ตอนที่ 2 ความสัมพันธ์
ตอนที่ 2 ความสัมพันธ์
อายุห้าปี
“พี่ไป๋หาน แน่จริงก็จับฉันให้ได้สิ ฮ่า ๆ”
เด็กหญิงหลิงหลานวัยห้าขวบ สองเท้าเล็กซอยถี่ขณะที่พยายามวิ่งหนีอีกคนที่กำลังไล่ตามจับ ริมฝีปากเร่งอ้ากว้างส่งเสียงหัวเราะออกมาด้วยความสนุกสนาน เท่านั้นไม่พอยังส่งเสียงท้าทายอีกฝ่ายด้วย
“ถ้าอย่างนั้นพี่เอาจริงแล้วนะ”
หวังไป๋หานในวัยแปดขวบ จากที่วิ่งออมแรง เพราะต้องการต่อให้เด็กหญิงลูกสาวคนเดียวของท่านนายพลหยางหย่งไท่ แต่พอถูกท้าทายเลยเปลี่ยนมาวิ่งจนสุดความเร็ว
ทำให้ร่างเล็กตรงหน้า พอเห็นว่าระยะห่างเริ่มใกล้เข้ามา ก็รีบเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นอีก เท่าที่สองเท้าเล็กจะวิ่งไหว
“ไป๋หาน อย่าพาคุณหนูวิ่งเร็วแบบนี้สิ”
‘เฉินลี่ฟง’ หญิงสาวในชุดเครื่องแบบสาวใช้ ทนนั่งมองอยู่บนพื้นภายในศาลานั่งเล่นไม่ไหวแล้ว รีบลุกขึ้นยืนอย่างกระวนกระวายใจ เพราะเป็นห่วงกลัวว่าคุณหนูน้อยของเธอ จะหกล้มเอาได้
“เอาน่า เด็ก ๆ กำลังสนุก เธอก็อย่ากังวลนักเลย”
นายพล ‘หย่งไท่’ รู้สึกขบขันกับท่าทีของแม่นมของบุตรสาว ซึ่งดูจะเป็นห่วงบุตรสาวมากกว่าคนเป็นพ่ออย่างเขาเสียอีก
แต่มีหรือที่สาวใช้จะฟัง ยังคงตะโกนห้ามบุตรชายให้เลิกวิ่งเล่นไล่จับกับคุณหนู แต่เด็ก ๆ ที่กำลังสนุกสนานมีหรือจะยอมหยุด
“ไป๋หานแม่บอกให้หยุด”
ท่านนายพลมองอาการกระวนกระวายใจของสาวใช้ก็ทอดถอนใจออกมา หันไปหาชายหนุ่มที่มีหน้าที่เป็นคนขับรถส่วนตัวของเขา
“อาหลง นายดูภรรยาของนายสิ ห่วงหลิงหลานมาก จนพ่ออย่างฉันนึกอายแล้วนี่”
‘หวังเหอหลง’ ยกยิ้มมุมปาก สายตาทอดมองไปยังเด็กน้อยทั้งสองที่วิ่งเล่นด้วยกันอยู่ในสนามหญ้า สลับกับมองท่าทีร้อนใจของภรรยา ก่อนจะหันมาพูดกับผู้เป็นนาย
“ก็เขาเลี้ยงกันมาตั้งแต่แบเบาะ ถึงขนาดที่รักมากกว่าลูกของตัวเองอีกนะครับเนี่ย”
“ฮ่า ๆ” ชายหนุ่มทั้งสองหัวเราะประสานเสียงกันขึ้นมาอย่างชอบใจ
ในขณะที่ลี่เฟิงเองก็ไม่สนใจต่อเสียงหัวเราะนั้น ยังคงจับตามองไปยังร่างเล็กที่วิ่งอยู่ด้านหน้าบุตรชายของเธอ ไม่ยอมละสายตาไปสนใจสิ่งอื่น
พลั่ก!
