุก

ใช่ว่าเธออยากจะทำร้ายคนที่เธอรัก แต่เป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบที่ถูกเขาตราหน้าว่าอยากมีชู้ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่รักเธอ เธอจะต้องทำตัวแบบนี้หรือ ที่เธอทำทุกอย่าง ก็เพื่อคืนอิสรภาพให้เขา ให้เขาตัดเธอออกจากชีวิต โดยที่ไม่ต้องฝืนใจทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับบิดาของเธออีกต่อไป

ทางฝั่งไป๋หานเองก็ยืนนิ่งอยู่กับที่ ยกมือข้างซ้ายขึ้นมาจับบริเวณแก้ม นี้เป็นครั้งแรกที่เขาถูกผู้หญิงที่ทำดีกับเขามาตลอดตบใบหน้า เป็นเพราะอะไร ถึงทำให้หลิงหลานที่เขารู้จักเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ หรือว่าจะเป็นเพราะเขา...เขาที่ทำหล่อหลอมให้หญิงสาวที่เคยน่ารักแสนดี และยืนเคียงข้างเขาเสมอ เริ่มตีตัวออกห่าง เริ่มประชดทำในสิ่งที่เธอไม่คิดจะทำมาก่อน

ชายหนุ่มก้าวเดินขึ้นไปด้านบน ไปยืนอยู่หน้าห้องนอนของพวกเขา แต่ไม่กล้าที่จะยกมือเคาะประตูในตอนนี้ จึงทำแค่เพียง นั่งลงพิงแผ่นหลังกว้างไว้กับประตูห้องนอนอยู่แบบนั้น

หนึ่งหญิง หนึ่งชาย นั่งหันหลังให้กัน โดยมีบานประตูเป็นตัวกั้น ต่างฝ่ายต่างเริ่มคิดถึงความหลังเมื่อครั้งวันวาน ที่มีหลายเหตุการณ์ ทั้งสุข ทั้งเศร้าปะปนกันไป...