“โอ๊ย”
เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว ร่างเล็กก็วิ่งสะดุดขาล้มหน้าคะมำลง หัวเข่าทั้งสองครูดไปกับพื้นหญ้า จนเกิดเป็นรอยถลอก
“คุณหนู”
“คุณหนู”
สองเสียงร้องประสานกันขึ้นมา ทันทีที่ได้เห็นภาพตรงหน้า หนำซ้ำยังตั้งท่าจะวิ่งถลาเข้าไปหาร่างเล็กเหมือนกันอีก
“จะไปไหน”
เพียงแต่ว่าลี่เฟิงก้าวเท้าไปได้แค่ก้าวเดียว ก็ถูกเสียงทรงอำนาจทักขึ้นมาเสียก่อน เธอจึงต้องหยุดพูดคุยกับเจ้านายให้รู้เรื่องก่อน
“ฉันจะไปดูคุณหนูค่ะ”
“ไม่ต้อง รอดูว่าบุตรชายของเธอจะทำอย่างไร” นายพลหย่งไท่ออกคำสั่ง สายตาจ้องมองไปยังบุตรชายของคนรับใช้ทั้งสอง ที่วิ่งไปถึงตัวบุตรสาวของเขาก่อนใคร
“แต่ว่า...” ลี่เฟิงเป็นห่วงคุณหนูใจแทบขาด จึงคิดจะขัดคำสั่งนี้ของเจ้านาย
“ทำตามที่ท่านนายพลสั่งเถอะ” เหอหลงกำชับภรรยา เพราะรู้นิสัยของนายพลดี ว่าไม่ชอบให้ผู้ใดขัดใจ
ลี่เฟิงไม่มีทางเลือก จำต้องยืนชะเง้อคอยาวยืดมองไปทางร่างเล็กทั้งสอง
ทางด้านไป๋หานที่เห็นคุณหนูวิ่งล้มต่อหน้าต่อตา ก็รีบวิ่งเข้าไปหานั่งลงใกล้ ๆ ทอดสายตามองด้วยความเป็นห่วงและรู้สึกผิดที่ทำให้ผู้เป็นนาย ต้องมาเจ็บตัวเพราะเขา
“คุณหนูเป็นอย่างไรบ้าง”
หลิงหลาน ตอนแรกก็ยังไม่ร้องหรอก แต่พอถูกเสียงนุ่มเอ่ยถามเท่านั้นแหละ หยดน้ำสีใสไม่รู้มาจากไหน ไหลพรั่งพรูออกมาจากดวงตา ราวกับทำนบแตก มือเล็กชี้ไปที่หัวเข่าทั้งสองซึ่งมีแค่รอยถลอก
“เจ็บมากเลยค่ะพี่ไป๋หาน ฮือ ๆ”
“โอ๋ ๆ ไม่เจ็บนะ มาพี่จะเป่าให้หายเจ็บ”
เด็กชายถือวิสาสะโน้มใบหน้าลงไปใกล้สองขาของเด็กหญิงที่นั่งชันเข่าอยู่ พร้อมกับปล่อยลมผ่านริมฝีปากลงบนรอยถลอกของเด็กหญิง
“เป็นไง ดีขึ้นไหม” เสียงนุ่มเอ่ยถาม
ใบหน้าเล็กพยักขึ้นลงแทนคำตอบ ความรู้สึกแสบดีขึ้นอย่างที่พี่ชายบอก
“เดินไหวไหม พี่จะพาไปให้แม่ทำแผลให้” ไป๋หานยังคงถามต่อ
คราวนี้ใบหน้าเล็กส่ายไปมาช้า ๆ สองแขนอ้าชูขึ้น เด็กชายจึงรีบพลิกตัวนั่งหันหลังให้เด็กหญิง เพื่อให้เด็กหญิงขึ้นมาขี่หลังตน หลังจากสองแขนเรียวยกขึ้นมาโอบรอบลำคอของเขาแล้ว ชายหนุ่มก็หยัดกายลุกขึ้นยืน สองแขนอ้อมไปช้อนสองขาของเด็กหญิงเอาไว้ ก่อนจะก้าวเท้าอย่างมั่นคงไปทางศาลาพักผ่อน
ทันทีที่บุตรชายแบกร่างของคุณหนูเข้ามาใกล้ศาลา เสียงเอ็ดตะโรของคนเป็นแม่ก็ดังขึ้นทันที
“แม่บอกแล้วใช่ไหม ว่าอย่าพาคุณหนูวิ่งเล่น เป็นยังไงคุณหนูต้องมาเจ็บตัว ลูกรู้ใช่ไหมว่าต้องถูกลงโทษ”
“ครับแม่”
ไป๋หานก้มหน้ายืดอกยอมรับการลงโทษแต่โดยดี สีหน้าและแววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด ที่ทำให้เด็กหญิงที่เขารักเหมือนน้องสาวต้องมาเจ็บตัว
“จะลงโทษอะไร เด็กเล่นกันก็ต้องมีบาดแผลกันบ้างเป็นธรรมดา เพราะเธอเลี้ยงดูหลิงหลานแบบประคบประหงมเกินไป จึงอ่อนปวกเปียกเช่นนี้ เสียชื่อลูกทหารหมด”
นอกจากจะออกรับแทนเด็กชายแล้ว นายพลหย่งไท่ยังหันไปเอ็ดใส่สาวใช้ ที่เขามอบหมายให้เป็นแม่นมคอยดูแลบุตรสาวเสียงเข้ม
“คุณท่านก็ให้ท้ายไป๋หานจนเคยตัว”
ลี่เฟิงเถียงกลับเสียงเบา เธอกับสามีเข้ามาเป็นคนรับใช้ในบ้านหลังนี้ ตั้งแต่คุณผู้หญิงยังมีชีวิตอยู่ จนกระทั่งคุณหญิงมาด่วนจากไปหลังจากคลอดบุตร
นายพลหย่งไท่จึงมอบหมายให้เธอคอยเลี้ยงดูคุณหนู โดยที่ตัวท่านเองก็เมตตาบุตรชายของเธอเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเสื้อผ้า เรื่องโรงเรียน ท่านนายพลเป็นคนรับผิดชอบเองทั้งหมด แล้วยังไม่เคยมองพวกเธอและคนรับใช้ภายในบ้านว่าต่ำต้อยกว่า ทุกคนในบ้านหลังนี้จึงรักและเคารพท่านนายพลกับคุณหนูน้อยมาก
“ไป๋หานนายไม่ต้องไปฟังแม่ นายพาหลิงหลานเข้าไปทำแผลด้านใน ถ้าแม่นายลงโทษ มาบอกฉันได้เลย”
“ครับ ท่านนายพล”
เด็กชายรีบแบกคุณหนูตัวน้อยของบ้าน เดินออกจากสวนหย่อมกลับเข้าไปในบ้าน ตามคำสั่งของผู้ที่ใหญ่ที่สุด ลี่เฟิงส่งค้อนให้ผู้เป็นนาย ก่อนจะรีบตามหลังบุตรชาย เพื่อไปคอยดูแลคุณหนู
“ผมต้องขอโทษแทนบุตรชายกับภรรยาด้วยนะครับ” จริงอยู่ที่ท่านนายพลไม่เอาเรื่องบุตรชายของตน แต่เหอหลงก็รู้สึกไม่ดีที่คุณหนูต้องมาเจ็บตัว แล้วไหนจะอาการค้อนปะหลับปะเหลือกและคำยอกย้อนของภรรยาอีก
“นายอย่าทำหน้าอย่างนั้นสิเหอหลง พวกนายอยู่กับฉันมานาน จนรู้จักนิสัยใจคอกันเป็นอย่างดี นายไม่รู้อีกหรือ ว่าฉันเป็นคนยังไง เรื่องเล็กน้อยแค่นี้เอง ฉันไม่คิดมาก นายเองก็จะคิดมากทำไม”
“แต่ว่า”
“เลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้ว ฉันขึ้นไปเอนหลังบนห้องสักหน่อยดีกว่า” พูดจบนายพลหย่งไท่ก็ลุกเดินออกจากศาลาไป
ปล่อยให้คนขับรถมีสีหน้าลำบากใจ ที่เจ้านายดีกับครอบครัวของเขาเสียเหลือเกิน ไหนจะรับผิดชอบส่งเสียบุตรชายเพียงคนเดียวของเขาให้ได้เรียนในโรงเรียนดี ๆ ไหนจะตอนที่ภรรยาป่วยหนักต้องได้รับการผ่าตัด ท่านก็ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด โดยที่ไม่หักเงินเดือนคืนเลยแม้แต่เหมาเดียว...